ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ แตกใจความมหาเสน่ห์ ~

[คัดลอกลิงก์]
สวัสดีครับพี่ทิม..ใกล้สงกรานต์แล้ว ช่วงนี้มีอะไรแปลกใหม่บ้างมั๊ยครับ รบกวนแบ่งปันความรู้ให้น้องบ้าง อิอิ
คิดถึงๆ ขอบคุณครับ
เนื่่องจากใจความมหาเสน่ห์ผมมันผ่านมาเยอะผมก็เลยมาเข้าสู่
วิธีชีวิตแห่งศีลภาวนาและทาน
ก็เข้ามาสู่ช่วงระยะหนึ่งได้แล้ว ผมเคยสงสัยว่ามหาเสน่ห์นี่นะทำยังไงถึงเจอคนถูกใจ
คำตอบคือบุญครับประกอบกับภาวนา
บุญคือทานที่ทำไปแล้วอุทิศให้แด่ครูเจ้าของคาถา
เช่นถ้าใช้นะหน้าทองก็อุทิศให้ครูคาถานี้ หรือคาถาพระปัจเจกก็อุทิศให้ครูคาถานี้
ทำๆไปและถือศีลทำกรรมฐานเป็นประจำด้วยเสร็จแล้วก็ภาวนาคาถาที่ถนัดๆ108 จบ
อฐิษฐานว่าบุญใดที่ข้าพเจ้าทำไปทั้งด้วยทานด้วยศีลด้วยภาวนา ขออุทิศให้แด่ครูเจ้าของคาถาที่่ข้าพเจ้าภาวนา108. จบนี้ ณ กาลบัดนี้เทอญ ........

แล้วอฐิษฐานว่าขอให้ด้วยอำนาจบารมีทั้งที่ข้าพเจ้าสร้างมาประกอบกับบารมีพระคาถา
อันมีบุญทั้งมวลที่มาเกี่ยวข้องจงนำพาบุคคลที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ให้แด่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
แม้คนทั่วไปที่สำเร็จจากอำนาจพระคาถาถ้าไม่เป็นผลดีหรือถูกใจก็ขอให้อย่าได้มาทำความพัวพันจนเกินพอดีเทอญ.

อันนี้นำมาคุยนะครับว่าเขาทำกันอย่างนี้
จะนำพระขุนแผนของสำนักสร้างแล้วใช้วิธีเดียวกันก็ได้
แต่ควรเก็บตัวทำให้ครบ1 เดือนหรือ3เดือนก็แล้วแต่ จึงจะดี ไม่ใช่ทำแล้วไปแสวง
หาประจำ พลังไม่ค่อยเต็มจะดีมั้งผมคิดว่า วันนี้พอปนะมาณความรู้ที่จำเป็นแด่เพียงเท่านี้  เป็นศิษย์สำนักนี้ควรรู้จักเลือกบ้างหรือพอใจคนไหนก็คนนั้นนะอย่าเจ้าชู้ผิดลูกผิดเมีย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
มีคาถามหาลาภองค์มหาพรหมมาฝาก
ใครเป็นศิษย์ห้องอาถรรพณ์เวทย์จึงได้เห็นประจักษ์
อย่าลืม ศีล สมาธิ ทาน นะเออ
เรื่อง " การสรัางกำเนิดอารมณ์แผ่เมตตา "
หากท่านใดได้สวดอิติปิโส(พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ)
ด้วยความเลื่อมใส ให้ทำการสวด 3 จบ(ทั้งหมด)
และสังเกตุอารมณ์ว่าอบอุ่นสบายใจสว่างไสวขึันไหม

จากนั้นให้ปรารถณาว่า ขอให้ความรู้สึกอบอุ่นสว่างไสวสบายใจนี้ จงมีแด่ผู้คิดร้ายให้ร้ายให้โทษแก่เรา
โดยไม่จำเป็นต้องจะเป็นคน อาจจะเป็นทุกสิ่งที่สามารถ
ทำอันสิ่งร้ายๆแก่เราได้ เอาไปฝึกดูครับ ทำวันละ 3 ครั้ง กำหนดกับสิ่งกับอาณาบริเวณใกล้ตัวก่อน อันนี้ทำให้แด่
ผู้ให้ร้ายไดัทุกรูปแบบ รวมถึงผู้รังควาญ การทำแบบนี้คือ
การแผ่เมตตานั่นเอง ส่วนสิ่งที่ยากกว่าการแผ่เมตตาคือ
อภัยทานสองสิ่งนี้ไปคู่กันแต่อาจทำไม่ได้ทุกคนเสมอไป
เพราะการมีอภัยทานเป็นการไม่ไปผูกปมไว้ทึ่ใจอันเป็น
เหตุให้เกิดลูกโซ่ไปถึงเรื่องราวต่างๆที่มาจากเรา

ใครทำอย่างที่บอกได้จะเห็นผลดีมากๆ ในทางกลับกัน
คุณสามารถทำอย่างนี้ง่ายขึ้นเมื่อเรากำหนดไปที่คนใกล้
ตัวที่สนิทสนมหรือพบเจอประจำ ที่ต่างเห็นอกเห็นใจกัน
เพื่อน ญาติ ที่บังเอิญดูขาดความแจ่มใสก็ได้ กับเจ้านาย
ที่อารมณ์ดีกับเราอยู่แล้ว แล้วเราอยากจะ " ให้ " อะไรที่
พิเศษๆเป็นการตอบแทน ก็ลองทำดูกันครับจะรู้ว่าเราก็สามารถให้อะไรๆใครที่มีค่าอย่างนี้ได้โดยไม่ต้องเป็นสิ่งของที่มาจากเงินตรา ของมีค่าอย่างนี้เงินตราซื้อไม่ได้ครับ เพราะมันเป็นของวิเศษจากใจคุณสู่ใจเขาโดยตรง

ขอบคุณมากครับพี่ทิม
ในครั้งนึงที่สนทนากับหลวงปู่ชื่นเรื่องคาถานะโมพุทธายะ
ท่านบอกทางเขมรไม่เน้นบทนี้แต่ก็มี คนไทยมีคาถาสั้นๆใช้ได้หลายอย่างกว่าเขมรนะ
ท่านกล่าวไว้อย่างนั้น ผมได้โอกาสจึงได้คุยเริ่องการนำมาภาวนาอันมีคาบภาวนาและอนุโลม-ปฏิโลม


ท่านจะยิ้มของท่านเหมือนอารมณ์ดี คงเหลือแต่ลักษณะจะฟังผมพูดต่อแต่ผมก็ได้เพียงแต่รอว่าท่านจะบอกอะไรผม


หลังจากนั้นสองวันต่อมาท่านจึงมีเวลามาคุยกับผมต่อ
ท่านพูดถึงนะวนเวียนและคาถาราชามหานิยมอันมีใจความหลักอยู่ที่นะโมพุทธายะ ส่วนคาถาราชามหานิยมจะคล้ายคาถากำกับขุนแผนชมตลาด โดยท่านสอนให้เน้นสานต่อเองในวันข้างหน้าแล้วจะเข้าใจเอง


ส่วนที่เหลือนั้นท่านได้ชี้แจงบอกว่า ตัวผมเริ่มยังไงถนัดยังไงจะเกี่ยวกับที่ถามท่านเมื่อสองวันก่อน แบบอื่นเป็นมนต์คาถาใดๆลัวนขึ้นอยู่กับวันข้างหน้าถ้ามีความรู้อันใดดีขึ้นท่านจะมาบอกให้ความกระจ่าง


เมื่อสองวันก่อนผมถามเรื่องนะโมพุทธายะครับหลวงปู่
ท่านยิ้มแล้วว่าการภาวนาลักษณะนี้ทำได้และเป็นพลังอันใหญ่เมื่อทำไปจะรู้เองและดีมากทำได้หมด ท่านบอกแล้วแต่ถนัดจะเป็นสลับคาบก็ได้จะเป็นเดินหน้าถอยหลังก็ได้
ทำไปจนทุกอย่างเป็นเนืัอเดียวกันกับจิตจะถามอะไรก็อฐิษฐานขอความรู้ขอคำตอบเอาเอง อย่างเดินหน้าถอยหลังถ้าถึงจุดก็ถามขอคำตอบของอนุโลมปฏิโลมเอามีในศาสนาพุทธอยู่แล้ว ไปได้กลับได้หมายถึงคล่องใจชำนาญไม่ใช่คล่องปาก การภาวนาสลับแนวคาบก็เหมือนกันเหมือนหมุนพลังนะโมพุทธายะในตัว สำเร็จแล้วจะเอาอะไรถามวิธีเอา
ถึงเวลาก็จะเข้าใจเรื่อยๆ พบแต่ความสว่าง


โลกแห่งพระพุทธเจ้ามาโปรดไม่ใช่โลกมืดถ้ารู้จักความปรารถณาที่ท่านมาบำเพ็ญเพื่อโปรดมนุษย์รวมแล้วมีอยู่เป็นนะโมพุทธายะ ทบทวนสิ่งทุกอย่างในโลกมันเป็นไปได้ทุกอย่างในโลกเพราะสิ่งที่โลกให้เป็นไป ในโลกมีมหาบุญบารมีแห่งนะโมพุทธายะมาก่อน


เข้าใจดีหมดแล้วค่อยมาเรียนสมหมู่บ้านกินน้ำบ่อเดียว
เข้าใจแล้วก็สอนได้


ทว่าผมไม่เคยได้ฝึกทำเลยจนล่วงเลยไปถึงมาสนใจในตอนนี้และนำมาแชร์กันในเรื่องราว นี่ไม่ใช่วิธีภาวนาที่ท่านทำและสอนผมโดยตรงแต่เป็นที่ท่านมาเฉลยในสิ่งที่ผมถาม ท่านอุตส่าห์ไปกลั่นกรองมาสองวันก่อนมาตอบในเรื่องนี้ ถ้าใครเข้าถึงตรงนี้จะทำอะไรทางฤิทธิ์ในโลกก็ทำได้เพราะมีธรรมอยู่ในจิตมากพออยู่

ขอบคุณครับ พี่ทิม
พุทธะ เมตตัง จิตตังมะมะ พุทธะ พุทธานุภาเวนะ
ธัมมะ เมตตัง จิตตังมะมะ ธัมมะ ธัมมานุภาเวนะ
สังฆะ เมตตัง จิตตังมะมะ สังฆะ สังฆานุภาเวนะ

เนื่องด้วย ข้าพเจ้าได้สวดบทพระธรรมราชามาล่วงจะ 2 ปี จนได้กระจ่างและเข้าใจวิชานี้ในแนวอื่นๆตามประสบการณ์ที่อัศจรรย์ ก่อนจะออกพรรษาข้าพเจ้าได้พบเจอการเดินจิตกระแสขจิตที่คนส่วนใหญ่ในสายวิชานี้จะไม่สันทัด นั่นคือกระแสเมตตาหรือการทรงพรหมวิหารนั่นเอง จะครบ 4 เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา หรือไม่นั่น ยังไม่สำคัญเท่าการได้เข้าถึงกระแสนี่ก่อน อันเป็นเมตตามาก่อเหตุแห่งสมาธิไว้ ทำให้คาถาพระธรรมราชนี้มีปาฏิหารย์ยากเกินกว่าจะอธิบาย


วิธีที่จะทำได้ง่ายคือปลดปล่อยอคติให้หมดแล้วภาวนาคาถาของหลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพลครับ นำมาชักลูกประคำ 108 จบ ท่านจะเข้าถึงสภาวะเย็น เมื่อนั่นท่านมองไปทางไหนขอให้ประกอบกับจิตที่มีรอยยิ้มความหวังดีแจ่มใสต่อทุกสรรพสิ่ง จึงมาภาวนาคาถาพระธรรมราชอีก 108 จบ ท่านจึงแผ่เมตตาไป ให้ท่านยิ้มก่อนแล้วเอารอยยิ้มมาไว้ที่ลิ้นปี่พร้อมกับแผ่ออกไป หมั่นฝึกหมั่นทำท่านจะเข้าใจ ว่าแท้จริงแล้วพระธรรมราชานัันเปึ่ยมด้วยเมตตาธรรมขนาดไหนจึงได้ศักดิ์สิทธิ์แม้แต่การสวดพาหุง(บทแรก)นั่นก็หาใช่การชนะด้วยจริตผู้จะเอาชนะ แต่เป็นธรรมแห่งเมตตาเชิงกุศโลบายต่อฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง


อีกอย่างอันความรักนั้นส่งต่อให้ถึงกันได้ครับ เช่นความรักอันสูงส่งแห่งพ่อพระธรรมราชา ที่อบอุ่นสามารถทำให้เรารักตัวเองและพร้อมทึ่จะแผ่ความรักให้ผู้อื่นไม่มีประมาณ อันความรักนี้แหละที่ทำให้ชีวิตและจิตใจมีกำลังขึ้นมา เราสามารถส่งกระแสนี้ให้คนนั้นๆ ผลคือเขาจะเกิดความรักในตนขึ้นมาได้ครับ เมื่อตรงนี้เกิดขึ้นส่วนที่เหลือจะดำเนินไปเองโดยอัตโนมัต สามารถใช้ชีวิตของเขาได้อย่างแจ่มใสเข้มแข็งเต็มกำลังของเขาเอง  ขออธิบายแค่นี่ก่อนนะครับ


อันกุศลผลบุญอันใดที่ข้าพเจ้าได้จากปฐมเหตุแห่งนี้
ด้วยคุณอันประเสริฐแห่ง พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ
พระสังฆคุณ ข้าพเจ้าขอถวายบุญกุศลนี้แด่องค์เสด็จพ่อพระธรรมราชาอันเป็นที่รักแห่งปวงชนชาวไทย ณ กาลบัดนี้เทอญฯ


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย orisis เมื่อ 2016-10-31 21:08

ขอบคุณครับพี่ทิมปล.บทพระธรรมราชา ที่พี่ทิมสวด คือบทไหน รบกวนโพสต์บอกด้วยครับ
ลองไปหาบทสวดมนต์ประจำสำนักดูครับ
เรื่องบทพระธรรมราชนี้ เริ่องราวมีอยูว่าหลวงปู่ชื่น
ได้เคยสอนไว้แต่ไม่สนใจนักเนื่องจากผมมองหาแต่
อะไรที่ค้นคว้าอยู่เท่านั้น ตอนนั้นคิดอยู่ว่าในบทมีพระตรัยสรณคมณ์แล้วก็คำอะไรบางอย่างเหมือนโทนปลุกจักกระ
จนเมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงหนึง (สิบปีมาแล้ว) ผมได้เข้าสู่ความพอใจในบทสั้นๆที่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ คือมาถึงจุดทึ่มีวิสัยทัศน์กว้างขึ้นในพุทธคุณคาถาว่าหาประมาณมิได้ จึงนำบทพระธรรมราชามาสวดและเฝัาดูเฝ้าสังเกตุบันทึกไว้ แปดปีต่อมาเมื่อมองย้อนไปผมเพิ่งจะเข้าใจว่าความอยู่ได้ปกติสุขในมุมกว้างนั้น มีค่ากว่าความฟู่ฟ่าหวือหวาในสิ่งที่ผมเผชิญมาตลอดๆ (สรุปอย่างนี้แหละครับ)

ถ้าเอาพอสังเขปก็เป็นไปในลักษณะอยู่ได้ทรงได้ปกติสุขไม่ต้องพลันตกหลังม้า คุ้มดวง คุมเชิงปัญหา ทรงไม่ให้ล่ม แต่เราต้องดูแลตัวเราให้ดีด้วยนะครับเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าใจกล้าบ้าบิ่นกระโดดลงหลังม้าเอง เตือนไว้ครับว่าคุณจะเสึยเวลาไล่ตามม้า (คงจะทันหรอกนะ)เดินดุ่มๆไปข้างหน้าเองแล้วกัน หมั่นสวดด้วยศรัทธาและวางอารมณ์เย็นๆครับ
...แล้วคุณจะไม่ตัองตกต่ำคว้าน้ำเหลวใดๆ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้