ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ

หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย จังหวัดระยอง

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2016-4-7 08:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-4-7 22:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ระวัไข้ขึ้น
โพสต์ 2016-5-17 08:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วิญญาณสร้างโบสถ์
เรื่องผีเรื่องวิญญาณเป็นเรื่องเร้นลับสำหรับมนุษย์โลกโดยทั่วไป ผีหรือวิญญาณอยู่อาศัยคนละมิติหรือภพภูมิกับโลกมนุษย์ แต่บางครั้งก็เกิดการเหลื่อมซ้อนทางมิติ ทำให้พบเห็นผีได้บางภาวะ หรือผี วิญญาณมีเจตนาแสดงตนให้ผู้หนึ่งผู้ใดรู้เห็นเป็นการเฉพาะตัว

ผู้เขียน ว. ถาอินทนนท์



[url=http://www.vcharkarn.com/blog/38847/9151][/url]9151


วิญญาณสร้างโบสถ์

                   เรื่องผีเรื่องวิญญาณเป็นเรื่องเร้นลับสำหรับมนุษย์โลกโดยทั่วไป  ผีหรือวิญญาณอยู่อาศัยคนละมิติหรือภพภูมิกับโลกมนุษย์ แต่บางครั้งก็เกิดการเหลื่อมซ้อนทางมิติ ทำให้พบเห็นผีได้บางภาวะ  หรือผี วิญญาณมีเจตนาแสดงตนให้ผู้หนึ่งผู้ใดรู้เห็นเป็นการเฉพาะตัว
                   เรื่องผีที่มาปรากฏเป็นเรื่องราวมีหลักฐานยืนยันได้อย่างชัดเจนมีมากมายหลายรูปแบบ เช่นผีมาช่วยสร้างวัดสร้างโบสถ์ดังจะเล่าให้ได้รับรู้ดังต่อไปนี้
                        ผีที่มาช่วยสร้างวัดเป็นเรื่องของหลวงปู่วงศ์วัดบ้านค่ายอำเภอแกลงจังหวัดระยอง เมื่อหลวงปู่วงศ์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านค่ายใหม่ ๆวัดมีสภาพชำรุดทรุดโทรมอย่างยิ่ง ท่านคิดจะบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัดให้ดีขึ้นก็ขาดทุนทรัพย์ครั้นจะออกปากเรี่ยไรขอบริจาคจากศรัทธาญาติโยมโดยตรงก็มิใช่วิสัยของสมณะประกอบกับเวลานั้นชาวบ้านญาติโยมละแวกนั้นทำมาหากินอัตคัดทางวัดจะไปขอความช่วยเหลือก็กระไรอยู่
                        หลวงปู่วงศ์เป็นพระปฏิบัติภูมิจิตภูมิธรรมของท่านสูงยิ่งกล่าวกันว่าท่านได้อภิญญาจิตสามารถหยั่งรู้ได้ในภาวะที่คนธรรมดาไม่มีทางรู้ได้หลวงปู่วงศ์รู้ว่ามีสมบัติอันมีค่าของผู้ที่ตายแล้วฝังดินไว้จำนวนมากมาย ในอาณาบริเวณของวัดบ้านค่าย และวิญญาณเจ้าของทรัพย์ที่ตายไปแล้วก็ยังวนเวียนเฝ้าทรัพย์ของตนอยู่  ดังนั้นท่านจึงติดต่อกับวิญญาณเหล่านั้นขอยืมสมบัติผีมา สร้างวัด  เมื่อผีเจ้าของทรัพย์ตนใดตกลงให้ยืมเขาก็จะนำสมบัติอันมีค่ามาวางไว้ให้ในที่ต่าง ๆ วางไว้ใต้ธรรมาสน์วางไว้หลังพระประธานและที่อื่น ๆ ซึ่งเป็นที่ลับตา

                        หลวงปู่วงศ์ได้นำสมบัติเหล่านั้นไปเปลี่ยนเป็นเงินแล้วใช้เป็นทุนบูรณะวัดขึ้นมาทีละส่วน เมื่อชาวบ้านญาติโยมรู้ว่าผียังช่วยสร้างวัดต่างก็เกิดจิตศรัทธามาร่วมบริจาคปัจจัยกันเป็นจำนวนมากทำให้หลวงปู่วงศ์สามารถปฏิสังขรณ์วัดบ้านค่ายให้มีเสนาสนะสำหรับพระสงฆ์กระทำศาสนกิจและชาวบ้านใช้เป็นสถานที่กระทำศาสนพิธีได้ครบถ้วนสมบูรณ์คือมีโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ และกุฏิจำพรรษาของพระเณร

                        หลังจากบูรณะวัดบ้านค่ายเสร็จเรียบร้อยหลวงปู่วงศ์ก็รวบรวมปัจจัยนำไปซื้อเครื่องประดับอันมีค่าของผีที่มีลักษณะเหมือนกันมีค่ามาคืนกลับไป เวลาเอาคืนท่านก็จะนำไปวางในที่ลับตาจากนั้นเครื่องประดับอันมีค่าก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยผีบางตนก็ไม่เอาสมบัติคืนหากถวายให้กับท่านเพื่อร่วมทำกุศลความดีด้วย นี่คือเรื่องผีร่วมสร้างวัดกับหลวงปู่วงศ์วัดบ้านค่ายจังหวัดระยอง

                              และที่อำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐมประมาณปี 2507 - 2508โบสถ์วัดกลางบางแก้ว (ชาวบ้านเรียกว่า"วัดกลาง")  ชำรุดทรุดโทรมอย่างหนักเพราะสร้างมานานนับ 100 ปีเห็นจะได้  สภาพของโบสถ์แสดงว่าอาจจะถล่มลงมาเมื่อใดก็ได้  กระทั่งพระเณรไม่กล้าเข้าไปทำศาสนกิจภายในโบสถ์ เจ้าอาวาสขณะนั้นมีความวิตกกังวลในเรื่องนี้มากท่านต้องการจะสร้างโบสถ์ใหม่เป็นที่สุดแต่ขาดทุนรอนในการสร้างปัจจัยซึ่งญาติโยมทำบุญถวายมาได้เก็บออมไว้ส่วนหนึ่ง หากมีจำนวนน้อยไม่พอสร้างจำเป็นต้องเก็บสะสมอีกเป็นเวลานานซึ่งไม่รู้ว่ากี่ปีจึงจะพอค่าก่อสร้าง

                        เช้าวันหนึ่ง เจ้าอาวาสได้ยินสุนัขเห่ากระโชกที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่งคล้ายกับว่ามันพบเห็นอะไรผิดปกติแล้วสุนัขตัวนั้นก็วิ่งมาตะกายที่เจ้าอาวาสแสดงกิริยาประหนึ่งจะให้ท่านไปดูแต่ท่านเฉยเสีย สุนัขแสดงกิริยาวิ่งไปเห่าไปและวิ่งกลับมาหาเจ้าอาวาสหลายครั้งหลายหนจนท่านสงสัยจึงได้ลุกเดินไปดูที่โคนต้นไม้

                        บริเวณที่สุนัขเห่าเป็นเนินดินติดกับโคนต้นไม้มีพงหญ้ารกเรื้อปกคลุมอยู่ด้านบน ที่เนินนั้นมีรอยดินยุบลงไปเป็นโพรงหญ้าคลุมผิวดินเหมือนมีใครเปิดเลิกป่าหญ้าขึ้นไป  ในโพรงดินมีไหและโอ่งใบย่อม ๆ อยู่ 2 - 3 ใบวางระเกะระกะอยู่บนพื้นดินก้นโพรง ไหและโอ่งมีฝาปิดสนิทอยู่ก็มีฝาเปิดเผยอแง้ม ๆ ก็มี เจ้าอาวาสจึงก้าวลงไปในโพรงลองเปิดฝาโอ่งที่แง้ม อยู่ก็ถึงกับตกตะลึง เพราะภายในโอ่งนั้นมีเงินโบราณและทองรูปพรรณมีราคาสูงบรรจุอยู่เต็ม ส่วนโอ่งไหใบที่ปิดฝาแน่นสนิทลองขยับดูรู้สึกหนักอึ้งแสดง

โพสต์ 2016-5-17 08:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ว่าต้องมีสิ่งของบรรจุอยู่หากเป็นสมบัติของมีค่าใส่อยู่ภายในจะต้องมีราคามหาศาล
                         ท่านเจ้าอาวาสตระหนักว่า ตัวท่านเป็นพระภิกษุไม่อาจจะแตะต้องสมบัติอันล้ำค่าเหล่านี้ได้เพราะเจ้าของเขาไม่ได้ถวายหรือยกให้ท่านจึงเกลี่ยดินข้าง  ๆลงมาปิดและใช้เศษหญ้าใบไม้วางปิดทับเอาไว้ให้ลับตาคน จากนั้นก็กลับกุฏิไม่บอกกล่าวเล่าให้ใครฟัง
                         เงินทองของมีค่าที่ใส่ไหใส่โอ่งเหล่านั้นน่าจะมีคนเก่าแก่แต่โบราณเอามาฝังดินซุกซ่อนไว้  ณ ที่ตรงนั้นและเจ้าของคงเสียชีวิตไปนานแล้ว การที่อยู่ดี ๆ  เกิดดินยุบเป็นโพรงและสุนัขไปพบเห็น เป็นเรื่องที่อาจจะเกิดจากความบังเอิญก็ได้หรือมีอื่นใดแอบแฝงอยู่ก็ยากจะหยั่งรู้ได้
                         วันนั้นพอถึงช่วงบ่ายไม่มีแขกหรือญาติโยมมาสนทนาปราศรัยอีก  เจ้าอาวาสจึงเอนกายจำวัดพักผ่อนหลับสนิทจิตเข้าสู่ภวังค์ ท่านเจ้าอาวาสได้เกิดสุบินฝันไปว่า มีชายผู้หนึ่งแต่งกายแบบคนโบราณมาพบท่านแล้วนมัสการบอกกล่าวว่าเขาเป็นเจ้าของสมบัติในโอ่งในไหเหล่านั้นและเขาได้ฝันดูท่านอยู่นานรู้ว่าท่านมีจิตศรัทธาต้องการสร้างพระอุโบสถหลังใหม่แต่เนื่องจากญาติโยมชาวบ้านอัตคัดขัดสนท่านจึงสร้างไม่ได้   สำหรับทรัพย์สมบัติที่ท่านเห็นอยู่เมื่อเช้านั้นเขาได้ฝังไว้นานแล้วปล่อยทิ้งไว้ก็ไร้ประโยชน์ จึงขอถวายท่านเพื่อให้ท่านนำไปใช้จ่ายในการสร้างพระอุโบสถ   คืนนี้เมื่อปลอดคนแล้วขอให้ท่านนำพระลูกวัดไปขุดเอาสมบัติเหล่านั้นขึ้นมาเถิด เขาขอถวายให้เป็นสมบัติของสงฆ์ทั้งหมดเพื่อบำรุงพระศาสนาต่อไป แล้วบุรุษลึกลับในฝันก็หายไป
                         เจ้าอาวาสวัดตื่นนอนแล้วทบทวนความฝันที่ผ่านมาเชื่อว่าเจ้าของทรัพย์ที่แท้จริงคงมาอนุญาตและถวายทรัพย์ทั้งหมดให้เป็นสมบัติของสงฆ์จริง   ดังนั้นพอถึงกลางคืนสงัดคนแล้วท่านจึงนำพระลูกวัดไปขุดเอาโอ่งและไหใส่สมบัติขึ้นมาแล้วขนมาไว้ในกุฏิ
                         จากทรัพย์สมบัติของผีทำให้การก่อสร้างพระอุโบสถวัดกลางบางแก้วเริ่มต้นดำเนินงานได้และสามารถก่อสร้างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในวันต่อมานี่คือเรื่องผีช่วยสร้างพระอุโบสถวัดกลางบางแล้วอำเภอนครชัยศรีจังหวัดนครปฐม   ดังที่ได้พรรณนามาตั้งแต่ต้น

                         สมบัติผีหรือทรัพย์สมบัติที่มีเจ้าของแต่เจ้าของได้เสียชีวิตตาไปนานแล้วมักจะกล่าวกันว่าเป็นสมบัติอาถรรพ์   ผู้ใดไปพบเห็นแล้วไม่ขออนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของถือสิทธิ์ยึดครองนำมาเป็นของตนเองมักจะพบกับความน่ากลัวต่าง  ๆ  หรือเกิดความวิบัติในภายหลัง เรื่องเช่นนี้มีส่วนความเป็นจริงอยู่มากเพราะสมบัติอันมีค่าทั้งหลายที่เจ้าของนำไปฝังดินซุกซ่อนไว้เนื่องมาจากเหตุหลายประการเช่น เจ้าของทรัพย์กลัวโจรผู้ร้ายจะมาปล้นแย่งชิงไปไม่มีที่ใดจะซุกซอนได้อย่างปลอดภัยเท่ากับฝังดินจึงได้นำทรัพย์สมบัติไปซ่อนไว้หรือเกิดศึกสงครามตนเองจำเป็นต้องอพยพหลบหนีภัยสงครามไม่มีปัญญาขนทรัพย์สมบัติเอาไปได้ทั้งหมดจึงได้นำไปฝังดินซุกซ่อนไว้ ตั้งใจว่าถ้าศึกสงครามยุติลงเมื่อใดก็จะย้อนกลับมาขุดเอาสมบัติอีกครั้ง แต่ตนเองเกิดล้มตายไปเสียก่อนทรัพย์สมบัติจึงถูกฝังดินไว้ต่อไปโดยไม่มีใครขุดขึ้นมา   อีกประการหนึ่งในสมัยโบราณไม่มีสถาบันการเงินรับฝากเงินเช่นปัจจุบันวิธีเก็บงำทรัพย์สินเงินทองจำนวนมาก  ๆ  ไม่มีวิธีไหนปลอกภัยเท่ากับเอาใส่โอ่งใส่ไหฝังดินไว้ในที่เร้นลับไม่ให้ผู้อื่นรู้เห็นแม้แต่ลูกเมียก็ไม่ยอมบอกที่ซ่อน   ครั้นเมื่อตนเองเจ็บไข้ตายไปทรัพย์สมบัติเหล่านั้นจึงกลายเป็นความลับตายตามไปด้วย
                         เจ้าของทรัพย์ที่นำสมบัติอันมีค่าไปฝังดินไว้แล้วตัวเองตายไปจิตของผู้ตายจะยึดเหนี่ยวอยู่กับทรัพย์สมบัติของตนอย่างเหนี่ยวแน่นเป็นกิเลสความโลภอันแรงกล้าแม้จะตายแล้วแต่จิตวิญญาณมักไม่ยอมจากไปไหน   ยังคงหลงติดวนเวียนอยู่กับสมบัติเหล่านั้นหากมีใครมาละเมิดขุดเอาทรัพย์ของตนไปก็เกิดความโกรธแค้น  และจะแสดงฤทธิ์ทำอันตรายต่อผู้ที่มาเอาสมบัติไปต่าง ๆ  นาๆ ดังนั้นสมบัติผีจึงไม่มีใครกล้าไปขุดค้นเสาะหา   เว้นแต่ว่าเจ้าของทรัพย์อนุญาตยกให้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


หมายเหตุ งานเขียนชิ้นนี้  ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา  โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน ที่ให้เกียรตินำเผยแพร่ผ่าน วิชาการ.คอม  เรามีความยินดีและอนุญาตให้ทำซ้ำหรือเผยแพร่ต่อเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาเท่านั้น  กรุณาให้เกียรติผู้เขียน โดยอ้างชื่อผู้เขียนและ วิชาการ.คอม (www.vcharkarn.com) ทุกครั้งที่ทำการเผยแพร่ต่อ  ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อในสื่อที่เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจก่อนได้รับอนุญาต  ขอขอบคุณที่ร่วมกันช่วยสร้างให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งปัญญา
http://www.vcharkarn.com/vblog/38847

โพสต์ 2016-5-17 08:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โพสต์ 2016-5-17 14:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สาธุครับ
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-5-17 15:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โพสต์ 2016-5-18 07:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หลวงพ่อวงศ์ ระยอง เเละประวัติหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง




หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย จังหวัดระยอง (พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ) เป็นพระคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาไสยศาตร์ โหราศาตร์ เเละเเพทย์เเผนโบราณ องค์หนึ่งในภาคตะวันออกเป็นพระคณาจารย์สมัยหลวงพ่ออี๋ เเห่งวัดสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เเต่เเก่อาวุโสกว่า เเละรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เคยลองวิชากันเป็นที่ชื่นชอบของลูกศิษย์ในสมัยนั้น เเต่ชื่อเสียงของหลวงพ่อวงศ์มิได้โด่งดังไปไกล เนื่องจากท่านเป็นพระที่รักสันโดษ มักน้อย เเละถ่อมตัว ทำเครื่องลางของขลังออกมาน้อยนั่นเอง เเต่ว่าในเขตท้องถิ่นหรือเขตใกล้เคียง ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้กันทั่วไปในวงการ เคยไปร่วมพิธีพุทธาภิเศกกับสมเด็จพระสังฆราชเเพ เเห่งวัดสุทัศน์ที่กรุงเทพมหานครในสมัยนั้น หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง ที่กล่าวถึงนี้ ท่านเป็นอดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านค่าย เเละอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง จากหลักฐานที่เชื่อถือได้กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เคยมาตั้งค่ายอยู่ที่อำเภอบ้านค่าย ก่อนจะเข้าตีเมืองระยอง ส่วนวัดบ้านค่ายนั้น ตามหลักฐานค้นดูในหนังสือ ประวัติในจังหวัดระยอง จัดทำโดย พระอมรเวทีศรีบูรพาทิศสังฆปราโมกข์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดระยอง ร่วมกับนายวิทยา เกษรเสาวภาค อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง หนังสือหน้า 254 กล่าวว่า วัดบ้านค่ายตามคำบอกเล่าสืบๆกันมา ว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัย เป็นราชธานี สมัยนั้น ขอมยังปกครองเเถบนี้อยู่ ขอมได้สร้างวัดเเละโบสถ์ไว้ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง นั้น ตามบันทึกอัตตชีวประวัติ ซึ่งท่านได้บันทึกไว้ เมื่อวันที่ 26 เมษายน พศ 2479 ได้กล่าวไว้ว่า หลวงพ่อวงศ์นามเดิมชื่อ วงศ์ นามสกุล วงศ์พิทักษ์ เกิดที่บ้านหนองตาเสี่ยง ตำบล หนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 9 ปีมะเส็ง พศ 2400 บิดาชื่อ น้อย มารดาชื่อ เอี่ยม มีพี่น้องร่วมบิดา มารดา ทั้งหมด 9 คน หลวงพ่อเป็นคนที่ 4 มีอาชีพในทางทำนา เมื่อหลวงพ่ออายุยังน้อย บิดาได้ตายจากไปเสียก่อน ท่านจึงได้ช่วยมารดาทำนาเลี้ยงน้องๆโดยกู้เงินเขามาซื้อควาย เเล้วทำนาปลดหนี้กู้เขาจนหมด ในปีเดียว เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม อายุ 14  มารดาไปนำไปฝากเลี้ยงไว้ทีวัดเพื่อเรียนหนังสือ โดยนำไปฝากกับพระอาจารย์กลั่น วัดบ้านค่าย ซึ่งในสมัยนั้นไม่มีโรงเรียนเหมือนกับสมัยนี้ ใครจะเรียนหนังสือต้องไปเรียนทีวัด จังหวัดระยองในสมัยนั้นมีสภาพเป็นป่าเกือบทั้งจังหวัด ในตัวเมืองระยองก็มีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง ถนนหนทางก็ไม่มี มีเเต่ทางเกวียน จะไปกรุงเทพฯ ต้องไปลงเรือที่ปากน้ำระยอง นั่งเรือกันหลายวันกว่าจะไปถึงกรุงเทพฯดังนั้นใครจะไปเรียนหนังสือจะต้องมีความมานะพยายามเป็นอย่างดี หนังสือที่เรียนก็เป็นหนังสือ ขอมไทย เเละหนังสือไทย ความประสงค์ของกุลบุตรที่เข้ามาเรียนในวัด ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องการบวชเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับหลวงพ่อเมื่ออายุครบบวชท่านจึงได้อุปสมบท ณ วัดบ้านค่าย ตรงกับเดือน 8 เเปดสองหน พ.ศ 2423 ขณะนั้นอายุ 24 ปีโดยมี หลวงปู่สังข์เฒ่า ที่มีอาคมเเก่กล้า เเละเป็นผู้สร้างวัดละหารไร่เป็นพระอุปชฌาย์ พระอาจารย์ดี วัดบ้านค่ายเป็นพระกรรมาจารย์ พระอาจารย์ห่วง วัดหนองกะบอกเป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อบวชเเล้วประมาณ 8 เดือนมีเหตุการณ์สำคัญอันหนึ่งที่ทำให้หลวงพ่อเศร้าโศรกมาก คือเหตุเกิดขึ้นคืนหนึ่งในเดือน 4 หลวงพ่อก่อนจำวัดได้จุดธูปเทียนตามปกติ เพื่อบูชาพระก่อนจำวัด ปรากฏว่าธูปหักกลางตกลงมาไหม้ผ้าครอง หลวงพ่อวงศ์ ระยอง เขียนรำพันไว้ในประวัติของท่านว่า เมือตอนหลับ ธูปหักลงมาไหม้ผ้าครอง ร้องไห้อยู่หลายเวลา ผ้าครองเหมือนคู่บารมีเหมือนพระทีมีชีวิต เมื่อตายไปเเล้ววายปราณ ฉันจังหันเเลไปทำจิตที่พลุ่งพล่านที่หลงไหล เลยเข้ากอไผ่หมูลำมะลอก ตอนนี้ หากไม่ได้อาจารย์ดี พระกรรมาจารย์ของหลวงพ่อมาทำน้ำมนต์ 7 บาตรรดให้เเละหมอบผ้าครองใหม่ให้เเล้ว น่ากลัวว่าหลวงพ่อคงจะลาสิกขา จังหวัดระยองคงจะขาดอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษไปองค์หนึ่ง  หลวงพ่อวงศ์ ระยอง ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดบ้านค่าย จนถึงพรรษาที่ 10 ประมาณปี พศ 2433 พระอาจารย์ดี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านค่ายได้มรณภาพลง พระยาศรีสมุทรโภคโชคชัยชิตสงคราม ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองในสมัยนั้น จึงมอบให้หลวงพ่อเป็นผู้รักษาวัดบ้านค่าย ต่อมา พระครูสมุทรสมานคุณเจ้าคณะจังหวัดระยองในสมัยนั้น ได้เเต่งตั้งให้ หลวงพ่อวงศ์ ระยอง เป็นเจ้าอธิการวัดบ้านค่าย มีอำนาจหน้าที่ในการปกครองวัดบ้านค่ายโดยสมบูรณ์ ในปีพศ 2446 หลวงพ่อวงศ์มีพรรษาได้ 24 พรรษา อายุ 46 ปี สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมัยดำรงค์สมณศักดิ์ เป็นที่ พระสุคุณคณาภรณ์ เจ้าคณะมณฑลจันทบุรี ได้นัดพระเถระผู้ใหญ่ รวม 20 วัดที่วัดเก๋ง ปัจจุบันเป็นที่ตั้งโรงพยาบาลระยอง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เพื่อเเต่งตั้งให้ หลวงพ่อวงศ์ ระยอง ดำรงตำเเหน่งเจ้าคณะเเขวงอำเภอ บ้านค่าย ในวันเเรก ท่านไม่ยอมรับ ท่านเจ้าคณะมณฑลจันทบุรี ก็ยังไม่ยอม ให้พระผู้ใหญ่ซึ่งมาประชุมในวันนั้นกลับไปก่อน เเละนัดให้มาประชุมใหม่ในวันรุ่งขึ้น  
วันรุ่งขึ้น ฉันเช้าเเล้ว ตีระฆังเข้าประชุมในโบสถ์วัดเก๋งพร้อมกันเเล้ว




โพสต์ 2016-5-18 07:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ท่านเจ้าคณะมณฑลจันทบุรี ได้ประกาศต่อหน้าที่ประชุมสงฆ์ทั้งหมดว่า ท่านวงศ์ ฉันให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ในสามอย่างคือ
1 ให้รับ
2 .ให้สึก
3 ให้ไปเสียต่างเมือง


เมื่อหลวงพ่อวงศ์ ระยอง ถูกยื่นคำขาดเช่นนี้ หลวงพ่อวงศ์ ระยอง จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมรับเมื่อหลวงพ่อยอมรับพระสงฆ์ทั้งหมด ซึ่งมาประชุมกัน ณ ที่นั้น ก็สวดชะยันโต เเละอนุโมทนาสาธุขึ้นพร้อมกัน เป็นอันเสร็จพิธีเเต่งตั้งเจ้าคณะเเขวงบ้านค่าย หรือ เจ้าคณะอำเภอบ้านค่ายปัจจุบัน นับว่า หลวงพ่อวงศ์เป็นเจ้าคณะเเขวงองค์เเรกของอำเภอบ้านค่าย มีวัดในเขตปกครองของอำเภอบ้านค่าย 16 วัด คือ

1 วัดไชยชุมพล ตำบลบ้านค่าย ปัจจุบันเป็น วัดบ้านค่าย
2 วัดสุกรวารี      ตำบลบ้านหนองเข้าหมู ปัจจุบันเป็น วัดหนองคอกหมู
3 วัดไชยพฤกธาราม ตำบลหวายกรอง ปัจจุบันเป็น วัดหวายกรอง
4 วัดสังฆาราม ตำบลบ้านละหาร ปัจจุบันเป็น วัดละหารใหญ่
5 วัดวารีสังฆาราม ตำบลบ้านละหาร ปัจจุบันเป็น วัดละหารไร่
6 วัดหนองกรับ ตำบลหนองกรับ ปัจจุบันเป็น วัดหนองกรับ
7 วัดสิลาล้อม ตำบลบ้านห้วงหิน ปัจจุบันเป็น วัดห้วงหิน
8 วัดไผ่ล้อม ตำบลบ้านปากกอไผ่ ปัจจุบันเป็น วัดไผ่ล้อม
9 วัดไชยพฤกภุมรา ตำบลบ้านปากน้ำลึก ปัจจุบันเป็น วัดกะบกขึ้นผึ้ง   
10 วัดราชธาราม ตำบลบ้านหนองละลอก ปัจจุบันเป็น วัดหนองกะบอก
11 วัดอารัญญิกาวาศ ตำบลบ้านเกาะ ปัจจุบันเป็น วัดเกาะ
12 วัดมรรคาวารินธาราม ตำบลบ้านหนองสะพาน ปัจจุบันเป็น วัดหนองสะพาน
13 วัดทองธาราม ตำบลบ้านเก่า ปัจจุบันเป็น วัดบ้านเก่า
14 วัดตรีชล ตำบลบ้านตาขัน ปัจจุบันเป็น วัดตาขัน
15 วัดปากเเขก ตำบลบ้านปากเเขก ปัจจุบันเป็น วัดปากป่า
16 วัดมาบข่า ตำบลบ้านมาบข่า ปัจจุบันเป็น วัดมาบข่า
ต่อมาในปี พศ  2461 หลวงพ่อวงศ์ ระยอง ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นถึงปี พศ 2472 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรสมณศักดิ์ เป็นที่ พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ ดังสำเนาประกาศพระราชทานสัญญาบัตรสมณศักดิ์ ดังนี้

พระราชทานสัญญาบัตรสมณศักดิ์

วันที่ 6 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2472 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานสัญญาบัตรสมณศักดิ์ คือ ให้พระครูวงศ์ วัดบ้านค่าย เป็นพระครูวิจิตรธรรมานุวัติ
เจ้าคณะเเขวงจังหวัดระยอง เรียนวิชากับหลวงพ่อกง

สำหรับมนต์คาถาเเละวิชาเเพทย์โบราณนั้น หลวงพ่อวงศ์ ระยอง ได้รับการสอนประสาทวิชาจากพระภิกษุรูปหนึ่งคือ
หลวงพ่อกง ซึ่งเป็นพระภิกษุชาวเขมรลูกผสมลาว ซึ่งท่านจำพรรษาอยู่ที่เมืองเขมร
หลวงพ่อวงศ์ ระยอง สมัยเป็นพระภิกษุหนุ่ม ได้ออกเดินธุดงค์เเสวงหาครูบาอาจารย์ท่านผู้รู้วิชาทั้งหลาย ทั้งยังได้ฝึกปฏิบัติทางจิต ให้เกิดอำนาจเกิดพลัง เเต่การออกเดินธุดงค์กรรมฐานของหลวงพ่อวงค์นั้นท่านได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อกง พระชาวเขมรเข้าจึงเดินธุดงค์เข้าเมืองพนมเปญ เเละได้ไปพักอยู่ที่วัดของหลวงพ่อกง เพื่อขอศึกษาเล่าเรียนวิชาด้วยเป็นเวลานาน วิชาที่หลวงพ่อกงได้ประสิทธิ์ให้หลวงพ่อวงศ์ ระยอง นั้น เป็นวิชาทางโลกทั้งสิ้น

1 หลวงพ่อวงศ์ ระยอง เรียนวิชาที่เกี่ยวกับ เวทย์มนต์คาถา ที่ได้ปรากฎผลมาเเล้วอย่างหน้าอัศจรรย์

2 หลวงพ่อวงศ์ ระยอง เรียนวิชาที่เกี่ยวกับ การเล่นเเร่เเปรธาตุ การเรียนวิชานี้เเม้สำเร็จผลเเล้วสามารถดลสิ่งต่างๆเช่น โลหะให้กลายเป็นทองคำก็ได้ เสกน้ำธรรมดาๆ ให้เป็นทองคำเต็มขันได้ ให้ทองคำเต็มตุ่มก็ได้

3 หลวงพ่อวงศ์ ระยอง เรียนวิชาที่เกี่ยวกับ การทำน้ำพระพุทธมนต์ ซึ่งจะทำให้วันอันเป็นมงคล ซึ่งสุดเเต่ว่าจะเป็นงานอะไร รับรองว่าศักดิ์สิทธิ์นัก

4 หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง เรียนวิชาที่เกี่ยวกับ วิชาเเพทย์เเผนโบราณ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย ระยอง ท่านได้ศึกษาตัวยาสมุนไพรในป่าจนเกิดความชำนาญ สามารถรู้จักรักษาเฉพาะโรคได้

โพสต์ 2016-5-18 07:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หลวงพ่อวงศ์อบรมวิญญาณ
เมื่อได้อ่านประวัติของ หลวงพ่อวงศ์ ระยอง กับวิญญาณเเล้วก็อยากเล่าเรื่องผีให้จบสิ้นไปเลย เอาตอนรักษาโดยเฉพาะจะได้ไม่ยืดยาวคือ
ครั้งหนึ่ง มีชาวบ้านป่วยมาก ได้นำตัวไปรักษาพยาบาลภายในบ้านค่ายจนสถานที่คับเเคบไป นายเเพทย์สมัยนั้นไม่มี นอกจากตัวของหลวงพ่อวงศ์เอง เป็นทั้งหมอ เป็นทั้งพยาบาล เป็นทั้งผู้ปรุงยา
ส่วนคนไข้อีกประเภทหนึ่ง พวกนี้ถูกผีป่า เจ้าเขา เข้าสิงร่าง สิงดวงใจ หลวงพ่อวงศ์ ระยอง ต้องอาศัย ธรรมะ เข้าอบรมวิญญาณนั้นให้มาพูดคุยด้วย จนรู้เหตุของการเข้าสิงเเล้ว ท่านจะขอบิณฑบาตไม่ให้จองเวรจองกรรมกันอีกต่อไป

หลวงพ่อวงศ์ ระยอง อบรมด้วยอำนาจเเห่งจิตที่ทรงสมาธินั้นเเล้ว ท่านก็ทำพิธีกรรมอีกครั้ง คือ พรมน้ำพระพุทธมนต์ให้ นับจากนั้น โรคภัยก็หายขาดไม่เกิดขึ้นอีกเลย
เหตุที่เกิด การที่ผีหรือวิญญาณหรือปีศาจ อะไรก็ได้ที่จะเรียกกันทั้งนั้น ถ้าจะเข้าสิงใครต่อใครได้ ก็ย่อมมีเหตุหลายประการเช่น

1 วิญญาณเจ้ากรรมนายเวรที่เคยก่อเวร กันมาก่อนในชาติต่างๆ ได้ตามกระเเสของวิบาทกรรมนั้นมาถึงในชาตินี้ จึงเข้าสิงล้างเเค้น ทำให้ทุกร้อนด้วยกรณีต่างๆ
2 เป็นบุคคลที่ก่อกรรมทำชั่วตลอดเวลา จิตใจเเสวงหาเเต่สิ่งชั่วช้า ลามก เที่ยวเบียดเบียนทำลายชีวิต ให้สัตว์เล็กสัตว์น้อยตกล่วง เมื่อเพียรพยายามให้ทุกข์เเก่ท่าน ที่สุดทุกข์นั้นมาถึงตัว ก็ทำความเดือดร้อนอยู่กับที่ไม่ได้เหมือนไฟลุกลามให้เร่าร้อน วิญญาณเจ้ากรรมก็เข้าสิงกระทำสิ่งที่ตนเองไม่รู้ตัวเช่น ทำร้ายตัวเองให้บาดเจ็บ ทำอนาจารตนเองอย่างไม่รู้สึกตัว ทำลายทรัพย์สินที่ตนสร้างขึ้นให้หมดไป จนสิ้นหลักเเหล่ง ไปในที่สุด
3 จิตเดิมของมนุษย์เป็นจิตที่บริสุทธิ์เป็นประภัสสร เเต่เนื่องจากกระเเสกิเลส ทำให้หลงใหลใฝ่ฝันตกหลุมพรางกิเลส ที่ไม่เคยนิยมให้คนทำความดี ตรงกันข้ามกลับนิยมชมชื่น ถ้าบุคคลทั้งปวงทำความชั่วช้าเลวทราม ยิ่งศีลธรรมด้วยเเล้ว เป็นอันหมดกันไม่มีติดดวงจิต ดวงใจเลย อัปมาดังเรือเดินทะเล ถ้าเปิดทางให้น้ำทะเลเข้ามาอยู่เสมอๆ มิช้ามินาน เรือลำนั้นจะต้องจมสู่ก้นทะเลลึกเเน่นอนฉันใด จิตใจมนุษย์ก็ฉันนั้น ถ้าไม่มีศีลธรรมภายในในดวงจิตเเล้ว ปากประตูใจถูกเปิด ก็ย่อมเป็นที่อาศัยของกิเลสทั้งหลายที่เข้ามาเเทรกสิง เพราะความชั่วก็เข้าได้ บาปกรรมก็เข้าได้ ยักษี ผีเปรตก็เข้าได้ ไม่ช้าจิตก็เต็มไปด้วยของเสีย ของเน่า ดังนั้นผีจะเข้าร่าง จิตใจของมนุษย์ได้เเล้ว ย่อมไม่มีสิ่งอื่นนอกจาก 3 ข้อนี้เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้อบรมสั่งสอนว่า ให้ตรวจ ให้ดูจิตใจเราเอง เหตุที่จะเกิด มันเกิดที่ใจเท่านั้น ความชั่วมิได้เเทรกเข้าเนื้อเข้าหนัง ไม่ได้เเทรกเข้าที่อื่นเลย ปิดช่องเข้าเสียซิ ถ้าเข้าหูก็อุดหู เข้าตาก็อุดตา เข้าปากก็อุดปากงับมันเสีย เข้าจมูกก็อุดมันเสีย ลิ้นก็ถูกปากงับไว้เเล้ว เพราะประตูเหล่านี้ เเหละที่กิเลสผีร้ายเข้าสิงใจได้ ดังนั้นเหตุเกิดที่ใจ ก็ต้องดับเหตุที่ใจเช่นกัน ผีเปรตอะไรจะเข้ามาได้ละทีนี้
วิธีรักษา หลวงพ่อวงศ์ ระยอง เป็นพระที่ทรงศีล เป็นพระที่ดีวิเศษธรรม มีจิตใจเมตตาเอื้อเฟื้อ ฉะนั้นใครก็ตามที่ถูกผีป่าเข้าสิง ท่านจะรักษาให้ด้วยดีเสมอมา การรักษาท่านมีวิธีการของท่านเเต่คงไม่พ้นหลักเมตตาเเละญานรู้เห็น หมายความว่า ก่อนทำการรักษา ท่านต้องกำหนดดูให้รู้เเจ้งว่า วิญญาณผีนั้น มีความสัมพันธ์กับคนป่วยหรือไม่อย่างไร เป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือเปล่า เเละดูถึงจุดประสงค์เเละวิบากกรรมเก่า
1 เมื่อรู้ชัดเเล้ว ถ้าเเก้ไข้ได้ท่านจะเทศนาสั่งสอนดวงวิญญาณนั้นให้ละวางความพยาบาทเเละชี้ทางดีที่ควรให้ พร้อมทั้งเเผ่เมตตาด้วยกุศลเเห่งธรรม
2 พื้นฐานจะให้วิญญาณหรือผี เชื่อได้นั้น ต้องเป็นบุคคลที่สมบูรณ์ด้วยศีลเเละความดีงามอันมีอยู่ใน กาย วาจา ใจ ถ้าดีจริง มีศีลบริสุทธิ์จริง วิญญาณย่อมรู้เเละเชื่อฟังโดยดี
3 อัปมาดังบุรุษสองคน มีเหตุวิวาทบาดหมางกัน เมื่อบุคคลมาห้ามปราม บุคคลนั้นจะเป็นที่เคารพเชื่อถือของบุรุษ ทั้งสองฝ่าย จะต้องเป็นบุคคลดี มีศีล มีธรรม น่านิยมเลื่อมใส จึงจะยุติได้เพราะเชื่อฟังด้วยผลของความดี
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้