ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 12785
ตอบกลับ: 17
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

“ท่านเป็นมนุษย์หรือไม่”

[คัดลอกลิงก์]
พญานาค มีจริงหรือไม่???





พญานาค บนพื้นฐานของความเชื่อในเรื่องพญานาคนั้น มีพระไตรปิฎกเป็นหลัก ด้วยมีการกล่าวถึงพญานาคอยู่หลายวาระ แม้ผู้ไม่เชื่อในเรื่องพวกนาคก็ยังคงสงบปาก ไม่วิจารณ์เพราะเกรงว่าบางทีพญานาคอาจมีจริง
ผู้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนาแม้ไม่เชื่อ หรือไม่รู้จักพญานาค ย่อมรู้จักอัตรายิกธรรมทุกคน
ภาพประกอบ วัดกัลยาบริหาร ใกล้กับพิพิธภัณฑ์สิรินธร อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
อัตรายิกธรรม คือข้อขัดข้องที่จะทำให้ผู้นั้นบวชเป็นพระภิกษุไม่ได้ ซึ่งมีอยู่ 8 ข้อ อันพระอุปัชฌาย์จะต้องถามผู้ขอบวช 8 คำถาม
1 ใน 8 คำถามนั้นคือ

“ท่านเป็นมนุษย์หรือไม่”

ความจริงของเรื่องนี้มีปรากฏชัดเจนในพระไตรปิฎก พญานาคตนหนึ่งฟังธรรมของพระพุทธองค์จนบังเกิดความเลื่อมใส คิดออกบวชเพื่อติดตามพระพุทธองค์ ซึ่งเวลานั้นเป็นห้วงครึ่งพุทธกาล อันพระพุทธองค์ได้ทรงอนุญาตให้คณะสงฆ์เป็นคณะอุปสมบทผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้

พญานาคตนนั้นสบโอกาส จึงขอบวชกับคณะสงฆ์ และได้เป็นพระภิกษุสมใจปรารถนา
หลังจากบวชแล้ว พญานาคตนนั้นได้พำนักในวัดที่พระพุทธองค์ประทับอยู่  เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดพระพุทธองค์ แต่ความที่เป็นพญานาคจึงมีความเป็นอยู่แตกต่างไปจากมนุษย์ คือในขณะหลับโดยไร้สติในกุฏิของตนนั้น ร่างเดิมของพญานาคก็จะปรากฏขึ้น บังเอิญมีพระภิกษุรูปหนึ่งมาเห็นเข้าจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระพุทธองค์ และได้ทรงเรียกพญานาคตนนั้นเข้าเฝ้าให้พญานาคสิ้นสุดความเป็นภิกษุ แล้วทรงเมตตาประทานโอวาทธรรมเพื่อเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติแก่พญานาค
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-12 04:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:31

เมื่อพญานาคผิดหวังในการบวช จึงทูลขอถวายคำว่า นาค ให้แก่ผู้ขอบวชเพื่อเป็นอนุสรณ์ พระพุทธองค์ทรงเมตตาตามคำทูลขอนั้น จึงเป็นเหตุให้เกิดคำว่า บวชนาค และเกิดอัตรายิกธรรม เป็นต้นมา
บางทีการที่ทรงประทานอนุญาตนามนาคก่อนบวชเป็นพระภิกษุ อาจด้วย
เหตุอีกประการหนึ่งหนุนอยู่ นั่นคือ สมัยอดีตชาติหนึ่งของพระพุทธองค์ ทรงเคยเสวยชาติเป็นพญานาคชื่อว่า ภูริทัตต์ รวมถึงพุทธสาวกอีกหลายองค์ ที่มีอดีตชาติเป็นพญานาค อย่างเช่น พระสารีบุตรและพระอานนนท์ ซึ่งเคยเป็นพญานาคชื่อว่า เทวทัตนาคราช



พญานาคเกี่ยวข้องแน่นแฟ้นและลึกซึ้ง
กับพระพุทธศาสนาเช่นนี้จึงไม่มี
ปัญหาอะไรกับการประทานนามนาค
เอาไว้เป็นเครื่องรำลึกถึง




พญานาคคืออะไร ???

เมื่อพูดถึงความเป็นพญานาค ต้องรับว่าเกิดจากความเชื่อ ซึ่งยากจะหาข้อบ่งชี้ หรือพิสูจน์ให้เห็นจริงได้
เปรียบเสมือนเรื่องผี ที่มีทั้งผู้เชื่อว่ามี และไม่เชื่อว่ามี
แต่พญานาคก็มีเรื่องราวกล่าวถึงมากมายทั้งในตำรา และคำบอกเล่าของผู้รู้ ผู้เคยสัมผัส

ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงกำเนิด 4 แห่งพญานาคเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า

1. พญานาคเกิดจากไข่

2. พญานาคเกิดจากครรภ์

3. พญานาคเกิดจากเถ้าไคล หรือที่ชื้นแฉะ

4. พญานาคเกิดขึ้นเองคล้ายเทวดา


3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-12 05:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:38

ในที่นี้จะกล่าวถึงการเกิดขึ้นเองอย่างเทวดา

พญานาคเป็นชาติภพอีกชั้นหนึ่ง มีความละเอียดและพิเศษกว่าสัตว์โลกหรืองูทั่วไป คือ..


มีสภาวะเป็นทิพย์ มีกำเนิดในลักษณะเดียวกับเทวดา เป็นการเกิดแบบที่เรียกว่า โอปปาติกะ
โดยมีบุพกรรมเป็นตัวกำหนด

ภพภูมิของพญานาค คือหนึ่งในภพภูมิของเทวดา ซึ่งมีอยู่ 16 ชั้น
(ดังที่ปรากฏในบทสวดธัมมจักกัปปวัตนสุตตัง)


โดยแบ่งเป็นกามาวจรภพ 6 ชั้น และ

อกามาวจรภพ 10 ชั้น เหตุที่แบ่งออกมาเป็น 2 กลุ่ม ก็เพราะว่าทั้ง 2 กลุ่ม

มีความแตกต่างกัน คือ กลุ่มแรกที่มี 6 ชั้นนั้น เป็นภพภูมิที่ยังติดอยู่ในสุข ยังเสพย์กาม

ส่วนกลุ่มหลังที่มี 10 ชั้นนั้น ไม่ติดอยู่ในกามแล้ว
เรียกว่า กามาวจรภพ เป็นภพภูมิของเทวดาชั้นต่ำ ส่วนอกามาวจร เป็นภพ
ภูมิของเทวดาชั้นสูง

6 ชั้นของกามาวจรภพ มีดังนี้

1. ภุมมานัง (ชั้นต่ำสุด)
2. จาตุมมะหาราชิกา โดยมีชั้นละเอียดกว่าซ้อนอยู่อีกชั้น เรียกว่าจาตุมะหาราชิกานัง แต่ก็ถือว่าเป็นชั้นที่ 2 ด้วยกัน
3. ตาวะติงสา เรานิยมเรียกชั้นนี้ว่า ดาวดึงส์ จนถึงชั้นเปรียบเทียบว่ามีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และในชั้นนี้ยังมีรายละเอียดเข้าไปอีก คือ ตาวะติงสานัง
4. ยามา ก็มีซ้อนกันอีกชั้นหนึ่งที่ละเอียดกว่าคือ ยามานัง
5. ตุสิตา ที่เรียกว่าสวรรค์ชั้นดุสิต ก็ยังมีที่ละเอียดเข้าไปอีกคือ ตุสิตานัง
6. นิมมานะระตี ซึ่งละเอียดประณีตเข้าไปอีกเป็น นิมมานะระตีนัง, ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี และ ปะระนิมมิตะวะสะวะตีนัง


กล่าวคือ 6 ชั้นภพภูมิแรกนี้เป็นภูมิของเทวดาชั้นหยาบ จากชั้นที่ 7 ขึ้นไปเป็นชั้นละเอียดและสูงกว่าจนถึงชั้นสุดท้าย

คือชั้นที่ 16 ที่เรียกว่าชั้นอะกะนิฏฐะกา

รวมแล้วเรียก 10 ชั้นนี้ว่า ชั้นพรหม หรือสวรรค์ชั้นพรหม ส่วน 6 ชั้นแรกเป็นชั้นต่ำ และไม่ถือว่าเป็นพรหม


ภพภูมิของพญานาคนั้นอยู่ชั้นแรกสุดคือ ชั้นภุมมานัง
ซึ่งไม่มีความโลภ แต่ยังมีราคะ และโทสะ

พญานาคจึงมีทั้งคุณและโทษอยู่ในตัว

ภพภูมิ ชั้นภุมมานัง ยังคงเป็นภพภูมิของเทวดาที่มีทิพยอำนาจเหนือธรรมดา และอยู่ใกล้ชิดภพภูมิของมนุษย์มากที่สุด
แหล่งกำเนิดของพญานาค มีทั้งบนบกและในน้ำ เรียกตามพระไตรปิฎกว่า ถลชะ เกิดบนบก และ ชลชะ เกิดในน้ำ


4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-12 05:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:39





กำเนิดพญานาคในแบบอุบัติขึ้นเอง ที่เรียกว่า แบบโอปปาติกะนั้น เกิดได้ทั้งบนบกและในน้ำ
คือนอกจากจะอาศัยบุพกรรมเป็นตัวกำหนดแล้วยังอาศัยสัญญาเป็นตัวพาให้เกิดด้วย
พญานาคที่เกิดบนบกและในน้ำ มีการดำเนินชีวิตเหมือนกัน คือเป็นไปด้วยอำนาจทิพย์
สุดแต่จิตปรารถนา โดยมีเรือนกายที่ประกอบด้วยธาตุ 3 คือ ธาตุน้ำ, ธาตุลม และธาตุไฟ
สามารถไปไหนมาไหนได้ทุกที่ และเสวยสมบัติทิพย์เหมือนเทวดา




ส่วนฤทธิ์และอำนาจของพญานาคจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับกรรมที่เคยสร้างไว้ในอดีตชาติ
เป็นตัวส่งผลดลให้ รวมทั้งรูปลักษณ์ของพญานาคเท่าที่มีผู้พบเห็นก็จะแตกต่างกันไปด้วย พญานาคตนใดบำเพ็ญเพียรภาวนาสร้างกุศลจะยิ่งมีลักษณะงดงาม และสามารถเนรมิตกายได้หลายรูปแบบ
ด้วยความที่เป็นเพียงภพภูมิแรกสุดของเทวดา พญานาคจึงมีหลากหลายสายพันธุ์ และหลายอุปนิสัย
ดังเช่นความเชื่อของชาวหลวงพระบาง ยังเชื่อว่าหลวงพระบางเป็นแดนแห่งพญานาค และมีพญานาคอยู่ที่นั่นมากถึง 15 ตระกูล
ถ้าจะเปรียบกับภพภูมิของมนุษย์ก็จะเหมือนชาติพันธุ์ของมนุษย์มีหลายเผ่าพันธุ์ มีทั้งไทย เขมร จีน ฝรั่ง แขก และคนผิวดำ เป็นต้น
พญานาคก็คงจะแตกต่างทางสายพันธุ์เช่นเดียวกันนี้

สายพันธุ์ของพญามุจลินท์นาคราช คือ พญานาค 7 เศียร ซึ่งสืบสายพันธุ์มาจนถึง พญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล)

ซึ่งเชื่อว่าเป็นกษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งลาว ส่วนฝั่งไทยคือ พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์พญานาคฝั่งไทย แต่เป็นพญานาคเศียรเดียว ซึ่งกล่าวกันว่า ทั้ง 2 ราชาพญานาคนี้เป็นสหายกัน

เรื่องราชาแห่งนาคทั้ง 2 นี้ หลวงปู่คำพันธ์เคยเล่าไว้ว่า ในผืนแผ่นน้ำของประเทศไทยของเรานั้น มีพญานาคราชเป็นใหญ่นามว่า พญาศรีสุทโธ ท่านชอบจำศีลบำเพ็ญเพียร และปฏิบัติธรรม มีนิสัยอ่อนโยนมีเมตตา ไม่ชอบการต่อสู้ ชอบมาปฏิบัติธรรมที่พระธาตุพนม โดยมอบหมายให้เหล่าพญานาค 6 อำมาตย์ดูแลแทน ในระหว่างที่หลบมาจำศีลภาวนา

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-12 05:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้




หลวงปู่คำพันธ์เอ่ยชื่อ 6 อำมาตย์แห่งพญานาคไว้เพียง 3 คือ


1. พญาจิตรนาคราช

เป็นพญานาคที่รักสวยรักงาม มีเขตแดนปกครองของตน ตั้งแต่ตาลีฟู ถึงจังหวัดหนองคาย ตามแนวแม่น้ำโขง โดยมีที่สุดแดนอยู่วัดหินหมากเป้ง

2. พญาโสมนาคราช

มีเขตแดนปกครอง ตั้งแต่วัดหินหมากเป้ง มาจนถึงวัดพระธาตุพนม สุดเขตแดนที่แก่งกะเบา พญาโสมนาคราช มีอุปนิสัยคล้ายพญาศรีสุทโธนาคราช คือชอบปฏิบัติธรรม จึงเป็นที่ไว้วางใจ และโปรดปรานแก่พญาศรีสุทโธนาคราชมากกว่าพญานาคอื่น ๆ

3. พญาชัยยะนาคราช

มีเขตแดนจากแก่งกะเบา เรื่อยไปจนสุดแดนที่ปากแม่น้ำโขงลงทะเลในเขมร พญานาคตนนี้มีฤทธิ์เดชมาก ชอบการรณรงค์ทำสงคราม คือชอบการต่อสู้เป็นนิสัย
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-12 05:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:11



ส่วนฝั่งลาวนั้น มี พญาศรีสัตตนาคราช เป็นใหญ่เหนือพญานาคทั้งปวง เป็นพญานาคที่ทรงฤทธิ์ ทรงอำนาจเหนือกว่าพญานาคทั้งหลายใน 2 แผ่นดินนี้ แต่ท่านเป็นพญานาคที่ชอบจำศีลและประพฤติปฏิบัติธรรมเหมือนพญาศรีสุทโธนาคราช โดยชอบมาที่วัดพระธาตุพนมเหมือนกัน จนถึงกับมีการให้พันธะสัญญาแก่กันว่า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการความช่วยเหลือก็จะช่วยกันอย่างเต็มที่เต็มกำลังสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้อยใหญ่ประการใด

พญาศรีสัตตนาคราช มีความเด่นสง่าด้วยมี 7 เศียร ซึ่งถือได้ว่าเป็นตระกูลพญานาคที่มีมาแต่ครั้งพุทธกาล มีความใกล้ชิดพระพุทธองค์ และพระพุทธศาสนา จนอาจถือว่าเป็นต้นตระกูลแห่งพญานาคทั้งหมด


หลวงปู่คำพันธ์ยังได้กล่าวอีกว่า ส่วนใดที่อยู่ใกล้ต้นน้ำลำธาร หรือหากมี

พิธีกรรมอันใดเกิดขึ้น ให้อัญเชิญบอกกล่าวแก่เหล่าพญานาค
พิธีกรรมนั้นจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง......


7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-12 05:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นาคพิทักษ์พระศาสนาที่ไม่เคยคลอนแคลนศรัทธา






   พญานาคก็หาได้มีแต่ในพุทธศาสนา หรือเพิ่งเกิดมีขึ้นในสมัยพุทธกาล
พญานาคมีมาก่อนสมัยพระพุทธเจ้าโคดมและปรากฏตัวอยู่ในศาสนาอื่นๆหลายศาสนา เฉกเช่นมนุษย์ก็ยังคงนับถือศาสนาไม่เหมือนกัน
ชาวฮินดูถือว่าพญานาคเป็นสะพานเชื่อมโลกกับแดนเทพเทวา การสร้าง
เทวสถาน เช่น ปราสาทขอมทุกปราสาท จะมีสะพานนาค หรือบันไดนาคทอดยาวรับมนุษย์เข้าไปสู่แดนศักดิ์สิทธิ์ข้างในปราสาท

มีเรื่องเล่าไว้ในพระไตรปิฎก (มหาวรรค) ว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์เสด็จไปโปรดชฎิล 3 พี่น้อง ที่ตำบลอุรุเวลา
ทั้งใจดีและดุร้า
คือ อุรุเวลากัสสป, นทีกัสสป และคยากัสสป ซึ่งชฎิลทั้ง 3 นี้ มิได้รู้จักพระพุทธองค์ ไม่ได้นับถือพระพุทธองค์ แต่พวกเขานับถือบูชาพญานาคมาช้านาน
พญานาคที่ชฎิล 3 พี่น้องนับถือบูชาก็ไม่รู้จักและนับถือพระพุทธองค์เช่นกัน
พุทธองค์ทรงขอเข้าพำนักในโรงบูชาไฟของพวกตนมีพญานาคดุร้าย
อาศัยอยู่ พระพุทธองค์หาได้หวั่นเกรงไม่
พญานาคเห็นพระพุทธองค์เข้ามาก็ไม่พอใจ จนในที่สุดแสดงฤทธิ์สู้กัน แต่ก็พ่ายแพ้ต่อพระพุทธองค์ ถึงกับถูกพระพุทธองค์จับพญานาคนั้นขดไว้ในบาตร และทรงแสดงแก่ชฎิลทั้ง 3 ว่า
“ดูกร กัสสป นี่พญานาคของท่าน เราครอบงำเดชของมันด้วยเดชของเราแล้ว”






หลังจากนั้น ทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายอย่างจนคลายทิฐิมานะของชฎิลทั้ง 3 ได้ และสุดท้ายชฎิล 3 พี่น้อง ได้ขอบวชพร้อมทั้งบริวารหลายร้อยคน
อีกครั้งหนึ่ง พระพุทธองค์เสด็จพร้อมพระอรหันต์ 500 รูป สู่เทวโลก ได้
เสด็จผ่านวิมานของเหล่านาคที่กำลังรื่นเริงสนุกสนานกัน วิมานนี้มี นันโทปะ นันทะนาคราช เป็นใหญ่เกิดความไม่พอใจในการเสด็จผ่านคราวนั้น จึงแสดงฤทธิ์เป็นนาคขนาดใหญ่พันโอบรอบเขาพระสุเมรุ ปิดบังทางผ่านไปสู่เทวโลกไว้ (ดาวดึงส์) แล้วร้องด่าท้าทายพระพุทธองค์อย่างสาดเสียเทเสีย
พระอรหันต์สาวกรูปหนึ่งกราบทูลพระพุทธองค์ว่าให้ทรงเรียกพญามุจลินท์
นาคราชมาปราบนันโทนาคราช และพระพุทธองค์ทรงปฏิเสธ โดยตรัสบอกว่า เวลานี้ พญามุจลินท์กำลังทรงฌานอยู่ ไม่ทรงอยากเรียก ทรงเกรงจะเป็นบาปกรรม
ซึ่งถือเป็นตัวอย่าง ต่อมาในภายหลังว่า เวลาพระภิกษุกำลังบำเพ็ญเพียร
สมาธิภาวนาอยู่ไม่ควรรบกวน เพราะจะเป็นบาปนั่นเอง
พญามุจลินท์ก็กำลังอยู่ในสมาธิภาวนาเช่นกัน

ในที่สุดทรงอนุญาตพระโมคคัลลาน์ให้เป็นผู้ปราบนันโทนาคราชจนสิ้นฤทธิ์
เรื่องพญานาคเกเรที่ปรากฏในพระไตรปิฎกเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพญานาคนั้นมีอยู่แล้ว และเป็นพญานาคที่ไม่รู้จักพุทธศาสนาอีกด้วย
พญานาคทั้งปวงจะเลื่อมใสศรัทธา และกลายเป็นผู้พิทักษ์พระศาสนานั้น
ไม่ง่ายเลย
เดชานุภาพ คุณานุภาพของพระพุทธองค์มีเป็นล้นพ้น
เมื่อพญานาคหันหน้าสู่พุทธศาสนาแล้ว พญานาคก็อยู่คู่กับพุทธศาสนาตลอดมา
และยังเป็นผู้เลื่อมใสในภารกิจพิทักษ์พระศาสนาที่ไม่เคยคลอนแคลนศรัทธา
พญานาคราชผู้พิทักษ์พระธาตุพนม

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-12 05:12 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



พระจอมมุนี ได้เอาชนะพญานาคราช ชื่อ นันโทปนันทะ
ผู้มีความรู้ผิด มีฤทธิ์มาก
ด้วยวิธีบอกอุบายให้พระโมคคัลลานเถระพุทธชิโนรส
แสดงฤทธิ์เนรมิตกายเป็นนาคราช
ไปทรมานพญานาค ชื่อ นันโทปนันทะ นั้น
ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแด่ท่าน
ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้นเถิดฯ
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-12 05:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้





ความเชื่อเรื่องพญานาคในพุทธศาสนามีด้วยกันหลายตำนาน

  แต่ที่พุทธศาสนิกชนทราบกันดีก็คือพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ก็จะมีเรื่องราวของพญานาคเกี่ยวข้องเสมอ

และพระสมณโคดมกว่าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ต้องบำเพ็ญบารมีมาหลายร้อยชาติ กล่าวคือต้องเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์มาก่อน

และพระองค์ก็เคยเสวยพระชาติเป็นพญานาค ๓ ชาติ และก็ยังมีพญานาคผู้ที่มีจิตเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา

คอยอุปฐากพระพุทธองค์อยู่เนืองๆ


หรือพญานาคที่มีมิจฉาทิฐิ ที่พระพุทธเจ้าทรงปราบให้คลายความเห็นผิดลง ดังจารึกในพุทธประวัติ นาคตามคติพุทธนั้น ไม่เชิงเป็นเทวดาอาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงอมนุษย์หรือกึ่งเทพกึ่งสัตว์ แต่พราหมณ์จะถือว่าเป็นเทวดาแท้ๆ เช่นพญาอนันตนาคราชที่พระอิศวรสร้างขึ้นจากสายสังวาลก็ถือว่าเป็นเทวดา อาศัยอยู่เมืองบาดาลซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงน้ำ แต่เป็นเมืองที่อยู่ใต้โลกมนุษย์ลงไปอีกชั้นหนึ่ง ส่วนไทยเราเชื่อว่าพญานาคอาศัยอยู่ในน้ำ ก็คือบาดาลไม่ว่าจะเป็นหนองน้ำ แม่น้ำ หรือมหาสมุทรก็ถือว่าเป็นบาดาลทั้งสิ้น นอกจากจะเรียกบาดาลแล้วก็ยังเรียกว่า นาคโลกหรือนาคพิภพอีกด้วย ในสังขปาลชาดก พรรณนาถึงนาคพิภพว่าพื้นเป็นทรายรัตน ๗ แลเงินทองและแก้วมณีนานาประการ อันหญ้า ฝุ่น ผงหามีไม่ อาณาบริเวณงามราวกะแก้วไพฑูรย์ มีสระโบกขรณี ดาดาษไปด้วยกมลอุบลมีพรรณเป็นเอนก มีน้ำอันใส มีสีอันเขียว สวนมะม่วงน่ารื่นรมย์ดีมีใน ๔ ทิศ และคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ได้แยกชนิดของพญานาคไว้อย่างละเอียดถึง ๑,๐๒๔ ชนิด หนังสือปรมัตถโชติกะมหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา ปริจเฉทที่ ๕ จัดหมวดหมู่พญานาคไว้ดังนี้…..


พญานาคมี ๔ ประเภท คือ

๑.กฏฐมุข เป็นพญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้วผู้นั้นจะแข็งไปทั้งตัว แขนจะงอเข้าและยืดออกไม่ได้
๒.ปูติมุข เป็นพญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้ว รอยแผลที่ถูกกัดจะเน่าและมีน้ำเหลืองไหล
๓.อัคคิมุข เป็นพญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้ว จะมีอาการร้อนไปทั้งตัว รอยแผลจะเป็นรอยริ้ว คล้ายถูกไฟไหม้
๔.สัตถมุข เป็นพญานาคมีพิษชนิดหนึ่ง ถ้ากัดผู้ใดแล้ว จะเหมือนกับถูกฟ้าผ่า
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-12 05:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-11-12 05:24

และยังมีการจำแนกวิธีทำอันตรายต่างกันออกไปถึง ๔ วิธี

ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า พญานาคที่มีฤทธิ์มากอาจจะเนรมิตกายให้เป็นคนได้
ถึงแม้จะเนรมิตกายเป็นคนได้แต่จะยังคงลักษณะอาการ ๕ อย่างที่มีประจำตัวอยู่เสมอ
ไม่สามารถทำให้หายไปได้ ลักษณะที่ว่านี้ คือ


๑. ในขณะปฏิสนธิ ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค
๒. ขณะลอกคราบ ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค
๓. ขณะเสพเมถุนอยู่กับนาคด้วยกัน ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค
๔. ขณะนอนหลับโดยปราศจากสติ ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค
๕. ขณะตาย ต้องปรากฏรูปร่างสัณฐานเป็นพญานาค


และศัตรูที่เหล่านาคทั้งหลายต่างหวั่นเกรงก็คือพญาครุฑ


แต่มีพญานาคที่ครุฑไม่อาจจับเอาไปกินได้ มี ๗ จำพวก


๑. นาคที่มีกำเนิดประณีตกว่าครุฑ
๒. กัมพลัสตรนาคราช
๓. ธตรัฐนาคราช
๔. นาคที่อยู่ในสีทันดรสมุทรทั้ง ๗
๕.นาคอันอยู่ในแผ่นดิน
๖. นาคอันอยู่ในภูเขา
๗. นาคอันอยู่ในวิมาน



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้