ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 32679
ตอบกลับ: 117

>> พระมหาปฐวีพิทักษ์ << ปราบหมู่มารทั้งหลายให้มลายสิ้น!!

[คัดลอกลิงก์]
พระมหาปฐวีพิทักษ์ องค์ครู



เรื่องราวพระเครื่องพิมพ์นี้ มันก็อัดแน่น อยู่ในเรื่อง

พระพุทธเจ้าชนะพญามาร

หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะโพธิสัตว์ ได้ทรงประทับบนโพธิบัลลังก์แล้วตั้งสัจจอธิษฐาน
จะไม่ลุกขึ้นหากไม่บรรลุทางแห่งการดับทุกข์ ก็มีมารมาขัดขวางการบำเพ็ญเพียร
จะมีการต่อสู้กันอย่างไร??? พระโพธิสัตว์ใช้สิ่งใดเป็นอาวุธปราบมาร???

ในตอนหนึ่งที่เทวปุตตมารได้ยกทัพมาร มามหาศาล
แม้แต่เทวดา นาค พรหม ก็ต่างหลบหนี
หมายจะมิให้เจ้าชายสิทธัตถะโพธิสัตว์ บรรลุธรรม

เจ้าชายสิทธัตถะโพธิสัตว์ ทรงพระดำริว่า ชนนี้มีประมาณเท่านี้
มุ่งหมายเราผู้เดียว กระทำความพากเพียรพยายามอย่างใหญ่หลวง.
ในที่นี้ไม่มีบิดามารดา บุตร ธิดา พี่น้องชาย หรือญาติไรๆ อื่น
มีแต่บารมี ๑๐ นี้เท่านั้นจะเป็นเช่นกับบุตรแลบริวารชนของเรา
ไปตลอดกาลนาน เพราะฉะนั้น เราจะกระทำบารมีให้เป็นโล่
แล้วประหารด้วยศัสตราคือบารมีนั่นแหละ กำจัดหมู่พลนี้เสียจึงจะควร
จึงทรงนั่งระลึกถึงบารมีทั้ง ๑๐ อยู่
(บารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ และปรมัตถบารมี ๑๐ )


หากแตกแยกย่อย ก็มีตอนหนึ่ง
ซึ่งตรงกับมนต์อาถรรพ์บทหนึ่งของหลวงปู่ชื่น นั่นก็คือ
อาถรรพ์กลายบุปผา
(กลับร้ายกลายดี เรื่องร้ายจะกลายเป็นเรื่องสดชื่น)

นะ ทั้ง 6 ตัว ที่ประทับด้วยการหมุน และ พลิกกลับไปมานั้น  
น่าจะเป็นตัวแทนของจักราวุธ และ หินผาอันยิ่งใหญ่
ที่หมู่มารขว้างทำร้ายพระองค์
แต่ด้วยบารมี 10 ทัศนั้น
ก็ทำให้อาวุธเหล่านั้น กลายเป็นหมู่มวลดอกไม้ ที่ถูกส่งมาถึงพระองค์แทน


ดั่งความตอนหนึ่งที่ว่า

มารโกรธอดกลั้นกำลังความโกรธไว้ไม่ได้ จึงขว้างจักราวุธใส่พระมหาสัตว์
เมื่อพระมหาสัตว์นั้นทรงรำพึงถึงบารมี ๑๐ ทัศอยู่ จักราวุธนั้นได้ตั้ง
เป็นเพดานดอกไม้อยู่ในส่วนเบื้องบน ได้ยินว่าจักราวุธนั้นคมกล้านัก
มารนั้นโกรธแล้วขว้างไปในที่อื่นๆ จะตัดเสาหินแท่งทึบเป็นอันเดียว
ไปเหมือนตัดหน่อไม้ไผ่ แต่บัดนี้ เมื่อจักราวุธนั้นกลายเป็นเพดานดอกไม้ตั้งอยู่
บริษัทมารนอกนี้คิดว่า สิทธัตถกุมารจักลุกจากบัลลังก์หนีไปในบัดนี้
จึงพากันปล่อยยอดเขาหินใหญ่ๆ ลงมา เมื่อพระมหาบุรุษทรงรำพึงถึง
บารมี ๑๐ ทัศ แม้ยอดเขาหินเหล่านั้นก็ถึงภาวะเป็นกลุ่มดอกไม้ตกลงยังภาคพื้น


ทราบว่า ยันต์นะ ที่ประทับอยู่ด้านหน้า เป็นยันต์ของหลวงปู่สรวง
และ ด้านหลังประทับด้วยคาถาน้ำนมพระแม่ธรณี ของหลวงปู่ฮิง
(ท่านเคยทิ้งปริศนาไว้ว่า "เราก็สรวงเหมือนกัน")
บวกกับวิชาอาถรรพ์แห่งศาสตร์กษัตริย์ ธรรมราชา ของหลวงปู่ชื่น
ซึ่งเป็นการผสมผสานวิชาของบูรพาจารย์ได้อย่างเหมาะสมลงตัวเป็นที่สุด
แม้จะทำการสร้างไว้มาแล้วเนิ่นนาน แต่กลับเผยให้เห็นและรับชม ได้เหมาะสมถูกเวลาที่สุด
และเมื่อ พระมหาปฐวีพิทักษ์ ได้ปรากฎ ก็กลับเรื่องร้ายๆให้กลายเป็นเรื่องสดใสได้อย่างน่าอัศจรรย์
ศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลยจริงๆครับ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
โพสต์ 2021-12-15 18:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2022-12-4 09:06

>>>พระมหาปฐวีพิทักษ์<<<
             เรื่องราวพระเครื่องพิมพ์นี้มันก็อัดแน่น อยู่ในเรื่อง "พระพุทธเจ้าชนะพญามาร"  หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะโพธิสัตว์ได้ทรงประทับบนโพธิบัลลังก์แล้วตั้งสัจจอธิษฐาน จะไม่ลุกขึ้นหากไม่บรรลุทางแห่งการดับทุกข์ ก็มีมารมาขัดขวางการบำเพ็ญเพียร  
จะมีการต่อสู้กันอย่างไร???
พระโพธิสัตว์ใช้สิ่งใดเป็นอาวุธปราบมาร???
          ในตอนหนึ่งที่เทวปุตตมารได้ยกทัพมารมามหาศาล   แม้แต่เทวดา นาค พรหมก็ต่างหลบหนี
หมายจะมิให้เจ้าชายสิทธัตถะโพธิสัตว์บรรลุธรรม    เจ้าชายสิทธัตถะโพธิสัตว์ทรงพระดำริว่า ชนนี้มีประมาณเท่านี้ มุ่งหมายเราผู้เดียวกระทำความพากเพียรพยายามอย่างใหญ่หลวง.
           ในที่นี้ไม่มีบิดามารดา บุตร ธิดาพี่น้องชาย หรือญาติไรๆ อื่น  มีแต่บารมี๑๐ นี้เท่านั้นจะเป็นเช่นกับบุตรแลบริวารชนของเรา ไปตลอดกาลนาน เพราะฉะนั้น เราจะกระทำบารมีให้เป็นโล่  แล้วประหารด้วยศัสตราคือบารมีนั่นแหละกำจัดหมู่พลนี้เสียจึงจะควร จึงทรงนั่งระลึกถึงบารมีทั้ง ๑๐ อยู่
(บารมี๑๐ อุปบารมี ๑๐ และปรมัตถบารมี ๑๐ )
หากแตกแยกย่อยก็มีตอนหนึ่ง
ซึ่งตรงกับมนต์อาถรรพ์บทหนึ่งของหลวงปู่ชื่นนั่นก็คือ
          "อาถรรพ์กลายบุปผา"
(กลับร้ายกลายดีเรื่องร้ายจะกลายเป็นเรื่องสดชื่น)
นะ ทั้ง 6 ตัว ที่ประทับด้วยการหมุนและ พลิกกลับไปมานั้น น่าจะเป็นตัวแทนของจักราวุธ และ หินผาอันยิ่งใหญ่  ที่หมู่มารขว้างทำร้ายพระองค์
แต่ด้วยบารมี10 ทัศนั้น  ก็ทำให้อาวุธเหล่านั้น กลายเป็นหมู่มวลดอกไม้ที่ถูกส่งมาถึงพระองค์แทน ดั่งความตอนหนึ่งที่ว่า
        มารโกรธอดกลั้นกำลังความโกรธไว้ไม่ได้จึงขว้างจักราวุธใส่พระมหาสัตว์
เมื่อพระมหาสัตว์นั้นทรงรำพึงถึงบารมี๑๐ ทัศอยู่ จักราวุธนั้นได้ตั้งเป็นเพดานดอกไม้อยู่ในส่วนเบื้องบนได้ยินว่าจักราวุธนั้นคมกล้านัก
มารนั้นโกรธแล้วขว้างไปในที่อื่นๆจะตัดเสาหินแท่งทึบเป็นอันเดียว ไปเหมือนตัดหน่อไม้ไผ่ แต่บัดนี้เมื่อจักราวุธนั้นกลายเป็นเพดานดอกไม้ตั้งอยู่
บริษัทมารนอกนี้คิดว่าสิทธัตถกุมารจักลุกจากบัลลังก์หนีไปในบัดนี้ จึงพากันปล่อยยอดเขาหินใหญ่ๆ ลงมา เมื่อพระมหาบุรุษทรงรำพึงถึง
บารมี ๑๐ทัศ แม้ยอดเขาหินเหล่านั้นก็ถึงภาวะเป็นกลุ่มดอกไม้ตกลงยังภาคพื้น
ทราบว่ายันต์นะ ที่ประทับอยู่ด้านหน้า เป็นยันต์ของหลวงปู่สรวงและด้านหลังประทับด้วยคาถาน้ำนมพระแม่ธรณี ของหลวงปู่ฮิง
(ท่านเคยทิ้งปริศนาไว้ว่า"เราก็สรวงเหมือนกัน")
บวกกับวิชาอาถรรพ์แห่งศาสตร์กษัตริย์ธรรมราชา ของหลวงปู่ชื่น  ซึ่งเป็นการผสมผสานวิชาของบูรพาจารย์ได้อย่างเหมาะสมลงตัวเป็นที่สุด
แม้จะทำการสร้างไว้มาแล้วเนิ่นนานแต่กลับเผยให้เห็นและรับชม ได้เหมาะสมถูกเวลาที่สุด
และเมื่อพระมหาปฐวีพิทักษ์ ได้ปรากฎก็กลับเรื่องร้ายๆให้กลายเป็นเรื่องสดใสได้อย่างน่าอัศจรรย์    ศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลยจริงๆครับ   พระมหาปฐวีพิทักษ์บูชาเพื่อความร่มเย็นเป็นสุข ขจัดอุปสรรคด้วยพระบารมีสามสิบทัศที่พระพุทธเจ้าเพียรสร้างมานับกัปมหากัป   ใครเจอปัญหามารมากวนบ่อยๆ ร้อนอกร้อนใจทั้งเรื่องภายในถายนอก ได้อาศัยร่มโพธิ์พฤษ์ ดับร้อนให้ร่มเย็นองค์พระมีพระแม่ธรณี บีบมวยผมเหมาะกับการปรับทั้งธาตุดินและน้ำทำน้ำมนต์ล้างอาถรรพ์ทั้งที่บ้านที่ดินซื้อมาเจออาถรรพ์ลองบูชาดู  ทั้งแม่ธรณียังประทานความอุดมสมบูรณ์ดั่งมารดาให้นมบุตรไม่อดมีกินอิ่มหนำ ใครมีปัญหาการถือครองทรัพย์และที่ทางลองขอแม่ให้ช่วยดูนะครับ
พระมหาปฐวีพิทักษ์ (สมเด็จปรกโพธิ์)
อาจารย์ศรายุทธ สร้างปี 2555
    บรรจุ"อาถรรพ์กลายบุปผา"(กลับร้ายกลายดี เรื่องร้ายจะกลายเป็นเรื่องสดชื่น)
    นะ ทั้ง6ตัว ที่ประทับด้วยการหมุน และ พลิกกลับไปกลับมานั้น เป็นยันต์ของหลวงปู่สรวง และด้านหลังประทับด้วยคาถาน้ำนมพระแม่ธรณี ของหลวงปู่ฮิง ซึ่งเป็นการผสมผสานวิชาของบูรพจาร์ย ได้อย่างเหมาะสมลงตัวเป็นที่สุด  และเมื่อพระมหาปฐวีพิทักษ์ ได้ปรากฏ ก็กลับเรื่องร้ายๆ ให้กลายเป็นเรื่องสดใส ได้อย่างน่าอัศจรรย์

สนใจบูชา
โทร/ไลน์ id:0890240386
หรือทางข้อความ....พี่จ้อ
ขอบคุณค่ะ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
โพสต์ 2014-12-9 12:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พระมหาปฐวีพิทักษ์ บูชาเพื่อความร่มเย็นเป็นสุข ขจัดอุปสรรค ด้วยพระบารมีสามสิบทัศที่พระพุทธเจ้าเพียรสร้างมานับกัปมหากัป   ใครเจอปัญหามารมากวนบ่อยๆ ร้อนอกร้อนใจ ทั้งเรื่องภายในถายนอก ได้อาศัยร่มโพธิ์พฤษ์ ดับร้อนให้ร่มเย็น องค์พระมีพระแม่ธรณี บีบมวยผม เหมาะกับการปรับทั้งธาตุดินและน้ำทำน้ำมนต์ล้างอาถรรพ์ ทั้งที่บ้านที่ดินซื้อมาเจออาถรรพ์ลองบูชาดู   ทั้งแม่ธรณียังประทานความอุดมสมบูรณ์ดั่งมารดาให้นมบุตร ไม่อดมีกินอิ่มหนำ  ใครมีปัญหาการถือครองทรัพย์และที่ทางลองขอแม่ให้ช่วยดูนะครับ
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-7 13:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พระแม่ธรณี



               พระแม่ธรณี หรือ แม่พระธรณี หรือ พระศรีวสุนธรา เป็นเทพีแห่งพื้นแผ่นดิน ปรากฏในตำนานทั้งศาสนาพราหมณ์, ฮินดู และพุทธศาสนา

               ในคติของศาสนาฮินดูให้ความเคารพนับถือว่าแผ่นดินเป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งทั้งปวงในโลกเปรียบเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิดหล่อเลี้ยงโลกและแผ่นดิน จึงได้รับยกย่องว่าเป็นเทพจากธรรมชาติองค์หนึ่งเป็นเพศหญิง เรียกนามว่า "ธรณิธริตริ" แปลว่า "ผู้ค้ำจุนพระธรณี" แม้จะมิค่อยมีรูปเคารพอย่างแพร่หลายเช่นเทพองค์อื่นแต่ก็มีผู้ให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมิใช่น้อย เพราะถือกันว่าพระธรณีสถิตย์อยู่ตามที่ต่าง ๆ ทุกหนทุกแห่ง จะทำการบูชาด้วย ข้าว ผลไม้ และนมด้วยการวางไว้บนก้อนหิน หรือประพรมลงบนพื้นดิน บางแห่งใช้เหล้าเป็นการสังเวยก็มี นอกจากนี้ชาวฮินดูยังมีการขอขมาลาโทษเมื่อจะวางเท้าลงบนพื้นดินก่อนจะลุกขึ้นในตอนเช้า วัวหรือควายที่มีลูกก่อนที่จะให้ลูกกินนมครั้งแรก เจ้าของจะปล่อยน้ำนมของแม่วัวลงบนพื้นดินเสียก่อนทุกครั้งไป ถ้าเป็นพวกชาวนาก็จะขอให้พระธรณีช่วยคุ้มครองผืนนาและวัวควาย แม้ในพระเวทก็มีการขอร้องต่อพระธรณีให้ช่วยพิทักษ์คุ้มครองวิญญาณของคนตาย และต่อมาได้นับถือว่าเป็นเทพแห่งไร่นาด้วย ในแคว้นปัญจาบเชื่อกันว่าพระธรณีจะนอนหลับเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ของทุก ๆ เดือนชาวไร่ชาวนาจะหยุดไม่ทำงานในระยะนี้

เทพแห่งแผ่นดินหรือพระธรณี ไม่ค่อยมีเรื่องราวประวัติความเป็นมาปรากฏมากมายดังเช่นเทพองค์อื่น หรือมีก็สับสน เช่น บางแห่งว่าพระธรณีมีโอรสกับพระนารายณ์องค์หนึ่งคือพระอังคาร บางแห่งว่าพระอังคารเป็นโอรสของพระศิวะกับพระธรณี หรือในคติพราหมณ์พบเพียงว่าเป็นชายาของพระธุรวะหรือดาวเหนือ

ในพุทธศาสนา พระแม่ธรณีปรากฏกายเพื่อบีบน้ำจากมวยผมให้ท่วมพญามารที่รังควานสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในคืนวันตรัสรู้ ดั่งรายละเอียดตามพระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสว่า

แต่ในชาติอาตมะเป็นพระยาเวสสันดรชาติเดียวนั้น ก็ได้บำเพ็ญทานบารมีถึงบริจาคนางมัทรีเป็นอวสาน พื้นพสุธาก็กัมปนาการถึง 7 ครั้ง แลกาลบัดนี้ อาตมะนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์อาสน์ หมู่มารอริราชมาแวดล้อมยุทธการเป็นไฉนแผ่นพสุธาธารจึงดุษณีภาพอยู่ฉะนี้ แลพระยามารอ้างบริษัทแห่งตนให้เป็นกฏสักขีขานคำมุสา แลพื้นปฐพีอันปราศจากเจตนาได้สดับคำอาตมะในครั้งนี้จงรับเป็นสักขีพยานแห่งข้า แล้วเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาอันประดับด้วยจักรลักษณะอันงามดุจงวงไอยรารุ่งเรืองด้วยพระนขามีพรรณอันแดงดุจแก้วประพาฬออกจากห้องแห่งจีวร ครุวนาดุจวิชุลดาในอัมพรอันออกจากระหว่างห้องแห่งรัตวลาหก ยกพระดัชนีชี้เฉพาะพื้นมหินทรา จึงออกพระวาจาประกาศแก่นางพระธรณีว่า ดูก่อนวนิดาดลนารี ตั้งแต่อาตมะบำเพ็ญพระสมภารบารมีมาตราบเท่าถึงอัตภาพเป็นพระเวสสันดรราช ได้เสียสละบุตรทานบริจาคแลสัตตสดกมหาทานสมณะพราหมณาจารย์ผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งจะกระทำเป็นสักขีพยานในที่นี้ก็มิได้ มีแต่พสุนธารนารีนี้แลรู้เห็นเป็นพยานอันใหญ่ยิ่ง เป็นไฉนท่านจึงนิ่งมิได้เป็นพยานอาตมาในกาลบัดนี้





ในขณะนั้น นางพสุนธรีวนิดาก็มิอาจดำรงกายาอยู่ได้ ด้วยโพธิสมภารานุภาพยิ่งใหญ่แห่งพระมหาสัตว์ ก็อุบัติบันดาลเป็นรูปนารี ผุดขึ้นจากพื้นปฐพียืนประดิษฐานเฉพาะพระพุทธังกุรราช เหมือนดุจร้องประกาศกราบทูลพระกรุณาว่าข้าแต่พระมหาบุรุษราช ข้าพระบาททราบซึ่งสมภารบารมีที่พระองค์สั่งสมอบรมบำเพ็ญมา

แต่น้ำทักษิโณทกตกลงชุ่มอยู่ในเกศาข้าพระพุทธเจ้านี้ ก็มากกว่ามากประมาณมิได้ ข้าพระองค์จะบิดกระแสใสสินโธทกให้ตกไหลหลั่งลง จงเห็นประจักษ์แก่นัยนาในครานี้ แลนางพระธรณีก็บิดน้ำในโมลีแห่งตน อันว่ากระแสชลก็หลั่งไหลออกจากเกศโมลีแห่งนางพสุนธรีเป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไปในประเทศที่ทั้งปวงประดุจห้องมหาสาครสมุทร พระผู้เป็นเจ้ารักขิตาจารย์จึงกล่าวสารพระคาถาอรรถาธิบายความก็เหมือนนัยกล่าวแล้วแต่หลัง

ครั้งนั้น หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้ ก็ลอยไปตามกระแสน้ำปลาตนาการไปสิ้น ส่วนคิรีเมขลคชินทรที่นั่งทรงองค์พระยาวัสวดีก็มีบาทาอันพลาดมิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร อันว่าระเบียบแห่งฉัตรธวัชจามรทั้งหลาย ก็ทักทบท่าวทำลายล้มลงเกลื่อนกลาดและพระยามาราธิราชได้ทัศนาการเห็นมหัศจรรย์ ดังนั้น ก็บันดาลจิตพิศวงครั่นคร้ามขามพระเดชพระคุณเป็นอันมาก พระคันถรจนาจารย์จึงกล่าวพระคาถาสรรเสริญคุณานุภาพโพธิสัตว์อรรถาธิบายความก็ซ้ำหนหลัง





           ครั้งนั้นมหาปฐพีก็ป่วนปั่นปานประหนึ่งว่าจักรแห่งนายช่างหม้อบันลือศัพท์นฤนาทหวาดไหวสะเทือนสะท้าน เบื้องบนอากาศก็นฤโฆษนาการ เสียงมหาเมฆครืนครั่นปิ่มปานจะทำลายภูผาทั้งหลาย มีสัตตภัณฑ์บรรพต เป็นต้น ก็วิจลจลาการขานทรัพย์สำเนียงกึกก้องทั่วทั้งท้องจักรวาล ก็บันดาลโกลาหลทั่วสกลดังสะท้าน ปานดุจเสียงป่าไผ่อันไหม้ด้วยเปลวอัคคี ทั้งเทวทุนทุภีกลองสวรรค์ก็บันลือลั่นไปเอง เสียงครืนเครงดุจวีหิลาชอันสาดทิ้ง ถูกกระเบื้องอันเรืองโรจน์ร้อนในกองอัคนี การอัสนีบาตก็ประหารลงเปรี้ยง ๆ เพียงพื้นแผ่นปฐพีจะพังภาคดังห่าฝน ถ่านเพลิงตกต้องพสุธาดลดำเกิงแสงสว่างหมู่มารทั้งหลายต่าง ๆ ตระหนกตกประหม่า กลัวพระเดชานุภาพแพ้พ่าย แตกขจัดขจายหนีไปในทิศานุทิศทั้งปวงมิได้เศษ แลพระยามาราธิราชก็กลัวพระเดชบารมี ปราศจากที่พึ่งที่พำนักซ่อนเร้นให้พ้นภัยหฤทัย ท้อระทดสลดสังเวชจึงออกพระโอษฐ์สรรเสริญพระเดชพระคุณพระมหาบุรุษราชว่า ดังอาตมาจินตนาการอันว่าผลทานศีลสรรพบารมีแห่งพระสิทธัตถกุมารนี้ ปรากฏอาจให้บังเกิดมหิทธฤทธิ์สำเร็จกิจมโนรถปรารถนาทุกประการ มีพระกมลเบิกบานแผ่ไปด้วยประสาทโสมนัส จึงทิ้งเสียซึ่งสรรพาวุธประนมหัตถ์ทั้ง 2,000 อัญชลีกรนมัสการ ก็กล่าวสารพระคาถาว่า นโม เต ปุริสาชญญ เป็นอาทิ อรรถาธิบายความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ปุริสาชาไนยชาติเป็นอุดมบุรุษราชในโลกนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายวันทนาการชุลีพร้อมด้วยทวารทั้ง 3 คือกายวจีมโนประณามประณตในบทบงกชยุคลบาท บุคคลผู้ใดในมนุษย์โลกธาตุกับทั้งเทวโลก ที่จะปูนเปรียบประเสริฐเสมอพระองค์คงเทียมเทียบนั้นมิได้มี พระองค์ได้ตรัสเป็นพระศรีสรรเพชญ์เสร็จแจ้งจตุราริยสัจจ์ศาสดาจารย์มีพระเดชครอบงำชำนะหมู่มาร เป็นปิ่นปราชญ์ฉลาดในอนุสัยแห่งสรรพสัตวโลกจะข้ามขนนิกรเวไนย์ให้พ้นจตุรโอฆกันดารบรรลุฝั่งฟากอมฤตมหานฤพานอันเกษมสุขปราศจากสังสารทุกข์ในครั้งนี้ แลพระยาวัสวดีมารโถมนาการพระคุณพระมหาบุรุษราชด้วยจิตประสาทเลื่อมใส ผลกุศลนั้นจะตกแต่งให้ได้ตรัสแก่พระปัจเจกโพธิญาณในอนาคตกาลภายหน้า เมื่อพระยามารกล่าวสัมภาวนากถาสรรเสริญคุณพระโพธิสัตว์ แล้วก็นิวัตตนาการสู่สกลฐานเทวพิภพ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-7 13:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แม่ธรณี องค์พยานเอก

          ภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือ ในคืนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พญามารวัสดี และกองทัพมารเข้ารบกวนพระพุทธเจ้าอ้างเอาบัลลังก์เป็นของตน ไม่มีเทพ เทวดา กล้าเป็นประจักษ์พยานให้ ต่างหนีกายหลบเร้นไปหมดด้วยความกลัวในพญามารจนพระพุทธเจ้าต้องอ้างเอาธรณีเป็นพยาน พอพระพุทธเจ้าเปล่งวาจาเท่านั้น แผ่นดินก็จะเสทือนเลื่อนลั่นอยู่ 7 ครั้ง เสียงต้องอ้างเอาธรณีเป็นพอพระพุทธเจ้าเปล่งวาจาเท่านั้น แผ่นดินก็สะเทือนเลื่อนลั่นอยู่ 7 ครั้ง เสียงดังกมปนาท พระแม่ธรณีไม่อาจทนอยู่ได้พอนางได้ยิน ต้องปรากฏกายเป็นพยานเอก แสดงการบิดน้ำจากมวยผมเพื่อแสดงให้เห็นถึงกุศลที่ พระพุทธเจ้าได้กระทำมาตั้งแต่อดีตชาติ ปรากฏว่าน้ำที่กรวดลงบนพื้นแล้วแม่ธรณีรับไว้นั้นมากถึงขั้นเป็นมหาสมุทร พัดเอาเหล่าพญามารกระจัดกระจายหายไป ต้นเหตุนี้ทำให้เกิดพระพุทธรูปในปางมารวิชัยขึ้นในกาลต่อมา

           เรื่องกาอ้างเอาพระแม่ธรณีเป็นพยานนั้น ในประวัติศาสตร์ชาติไทย สมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็อ้างเอาธรณีผืนแผ่นดินไทยเป็นพยาน ด้วยการหลั่งน้ำทักษิโณฑกเพื่อประกาศอิสรภาพไม่เป็นเมืองขึ้นของพม่าอีกต่อไป หรือเมื่อศรีปราชญ์ถูกพระยานครศรีธรรมราชประหารชีวิตก็อ้างเอาแม่ธรณีเป็นพยานจนเป็นที่มาของบทโคลงที่ว่า

ธรณีนี่นี้                          เป็นพยาน

เราก็ศิษย์มีอาจารย์               หนึ่งบ้าง

เราผิดท่านประหาร             เราชอบ

เราบ่ผิดท่านมล้าง               ดาบนี้ คืนสนอง


ศาลที่ท้องสนามหลวง

ศาลพระแม่ธรณีที่เลื่องชื่อที่สุดของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณสนามหลวงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2460 นายช่างใหญ่สมัยนั้นใช้เวลาเพียง 4 เดือนในการทำรูปเคารพนี้ ผู้ปั้นหล่อแม่ธรณีองค์นี้ชื่อ ครูเริน บ้ายช่างหล่อ พรานนก ความเป้นมาแต่เดิมนั้น สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระพันปีหลวง ทรงมีพระบรมราชเสาวนีย์โปรดฯ ให้สร้างเทวาลัยเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาและ

ที่ต้องเป็นรูปพระนางธรณีบีบมวยผม

ก็เพื่อให้ประชาชนได้ใช้น้ำในการอุปโภค – บริโภคอีกด้วย
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-7 13:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ผจญพญามารนาม วสวัตตี




          พญามารเนรมิตแขนตั้งพัน ถืออาวุธ
          ครบมือ ขี่ช้าง ครีเมขละ พร้อมด้วยเสนามาร
          โห่ร้องก้องกึก พระจอมมุนีทรงเอาชนะได้
          ด้วยธรรมวิธี มีทานบารมี เป็นต้น ด้วยเดช
          แห่งชัยชนะนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน




          เหตุการณ์แห่งชัยมงคลนี้เกิดขึ้นใต้ต้นโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา พระบรมโพธิสัตว์ประทับขัดสมาธิ ผินพระพักตร์สู่ทิศตะวันออกตั้ง พระวรกายตรง ดำรงพระสติมั่น เจริญอานาปานสติภาวนา (พจนานุกรม ให้เขียน อานาปาณสติ แต่วงการพระท่านใช้ อานาปานสติมาตลอด) ตั้งพระปณิธานแน่วแน่ จะพยายามเพื่อบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณให้จงได้ แม้ว่า เลือดเนื้อและโลหิตจะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็ตามที ก็จะไม่ยอมลุกขึ้นเป็นอันขาด

          บัดดล พญามารนาม วสวัตตี ก็ปรากฏตัว ให้สังเกตชื่อ “วสวัตตี” แปลว่า “ ผู้ยังบุคคลอื่นให้ตกอยู่ในอำนาจ ” แสดงว่ามารตัวนี้มิใช่กระจอก เป็นเทพ (ผู้เกเร) ครองสวรรค์ชั้นสูงสุด สวรรค์ชั้นนี้นามว่า ปรนิมมิตวสวัตตี แบ่งเป็นสองแดน แดนหนึ่งมีเทพนามวสวัตตีเทพครอง อีกแดนหนึ่งเป็นแดนมารมีพญามารวสวัตตีตนนี้แหละเป็นผู้ครอง

          พญามารกลัวว่า พระโพธิสัตว์จะก้าวพ้นจากเงื้อมมือของตน จึงยกพลพหลพลโยธามาผจญ ตัวพญามารเองก็เนรมิตแขนพันแขนยังกะหนวดกุ้งถืออาวุธครบทุกมือ

          ขี่พญาช้าง นามครีเมขละ นำลิ่วล้อหน้าตาน่าสะพรึงกลัวมาล้อมพระองค์ ออกปากขับไล่ให้พระโพธิสัตว์ลุกจากบัลลังก์ (ที่นั่ง) อ้างว่า บัลลังก์นี้เป็นของมัน

          พระบรมโพธิสัตว์ตรัสว่า
          “ รัตนบัลลังก์ นี้เป็นของเรา พราหมณ์นามโสตถิยะ ให้หญ้ากุศะเรามา ๘ กำ เราเอามาลาดเป็นอาสนะ”
          “บัลลังก์นี้เป็นของข้า” พญามารกล่าวเสียงดัง แล้วหันไปขอเสียง สนับสนุนจากบริวารว่า “จริงไหมวะ”
          “แม่นแล้ว เจ้านาย บัลลังก์นี้เป็นของเจ้านาย” เสียงลิ่วล้อตะโกนตอบ
          “เห็นไหมๆ ท่านลุกขึ้นเสียดีๆ ยกบัลลังก์ให้แก่ข้า อย่าให้ใช้กำลัง” มันขู่

          เมื่อพระบรมพระโพธิสัตว์ยืนยันว่าบัลลังก์เป็นของพระองค์ มันจึงซักว่า
          “ท่านมีพยานไหมล่ะ”

          พระองค์ทรงชี้ดรรชนีลงยังพื้นปฐพี ตรัสว่า
          “ขอให้วสุนธราเป็นพยาน” ทันใดนั้น นางวสุนธรา หรือ นางธรณีก็ปรากฏกายบีบมวยผมปล่อยกระแสธารไหลมาท่วมกองทัพพญามารจนพ่ายแพ้หนีไปในที่สุด

          มาร ในที่นี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นมารจริงๆ ก็ได้ หากเป็นสัญลักษณ์แทนกิเลส (โลภ โกรธ หลง) พระโพธิสัตว์ผจญมาร ก็ คือ พระองค์ทรงพยายามเอาชนะกิเลสทั้งหลาย กว่าจะได้ชัยชนะก็เล่นเอาเหนื่อย ไม่แพ้รบทัพจับศึก ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

         
คัดมาจาก
          http://www.dhammajak.net/prayer/chaiya/c01.php
โพสต์ 2013-6-26 12:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อยากได้มาบูชาจังเลยครับ เสริมพลังใจ ช่วงนี้จิตตกอย่างแรง
โพสต์ 2013-6-26 18:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
รอนานแย้วก๊าบบบบบ
โพสต์ 2013-6-26 19:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-6-26 12:22
อยากได้มาบูชาจังเลยครับ เสริมพลังใจ ช่วงนี้จิตตกอย่ ...

บ่องตงเช่นกัน
โพสต์ 2013-6-27 08:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อยากได้มาบูชาสักองค์เหมือนกันคร้าบ
โพสต์ 2013-6-27 11:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ผมว่าโครที่ทำเกี่ยวกับที่ดินนะเหมาะเลย
โพสต์ 2013-6-30 19:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
จะมีโอกาสได้บูชาได้ครอบครอง กับเค้าหรือเปล่าหน่อ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้