พระราชลัญจกรประจำองค์พระเจ้าอโศมหาราช
ทรงใช้จตุราชสิงห์แทนพระบรมเดชานุภาพแห่งพระองค์
สังเกตุให้ดีที่ฐานสิงห์จะเห็นสัตว์ทั้งสี่อย่างที่ประจำทิศในสระอโนดาต
ท่านเป็นองค์แรกที่จำลองสระอโนดาตมาเสริมพระเกียรติ์บารมีให้ยั่งยืนนานคู่ฟ้าดินสลาย
ท่านเป็นพระมหาธรรมราชาที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยอมรับนับถือในพระปรีชาสามารถ
ทรงเอามาเป็นแบบอย่างในชีวิตและการปกครองตลอดจนอัครศาสนูปถัมภก
เจริญตามรอยแห่งพระองค์ท่าน แม้นแต่การสร้างประสาทนาคพัน ก็ได้แรงบันดาลใจจาก
พระเจ้าอโศกมหาราชอีกเช่นกัน
พระเจ้าอโศกมหาราชท่านมีบารมีมาก
ที่สามารถเคลื่อนแกนมิติสระอนวัปตตา
มาเสริมพระบารมีบรมเดชานุภาพ
ได้เป็นปฐม พระองค์แรก-
มหาจักรพรรดิ ธรรมาโศกราช
........................................................................
1. บนยอดเสาแกะสลักเป็นรูปสิงโต ๔ ตัว นั่งหลังชนกัน ซึ่งอยู่ในลักษณะคำรามหรือเปล่งสีหนาท แต่เดิมมีธรรมจักรตั้งอยู่บนหลังของสิงห์ทั้ง ๔ เป็นลักษณะสิงห์แบกธรรมจักร ซึ่งมี ๒๔ ซี่ ธรรมจักร คือ เครื่องหมายทางพระพุทธศาสนา
2. ใต้ฐานสิงโตมีรูปธรรมจักร ๔ ด้าน วงล้อธรรมจักรมี ๒๔ ซี่ เท่ากับจำนวนปฏิจจสมุปบาท ทั้งขบวนการเกิดและขบวนการดับ (ทุกข์)
3. ระหว่างรูปธรรมจักรแต่ละด้านมีรูปสัตว์สำคัญ ๔ ชนิด เรียงไปตามลำดับ คือ
"ช้าง โค ม้า และสิงโต" ซึ่งล้วนมีความหมายเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ซึ่งนักปราชญ์ได้ให้ความหมายดังนี้
"ช้าง" หมายถึง การเสด็จลงสู่พระครรภ์ (พระมารดาสุบินเห็นช้างเผือก) หรือ ปัญญาชาญฉลาด สุขุมเยือกเย็น
"โค" หมายถึง ทรงได้ปฐมฌาน (ขณะพระบิดาทรงทำพิธีแรกนาขวัญ) หรือ ความแข็งแรง อดทน
"ม้า" หมายถึง การทรงม้าเสด็จออกผนวช หรือ ฝีเท้าอันรวดเร็ว
"สิงโต" หมายถึง การแสดงธรรมจักร ซึ่งเปรียบเหมือนการเปล่งสีหนาท หรือการคำรามของพญาราชสีห์
.............................................................................................
จากคำของนักปราชญ์ที่ตีความหมายข้างต้นผมยังไม่ปักใจเชื่อนัก ตามไตรภูมิพระร่วง ได้ระบุชัดถึงเรื่องราวที่เทวะนำน้ำอันบริสุทธิ์จาก สระอนัปวตตา ไปถวายพระเจ้าธรรมอโศก เพื่อเสริมพระบารมี จึงมีความเชื่อว่าสัตว์ประจำทิศทั้ง 4 ความหมายคือสัตว์จาก สระอโนดาตอย่าแน่นอน
Sornpraram
|