ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย จังหวัดระยอง

[คัดลอกลิงก์]
หลวงพ่อวงศ์ ระยอง เเห่งวัดบ้านค่าย ก็เช่นกัน ท่านเป็นพระภิกษุที่ทรงไว้ด้วยศีลาจารวัตร ไม่มีความด่างพร้อยอันใด การที่จะเอาผีร้ายออกจากจิตใจของคนป่วยนั้น ท่านไม่จำเป็นต้องใช้กำลังหรือการบังคับขับไล่ด้วยเวทมนต์ เพียงเเต่อาศัยอำนาจความดีจริง มีพรหมวิหารธรรม เข้าต่อรองเท่านั้น ผีจะอนุโมทนาเข้าป่าหายไป (ป่ากิเลส)

น้ำมนต์ดอกบัวบาน

น้ำพระพุทธมนต์ที่ หลวงพ่อวงศ์ ระยอง ได้กระทำพิธีขึ้นนี้ เเม้ได้ยินชื่อก็ศรัทธาเสียเเล้วคือ พระเจ้า 5 พระองค์ หรือน้ำมนต์ดอกบัวบาน
การที่หลวงพ่อวงศ์ ระยอง จะสร้างน้ำพระพุทธมนต์วิเศษนั้น มิใช่ว่าทำได้ทุกวันเหมือนอย่างสำนักต่างๆ เช่นในปัจจุบัน ที่เขาทำกัน เเล้วกรองใส่ขวดขายขวดละ 20-30 บาทนะ ท่านไม่เอาหรอกน้ำมนต์ของท่านนั้น ในช่วง 1 ปี ท่านจะทำเพียงครั้งเดียว คือวันบูชาครู เเละอุปัชฌาย์ อาจารย์ผู้ให้กำเนิด คือ

1 ครู ก็หมายถึง องค์พระศาสดาสัมมา สัมพุทธเจ้า (องค์สมณโคดมเจ้า)
2 พระอุปัชฌาย์ หมายถึง ครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์สั่งสอนอบรมให้เกิดศีล ให้เกิดธรรม
3 พระพรหมของบุตร คือ บิดาเเละมารดาผู้ให้กำเนิดซึ่งมือสอง ขาสอง ศรีษะหนึ่ง เป็นต้น เมื่อวันอันเป็นสิริมงคลมาถึง ท่านก็จะกระทำน้ำพระพุทธมนต์ เอาน้ำใส่โอ่งมังกร พร้อมทั้งนำเทียนไขมา เเล้วบริกรรมภาวนาจนจิตสงบเป็นสมาธิ ความอัศจรรย์นั้นคือน้ำตาเทียนที่หยดลงมานั้นจะเเตกเป็น 5 กลีบ มีลักษณะคล้ายดอกบัวบาน โดยในเเต่ละหยดของน้ำตาเทียนจะมีลักษณะเหมือนกันหมด มองดูเหมือนดอกบัวบานชูช่อ กลางสระน้ำฉันนั้น
   สรรพคุณ น้ำพระพุทธมนต์ชนิดนี้ ดีเด่นหลายประการ

1 รดหรือ อาบ หรือ ประพรม ให้คนป่วยเป็นบ้าวิกลจริตเพ้อคลั่งจนดุร้าย หายดีนักเเล

2 คนถูกภูตผีปีศาจ อาละวาดสิงสู่ หรือพื้นที่เเผ่นดินเกิดอาอรรพถ์ พี่น้องคดโกงประสงค์ร้ายกัน ให้ใช้ประพรม อบรมด้วยอธิฐานจิตใช้ได้ดีนักเเล

3 ชายชาตรี สตรีองอาจ ให้อาบ รด ประพรม ให้อยู่คงกระพันเเคล้วคลาดปราดเปรื่องเรือง
ปัญญาดีนักเเล หรือจะหลบ จะลี้ จะหลีก จะเลี่ยง ล้วนใช้ประโยชน์ได้ดีนักเเล

มหาประสาน

หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง ท่านมีมนต์ขลังอยู่บทหนึ่ง ซึ่งสามารถเเปลออกมาเป็นวิชามหาประสาน สมัยที่หลวงพ่อวงศ์ ระยอง ยังมีชีวิตอยู่นั้น เเม้ว่าใครก็ตาม มีความประสงค์จะให้ท่านลงนะ โดยการเเผ่เมตตาจิตลงยังธูปหอม เเล้วนำกลับไปบูชาพระพุทธรูปที่บ้าน หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง จะทำให้ด้วยความยินดี วิธีของท่านคือ นำธูปทั้งซองมาถวายท่าน ท่านรับเอาไปเเล้ว ก็เขียนตัว นะ เป็นภาษาขอม จากนั้นท่านก็ตบเบาๆ ปรากฏว่าภายในซองที่บรรจุธูปทุกดอกจะติดเป็นอักขระ นะ ทุกดอก ตอนนี้เเหละเป็นช่วงสำคัญ หลังจากจุดธูปบูชาพระเเล้ว ขี้นั้นเองเป็นยาวิเศษมหาประสานใครเป็นเเผลก็เอาขี้ธูปมาปิดบาดเเผลจะหายวันหายคืน ถ้าใครถูกมีดบาด เลือดไหลไม่หยุด ก็เอาขี้ธูปทาตรงบาดเเผลเข้าเลือดจะหยุดไหลทันที บุรุษใดหลงทาง เกิดโดนคมเเฝกของหนุ่มบ้านอื่นกลับมาชนิดชอกช้ำดำเขียวมาละก็ไม่ยากอะไรเลยเเค่เอาน้ำพระพุทธมนต์ของท่านเเละขี้ธูปนั่นเเหละผสมเข้ากันเเล้วก็ทาถูๆ เเก้ชอกช้ำได้ดีนักเเล


ปีตกสิณ

ความสามารถของ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง นั้น นับได้ว่าน่าทึ่ง น่าเลื่อมใสศรัทธา โดยเฉพาะหลวงพ่อวงศ์ ระยอง ท่านมีความสามารถยิ่งรูปหนึ่งในวงการพระสงฆ์ไทย ความชำนาญของหลวงพ่อวงศ์ ระยอง เท่าที่ศึกษามาทั้งหมด ดูเหมือนว่าท่านกระทำได้ทุกอย่าง เเละมีความชำนาญเสียด้วย ปีตกสิณ คือ การเพ่งสีเหลือง เเล้วอธิฐานจิตให้กลายสภาพเป็นอย่างอื่นนี้ ในประวัติของท่านได้กล่าวไว้ว่า คราวใดถ้ามีพระสหธรรมิก ผู้สนิทชื่นชอบกันเดินทางมาเยี่ยมเยือน หรือมาเพื่อเเลกเปลี่ยนวิชาความรู้กันนั้น หลวงพ่อวงศ์ ระยอง มักจะทำอะไรพิเศษๆให้ดู เเละโอกาสนี้บรรดาลูกศิษย์ที่อยู่ปรนนิบัติก็พลอยเป็นบุญตาไปด้วย ดังคราวนี้ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง ท่านได้หยิบใบพลูสดๆ สีเขียวมาจากเชี่ยนหมาก เเล้วก็วางไว้บน ขวามือ

มืออีกข้างหนึ่งมาประกบไว้ ปากก็บริกรรมคาถา มือท่านก็ถูใบพลูไปมา ครู่เดียวเท่านั้นความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น คือใบพลูที่สีเขียวสดนั้นบัดนี้ได้กลายเป็นสีทองเหลืองอร่ามไปเสียเเล้ว ท่านส่งไปให้พระสหธรรมิกชม ส่งไปดูกันรอบๆ กลับมาถึง ท่านเเล้ว ท่านได้โยนลงกระโถนพร้อมพูดว่า นี่มันเป็นของไม่จริง เราสร้างขึ้นเอง อำนาจของปีตกสิณ สามารถกระทำสิ่งใดก็ได้ตามที่ใจปราถนา นอกจากนี้บรรดาลูกศิษย์ทั้งพระเณรฆราวาส ก็ยังได้ดูของวิเศษหลายอย่างอีกด้วย เช่น หลวงพ่อวงศ์ท่านเอาผ้าเช็ดปาก เช็ดน้ำหมาก เพราะท่านฉันหมากพลู มาถือ บริกรรมชั่วครู่เดียวท่านก็โยนผ้าลงไป กลายเป็นตะขาบตัวเขื่อง คลานวนเวียนไปมา บางคราวท่านก็เอาผ้าอีกนั้นเเหละ เสกบริกรรมชั่วครู่เดียว กระต่ายสีขาววิ่งไปมาทั่วกุฏิของท่านเเละนี่คือความจริงที่หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง ได้กระทำให้เกิดขึ้นมาเเล้วเเต่อดีต
รู้มรณกาล

มีเรื่องที่จะเล่าเเทรกไว้ในตอนนี้เกี่ยวกับ เรื่องมรณภาพของ หลวงพ่อวงศ์ ระยอง คือ ก่อนมรณภาพดูหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง ชรามาก เพราะเป็นผู้ที่บากบั่นทำการงานหนักมาเเต่อายุน้อย เเม้บวชเเล้วก็ทำงานในด้านพัฒนาวัด ทั้งเมื่อได้รับเเต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะเเขวงเเละพระอุปชฌาย์ ตลอดจนเมื่อได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ก็มีกิจนิมนต์ต่างๆ ทั้งในด้านบวชกุลบุตรซึ่งจะต้องเดินทางรอนเเรมไปในที่ต่างๆทั้งใกล้เเละไกล ประกอบกับการเดินทางในสมัยนั้นไม่มียานพาหนะที่จะอำนวยความสะดวกเช่นในปัจจุบันนี้ ต้องใช้เกวียนไปจึงเหน็ดเหนื่อยมาก ก่อนหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง จะมรณภาพไม่นาน ท่านจะพูดว่า ใบไม้เหลืองเเล้วก็ต้องร่วง ใบอ่อนก็ผลิเเตกขึ้นมาเเทน เป็นธรรมดาของโลก วันสองวันกูก็จะสบายเเล้ว มอบวัดให้คุณดิ่ง ครอง 2 วัดคือ วัดบ้านค่าย เเละ วัดไผ่ล้อม

ดูหลวงพ่อวงศ์ ระยอง จะทราบมรณภาพของท่าน

คือหลังจากได้ปรารถถึงความตายเเล้ว ท่านก็จัดการกับลูกศิษย์ของท่านชื่อ นายไหล ซึ่งมาอยู่วัดกับหลวงพ่อตั้งเเต่อายุ 5 ขวบ จนถึง 13 ขวบ โดยให้นายไหลไปอยู่กับหลวงพ่อทบ วัดกะบกขึ้นผึ้งเป็นการจัดการเรื่องของศิษย์ที่ท่านเป็นห่วงอยู่เป็นที่เรียบร้อย ในวันมรณภาพนั้น หลังจากฉันเช้าเเล้ว ท่านพูดพึมพำว่า ถึงเวลาเเล้วก็กลับไป เเล้วสั่งว่า ถ้าท่านมรภาพเวลาปลงศพให้ใส่เปลือกข่อยลงไปด้วย หลังจากนั้นหลวงพ่อก็ถือพิมพ์ยา ไปกดพิมพ์เป็นลูกกลอน เมื่อกดพิมพ์ได้พอสมควรเเล้วก็มานั่งปั้นเป็นลูกกลอน ขณะที่ปั้นอยู่นั้นหลวงพ่อวงศ์ ระยอง นั่งตะเเคงมรณภาพด้วยอาการสงบ ตรงกับที่หลวงพ่อเคยปรารถไว้ทุกประการ ในการปลงศพของหลวงพ่อวงศ์ ระยอง นั้น เมื่อจุดไฟประชุมเพลิงปรากฎว่าจุดไฟไม่ติด ได้พยายามจุดกันหลายหนก็ไม่ติด จนนายไหลซึ่งเป็นศิษย์นึกถึงคำสั่งของหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง ก่อนมรณภาพ จึงไปถากเปลือกข่อย มาสุมไฟจึงติดเเละประชุมเพลิงได้ ในขณะที่ไฟกำลังลุกอยู่นั้น บรรดาผู้ที่มาร่วมกันประชุมเพลิง ได้เห็นไก่ขาวบินจากทางทิศเหนือผ่านซุ้มประตู ข้ามเมรุ บินหายเข้าไปกุฏิหลวงพ่อ จากเหตุที่ไก่ขาวบินเข้าไปในกุฏิหลวงพ่อนั้นเป็นนิมิตทำนองบอกใบ้ไว้ว่า ถัดจากหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง จะมีอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษอีกท่านหนึ่งมาอยู่ที่วัดบ้านค่าย นั้นก็คือหลวงพ่อดิ่งนี่เอง ซึ่งเป็นศิษย์องค์เเรกที่หลวงพ่อวงศ์ ระยองอุปสมบทให้

รวมสิริอายุของ หลวงพ่อวงศ์ ระยอง หรือ ท่านพระครูวิจิตรธรรมานุวัติ เเห่งวัดบ้านค่าย ได้ 83 ปี รวมพรรษา 59 ปี

หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง ได้อำลาชีวิตที่เหน็ดเหนื่อยลำเค็ญไปเเล้ว
ฝากไว้เเต่ความดีมีอุปาระเเก่ญาติโยมได้ระลึกถึงอย่างไม่มีวันลืม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2016-5-18 07:26




เหรียญหลวงหลวงพ่อวงศ์ ระยอง,หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง



ท่านได้สร้างเหรียญไว้ 5 รุ่นด้วยกัน คือ



1. เหรียญหลวงพ่อวงศ์ ระยอง รุ่นพระพุทธชินราช หรือเหรียญบัวผุด ปี 2472 ลักษณะเหรียญคล้ายเหรียญหลวงปู่บุญ วัดกลางบางเเก้วเเตกต่างกันตรงที่ใบบัวเเถวล่างของหลวงพ่อวงศ์ ระยอง ด้านขวามือขององค์พระหายไปหนึ่งกลีบ




เหรียญหลวงพ่อวงศ์ ระยอง รุ่น บ้านไข้ รุ่นนี้ประวัติที่วัดยังไม่มีรูปถ่ายเเละประวัติไม่เเน่ชัดเพราะไม่มีภาพถ่ายเเละประวัติอยู่ในวัด


2. เหรียญหลวงพ่อวงศ์ ระยอง รุ่น บ้านใข้ อยู่เทียบเคียงกับเหรียญห้าเหลี่ยมเเจกเเม่ครัว
























3. เหรียญหลวงพ่อวงศ์ ระยอง รุ่น บ้านค่าย สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี 2478






4. เหรียญทรงอาร์มหลวงพ่อวงศ์ ระยอง ฉลองอายุ 80 ปีรุ่นนี้ทีวัดภาพถ่ายเก่าเขียนไว้ว่ารุ่น 4-5




เหรียญทรงอาร์มหลวงพ่อวงศ์ ระยอง ฉลองอายุ 80 ปีรุ่น4 เนื้อทองเเดงกะหลั่ยเงินมีรอยจารด้านหลังองค์พระบล๊อกนิยมสระเอไม่เเตกหลวงพ่อวงศ์จัดสร้างเมื่อ พ.ศ.2480 เป็นบล๊อกนิยม        ส่วนภาพล่างเป็นของบล๊อกสระเอเเตกหลวงพ่อดิ่งจัดสร้างเมื่อ พ.ศ.2496 หรือ 2497     




การโชว์เหรียญหลวงพ่อวงศ์ ระยอง เเต่ละประเภทนั้นเป็นการโชว์
เพื่อเเนวทางศึกษาเท่านั้นไม่อาจเป็นข้อยุติว่าเป็นเหรียญเเท้เเละเหรียญไม่เเท้ การเช่าซื้อเเละสะสมควรระวังเพราะของเก๊มีทุกรุ่น การเช่าซื้อควรปรึกษาผู้รู้ขอขอบคุณเจ้าของภาพทุกเหรียญในที่นี้ไม่ไช่เป็นพาณิชย์เเละขอบคุณข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่เเละวัดบ้านค่ายที่ให้ข้อมูล ขอบคุณครับ
ข้อความทั้งหมดท่านสามารถใช้เพื่อทางการศึกษาได้                  

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://bermudathai.blogspot.com/2012/07/80.html
วิธีดูเหรียญ แท้ ปลอม สร้างเมื่อไร มีเกณฑ์พิจารณาอย่างไร

วิธีดูว่าเหรียญหลวงพ่อมีอายุเท่าไร สร้างในพ.ศ.ไหนตามหลักมาตรฐาน สากลนิยม

ในปัจจุบันนี้ พระเครื่องประเภทเหรียญพระพุทธ และเหรียญคณาจารย์รุ่นเก่าๆ โดยเฉพาะเหรียญหลักยอดนิยมในอันดับต้นๆ มีค่านิยมสูงมาก การทำปลอม จึงมีการพัฒนาวิธีการทำได้ใกล้เคียงของแท้มาก เนื่องจากของปลอมนำเหรียญแท้ไปถอดพิมพ์ จึงทำให้ของปลอมมีจุดตำหนิที่ด้านหน้าและด้านหลังของเหรียญ ใกล้เคียงกับของแท้มาก จะแตกต่างกันที่ความชัดของตัวหนังสือ และความชัดของเส้นแตก รูเจาะหูเหรียญ ตลอดจน ขอบข้างของเหรียญ ซึ่งเป็นจุดสำคัญ ในการพิจารณาเหรียญที่สำคัญที่สุด

ท่านจะเห็นได้ว่า ในการซื้อ-ขายเหรียญนั้น ผู้ชำนาญการจะจบลงที่การพิจารณาขอบข้างของเหรียญ ซึ่งเป็นบทสรุปในการพิจารณาว่า แท้หรือไม่ เพราะขอบด้านข้างของเหรียญ ยังไม่สามารถปลอมแปลงได้เหมือน เนื่องจากร่องรอยที่เกิดขึ้นที่ด้านข้างของเหรียญนั้น เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จากขั้นตอนการผลิต

อย่างไรก็ตาม การปั๊มตัดข้างเหรียญนั้น แบ่ง ออกเป็น 3 ยุค คือ     1.ยุคประมาณ พ.ศ.2440-พ.ศ.2485                                                    2.ยุคประมาณ พ.ศ.2486-พ.ศ.2499                                                  3.ยุคประมาณ พ.ศ.2500-ปัจจุบัน
1. เหรียญช่วงปี พ.ศ.2440-พ.ศ.2485    นิยมสร้างเหรียญที่มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม รูปไข่ รูปทรงอาร์ม และทรงเสมา รูปทรงเหรียญทั้งสี่แบบนี้ สามารถแยกกรรมวิธีการสร้างได้เป็น ๒ ชนิด คือ เหรียญปั๊มชนิดข้างเลื่อย และเหรียญปั๊มชนิดข้างกระบอก ซึ่งเหรียญที่มีกรรมวิธีการสร้างทั้ง ๒ ชนิดนี้มีรายละเอียด คือ เหรียญปั๊มข้างเลื่อย คือ การนำแผ่นโลหะที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดของตัวเหรียญ มาทำการปั๊มขึ้นรูปเหรียญ ให้ได้ตามลักษณะรูปทรงของเหรียญ ตามต้องการ จากนั้นนำมาเลื่อยฉลุโลหะส่วนที่เกินออกมาเป็นเหรียญตามรูปทรงนั้นๆ วิธีการนี้จึงเรียกว่า "เหรียญปั๊มข้างเลื่อย" ซึ่งบริเวณด้านข้างของเหรียญจะปรากฏรอยเลื่อยให้เห็นเหรียญปั๊มข้างกระบอก คือ เหรียญปั๊มข้างกระบอกนั้น ส่วนใหญ่โรงงานปั๊มเหรียญจะทำบล็อกกระบอกเป็นรูปทรงกลม และรูปไข่เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการทำกระบอกที่จะนำมาปั๊มเหรียญจะมีวิธีทำที่ไม่ยุ่งยาก และไม่เสียเวลามากนัก แต่เหรียญที่มีข้างกระบอกไม่ได้มีเพียงรูปทรงกลมและรูปไข่เท่านั้น รูปทรงเสมาและรูปทรงอาร์มก็มีเช่นกัน แต่น้อยมาก เนื่องด้วยกรรมวิธีการทำที่ยุ่งยากกว่า
เท่าที่พบในการสร้างเหรียญปั๊มข้างกระบอก รูปทรงอาร์ม และรูปทรงเสมา ในปี พ.ศ.2440-พ.ศ.2485    ก็มีเหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ พิมพ์ขอเบ็ด เหรียญหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก พิมพ์หน้าใหญ่ เป็นต้น
การปั๊มแบบข้างกระบอก คือ การนำแผ่นโลหะมาเลื่อยตามรูปทรงของเหรียญที่จะทำการปั๊ม เพื่อเข้ากระบอก และทำการปั๊มรูปเหรียญนั้นๆ แผ่นโลหะที่ถูกแรงกระแทกจากการปั๊มขึ้นรูปนั้นขอบด้านข้างจะปลิ้น ไปเบียดกับขอบกระบอก ที่เป็นตัวบังคับดังนั้น ด้านข้างของเหรียญปั๊มชนิดนี้จึงเรียบเนียน เนื่องจากการปั๊มเข้ากระบอก โดยมีตัวกระบอกเป็นตัวบังคับ แต่หากพบรอยเส้นทิวบางๆ ในขอบข้างของเหรียญชนิดนี้ก็อย่าตกใจ เพราะสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากการที่ช่างแต่งตัวบล็อกกระบอก ที่จะปั๊มเหรียญไม่เรียบ เวลาปั๊มออกมาจึงมีลักษณะไม่ค่อยเรียบตามตัวบล็อค
2.เหรียญปั๊มข้างตัด (ปั๊มตัดแบบยุคเก่า) การสร้างเหรียญชนิดนี้จะอยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ.2486-พ.ศ.2499 เนื่องจากการสร้างชนิดแบบเก่าที่มีการเข้ากระบอก และแบบเลื่อยขอบ มีความยุ่งยาก และเสียเวลา อีกทั้งในช่วงนี้เริ่มมีวิวัฒนาการในการสร้างเหรียญปั๊มขึ้นมาตลอด เครื่องจักรก็เริ่มมีความทันสมัยขึ้น โรงงานมีการทำตัวตัดขึ้นเพื่อความสะดวกในการตัดเหรียญให้ขาด โดยไม่ต้องมาเลื่อยให้เสียเวลาอีก แต่การปั๊มเหรียญและตัดในยุคนั้น จะแตกต่างกับเหรียญในปัจจุบัน คือ ด้านข้างของเหรียญจะมนๆ ไม่ค่อยมีริ้วรอยมากนัก อีกทั้งเหรียญช่วง พ.ศ.นี้ลักษณะของเหรียญด้านหน้าจะนูนเล็กน้อย แต่ด้านหลังจะเป็นแอ่งกระทะ ซึ่งเกิดจากการปั๊มและตัดเหรียญนั่นเอง ตัวอย่างของเหรียญที่สร้างขึ้นในยุคนี้ เช่น เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง บล็อกยันต์วรรค ปี 2486 เป็นต้น

3.เหรียญปั๊มยุค พ.ศ.2500-ปัจจุบัน

ในยุคนี้มีการพัฒนาตัวตัดด้านข้างเหรียญที่ทันสมัย เพื่อความสะดวกในการตัดเหรียญจำนวนมากๆ การพัฒนาตัวตัดยุคนี้จึงค่อนข้างคมชัด บางครั้งในเหรียญหลวงพ่อเดียวกัน มีตัวตัด ๒ ตัว เนื่องจากการสร้างเหรียญในแต่ละครั้งมีจำนวนมากขึ้น เช่น หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ รุ่น ปี พ.ศ.2500 และเหรียญ 25 พุทธศตวรรษ เนื้อทองคำ และเนื้อเงิน ด้วยเหตุนี้ตัวตัดในยุคนี้จึงค่อนข้างคม เพื่อสะดวกในการตัดเหรียญจำนวนมากๆ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องเหรียญ สามารถศึกษาข้อมูลได้ในหนังสือ "เปิดตำนานเหรียญ" ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมเหรียญดังทุกยุค ทุกรุ่น ทุกพิมพ์ ที่นิยมในวงการพระเครื่อง รวมทั้งเรื่องของเหรียญเก่า เหรียญแพง เหรียญหายาก ที่ยังไม่มีการทำปลอม โดยจะมีรายละเอียดทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และขอบของเหรียญ

http://bermudathai.blogspot.com/2011/02/blog-post.html
37#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-8-28 02:53 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปิดตาบัวผุด หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย



             พระปิดตาบัวผุดหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย

หลวงพ่อวงศ์ ท่านนี้ละครับ เจ้าของตำนาน ปิดตาบัวผุด ที่แท้จริง

ต่อมาทำไมตำนานปิดตาบัวผุด ได้แปลงร่าง กลายไปเป็นหลวงปู่ทิมไปได้






การตลาดล้วน ๆ  ประวัติศาสตร์ดีๆ ถูกบิดเบือนหมดเบย




39#
 เจ้าของ| โพสต์ 2019-2-7 11:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้