ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5794
ตอบกลับ: 24
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

อานิสงค์ นั้น จะกลับมาเติมเต็ม ในส่วนที่เราขาดเอง.

[คัดลอกลิงก์]
การทำบุญ...มิใช่เพื่อทำแล้วอยากจะรวย
มิใช่หวังว่าให้บุญที่เราทำ ช่วยให้เราถูกหวย..

การสละทรัพย์ที่เราหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย
เพื่อช่วยทำนุ บำรุงพระพุทธศาสนา


หรือสละ...

ออกไปสร้างพุทธสถาน.
อันเพื่อประโยชน์ส่วนรวมนี่แหละ. บุญ

บุญ คือ ผลของการกระทำที่ดี  ที่ออกมาจากใจ
แม้นทำไปโดยไม่ขออะไร


อานิสงค์  นั้น จะกลับมาเติมเต็ม ในส่วนที่เราขาดเอง.



แนะนำ
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-4-24 11:40 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การเรียนรู้ที่จะอยู่ในท่ามกลาง ของความธรรมดา
อย่างเป็นธรรมชาตินั้น


ต้องเรียนรู้กันอยู่เนื่องๆ

จนชิน... เ ป็ น ป ก ติ ข อ ง ใ จ

มันจึงจะเข้าถึง และเข้าใจ
หลักของความธรรมดา
ที่เกิด-ดับ อยู่ในธรรมชาตินั้นได้



พระธรรมของพระพุทธองค์
จึงสอนให้ละ ให้สละออกจากใจ
ที่ยึดมั่น ถือมั่น


หาใช่ละ หาใช่สละออกจากกายที่ครอบครองไม่
ถ้าใจยังยึด  ก็ไม่มีผล

ธรรมะ และคำสอนของพระศาสดานั้น
จึงเป็นสิ่งที่มีค่า ควรแก่การยกย่อง
เพราะคำสอนของพระองค์
คือคำชี้แนะ  ที่นำไปสู่ทางพ้นทุกข์



3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-4-24 11:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-4-24 11:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พระเจ้าสร้างโลก


พระเจ้าสร้างโลกในที่นี้ คือใคร?
เปรียบว่า....พระเจ้า คือเรานะ
โลกที่ว่า. คือโลก ในอุดมคติของเรา...

เราอยู่ในโลกของเรา
โลก....ที่เราจะบันดาล
ให้เป็นไปอย่างที่ใจเราต้องการ
สุขแค่ไหน....เราเป็นผู้บันดาล
ทุกข์แค่ไหน....เราเป็นผู้บันดาล
มองให้เห็น. ทุกขณะนะ ว่าเราเนี้ย เป็นผู้บันดาลเอง
อย่าไปคิด ว่าอยากจะสุขแบบเขา
อย่าไปคิด ว่าทุกข์กว่าชาวบ้านเขา

ทุกคนมีกรรมคนละรูปแบบ
คนรวย ก็ยังทุกข์
คนกลางๆ มันก็ทุกข์
คนจน ก็มีทุกข์
อย่าไปมองว่า คนรวย เขาไม่ทุกข์
คนรวย มีแต่เงิน แล้วสุขภาพเขาแข็งแรงอยู่ตลอดไหมเล่า
ลูก เมียเขาจะอยู่ดีมีสุข ตลอดเวลาได้ไหมเล่า
จะยากดี มี จน มันมีแต่เรื่อง มีแต่ปัญหาทั้งนั้น
ชอบ ไปมองว่า รวยแล้วสบาย อย่าไปมองแบบนั้นนะ

สร้างพระให้เกิดขึ้นในใจของเรา
อยู่ในโลก.....ของเรา
ชอบ....แบบไหน ก็บันดาลเอา
เราคือ พระเจ้า สร้างโลก ในแบบเรา
โลก.....ของใครของมัน


--พระสัพพะชยันโต--


5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-4-25 17:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ดวงไม่ดีไม่มีหรอกลูก

ไม่จริงอย่าไปเชื่อใคร

ทำจิตใจของเราให้สบาย

ทำจิตใจของเราให้ดี

เราก็จะพบแต่สิ่งที่ดี


หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย

ครับ
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-5-1 06:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ธรรมะ 4 เกลอ โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ



ธรรมะอะไรที่ถูกต้องและเพียงพอ?
เป็นคนมีสติ มีสติระลึกได้ไวๆเหมือนกับความเร็วของลูกศร
บาลีมันไม่มีเรื่องอะไร ที่จะเปรียบเทียบความเร็วยิ่งไปกว่าความเร็วของลูกศร
ความเร็วของลูกศรเรียกว่า 'สติ' ระลึกได้เร็ว มีสติระลึกได้เร็ว แล้วก็ไปเอาปัญญาที่เรียนรู้ไว้มา
เอามาแก้ไขสถานการณ์ ปัญญาก็จะกลายเป็นสัมปชัญญะเฉพาะเรื่องนั้นๆ ต่อสู้กับสถานการณ์นั้นๆ

แล้วถ้ากำลังมันน้อยไป ก็เพิ่มสมาธิ มีกำลังสมาธิให้ เรื่องมันก็สำเร็จ คือ ตัดปัญหาไปได้...นี่เป็นเคล็ด
หรือว่าจะเป็นเทคนิคอะไรก็ได้ของการมีธรรมะ จะต้องมีธรรมะอย่างน้อยสี่เกลอ

ธรรมะ 4 เกลอ ช่วยจำไว้ให้ดีๆ มันจะช่วยได้คือ สติระลึกได้ ปัญญาที่ศึกษาไว้เอามาด้วยสติ
เอาปัญญามาแล้วมาทำเป็นสัมปชัญญะเฉพาะเรื่อง เฉพาะเหตุการณ์ เป็นสัมปชัญญะแล้วต่อสู้กับสถานการณ์
และถ้ากำลังจิตมันอ่อนแอต้องมีสมาธิ สมาธิเป็นน้ำหนักเพิ่มให้แก่ปัญญา
ปัญญานี้มันต้องคู่กับสมาธิ เพราะปัญญานั้นมันเป็นแต่เพียงความคม

ความคม แม้จะคมยิ่งกว่ามีดโกน คมเท่าคม อย่างไรก็ตามเถอะ แต่ถ้าไม่มีน้ำหนักแล้ว มันไม่ตัด
ความคมไม่มีน้ำหนักมากด มันไม่ตัด ความคมต้องมีน้ำหนักมากด มันจึงจะตัด

ดังนั้น จึงต้องมีสมาธิ...ปัญญาคม สมาธิหนักตัดลงไปได้แล้วสถานการณ์อันยุ่งยากก็จะหมดไป
จะพ้นจากความเลวร้ายทุกอย่างทุกประการ....

สติ ปัญญา สัมปชัญญะ สมาธิ....นี่ 4 เกลอ เพื่อนคู่ชีวิต ใครมีธรรมะ 4 เกลอนี้เป็นคู่ชีวิต
คนนั้นจะต่อสู้ จะชนะได้ทุกสถานการณ์ คือหมดปัญหาแห่งการมีชีวิต
สตินั้นคือ ความเร็วในการระลึกไปเอาปัญญามา
ปัญญาเอามาจากไหน เอามาจากการศึกษา อย่าไปศึกษาบ้าหอบฟาง ไม่มีแก่นสาร
ศึกษาให้ถูกเรื่องถูกราวโดยเฉพาะที่จะดับทุกข์ได้ นี้เรียกว่า...ปัญญาที่แท้จริง

ปัญญาที่แท้จริงสะสมไว้ สะสมไว้ให้ครบทุกแง่ทุกมุม เพราะว่าปัญหาหรือความทุกข์นั้น มันมีหลายร้อยชนิด
เราก็ศึกษาปัญญาไว้ให้ครบทุกชนิด ศึกษาเก็บไว้ๆ นี้เรียกว่าปัญญา...
พอมีเหตุการณ์มา สติก็เป็นผู้ไปเอาปัญญามาเผชิญหน้าเหตุการณ์ให้ตรงกับเรื่อง....

เหมือนกับว่า เรามีอาวุธไว้มากมายในบ้านในเรือน พอจะใช้ ก็ใช้เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ใช้ทุกอย่าง...
เหมือนกับเรามีหยูกยาไว้ในตู้ยาครบทุกอย่าง แต่พอเวลากินก็กินอย่างเดียว....

นี่ปัญญามันมีไว้ครบทุกอย่าง แต่พอจะใช้แก้สถานการณ์ มันเพียงอย่างเดียว มันจึงต้องทำไว้ให้ครบทุกอย่าง
แล้วสติ จะไปเลือกเอามาใช้ให้เหมาะแก่เหตุการณ์
ปัญญาที่เลือกเอามา เฉพาะเหตุการณ์โดยเหมาะเจาะนั้น เขาเรียกว่า....สัมปชัญญะรู้สึกตัวทั่วพร้อม
เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้าย ที่เผชิญหน้าอยู่นี้ก็เรียกว่าสัมปชัญญะ...ต่อสู้กับสถานการณ์นั้น จนกว่าจะมีชัยชนะ

ถ้ากำลังมันอ่อนลงไปก็ให้เพิ่มสมาธิ น้ำหนักมันก็จะมีมากขึ้น ปัญญามันก็จะตัดได้ดีขึ้น ก็ชนะเหตุการณ์นั้นๆ
จะเป็นเหตุการณ์เลวร้ายอะไรก็ตาม เข้ามาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายอะไรก็ตาม...

ปัญญาหรือสัมปชัญญะ ที่ตรงกับเหตุการณ์มันจะแก้ได้...
เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงพยายามฝึกฝนให้มีธรรมะ 4 เกลอเป็นของคู่ชีวิตประจำตัว
แล้วจะใช้ต่อสู้แก้ไขสถานการณ์ได้ทุกอย่าง ไม่ยกเว้นอะไร...ฯ


ธรรมเทศนา...ท่านพุทธทาสภิกขุ
ขอนอบน้อมแด่คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์


ที่มา : http://board.palungjit.com
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-5-1 07:02 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พุทธสอนให้พึ่งตนเองแต่ทำไมให้ยึดพระรัตนตรัย



ถาม
ศาสนาพุทธสอนให้ทำตนเป็นที่พึ่งของตนเอง
แต่ก็ให้ยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะ มิขัดแย้งกันเองหรอกหรือครับ?



ไม่ขัดแย้งหรอกครับ
หากคุณตั้งข้อสังเกตดีๆ จะเห็นว่าพระรัตนตรัยนั้น ประกอบด้วยพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
สำหรับพระพุทธเจ้ากับพระสงฆ์สาวกนั้นเป็นบุคคล
แต่พระธรรมซึ่งอยู่ตรงกลางนั้น เป็นนามธรรม คือเป็นได้ทั้งความรู้ และเป็นได้ทั้งวิธีใช้ชีวิตทั้งหมด
วิธีการใช้ชีวิตตามอุดมคติของพุทธเรา คือพึ่งพาตนเองในการเอาดีให้ได้

เมื่อคุณมีแรงบันดาลใจ หรือเกิดกำลังใจที่จะขวนขวายศึกษาหาความจริง ตลอดจนใช้ชีวิตให้เอาดีได้ถึงที่สุด
ตรงนั้นแหละคุณเป็นที่พึ่งของตนเองแล้วตามหลักศาสนาพุทธ
คุณจะเป็นตัวของตัวเอง พึ่งตนเอง ใช้ชีวิตของตนเองอย่างถูกต้องถ่องแท้ ก็ต่อเมื่อถือเอาธรรมเป็นหลักเป็นที่ตั้ง

พูดให้ง่ายที่สุด คุณยึดพระธรรมเป็นสรณะอย่างเดียวก็เท่ากับได้ตัวเองเป็นที่พึ่ง มีที่พึ่งที่ดีที่สุดแล้ว

แต่พระธรรมนั้นใครเป็นผู้แสดง?
ก็ต้องมองย้อนกลับไปที่คนก่อตั้งพุทธศาสนา นั่นคือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เราระลึกถึงท่านว่าเป็นบุคคลซึ่งให้ที่พึ่ง เราพึ่งท่านได้ ท่านมีตัวตน ไม่ใช่แค่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีตัวตนนะ

นอกจากนั้น หากไม่ถือเอาพระสงฆ์ดีๆ ไว้เป็นแบบอย่าง
คนเราก็ต้องเกิดความคลางแคลงใจเป็นธรรมดาว่า
ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วจะได้ผลแน่หรือ
บุคคลที่พ้นทุกข์อย่างอริยเจ้าชั้นอรหันต์มีจริงหรือ
ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องยึดเอาพระสงฆ์ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไว้เป็นเครื่องระลึกด้วย
ให้เชื่อว่าคนเป็นๆ ที่เจริญรอยตามพระพุทธเจ้าได้ยังมีอยู่นะ ไม่ใช่ไม่มีแล้วทำทุกข์ให้สิ้นสุดไม่ได้แล้ว

สรุปคือพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้งของความเชื่อมั่น แต่เนื้อหาของพุทธศาสนาที่ต้องทำความเข้าใจกันจริงๆ
คือให้พึ่งพาตนเองในการเอาดี
หาใช่ส่งเสริมการเกาะแข้งเกาะขาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์แต่อย่างใดไม่
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2016-5-9 06:59
บุญ คือ ผลของการกระทำที่ดี  ที่ออกมาจากใจ
แม้นทำไปโด ...

ิขาดตะกรุดวราหะ เตโช ต้องทำบุญด้วยอะไรดี
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้