ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6909
ตอบกลับ: 14
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

"สังคมวิปริต" รีดอสุจิใช้ทำคุณไสย

[คัดลอกลิงก์]
ตะลึง! ซิมบับเวจับแก๊งหญิงรุมข่มขืนชาย-รีดอสุจิใช้ทำคุณไสย

ชาวบ้านรุมประณามทำสังคมวิปริต



         

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน

ตำรวจซิมบับเวซึ่งดำเนินการสอบสวนคดีแก๊งหญิงรุมข่มขืนผู้ชายนักทัศนาจรโบกรถ

และรีดอสุจิเชื่อว่าเพื่อใช้ทำพิธีกรรมด้านไสยศาสตร์

สามารถจับกุมหญิงผู้ต้องสงสัย 3 ราย โดยตำรวจสามารถยึดถุงยางใช้แล้วจำนวน 32 ถุง ในรถยนต์ของพวกเธอ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น


รายงานระบุว่า การจับกุมดังกล่าวมีขึ้นหลังเกิดข่าวแพร่สะพัดว่า เกิดคดีประหลาด
แก๊งหญิงซิมบับเวรุมข่มขืนผู้ชายนักทัศนาจรโบกรถที่กำลังเพิ่มขึ้น
โดยกลุ่มมีพฤติกรรมลวงนักทัศนาจรดังกล่าวขึ้นรถ วางยา

และรุมข่มขืน พร้อมทั้งรีดอสุจิของเหยื่อ และทิ้งเหยื่อไว้ข้างถนน

และภายหลังตำรวจสามารถจับกุมหญิงคนร้ายแก๊งนี้ได้

มีเหล่าฝูงชนที่โกรธแค้นแห่มาชุมนุมหน้าสถานีตำรวจ โดยบางรายบอกว่า
เรารู้สึกช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมเรากับพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสื่อม

จากกรณีผู้ชายถูกแก๊งผู้หญิงล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งดูเหมือนว่าสังคมซิมบับเวกำลังจะวิปริตแล้ว


ทั้งนี้ ตำรวจยังต้องการขอให้ชายรายอื่นๆ  ที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งสามหญิงแสบนี้
ร่วมออกมาชี้ตัวผู้กระทำผิดด้วย โดยหวังว่า
จะนำดีเอ็นเอของเหยื่อเหล่านี้ มาเปรียบเทียบกับอสุจิที่ถูกรีดเก็บไว้โดยกลุ่ม


เครดิต : horoworld


โอววว
วันที่ 22 เมษายน  พ.ศ. 2558 เวลา 00:01 น.

สดจากสนามข่าว
วัฒนชัย จำนงค์ทอง เรื่อง-ภาพ




กลาย เป็นคดีสะเทือนขวัญชาวอุดรธานี เมื่อคนร้ายบุกป่าช้าขโมยศพและชิ้นส่วนศีรษะ ย่ำยีจิตใจของครอบครัวคนตายซ้ำสอง หลังต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นรักไปอย่างไม่มีวันกลับไปแล้ว



ตำรวจใช้เวลาไม่นานก็ปิดคดีลงได้ เผยโฉมคนร้ายคือพระธุดงค์ ที่ใช้เดรฉานวิชาหากินกับความงมงายของชาวบ้าน



คดี นี้ถูกเปิดเผยขึ้นวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อนางอนงค์ หีบแก้ว อายุ 65 ปี กับนางบัวลี ชูเรียง อายุ 63 ปี ชาวบ้านโนนสา ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี พากันเข้าแจ้งความกับร้อยเวร สภ.ประจักษ์ศิลปาคม ว่ามีคนร้ายแอบขุดแล้วขโมยศพนายนพรัตน์ หีบแก้ว อายุ 33 ปี ที่ตายจากสาเหตุถูกทำร้าย แล้วยังทุบเบ้าหลุมศพเอาส่วนศีรษะศพนางศิริรัตน์ อัครราช อายุ 36 ปี ลูกสาวนางบัวลี ที่เสียชีวิตขณะตั้งท้อง 5 เดือน ไปจากป่าช้าบ้านโนนสา หมู่ 14 ต.นาม่วง



"ส่วนตัวคิดว่าคนร้ายจะเอาไปทำสิ่งเลวร้าย สิ่งที่ไม่ดี เป็นการกระทำซ้ำเติมลูกชายที่ถูกทำร้ายจนตายแล้วยังมาถูกขโมยศพไปอีก ขอให้สิ่งที่เลวร้ายทั้งหลายไปสู่คนที่ทำสิ่งไม่ดีแต่ฝ่ายเดียว ตอนสงกรานต์จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ลูก แต่แล้วก็ไม่มีแม้กระดูกลูกไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้เลย จึงขอสาปแช่งคนที่ขโมยศพลูกไป" นางอนงค์เผยด้วยความคับแค้นใจ



ขณะ ที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน โรงพัก ประจักษ์ศิลปาคม โรงพักกุมภวาปี และชุดสืบสวนจังหวัดอุดรธานี ร่วมกันเข้าคลี่คลายคดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ป่าช้าบ้านเชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี ก็ถูกคนร้ายบุกมาขุดและขโมยศีรษะศพเด็กชายหญิง 2 พี่น้องที่จมน้ำตายหายไป



เบาะแส แรกที่ตำรวจมีคือชาวบ้านให้การว่า พระธุดงค์กับชาวบ้านที่ชอบเล่นหวยพากันเข้าไปทำพิธีขอหวยจากศพที่ตายผิด ธรรมชาติ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าตายโหงในป่าช้าทั้ง 2 แห่ง จากนั้นศพและศีรษะก็หายไป



ถัดมาช่วงเช้าวันที่ 17 เม.ย. ชุดสืบสวนจังหวัดอุดรธานียกกำลังไปที่วัดป่าธรรมเจริญ ก่อนเชิญตัวพระอุ่น อธิโญ อายุ 65 ปี มาสอบปากคำ หลังสืบสวนจนรู้ว่าพระธุดงค์รูปนี้คือผู้ที่พาชาวบ้านไปทำพิธีขอหวยในป่าช้า



"ยอม รับว่าเข้าไปทำพิธีขอหวยศพตายโหงในป่าช้า แต่ไม่รู้เรื่องศพหาย ที่เข้าไปทำก็เพราะนายดม มัคนายกวัดกับเพื่อนๆ มาชวนไปทำพิธี โดยให้วัยรุ่น 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มารับเข้าไปในป่าช้า เสร็จแล้วก็พากลับมาส่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยบอกหวยชาวบ้านจนถูกกันไปแล้วครั้งหนึ่ง นายดมจึงชักชวนไปทำพิธีอีก" พระอุ่นให้การ



จากนั้นตำรวจไป หิ้วชาวบ้าน 6 คนที่เข้าไปร่วมทำพิธีมาเค้นสอบความจริง จนกระทั่งนายขุนทอง เกตุหนู อายุ 32 ปี นายวรพงษ์ เสนาพล อายุ 20 ปี รับสารภาพว่า วันเกิดเหตุมีชาวบ้าน 5 คน และพระอุ่นอีก 1 รูป เข้าไปทำพิธีขอหวยในป่าช้าบ้านเชียงแหว



แต่ขณะทำพิธีมีเสียง หมาหอนดังลั่นป่าช้า ชาวบ้าน 3 คนจึงพากันวิ่งกลับบ้านไปก่อน เหลือเพียงพวกตน 2 คนกับพระอุ่นอยู่ทำพิธีต่อจนเสร็จ



พระ อุ่นให้พวกตนช่วยกันขุดศพขึ้นมาแล้วบอกให้กลับไปก่อน ระหว่างที่เดินออกจากป่าช้าหันไปดูเห็นพระอุ่นกระโดดลงไปในหลุมศพเด็ก จากนั้นพระอุ่นเป็นคนเอากะโหลกศีรษะศพเด็กไป แต่ไม่รู้ว่าเอาไปไว้ที่ไหน



ตำรวจย้อนกลับเข้าตรวจค้นกุฏิ พบตะขอสับช้างหรือคชกุศ ที่ลงอักขระอาคมใช้เกี่ยวกะโหลกศีรษะศพเด็ก และค้อนปอนด์ จึงยึดไว้เป็นของกลาง



ระหว่างเจ้าหน้าที่สอบปากคำพระอุ่นได้นิมนต์พระครูอุดมกิจจาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอกุมภวาปี มาทำพิธีสึกพระอุ่นด้วย



โดย พระครูอุดมกิจจาภรณ์กล่าวกับพระอุ่นว่า ในทางธรรมเรียกว่าภิกษุ อาจิณ ในเพศสมณะทำอย่างนี้ไม่ถูก เพราะไม่ใช่หน้าที่ของพระสงฆ์ที่ต้อง ไปทำมาหากินแบบนี้ ทางวินัยได้บัญญัติเอาไว้ เป็นอเนสนาหากินโดยมิชอบ เบียดเบียนชาวบ้าน เบียดเบียนศพ ถ้าเป็นพระต้องแผ่เมตตาสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่เราไปเรียนเดรัจฉานวิชามาแล้วมาเบียดเบียนกับศพ







พ.ต.อ.วิชาญ สะธรรมแปง พงส.ผทค.สภ.กุมภวาปี เผยว่า สอบปากคำไปแล้ว 7 ปากกันไว้เป็นพยาน 4 คน



ส่วน นายอุ่น อุ่นเรือน หรือพระอุ่น กับนายวรพงษ์ และนายขุนทอง แจ้งข้อหาดำเนินคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันในการกระทำ ความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยไม่มีเหตุอันควร ทำให้เสียหายเคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนของศพ แม้นายอุ่นยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา



ตำรวจยังคงเร่ง ติดตามศพและศีรษะที่หายไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำกลับคืนสู่ครอบครัวและนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่กำลังเฝ้ารอคอยอยู่ ด้วยความหวัง




ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1429630529

เฮ้อ การเริ่มด้วยการทำความเสื่อมให้คนอื่น มันจะดีได้ยังไงหนอ
อันนี้ก็คงพอๆกัน...
พบแล้ว! ซากเด็กที่เจ้าอาวาสทำของ เมื่อ 5 ปี ก่อน เมื่อเปิดดูข้างในกู้ภัยถึงกับทึ่ง


ที่มา sanook
(21 เม.ย.) จากกรณีเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมกับทหาร เข้าตรวจสอบที่ วัดห้วยลิ้นจี่ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ได้มีผู้ร้องเรียนว่าอดีตเจ้าอาวาสของวัด ซึ่งถูกจับสึกไปเมื่อปีที่ผ่านมา ได้นำศพเด็กไปฝังไว้ใต้ฐานพระพรหมและศาลฤาษีจำนวน 4 ศพ เพื่อสร้างวัตถุมงคลโดยใช้วิชาไสยศาสตร์ แต่มีกลุ่มชาวบ้านจำนวน 100 คน ได้รวมตัวประท้วงไม่ยอมให้มีการขุดศพ

ล่าสุด วันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดพบศพเด็กในโลงแก้วฝังใต้ฐานพระพรหมแล้ว  


ก่อนหน้านี้ นายเฉลิม อายุ 31 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยลิ้นจี่ ได้เข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 พร้อมรับสารภาพว่า ได้นำศพเด็กหญิงไปฝังไว้ที่ฐานพระพรหมจริง โดยใส่ในโลงแก้วไว้ใต้ฐาน ส่วนรอบฐานเป็นเศษกระดูกและซากศพเด็กตัวเล็กๆ อีกหลายศพ โดยมีพิธีสะกดวิญญาณเพื่อให้ของขลัง

โดยศพ ด.ญ.วันเพ็ญ ได้รับศพเด็กมาจากชายไทย อายุประมาณ 40 ปีเศษ ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เมื่อประมาณ พ.ศ.2552 - 2553 เพื่อทำบุญให้กับเด็กทารกที่เสียชีวิต โดยชายคนดังกล่าวได้ขอมอบศพเด็กทารก และขอฝากศพเด็กไว้เป็นบุตรกับพระเฉลิมในขณะนั้น

และก่อนหน้านี้ ชาวบ้านที่เคยศรัทธาในตัว นายเฉลิม ได้มรวมทั้งชาวบ้านที่เคยยับยั้งไม่ให้เจ้าหน้าที่ขุดศพขึ้นมาตั้งแต่แรกจำนวนมาก แต่สุดท้ายก็ยินยอมและขอให้นำพระสงฆ์ 9 รูป มาทำพิธีสวดถอนดวงวิญญาณเสียก่อน จนกระทั่งในวันนี้เจ้าหน้าที่สามารถได้ขุดพบเจอตามรายงานข่าว
ข้อมูลจาก:

ดูเพิ่มเติม ==> http://nisit.co/WtpW


morntanti ตอบกลับเมื่อ 2015-4-22 11:03
อันนี้ก็คงพอๆกัน...
พบแล้ว! ซากเด็กที่เจ้าอาวาสทำของ  ...

วันที่ 28 เมษายน  พ.ศ. 2558 เวลา 12:31 น.

ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1430199156


สุดพิสดาร!! จอมขมังเวทย์ซื้อซากศพเคี่ยวทำน้ำมันพราย โชว์ภาพพิธีผ่านเว็บ-เฟซบุ๊ก



จากกรณีตำรวจภาค 5 โดยการนำของ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภาค 5 ตรวจสอบตามวัดต่างๆ ที่เหล่าพระสงฆ์ ได้นำซากศพเด็กทารก มาทำพิธีคุณไสย รวมทั้งกะโหลกมนุษย์ และได้ดำเนินการขุดศพเด็กหญิงวันเพ็ญ ที่ถูกฝังใต้ฐานพระพหรม ที่วัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ เชียงใหม่ ช่วยให้วิณญาณเด็กได้ไปผุดไปเกิดตามหนังสือร้องเรียนให้ช่วยเหลือ และทำการตรวจสุสานหายยา อ.เมืองเชียงใหม่ ต้นตอของการนำชิ้นส่วนศพเด็กมาขาย และชิ้นส่วนศพอื่นๆ ของมนุษย์ พบสัปเหร่อ สองคนผัวเมีย คือ นางสมบูรณ์ เนรมิตร อายุ 72 ปี หรือป้าบุญ และนายสุทัศน์ เนรมิตร อายุ 58 สัปเหร่อสุสานหายยา อยู่ ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ โดยได้ยึดเศษชิ้นส่วนของศพจำนวนถึง 20 ถุง ซุกซ่อนอยู่ใต้ถุนเมรุของสุสาน ตรวจสอบ



โดยนายสุทัศน์ ได้รับสารภาพว่าได้รับเศษชิ้นส่วนศพ มาจาก รพ.ต่างๆ ในเขตภาคเหนือและคลินิกต่างๆ เพื่อให้มาเผา ทั้งที่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้มีการยกเลิกการรับเผาศพและชิ้นส่วนศพของทาง รพ.แต่ละแห่งรวมทั้งของคลินิกไปนานกว่า 2 ปี จึงได้ดำเนินคดีกับทางสัปเหร่อ สองคนผัวเมีย ส่วนทางเทศบาลนครเชียงใหม่ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทางวินัย นายสุทัศน์ ที่แอบทำการรับเผาชิ้นส่วนศพจาก รพ.อื่นๆ ทั้งที่ทางเทศบาลมีคำสั่งยกเลิกไป ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

เวลา 09.00 น. วันที่ 28 เม.ย. พล.ต.ต.ปชา พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสพโชคชัย ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมพนักงานสอบสวน ได้นำตัว นางสมบูรณ์ เนรมิตร และ นายสุทัศน์ เนรมิต สัปเหร่อสุสานหายยา ซึ่งเป็นผัวเมียกัน มาทำการสอบปากคำเพิ่มเติม และได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและทำการเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยติดเชื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนเทศบัญญัตินครเชียงใหม่ เรื่องการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ.2547 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการส่งฟ้องศาล จังหวัดเชียงใหม่ ทันทีในวันนี้



พล.ต.ต.ปชา เปิดเผยว่า สองผัวเมียรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เรื่องของการดำเนินการรับเผาจัดการชิ้นส่วนศพฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอัตราโทษ จำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นข้อหาที่ทางตำรวจภาค 5 ได้ไปตรวจค้นเจอซากศพชิ้นส่วนศพในถุงดำ ใต้ถุนเมรุเผาในสุสานหายยา ซึ่งรอการเผา ทั้งสองรับสารภาพ สำหรับเรื่องซากศพเด็กหญิงวันเพ็ญ ซึ่งอดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ ได้ให้การยืนยันว่าได้ให้คนขับรถมาซื้อจากป้าบุญ ที่สุสานหายยา สุดท้ายจากการตรวจของแพทย์นิติเวช พบว่า น้องวันเพ็ญ เสียชีวิตก่อนคลอด อดีตเจ้าอาวาสที่นำศพเด็กไปฝังไว้ใต้ฐาน จึงไม่มีความผิด ทางเราจึงได้กันตัวเป็นพยาน ในเรื่องของการซื้อขายชิ้นส่วนศพ ซากศพ ซึ่งในจุดคดีนี้เรากำลังสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับนางสมบูรณ์ หรือ ป้าบุญ อยู่ และกำลังศึกษาข้อกฏหมายว่า นางสมบูรณ์ จะเข้าข่ายความผิดข้อกฎหมายข้อใดต่อไป





ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ได้มีกลุ่มบุคคลได้ทำการโฆษณา วิธีการนำชิ้นส่วนศพมาทำพิธีเคี่ยวกับน้ำมันและผลิตเป็นน้ำมันพราย บรรจุใส่ขวด และบางรายก็เอาเฉพาะชิ้นส่วนศพตรงอวัยวะเพศหญิงเพศชายมาเคี่ยวในน้ำมัน โดยนำภาพวิธีการทำลงในเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นการโฆษณาสรรพคุณและความขลังเพื่อให้ชาวต่างชาติได้เห็นสร้างความสนใจ โดยพวกนี้จะทำตัวเป็นจอมขมังเวทย์ และผลิตวัตถุมงคล แบบพิสดาร ออกจำหน่ายส่งออกให้กับชาวต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทย เสียชื่อเสียง

โดยเรื่องนี้ทาง พล.ต.ต.ปชา ได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว และได้ส่งชุดสืบสน ลงพื้นที่หาจุดเป้าหมายของกลุ่มพวกนี้ และสำนักหรือโรงงานผลิตวัตถุมงคลดังกล่าวแล้ว โดยทางตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ได้ลงพื้นที่ ตามการโฆษณาของกลุ่มดังกล่าวตามเฟซบุ๊ก พบเป้าหมายเป็นสำนักของแต่ละคนแล้ว ซึ่งพบว่าอยู่ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และ ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ โดยได้รายงานให้ทาง พล.ต.ต.ปชา ทราบเพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป

พล.ต.ต.ปชา เปิดเผยว่า กรณีที่มีกลุ่มบุคคลได้นำหรือมาซื้อชิ้นส่วนซากศพจากสุสานแล้วนำไปทำน้ำมันพราย เครื่องรางของขลัง ออกจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว แบบผิดกฏหมายและผิดศีลธรรมประเพณีอันดีงามของไทย เรื่องนี้ทาง ท่าน พล.ต.อ.เรื่องศักดิ์ ศิริเอก รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการมายังผู้การสืบสวนทุกภาค ทำการสอดส่องดูแลบุคคลที่มีพฤติการณ์ในเรื่องเหล่านี้ หมายถึง พวกพระสงฆ์ หรือฆราวาสที่ กระทำสิ่งพวกนี้ออกจำหน่ายออกขายเป็นขบวนการ และให้ไปหาเครือข่ายขบวนการเหล่านี้ เพื่อให้ทางผู้การสืบสวนทุกภาค  รับผิดชอบในเรื่องนี้ รวมทั้งผู้กำกับแต่ละโรงพักดูแลสอดส่องในเรื่องนี้ โดยในส่วนของตำรวจภาค 5 ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนภาค 5 ลงพื้นที่ไปหาข่าว กับบุคคลและพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมที่นำชิ้นส่วนศพมากระทำพิธีที่ไม่เหมาะสม  ซึ่งก็ได้สืบสวนจนพบว่าที่เชียงใหม่ มีอยู่ด้วยกัน 3 ราย ที่ทราบว่ามารับซื้อชิ้นส่วนศพจากสุสานไปประกอบพิธีทำน้ำมันพรายหรือทำมวลสาร เพื่อผลิตวัตถุมงคลออกจำหน่ายให้กับชาวต่างประเทศ ทั้งเวียดนาม , จีน , มาเลเซีย และสิงคโปร์  



จากการตรวจสอบยังพบว่าบุคคลทั้งสามคน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพวกจอมขมังเวทย์ ได้ทำการขึ้นโฆษณาตามเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กของตนเอง ลงภาพในขั้นตอนทำพิธี นำชิ้นส่วนศพมาทำการเคี่ยว ผสมน้ำมัน ในหม้อดิน เห็นเป็นกะโหลกศีรษะคน เคี่ยวจนเนื้อหลุดเป็นน้ำมัน ลงภาพโฆษณา กรรมวิธีของตนเอง บางรายนั้นเน้นเอาเฉพาะอวัยวะเพศของชายและหญิงลงเคี้ยวผสมน้ำมัน ซึ่งทางตำรวจภาค 5 ได้นำภาพโฆษณาพวกนี้ของบุคคลพวกจอมขมังเวทย์ ทั้ง 3 รายไว้แล้ว และส่งตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ประสานกับทางตำรวจท้องที่ เพื่อเข้าตรวจสอบจุดเป้าหมาย และได้ให้ตำรวจไปดำเนินการขอหมายค้น และเตรียมดำเนินการเข้าตรวจค้นต่อไป  



โดยจุดที่สำนักจอมขมังเวทย์เหล่านี้ตั้งอยู่ ทราบมาว่าอยู่ที่ อ.แม่แตง เชียงใหม่ อ.แม่วาง เชียงใหม่ และทราบว่าบุคคลพวกนี้นั้นได้มีการมาซื้อซากชิ้นส่วนศพจากสุสานต่างๆ รวมทั้งสุสานหายยา อ.เมืองเชียงใหม่ ก็เคยมาซื้อและทราบมาว่า ซากชิ้นส่วนศพจำนวน 16 ถุง ที่ตำรวจพบในสุสานหาย และส่ง ตรวจสอบแผนกนิติเวช มีกลุ่มจอมขมังเวทย์ คือ นายทรัพย์ แห่ง อ.แม่แตงเชียงใหม่ได้ติดต่อกับ ป้าบุญ เพื่อซื้อไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ก็มาถูกตำรวจภาค 5 บุกเข้าตรวจสอบและยึดไว้เสียก่อน

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนางสมบูรณ์ เนรมิตร หรือ ป้าบุญ ที่รู้จักในวงการ พวกจอมขมังเวทย์ รวมทั้งพระสงฆ์พวกไสยเวทย์ รวมทั้งพวกเซียนพระต่างๆ โดยนางสมบูรณ์ หรือ ป้าบุญ เปิดเผยว่า ขอปฏิเสธ เรื่องการค้าชิ้นส่วนศพให้กับพวกบุคคลหรือเจ้าพิธีหรือพระสงฆ์สายดำ ตนไม่เคยติดต่อหรือค้าศพให้กับใครทั้งนั้น สำหรับพวกจอมขมังเวทย์ ในเชียงใหม่ ตนก็รู้จัก เพราะตนมักจะไปซื้อของในตลาดทิพย์เนตร อ.เมืองเชียงใหม่ และได้พูดคุยกับพวกเซียนพระ พวกขายพระตามแผงในตลาด ก็เป็นที่รู้จักกัน และมีการพูดปากต่อปาก จนตนเป็นที่รู้จักกันไปเอง ตนไม่รู้จักพวกจอมขมังเวทย์ ไม่ว่าจะสำนักไหนทั้งนั้น สำหรับพระสงฆ์หรือบุคคลที่จะนำศพมาเผาที่สุสานนั้น จะโทรศัพท์เข้ามาหาตนก่อน เพื่อให้ตนดำเนินการเตรียมสถานที่ เพราะมือถือของสามีตนนั้น จะใช้เครื่องเดียวกันเบอร์เดียวกันกับตน และส่วนมากตนจะถือไว้ เป็นคนรับสาย ทำให้มีหลายคนโทรมาหาตนตลอด ไม่รู้ใครเป็นใคร ก็โทรมาให้ตนเตรียมรับศพ เพื่อตนจะได้เตรียมสถานที่ ช่วยงานสามีแค่นั้น

นายสุทัศน์ เนรมิตร สัปเหร่อ สุสานหายยา ได้เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่า ได้ดำเนินการแอบรับเผาซากชิ้นส่วนศพของ รพ.ที่ตำรวจตรวจพบเพียงครั้งเดียว ก็มาโดนเสียแล้ว ส่วนสาเหตุที่ยังไม่เผาซากศพ จำนวน 16 ถุง ที่พบใต้ถุนเมรุแรก นั้นเพราะเป็นช่วงสภาวะอากาศเป็นพิษพอดี จึงเก็บไว้ก่อน และเรื่องการรับเงินค่าเผานั้น ตนได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว และยอมรับสารภาพไปแล้วเรื่องการดำเนินการรับเผาโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนเรื่องการขายซากศพ ตนไม่รู้เรื่อง  และภรรยาของตนก็ไม่ได้มีส่วนหรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่สุสาน เพียงแค่มาช่วยเหลือตนบางจุดเรื่องการจัดสถานที่ เตรียมสถานที่ให้กับศพที่จะมาเผาตามประเพณี เท่านั้น
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-4-28 18:07
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ไ ...

รูปหลายๆ คนนี่เห็นใจวงการสายพรายบ้างเหมือนกันนะครับ คุ้นๆ

เฮ้อ สังคมเดี๋ยวนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้