ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2530
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตำนาน น้ำท่วมโลก V.ฮินดู

[คัดลอกลิงก์]
ตำนาน น้ำท่วมโลก V.ฮินดู




มีหลากหลายคติความเชื่อในเรื่องน้ำท่วมโลก อย่างเช่น เรือโนอาห์ในศาสนาคริสต์ หรือในศาสนาอิสลามก็มีเรื่องราวคล้ายคลึงกัน ทีนี่จะมาเล่าเวอร์ชั่นฮินดูให้ฟังกัน ซึ่งเป็นภาคหนึ่งในนารายณ์อวตาร ชื่อว่า มัตสยาวตาร



เรื่องราวมีอยู่ว่า......เมื่อครั้งโลกมนุษย์สิ้นยุคไปหนึ่งชั่วกัลป์ พระพรหมทรงสร้างโลกใหม่ขึ้น หลังเสร็จสิ้นภาระกิจ พระพรหมจึงเสด็จเข้าบรรทมด้วยความเหนื่อยล้า ในระหว่างนั้นคัมภีร์พระเวททั้ง 4ประกอบด้วย ฤคเวท  สามเวท   ยชุรเวท และอาถรรพเวท ก็ไหลออกจากปากพระพรหม ตกลงสู่ท้องมหาสมุทร


มีอสูรอยู่ตนหนึ่งชื่อว่า “หัยครีพ” หรือ "สังขอสูร" (หอยสังข์ยักษ์) ที่ปกติอาศัยอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร คอยจับสัตว์น้ำกินเป็นอาหาร
เมื่อเห็นภัมภีร์พระเวทตกลงมาจากสวรรค์ อสูรหัยครีพจึงตัดสินใจโผล่ขึ้นมาฮุบกลืนคัมภีร์พระเวท แล้วนำความรู้ของมวลมนุษย์ดำดิ่งสู่ใต้ท้องทะเล




เมื่อใดที่พระพรหมเข้าสู่บรรทม เมื่อนั้นโลกก็เข้าสู่ความมืดมน อนธการ น้ำจะท่วมโลก สิ่งมีชีวิตทั้งหลายจะสูญสิ้นเผ่าพันธ์ุ (เพิ่งสร้างโลกใหม่แล้วแท้ๆ สงสัยต้องการจะล้างมนุษย์ชั่วๆทิ้งไปก็เป็นได้) ช่วงที่พระพรหมหลับไหล หรือที่เรียกว่า พรหมราตรี จะกินเวลายาวนาน 4,320 ล้านปี





พระนายณ์ด้วยเมตตามวลมนุษย์ จึงทรงอวตารแบ่งภาคลงมาเกิดเป็น ลูกปลากรายสีทอง (บ้างก็ว่า มีเขาบนหัวด้วย) ปลาน้อยตัวนี้ชื่อว่า สัปพลิ (่ สัป -พะ-ลิ)



เมื่อนั้นมีพระราชาสืบเชื้อมาทางสาย สุริยะวงศ์ ครองกรุงอโยธยา พระนามว่า “พระสัตยพรต” ราชาองค์นี้ฝักใฝ่ในธรรมะยิ่ง ไม่เสวยสิ่งมีชีวิตใดๆ จะเสวยก็เพียงแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว

วันนึงขณะที่ท้าวสัตยพรต เสด็จไปชำระบาปที่ริมน้ำกฤตะมาลา ขณะที่พระองค์วักน้ำขึ้นมาชำระร่างกาย ก็ติดปลาตัวน้อย สัปพลิ ขึ้นมาในอุ้งมือ ปลาน้อยขอให้พระราชาสัตยพรตช่วยชีวิต ด้วยในแม่น้ำตนอาจถูกปลาตัวใหญ่กินไปก็ได้ พระราชาจึงเมตตานำปลาน้อยสัปพลิไปเลี้ยงในพระราชวัง





เมื่อถึงพระราชวัง ท้าวสัตยพรตก็ทรงนำปลาน้อยสัปพลิไปเลี้ยงไว้ใน หม้อ เมื่อเวลาผ่านไป 1 คืน ปลาน้อยเติบโตจนตัวใหญ่คับหม้อ พระราชาจึงย้ายปลาน้อยไปเลี้ยงไว้ใน อ่าง ผ่านไปอีก 1 คืน ปลาสัปพลิก็โตเต็มอ่างอีก จึงต้องย้ายไปเลี้ยงไว้ใน สระน้ำ ผ่านไปอีก 1 คืน ปลาสัปพลิก็โตเต็มสระอีก จึงต้องย้ายไปเลี้ยงไว้ที่ทะเลสาป ผ่านอีก 1 คืน ก็โตเต็มทะเลสาปอีก ท้ายที่สุดพระราชาสัตยพรต ก็ทรงนำไปปล่อยที่ มหาสมุทร


จากนั้นพระราชาสัตยพรตก็ทรงทำพิธีบูชาปลาสัปพลิด้วยความเคารพอย่างต่อเนื่อง ด้วยคิดว่าปลาสัปพลินี้ คงไม่ใช่ปลาธรรมดาเป็นแน่

เมื่อทดสอบศีลธรรม ความเมตตาปราณี ของท้าวสัตยพรตจนเป็นที่พอใจแล้ว พระนารายณ์หรือปลาสัปพลิ จึงกล่าวความลับต่อพระราชาว่าในอีกไม่นาน จะเกิดน้ำท่วมโลก ชีวิตทั้งหลายในโลกกำลังจะพินาศ  พระนารายณ์แนะนำทางรอดให้ท้าวสัตยพรต ด้วยการให้พระองค์ต่อเรือลำใหญ่  แล้วอัญเชิญพระฤาษีระดับสูง 7 ตน มนุษย์บางกลุ่ม พร้อมต้นไม้นานาพรรณ และสิงสาราสัตว์อีกอย่างละ 1 คู่ ขึ้นเรือเพื่อให้รอดจากวิบัติภัยในครั้งนี้




ครั้นถึงเวลาที่พระพรหมหลับสนิท เมื่อนั้นท้องฟ้าก็มืดมิดสิ้นแสง เกิดพายุฝนอย่างรุนแรง ท้าวสัตยพรตและหมู่มวลบริวารจึงพากันอพยพขึ้นเรือ หลังจากนั้นเพียงนานก็เกิดคลื่นน้ำขนาดยักษ์กลืนทุกสรรพสิ่งไปไว้ใต้บาดาล

ท้าวสัตยพรตที่อยู่บนเรือ พระองค์ทรงเห็นซากศพสิ่งมีชีวิตลอยเต็มไปหมดทั่วพื้นน้ำ ก็ทรงเสียใจอย่างยิ่ง เหล่าฤๅษีเลยต้องเตือนสติให้ภาวนาถึงพระนารายณ์เข้าไว้


ขณะนั้นปลาสัปพลิก็ปรากฏกายขึ้นข้างเรือ พร้อมทั้งกล่าวให้ท้าวสัตยพรตนำพญานาคตนหนึ่งไปผูกไว้กับหัวเรือและส่วนเขาของตน จากนั้นปลาสัปพลิก็ลากเรือไปหลบไว้ในที่ปลอดภัย ท้าวสัตพรต และฤาษีทั้ง 7 พร้อมด้วยบริวาร ต่างพากันสรรเสริญพระนารายณ์ ด้วยการพร่ำสวดชื่อทั้ง 1000 พระนามของพระนารายณ์เป็นการบูชา





เมื่อกาลผ่านไป 4,320 ล้านปี  พระพรหมก็ทรงตื่นจากบรรทม หมดสิ้นช่วงพรหมราตรี เข่าสู่ พรหมทิวา ทุกอย่างบนโลกก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม พระราชาสัตยพรตและบริวารก็พากันอพยพลงจากเรือสู่พื้นแผ่นดิน เริ่มต้นยุคใหม่ โดยมีพระนารายณ์อำนวยอวยพรให้ครองโลกด้วยความผาสุข


จากนั้น พญาปลาสัปพลิก็ดำดิ่งสู่ใต้ท้องมหาสมุทร เพื่อนำคัมภีร์พระเวทที่อสูรหัยครีพนำไปซ่อนไว้คืนแก่พระพรหม

พอพบอสูรหัยครีพ  ทั้งสองก็ตรงเข้าต่อสู้กัน อสูรหัยครีพเห็นท่าไม่ดี จึงรีบแปลงคืนร่างเดิมเป็นหอยสังข์ยักษ์  พญาปลาสัปพลิจึงตรงเข้าไปกัดฉีกท้อง จนอสูรหัยครีพสิ้นใจตาย  นำคัมภีร์พระเวททั้ง 4 ไปคืนแก่พระพรหมได้สำเร็จ แล้วจึงเสด็จกลับทะเลไวกูณฐ์ที่ประทับของพระองค์...........จบเรื่อง




ด้วยเหตุที่สังขอสูร หรือ หัยครีพ ได้กลืนคัมภีร์พระเวทไปไว้ในท้อง หอยสังข์จึงถือเป็นสิ่งมงคลที่นิยมนำมาใช้ประกอบพิธีต่างๆของศาสนาพราหมณ์ หรือฮินดู และยังมีร่องรอยการโดนฉีกบริเวณท้องมาถึงกาลปัจจุบัน

ที่มา..http://www.soccersuck.com/boards/topic/1225646
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-10-3 06:36 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้