ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3599
ตอบกลับ: 5
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ปู่อือลือนาคราช

[คัดลอกลิงก์]
“ปู่อือลือนาคราช” สำแดงฤทธิ์ โผล่เล่นน้ำกลางบึงโขงหลง จ.บึงกาฬ





เป็นข่าวครึกโครม “ฮือฮา” กันไปทั่วประเทศ เมื่อ พ.ต.อ.ชยรพสายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลง อ.บึงโขง จ.บึงกาฬออกมาเปิดเผยกับสื่อว่าเขาสามารถสื่อสารกับพยานาค “ปู่อือลือ” ได้และล่าสุดได้มาเข้าฝันบอกว่าจะมาปรากฏกายให้เห็นอีกเป็นครั้งที่ 4 ในวันที่ 19ก.ค. 2554 เวลา 16.00 น. โดยจะเนรมิตตนคล้ายงูใหญ่มาว่าวยน้ำที่บึงโขงหลวงหลังจากมาปรากฏให้เห็นกันจะๆ ไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2554 ก่อนวันเข้าพรรษาซึ่งครั้งนั้นนับเป็นครั้งที่ 3 ที่มาปรากฏตัวโดยมาเข้าฝันบอกวันและเวลาล่วงหน้าเหมทอนกัน

ผู้สื่อขาวได้รับการเปิดแผยจาก พล.ต.ต.ชัยทัต รุ่งแจ้งผบก.ภ.จ.บึงกาฬว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมารวมกับคณะรอง ผวจ.บึงกาฬคือนายศุภชัย เหลืองแสงทอง เดินทางไปตรวจราชการที่ อ.บึงโขงหลง ระหว่างนั้นได้มีพ.ต.อ.ชยรพ สายจันยนต์ ผกก.สภ.บึงโขงหลงมาบอกว่า วันนี้ (8 ก.ค. 2554) เวลาประมาณ15.20 น. จะมีพญานาคโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำในบึงโขงหลงให้ผู้คนได้เห็นเป็นบุญตาและยังกล่าวอีกว่า ตอนแรกยังไม่ปักใจเชื่อแต่เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นกับตาเลยชวนคณะรองผู้ว่าฯ ไปเฝ้ารอดู เมื่อไปถึงพบว่ามีประชาชนรอดูอยู่แล้วประมาณ400-500 คน และทยอยมากันรวมประมาณ 1,000 คนได้ กระทั่งเวลาประมาณ 15.18 น.ผู้คนต่างส่งเสียงร้องฮือฮาพร้อมชี้มือตะโกนไปยังกลางหนองน้ำบึงโขงหลงภาพที่เห็นแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อพบเห็นวัตถุเคลื่อนไหวห่างจากฝั่งประมาณ200 เมตร ลักษณะคล้ายงูใหญ่กำลังว่ายน้ำบิดตัวเป็นเกลียวว่ายจากทางทิศใต้ไปทางทิศเหนือความยาวของสัตว์ที่กำลังว่ายน้ำน่าจะอยู่ประมาณ 8-10 เมตร ความใหญ่ราวๆ ลำตัวคน หรือประมาณเส้นผ่านศูนย์กลาง20 ซม. และมีสีดำว่ายน้ำอยู่ประมาณ 2 นาที ก็หายไป (ข่าวจากไทยรัฐ)


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-5 05:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อข่าวเหตุการณ์ดังกล่าวแพร่ออกไป ผู้คนต่างให้ความสนใจกันมากขึ้นจนในวันที่ 17 ส.ค. ก็ต้องฮือฮากันอีกครั้งเมื่อ พ.ต.อ.ชยรพ ออกมาให้ข่าวอีกว่า ”ปู่อือลือ”ผู้เป็นพญานาคและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบึงโขงหลงให้ความเคารพบูชาได้มาเข้าฝันและบอกว่า ในวันที่ 19 ส.ค. 2554 เวลา 16.00 น.จะมาปรากฏร่างให้เห็นอีก นับเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ นอกจากว่ายน้ำให้เห็นแล้วยังจะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารด้วย โดยคราวนี้จะให้เห็นส่วนหัวที่เป็นหงอนสีแดงและพ่นน้ำให้ดู

จากสามครั้งที่ผ่านมา พ.ต.อ.ชยรพบอกเวลาการปรากฏกายของปู่อือลือได้แม่นยำมาตลอดจะมีคลาดเคลื่อนก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นดังนั้นในครั้งต่อไปทั้งสื่อและประชาชนจึงต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้พิสูจน์ให้เห็นกับตาเพราะในครั้งนี้ พ.ต.อ.ชยรพได้บอกว่าขอนุญาตปู่อือลือแล้วว่าให้สื่อมวลชนเข้ามาทำข่าวและถ่ายภาพได้และเมื่อถึงวันนัดหมาย มีผู้คนนับหมื่นจากทั่วสารทิศจนบริเวณโดยรอบแออัดไปด้วยผู้คน แม้ฟ้าฝนจะไม่เป็นใจมีฝนโปรยลงมาตลอดช่วงบ่ายก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนที่มาเฝ้ารอถอดใจแต่อย่างใด จนกระทั่งเวลา16.00 น. ผู้คนก็ได้เฮกันลั่น เมื่อมีงูขนาดใหญ่ สีดำ ยาวประมาณ 10 เมตรว่ายน้ำอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 150 เมตร นาน 2 นาที ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาบางคนถึงกับยกมือสาธุเป็นบุญตาที่ได้ชมบารมีแต่บางคนต้องผิดหวังเพราะถูกคนข้างหน้ากางร่มบัง พ.ต.อ.ชยรพอธิบายสาเหตุที่ปู่อือลือมาปรากฏตัวช้ากว่านัดหมายว่าเพราะมีหมอผีเขมรจากไหนไม่ทราบมาทำพิธีขอฝนซึ่งขัดกับทางตนที่ทำพิธีขอไม่ให้ฝนตกตอนบวงสรวงปู่อือลือพอฝนตกลงมาอย่างหนักจึงทำให้ปู่อือลือลังเลที่จะออกมาแต่ในที่สุดก็ยอมออกมาเพราะเห็นถึงความศรัทธาของผู้คนที่เฝ้ารอแต่น่าเสียดายที่ฝนตกจึงทำให้มองเห็นปู่อือลือได้ไม่ชัดเจนนักรวมทั้งสื่อมวลชนก็ถ่ายภาพได้ยาก

หลังจากนั้นผู้คนก็ทยอยกลับ บ้างสมหวังบ้างผิดหวังแต่ยังมีบ้างกลุ่มที่รออยู่อีก จนกระทั่งเวลา 17.40 น. ปู่อือลือก็ไม่ทำให้ผิดหวังท่านออกมาว้ายน้ำให้ชมกันอีกรอบ ซึ่งครั้งนี่นานถึง 4 นาทีสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก

หลังเหตุการณ์ “ปู่อือลือนาคราชสำแดงฤทธิ์”ว่ายน้ำเล่นกลางบึงโขงหลวงครั้งที่ 4 ผ่านไปก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมามากมายว่า พญานาคมีอยู่จริงอย่างนั้นหรือหรือว่านี่จะเป็นแค่เรื่องแหกตา

และในระหว่างที่ทุกคนกำลังตามล่าหาความจริงอยู่นั้นคนทั่วไปก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเช้าของวันที่ 24 ส.ค. 2554มีข่าวพาดหัวทั่วทุกสื่อว่า พญานาคปู่อือลือปรากฏอีก คนหาปลาเจอจังๆ เหตุการณ์ดังกล่าวสำนักข่าวINN รายงานว่าเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายปราโมทย์ สุกทน ผอ.โรงเรียนบึงโขงวิทยา อ.บึงโขงหลงเปิดเผยว่า ตั้งแต่เช้าเวลา 08.00 น. วันที่ 23 ส.ค.ได้มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมฝั่งบึงโขงหลงและที่กำลังหาปลาอยู่รอบบึงได้พบเห็นพญานาคปู่อือลือที่อาศัยในหนองน้ำบึงโขงหลงในเขตเทศบาลบึงโขงหลงออกมาปรากฏกายให้เห็นหลายๆจุดในรอบบึง โดยครั้งนี้ไม่เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมาที่จะสื่อสารผ่านพ.ต.อ.ชยรพ ก่อนทุกครั้ง แต่เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปทำให้ชาวบ้านและผู้ที่มีความเชื่อศรัทธาและต้องการพิสูจน์พบเห็นปู่อือลือต้องเดินทางออกจากบ้านมาดูหลายคนบันทึกภาพใส่กล้องมือถือได้ โดยนางกัลยา กรวิรัตน์ วัย 50 ปีที่มีบ้านพักติดริมบึง อาชีพแม่ค้า กล่าวว่า ตนได้ยินเสียงนางหนู นายชัยซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กันและเป็นคนหาปลาอยู่หน้าเขื่อนร้องเสียงโหยหวนดังมากนึกว่าโดนรถชน แต่พอตนวิ่งออกไปดูที่หน้าบ้านก็เห็นนางหนูวิ่งหน้าตาตื่นขึ้นจากน้ำมาหาท่าทางตกใจเหมือนคนเพิ่งเจอผีมา แต่พอตนมองไปตามทางที่นางหนูวิ่งขึ้นมาก็เห็นพญานาคปู่อือลือเป็นงูใหญ่ลำตัวเท่าลำเรือหาปลา สีดำ ยาวประมาณ 30 เมตรท่านกำลังว่ายน้ำจากทิศใต้ขึ้นเหนือ นานประมาณ 10 นาที โดยบอกว่า แปลกที่ไม่มีน้ำกระเพื่อมรอบตัวเหมือนงูธรรมดาว่ายน้ำจะต้องเห็นคลื่นน้ำรอบตัวงู ชาวบ้านที่ทราบข่าวจึงแห่ไปรอดูกันหลายพันคนจนถึงเวลา 17.59 น. พยานาคก็ปรากฏให้เห็นเป็นครั้งที่ 5โดยขึ้นมาลอยน้ำอยู่ใกล้ศาลาเฉลิมพระเกียรติห่างฝั่งประมาณ 70 เมตรต่อหน้าผู้คนที่รอชมนาน 3 นาทีผู้คนที่รอชมต่างส่งเสียงอื้ออึงพร้อมเสียงไชโยและสาธุรอบบึง

โดย พ.ต.อ.ชยรพ กล่าวว่าปู่อือลือมาปรากฏตัวโดยไม่ได้บอกตนมาก่อนเป็นเพราะอยากแก้ตัวที่เมื่อวันที่ 19 ออกมาได้แป๊บเดียว พร้อมกับบอกอีกว่า ประชาชนที่ผิดหวังจะได้ชมบารมีท่านอีกในวันออกพรรษาแน่นอนและจะมีการพ่นบั้งไฟพญานาคด้วยซึ่งถือเป็นครั้งแรกของบึงโขงหลงเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า “ปู่อือลือ” มีอยู่ในบึงจริงโดยคราวนี้ขอเอาตำแหน่งของตนเองเป็นประกัน

ระหว่างรอให้วันออกพรรษามาถึงเพื่อชมบั้งไฟเรื่องของพญานาคกลับมาเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งไม่ต่างกับคราวที่เกิดบั้งไฟพยานาคขึ้นมาใหม่ๆและดูท่าเรื่องราวคราวนี้จะอัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อครั้งนี้เป็นเรื่องของพยานาคตัวเป็นๆ ที่ตั้งใจมาโชว์ให้เราได้เห็นโดยสื่อสารผ่านพ.ต.อ.ชยรพ เพื่อแจ้งวันเวลาในการปรากฏกายจนกลายเป็น ทอร์คออฟเดอะทาวน์ของคนทั้งประเทศ เป็นข่าวเด่นบนหน้าหนังสือพิมพ์ รายการโทรทัศน์และโลกไซเบอร์ในเวลาอันรวดเร็ว และแม้ข่าวจะรายงานจบไปแล้ว แต่ความเชื่อความศรัทธา และวิทยาศาสตร์ ยังไม่จบ และดูท่าจะยือเยื้อซ้ำรอยบั้งไฟพญานาคอีกด้วย



ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-5 05:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลายคนหลายฝ่ายต่างนำเอาภาพถ่ายและคลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้ได้มาแสดงเพื่อร่วมพิสูจน์และตั้งข้อสังเกตกันอย่างถึงพริกถึงขิงวึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ ดังนี้

กลุ่มแรก เชื่อว่าเป็นพญานาคปู่อือลือแปลงกายมาอย่างแน่นอนเพราะได้เห็นกับตาว่าเป็นงูใหย่สีดำตัวยาว ตรงตามที่ พ.ต.อ.ชยรพ บอกไว้แถมยังมาปรากฏตามวันที่นักหมายอีกด้วย แม้เวลาจะคลาดเคลื่อนไปบ้างก็ตามประกอบกับความศรัทธาและความเชื่อว่าพยานาคมีอยู่จริงอยู่แล้ว

กลุ่มที่ 2 เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คือ เชื่อมั่นตามพระไตรปิฎกว่าพยานาคมีอยู่จริงแม้จะไม่เคยเห็นก็ตาม ในเมื่อเขาอยู่คนละภพกับมนุษย์การไม่เคยเห็นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อยู่ๆจะมาแสดงอภินิหารแปลงกายเป็นงุใหญ่มาให้ชมก็นับเป็นเรื่องที่แปลกอยู่แถมนัดเวลาอีกด้วย ทว่าสิ่งที่ได้เห็นนั้นมันไม่ชัดเจน อีกทั้งอยู่ไกลเกินไปแล้วยังจะมีสายฝนทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด จึงยังไม่ปักใจเชื่อ

กลุ่มที่สาม ไม่เชื่อ 100% คือเชื่อในสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้เท่านั้น เรื่องของพญานาคเป็นเพียงความเชื่อ ไม่ได้มีอยู่จริงเพราะจนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยมีใครถ่ายภาพชัดๆ ของพญานาคมาให้ดูได้สักคน เมือพญานาคไม่มีอยู่จริงสิ่งที่เห็นจะต้องเป็นอะไรสักอย่างซึ่งต้องพิสูจน์กันต่อไปว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรเป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดาตามธรรมชาติ หรือปรากฏการณ์คลื่นน้ำกันแน่

นอกจากกลุ่มความคิดเห็นที่แบ่งแยกแล้วยีงมีบางคนตั้งข้อสังเกตุการปรากฏตัวของปู่อือลือไว้อย่างน่าสนใจอีกด้วย เช่น

พ.ต.อ.ชยรพ ตั้งข้อสังเกตว่า ทุกครั้งก่อนที่ปู่อือลือจะปรากฏตัวนั้นลมจะสงบ คลื่นจะสงบ พื้นน้ำราบเรียบ น้ำนิ่งมากๆ เมื่อสภาพแวดล้อมสงบนิ่งปู่อือลือก็จะปรากฏตัว จากข้อสังเกตุนี้ช่วยให้สามารถอธิบายเหตุการณ์ในวันที่ 19ส.ค. ได้อย่างดีว่า ทำไมปู่อือลือจึงมาปรากฏกายช้ากว่าเวลาที่นัดหมายนั่นก็เพราะสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย จึงทำให้เวลาคลาดเคลื่อนออกไป

ส่วนชาวบ้าน ตั้งข้อสังเกตุว่าจุดที่ปู่อือลือปรากฏตัวนั้นเป็นจุดเดียวกับที่คนหาปลาบอกว่าตรงนั้นเป็นโบสถ์เก่าและเคยทอดแหไปติดกับฐานพระพุทธรูป แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยมีใครได้เห็นฐานพระพุทธรูปนั้นอีกเพราะพญานาคที่คอยปกปักษ์รักษาบึงโขงหลงได้แสดงอภินิหารบังตาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คนโลภมาเก็บเอาไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว

ในขณะที่ก็มีชาวบ้านบางส่วน ตั้งข้อสังเกตุว่างูใหญ่สีดำที่ปรากฏนั้นว่ายน้ำไม่เป็นธรรมชาติงูธรรมดาเวลาว่ายน้ำจะเลื่อยไปมาจนน้ำรอบๆ เกิดการกระเพื่อมแต่งูตังนี้กลับเคลื่อนไหวแตกต่างออกไป คือเคลื่อนลำตัวขึ้นลงมองเห็นส่วนของลำตัวโผล่พ้นน้ำถึงสามช่วงด้วยกันซึ่งเป็นลักษณะการว่ายน้ำของพญานาค ตรงกับภาพวาดของพญานาคในพุทธประวัติ

ถึงแม้ความคิด ความเห็น ความเชื่อ จะมีเหตุผลมาประกอบแตกต่างกันไป แต่เรื่องการนัดหมายเวลาและการมาปรากฏกายอย่างแม่นยำยังเป็นอะไรที่เหลือเชื่อท้าทายให้ผู้คนอยากพิสูจน์

จากการที่ พญานาคปู่อือลือ โด่งดังในเวลาอันรวดเร็วและน้อยคนนักจะเคยรู้จัก ทำให้คนภายนอกคิดว่าท่านเพิ่งได้รับการบูชาทั้งที่จริงแล้วปู่อือลือเป็นตำนานของการก่อกำเนิดบึงโขงหลงและเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบึงโขงหลงมาช้านานแล้วชาวบ้านเชื่อว่าปู่อือลือเป็นเจ้าแห่งบึงโขงหลง เป็ยพญานาคที่คอยปกปักษ์รักษาบึงและชาวบ้านที่ใช้บึงแห่งนี้เป็นแหล่งทำมาหากินซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านมักจะบนบานศาลกล่าวหรือขอพรจากท่านให้แคล้วคลาดปลอดภัยทุกครั้งที่ออกไปหาปลาในบึง

ดังนั้นผู้ที่ประสบพบเจอเรื่องแปลกๆหรือภินิหารของปู่อือลือส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านที่ทำอาชีพประมงในบึงโขงหลงเรื่องเล่ามากมายถูกถ่ายทอดจากปากสู่ปาก จากรุ่นสู่รุ่น...

เมื่อนานมาแล้ว ขณะที่คนหาปลากำลังล่องเรืออยู่กลางบึง อยู่ๆทางข้างหน้าก็มีหมอกควัน พอเรื่อแล่นเข้าไปในกลุ่มควันก็เหมือนกับไปโผล่ในเมืองๆหนึ่งที่มีสภาพไม่เหมือนดลกมนุษย์ปัจจุบัน จนกระทั่งควันหายไปเรือก็มาเกยฝั่งสร้างความฉงนให้กับคนหาปลาผู้นั้นเป็นอย่างมาก จนทุกวันนี้ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่านั่นคือที่ไหน

เรื่องราวแปลกๆที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นอภินิหารของปู่อือลือนาคราชยังไม่หมดเพียงแค่นั้นชาวบ้านเล่าต่อว่า มีชาวประมงผู้หนึ่งได้ออกเรือไปและจอดทอดแหอยู่กลางบึงแต่ในระหว่างที่กำลังสาวแหอยู่นั่นเองได้เกิดสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างจนต้องเรียกพรรคพวกมาช่วยกันดำลงไปดูแล้วทุกคนก็ต้องทึ่งเมื่อพบว่ามีฐานพระพุทธรูปคาอยู่ตรงนั้น พอชาวบ้านคนอื่นๆทราบข่าวก็พากันดำลงไปดูบ้าง แต่ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีใครเจออีกเลย จะว่าน้ำพัดไปก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะฐานนั้นมีขนาดใหญ่ซึ่งน่าจะหนักพอสมควรและหากถูกน้ำพัดไปจริงก็น่าจะไปไม่ไกลแต่นี่กลับหายไปอย่างกับล่องหนได้นับแต่นั้นมาก็ยังไม่มีใครกล้าดำลงไปแถวนั้นอีกเพราะคิอว่าปู่อือลือท่านคงไม่อยากให้ไปรบกวนที่ตรงนั้นจึงบังตาไว้ไม่ให้เห็นฐานพระพุทธรูปผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่าที่ตรงนั้นแต่เดิมมีโบสถ์อยู่ แต่จมลงใต้บึงเมื่อนานมาแล้วเพราะฤทธิ์ของะญานาค

นอกจากนี้ยังมีบ่อยครั้งที่ปู่อือลือคอยช่วยเหลือชาวประมงให้รอดพ้นจากพายุฝนที่โหมกระหน่ำและกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัยเล่ากันว่ามีเรือหาปลาของชาวประมงคนหนึ่งเจอเข้ากับพายุฝนลมกรรโชกแรงจนเรือเกือบจะล่ม แต่จู่ๆก็เกิดปาฏิหารเหมือนกับมีบางอย่างมาหนุนเรือไว้และพากลับเข้าฝั่งอย่างน่าอัศจรรย์สิ่งแรกที่เขานึกถึงคงไม่พ้นปู่อือลือมาช่วยเป็นแน่ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็กราบไหว้บูชาปู่อือลือมาตลอด

จากเรื่องราวปาฏิหารต่างๆที่ชาวบึงโขงหลงเคยประสบนี่เอง จึงไม่น่าแปลกที่พวกเขาจะเคารพศรัทธาในปู่อือลือนาคราชและไม่ว่าภาพการปรากฏกายจะเป็นที่กล่าวถึงในแง่ใดก็ตาม สำหรับชาวบึงโขงหลงแล้ว ปู่อือลือนาคราชคือเจ้าแห่งบึงโขงหลง เป็นพญานาคที่ช่วยคุ้มครองชาวบ้านให้พบแต่ความสุขสวัสดีและอำนวยพรชัยให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปโดยเฉพาะกับผู้ที่สักการบูชาและศรัทธาท่านอย่างแท้จริงส่วนคนภายนอกจะเห็นหรือเชื่ออย่างไรนั้นก็สุดแท้แต่ ขอเพียงแค่ “ไม่เชื่อไม่เคารพก็ขออย่าลบหลู่”

ที่มา - http://payanakara.blogspot.com/2012/06/blog-post_4585.html

ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้