ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5316
ตอบกลับ: 6
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตาใบ พรหมวงษ์ วัดตึกราชา จ.สิงห์บุรี

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2018-12-2 08:28

ประวัติ คุณตาใบ พรหมวงษ์








ฃฃ

หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม เกิดเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๔๕๑ วันพฤหัสบดี ตรงกับวันวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปี วอก ที่ตำบล ม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี โยมบิดา ชื่อ นายวิง พรหมวงษ์ โยมมารดา ชื่อ นางฟัก พรหมวงษ์ มีพี่น้องรวมกัน ๗ คน เป็นชาย ๒ คน เป็นหญิง ๕ คน หลวงปู่ใบ เป็นบุตรคนที่ ๕ ในตระกูลพรหมวงษ์ เรียนหนังสือที่วัดตึกราชา
บรรพชาเป็นสามเณร
พออายุได้ ๑๐ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร อยู่ที่วัดตึกราชาอยู่ ๖ พรรษา พออายุได้ ๑๕ ปีได้ลาสิกขาจากสามเณรไปช่วยบิดาทำนา
การอุปสมบทครั้งแรก
พออายุได้ ๒๑ ปี ได้อุปสมบทที่วัดตึกราชา โดยมี พระครูเกศีวิกรม (หลวงพ่อพูล) เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรีเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อไป๋ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์แก้วนพคุณ เป็นกรรมการวาจาจารย์ หลวงพ่อช่วงเจ้าอาวาสวัดตึกราชา เป็นอนุสาวนาจารย์ ขณะที่อุปสมบทได้ศึกษาปริยัติธรรม และสอบได้นักธรรมชั้นตรี และนักธรรมชั้นโท กับได้เป็นครูปริยัติธรรมให้แก่พระภิษุสามเณร ในนักธรรมศึกษาชั้นตรี และชั้นโทด้วย
ได้ไปศึกษาพระธรรมวินัย กับหลวงปู่ฉาย สุวรรณสโร ณ วัดป่าธรรมโสภณ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นเวลา ๑ ปี
ขณะอยู่ที่วัดตึกราชาได้ไปศึกษาวิชาหมอดูจากหลวงปู่สุดอยู่ 3 ปี หลวงปู่สุดนี้เป็นพระสงฆ์ที่มาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสังฆราชาวาส
เมื่อหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม อุปสมบทอยู่ได้ 5 พรรษาก็ต้องลาสิกขาออกมาช่วยบิดามารดาทำนา แต่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอุปสมบทอีก โดยได้ไปทำการลาสิกขากับพระครูเกศีวิกรม เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี หลวงปู่พูดกับพระครูว่า “เมื่อผมมีความร่ำรวยผมจะใช้ตำราหมอดูนี้ช่วยเหลือประชาชน โดยไม่คิดเงินทอง” ในระหว่างที่มาช่วยบิดาทำนา ก็ได้รับประโยชน์มากอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นการทำนา หรือพืชไร่
ชีวิตพ่อค้า
ในระหว่างนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นเข้ามาอยู่ในประเทศไทยจำนวนมาก และเป็นช่วงที่เศรษฐกิจ บางอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลง หลวงปู่ใบได้ใช้เวลาว่างในระหว่างการหยุดทำนา เป็นพ่อค้าซื้อน้ำตาลจากห้วยกรด จำนวน ๖๐๐ ถึง ๗๐๐ ไห ราคาไหละ ๑ บาท บรรทุกเรือนำไปขายทางเทศเหนือ เช่นที่ คลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ขายราคาไหละ หกสลึง หรือ เจ็ดสลึง ขายหมดแล้วเมื่อขาล่องก็ซื้อกล้วยไข่ประมาณ ๓,๐๐๐ หวี มีขี้ไต้ น้ำมันยาง บางครั้ง ก็ซื้อเรือล่องลงมาขายด้วย ปีหนึ๋ง ๆ ขายได้ประมาณ ๔ เที่ยว
เมื่อมีเงินมากพอก็สามารถซื้อนาได้ ๓๗ ไร่ และปลูกเรือนขึ้นใหม่อีก ๒หลัง มีเรือไว้ใช้ ๓ ลำ หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม พูดเสมอ ๆ ว่าทำอะไร ๆ ได้มักได้ผล เกิดจากความมหัศจรรย์
เมื่อทางบ้านมีหลักฐานมั่นคงแล้ว หลวงปู่ใบ คิดอุปสมบทอีกจึงบอกความประสงค์กับบิดา แต่บิดาไม่ยอมให้อุปสมบท โดยบิดาพูดว่า เจ้าเป็นคนสร้างฐานะให้พ่อแม่ต้องการให้หลวงปู่ใบเป็นผู้รักษาทรัพย์สมบัตินั้นต่อไป และต้องการให้หลวงปู่มีภรรยาเป็นหลักฐาน ต่อมาได้ทำการมงคลสมรสกับ นางสาวสังวาลย์ อายุ ๒๔ ปี ขณะนั้นหลวงปู่อายุ ๒๙ ปี มีบุตรหญิงหนึ่งคนชื่อ คุณมานะ ( พรหมวงษ์ )ต่อมาแม่สังวาลย์ พรหมวงษ์ ได้ถึงแก่ถึงแก่กรรมเมื่ออายุ ได้ ๓๑ ปี ขณะนั้นหลวงปู่อายุได้ ๓๖ ปี
ปลูกกระท่อมอยู่เพื่อความสงบ
หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม (ขณะนั้นยังเป็นฆราวาสอยู่)ได้ปลูกกระท่อมอยู่ที่หางคลอง ขณะนั้นแม่สังวาลย์ พรหมวงษ์ ยังมีชีวิตแต่การที่ไปอยู่ที่นั่น เพื่อผลแห่งการปฏิบัติธรรม เพื่อความสงบของท่าน และเพื่อสะดวกกับบรรดาลูกศิษย์ และผู้ที่มีความประสงค์จะมาพบท่าน
ทำบุญต่ออายุ
เมื่อหลวงตามีอายู ๘๐ ปี (ยังเป็นฆราวาสอยู่) ได้มีการทำบุญต่ออายุ โดยมีมหาประมวลเจ้าคณะอำเภอเมือง เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ พร้อมด้วยคณะลูกหลาน
การอุปสมบทครั้งที่ ๒
หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้อุปสมบทที่วัดพิกุลทอง ตำบลพิกุลทอง อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ขณะที่มีอายุ ๘๓ ปี
โดยมีพระธรรมมุนี (หลวงพ่อแพ เขมังกโร) เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูสุจิตตานุรักษ์ (หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระครูโพธาภิวัฒน์(หลวงพ่อกลอ วัดโพธิ์ลังกา) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม เมื่อได้อุปสมบทแล้วได้มาจำพรรษาอยู่ ณ วัดตึกราชา ขณะนี้ร่างกายของหลวงปู่ใบชราลงมากแล้วแต่ยังช่วยผู้มีความทุกข์ ความเดือดร้อน ได้บ้างพอสมควร
\
\
\
หลวงตาอาพาธ
ต่อมาหลวงปู่ใบมีอาการอาพาธหลายครั้ง บางครั้งต้องเข้าโรงพยาบาล ต่อมาปี พ.ศ.๒๕๓๘ หลวงปู่ มีอาการอาพาธมากกว่าทุกครั้ง สาเหตุมาจากความชรา ช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ ต้องมีคนคอยพยาบาลช่วยเหลือ แต่หลวงปู่ใบมีสติดีตลอด และก็มีผู้มาเยี่ยมและผู้มาขอให้ช่วยเหลือมิได้ขาด โดยหลวงปู่ใบก็มิได้ปฏิเสธ พยายามช่วยเหลือทุกรายไป
หลวงปู่ใบ ละสังขาร
หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้ละสังขารวันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๐ เวลา ๐๘.๔๗ น. การละสังขารของหลวงปู่ใบครั้งนี้นำความอาลัยเศร้าโศกมาสู่บรรดาศิษย์ และผู้ที่เคารพรักใคร่หลวงปู่เป็นอย่างมาก
บำเพ็ญประโยชน์
ในระหว่างที่หลวงปูใบมีชีวิต ได้บำเพ็ญประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนา คือ
๑. จัดผ้าป่าสามัคคี ช่วยสร้างสะพานข้ามแม่น้ำในวัดบางพึ่ง และศาลาข้างสะพาน จ.ลพบุรี พ.ส. ๒๕๒๘ จำนวนเงิน ๑,๐๑๒,๔๒๙.๐๐ บาท
๒.เป็นประธาน สร้างสะพานข้ามแม่น้ำลพบุรี หน้าวัดตึกราชา ปี พ.ศ. ๒๕๓๙
๓.ที่วัดตึกราชา ได้บูรณะซ่อมแซมและก่อสร้างหลายสิ่งหลายอย่างเช่น ซ่อมแซมอุโบสถหลังเก่า และก่อสร้างเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ ทำถนนภายในวัด และรั้ว
หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้สร้างพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ไว้ในวัดตึกราชา ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดลสิงห์บุรี สูง ๙ วา ๖ ศอก ๓ คืบ ที่ฐานประเจดีย์หล่อรูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาสวัดตึกราชา จำนวน ๖ องค์ ไว้โดยรอบฐานพระเจดียนั้นหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ได้พูดว่าต้องใช้กระเเสจิตตรวจอยู่หนึ่งพรรษา เมื่อเข้ามาในกระเเสจิตดูว่าเป็นพระที่ไม่จับต้องเงินทองทั้งสิ้น เช่นเดียวกับ หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม หลวงปู่ใบก็ไม่จับต้องเงินทอง ผู้ใดจะทำบุญกับหลวงปู่ใบ หลวงปู่ใบจะใช้บาตรรับ หรือใครจะทำบุญหลวงปู่ก็ให้ใส่ลงในบาตร
หลวงปู่ทั้ง ๖ องค์ ที่อยู่รอบฐานเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ คือ
๑. หลวงปู่ทวด เฒ่า
๒.หลวงปู่ทวด สุข
๓.หลวงปู่ทวด คำ
๔.หลวงปู่ทวด น้อย
๕.หลวงปู่ทวด ช้าง
๖.หลวงปู่ทวด บุญ
หลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม เป็นประธานในการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุที่ยอดเจดีย์ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๓๗ ก่อนบรรจุพระสารีริกธาตุ มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และมีผู้มาร่วมส่งน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุ เป็นจำนวนมาก
เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุนี้สิ้นค่าก่อสร้างไป ๑,๑๘๓,๔๑๘.- บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นสามพันสี่ร้อยสิบแปดบาทถ้วน) เป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากศรัทธาของบรรดาศิษย์ และผู้ที่เลื่อมใสในหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม โดยมิได้ประกาศเชิญชวนหรือแจกซองแต่อย่างใด
เหรียญรุ่น๑ (ฆราวาส) เหรียญรุ่น๒ (พระภิกษุ)
ขนาดเหรียญฆราวาส เล็กกว่าเหรียญตอนบวชเป็นพระภิกษุ
วัตถุมงคลพระเครื่อง พระบูชา รูปหล่อ เหมือนหลวงปู่ใบ และยังมีพระเครื่อง ชนิดผงและชนิดเหรียญด้วย จากการร้องขอของลูกหลาน บรรดาศิษย์ยานุศิษย์ และผู้คนที่เคารพรักศรัทธาในตัวท่าน เพื่อเก็บไว้กราบไหว้บูชาตลอดไป
ขอขอบพระคุณ
อาจารย์หนุน ทำนอง
ร้านเมืองพรหม ๒/๓ ถ.ประชาวิถี อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี โทร ๐๓๖๔๔๑๕๑๙
จากหนังสือที่ระลึก งานประชุมเพลิง หลวงตาใบ ฐิตธมฺโม วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ณ วัดตึกราชา ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี
คณะผู้จัดทำหนังสือประวัติหลวงตาใบ ฐิตธมฺโม
คุณสมเกียรติ เหลืองดิลก
อ.ดำรงค์ ปิ่นทอง
อ.หนุน ทำนอง
อ.นิด
อ.หน่อง
คุณสำราญ ทรงเดชะ
เฮียเลิศ
เฮียสุข
เฮียหม่าน
เพจ ตาใบ พรหมวงศ์
ที่ให้ความอนุเคราะห์ข้อมูลในการเผยเเพร่ มาณ.ที่นี้ด้วยครับ

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-12-2 08:20 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


พระเนื้อผงดอกไคร้ ต้นตะไครั เกษา ผงอื่่นๆของหลวงปู่ พิมพ์หลวงพ่อหินวัดตึกราชา สิงห์บุรี หลังยันต์นะหน้าทองหลวงปู่ใบ พรหมวงษ์ จัดสร้างปี ๒๕๓๔ ชัดเจน องค์นี้ไม่สวย แต่มวลสารเพียบ และมีความหนา พระพิมพ์นี้มีความหนาบางเท่ากัน จัดทำภายในวัด ไม่ทราบจำนวนในการสร้าง

บันทึกเรื่องความดี ของหลวงปู่ใบ ฐิตธมฺโม ซึ่งเป็นบันทึกที่เขียนโดย ท่านอาจารย์หนุน ทำนอง ข้าพเจ้านายบาแดง ขอคัดมาเพียงส่วนหนึ่งจากเรื่องนี้ เพื่อให้เห็นที่มาที่ไปของวัตถุมงคลของหลวงปู่ใบ ที่เรียกว่าพระเนื้อผงตะไคร้ นายบาแดงคิดวิเคราะห์เป็นการส่วนตัว เห็นว่าพระเครื่องเนื้อผงตะไคร้นี้ จัดว่าเป็นวัตถุมงคลที่สำคัญสูงสุด ของหลวงปู่ใบ ที่น่าใช้บูชามากที่สุด

จากหนังสือที่ระลึก งานประชุมเพลิง หลวงตาใบ ฐิตธมฺโม วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ณ วัดตึกราชา ตำบลม่วงหมู่ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี

ข้อความบันทึกส่วนหนึ่งของอาจารย์หนุน ทำนอง เขียนถึงหลวงปู่ใบ พรหมวงษ์

ข้าพเจ้าได้รู้จักหลวงปู่ใบ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๗ เมื่อครั้งอยู่ที่กระท่อมหางคลอง และได้ไป-มาเยี่ยมหลวงปู่ใบตลอดมา และบางครั้งมาพบท่านก็ด้วยปัญหาทางครอบครัว เมื่อพบหลวงปู่ใบ ท่านได้ให้การแนะนำให้ปฏิบัติแล้วได้ผลดี

เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘ ข้าพเจ้าปลูกต้นตะไคร้หอมไว้รับประทาน แต่ตะไคร้หอมได้เจริญงอกงาม ลำต้นสูงมีช่อ เรียกว่าตะไคร้ออกดอก ข้าพเจ้าเก็บตะไคร้ไว้บูชา ข้าพเจ้าจึงได้นำเรื่องปลูกตะไคร้หอมแล้วออกดอกไปเล่าให้หลวงปู่ฟัง (ขณะนั้นหลวงปู่ใบ ยังเป็นคฤหัสถ์ อยู่ที่กระท่อมหางคลอง) หลวงปู่ใบได้ส่งกระแสจิต ไปที่บ้านข้าพเจ้า ไปตรวจดูตะไคร้ออกดอก แล้วหลวงปู่ใบพูดกับข้าพเจ้าว่า ที่ดอกตะไคร้มี ๓ สี ตอนบนเป็นสีขาว ตอนกลางเป็นสีเหลือง ตอนล่างเป็นสีเขียว แล้วหลวงปู่ใบ พูดต่อไปว่าข้าฯจะตรวจต่อไปอีก เทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตะไคร้ พูดกับหลวงปู่ว่า ให้ดูแค่นี้ยังไม่พออีกหรือ และเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ถามหลวงปู่ว่า เคยเห็นที่ไหนมาบ้าง

หลวงปู่ใบพูดว่า ตะไคร้มีดอก ถ้าเอามาทำพระใครมีไว้จะไม่อดอยาก ต่อมา ข้าพจ้าได้นำตะไคร้มีดอกไปให้หลวงปู่ใบที่กระท่อม จำนวน ๒ ต้น หลวงปู่ใบผสมทำพระแบบพระสิวลีเมื่อครั้งอยู่ที่บ้าน

ตะไคร้หอมกอนี้ออกดอกปีละครั้ง ในระหว่างเข้าพรรษาถึงออกพรรษา คือ พ.ศ.๒๕๒๘,พ.ศ.๒๕๒๙, พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นเวลา ๓ ปี ติดต่อกัน

เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ข้าพเจ้าไปเยี่ยมหลวงปู่ที่วัดตึกราชา(ช่วงนี้หลวงปู่บวชแล้ว เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ) เมื่อไปถึงหลวงปู่พูดว่า กำลังนึกอยากได้ต้นตะไคร้มาทำพระ(พระเครื่อง) เพราะมีคาถาอยู่บทหนึ่งที่ใช้ปลุกเสกได้เฉพาะพระที่มีต้นตะไคร้ออกดอกผสมอยู่ด้วยเท่านั้น และคาถานี้เป็นคาถาที่ตกทอดกันมา ๒ ชั่วอาจารย์แล้ว


วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๓ ข้าพเจ้าได้นำตะไคร้ออกดอกไปถวายหลวงปู่ จำนวน ๓ ต้น พร้อมด้วยช่อดอกแต่ละต้นสูง ๓ เมตรเศษ หลวงปู่ได้เอาต้นตะไคร้ผูกไว้กับต้นเทียนเข้าพรรษาซึ่งตั้งอยู่ที่หัวนอนของท่าน ท่านพูดว่าจะทำพระ(พระเครื่อง) จำนวน ๒ ต้น อีกต้นหนึ่งจะเก็บไว้ให้เขาดูกัน และหลวงปู่พูดต่อไปว่า เริ่มเสกผงไว้บ้างแล้ว และกำลังเสกผงหลายอย่างเป็นส่วนผสม

ความดีของหลวงปู่ใบ เมื่อครั้งยังเป็นคฤหัสถ์ อยู่กระท่อมหางคลอง หลวงพ่อแพ เขมังกโร วัดพิกุลทอง เคยไปหาหลวงปู่ที่กระท่อม หลวงปู่ได้ปูเสื่อต้อนรับหลวงพ่อแพ หลวงพ่อแพพูดกับหลวงปู่ใบว่า เป็นผู้มีศีลนั่งด้วยกันได้ ต่างกันที่คนละสีเท่านั้นและยังได้บอกกับหลวงปู่ใบ ให้เก็บเครื่องบูชาไว้อย่าเอาไปทิ้ง เช่น ดอกบัวหรือธูปเทียนที่ใช้แล้ว หลวงพ่อแพ ท่านจะเอาไปผสมทำพระ(พระเครื่อง)

3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-12-2 08:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-12-2 08:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้



สีวลี หลวงตาใบ พระเครื่องแห่ที่สุดในการ สร้าง เสริมดวงปัดเคราะห์ภัย เรียกโชคลาภ พกติดตัวจะช่วยในเรื่อง การเป็นอยู่ ที่มีระบบ การงานดีขึ้นทันตา คนที่สุขภาพไม่ดี ควรพก เพราะดีทางแก้โรคภัยได้ คนที่สุขภาพดีก็ควนพกอย่างยิ่ง จะดีขึ้นทุกด้าน
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-12-2 08:26 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ล็อคเก็ตครึ่งองค์ ตาใบ พรหมวงศ์
ล็อคเก็ตที่สร้างสมัย ตายังเป็นฆราวาส มีการสร้างอยู่ด้วยกัน 2 แแบบ คือ เเบบเต็มองค์ เเละเเบบครึ่งองค์ ล็อคเก็ตนี้ ตา ลงด้วยคาถาหัวใจ 4 นาง กล่าวคือ
๑.หัวใจนางพันธุรัตน์ หัวใจผู้เป็นมารดา ผู้รักมนุษย์ดุจลูกในครรภ์ เจ้าของคาถาจินดามนต์ คือ เรียกลาภ มนต์จินดา ให้มนุษย์เมตตา เทวดาเมตตา อมนุษย์เมตตา
... ๒.หัวใจนางผุสดี หญิงผู้เป็นเลิศด้วยพรทั้ง ๑๐ ขอได้หมด
๓.หัวใจพระนางมัทรี หัวใจผู้มีความจงรักภัคดีต่อสามีอยู่ตลอดเวลา ความรักที่บริสุทธิ์
๔.หัวใจนางอมิตตาดา ผู้มีอำนาจกุมผัว เกี่ยวกับเรื่องความสบาย มีคนเอาเงินทองมาให้ สามารถบังคับอะไรได้ทั้งหมด และมีคนมาเป็นข้ารับใช้ ให้เป็นใหญ่เป็นโต (ต่อให้ใหญ่โตสักเพียงใด ก็ยังต้องมาเป็นข้ารับใช้เราฃ
ฃฃ


วิชาเสกผงตะไคร้มีดอกนี้เป็นวิชาที่มีมานานเป็นวิชาในสำนักพระร่วง สุโขทัย หาผู้ทำอยากผงวิเศษนี้เป็นยอดผง พระผู้เฒ่าแห่เมืองสิงห์ สีวลีพระอรหันต์แห่โชคลาภ ผงตะไคร้มีดอก ผงแห่ชัยชนะ มารวมกันแล้ว โชคลาภที่ไม่มีคำว่าแพ้ หลวงตาใบท่าน ไม่ได้สอนให้เล่น การพนัน แต่ทุกวันต้องแข่งขัน ทุกทางจึงจะอยู่รอด พระดี มวลสานสุดยอด











6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-12-2 08:27 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-12-2 08:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ตาใบ พรหมวงษ์ ฆราวาสผู้เรืองเวทย์เเห่งสิงห์บุรี
.............ต้นตำหรับ........พระผงตะไคร้ เเก้ดวงตก............
หลวงปู่ใบพูดว่า ตะไคร้มีดอก ถ้าเอามาทำพระใครมีไว้จะไม่อดอยาก ต่อมา ข้าพจ้าได้นำตะไคร้มีดอกไปให้หลวงปู่ใบที่กระท่อมหางคลอง จำนวน ๒ ต้น หลวงปู่ใบผสมทำพระแบบพระสิวลีเมื่อครั้งอยู่ที่บ้าน(ช่วงนี้หลวงตาใบท่านยังเป็นฆราวาสอยู่ และจัดสร้างพระสิวลีผงดอกตะไคร้รุ่นแรกขึ้น เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๒๙ - ๒๕๓๐)
... ตะไคร้หอมกอนี้ออกดอกปีละครั้ง ในระหว่างเข้าพรรษาถึงออกพรรษา คือ พ.ศ.๒๕๒๘,
พ.ศ.๒๕๒๙, พ.ศ.๒๕๓๐ เป็นเวลา ๓ ปี ติดต่อกัน
เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ข้าพเจ้าไปเยี่ยมหลวงปู่ที่วัดตึกราชา(ช่วงนี้หลวงปู่บวชแล้ว เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ) เมื่อไปถึงหลวงปู่พูดว่า กำลังนึกอยากได้ต้นตะไคร้มาทำพระ(พระเครื่อง) เพราะมีคาถาอยู่บทหนึ่งที่ใช้ปลุกเสกได้เฉพาะพระที่มีต้นตะไคร้ออกดอกผสมอยู่ด้วยเท่านั้น และคาถานี้เป็นคาถาที่ตกทอดกันมา ๒ ชั่วอาจารย์แล้ว
วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๓๔ ข้าพเจ้าได้นำตะไคร้ออกดอกไปถวายหลวงปู่ จำนวน ๓ ต้น พร้อมด้วยช่อดอกแต่ละต้นสูง ๓ เมตรเศษ หลวงปู่ได้เอาต้นตะไคร้ผูกไว้กับต้นเทียนเข้าพรรษาซึ่งตั้งอยู่ที่หัวนอนของท่าน ท่านพูดว่าจะทำพระ(พระเครื่อง) จำนวน ๒ ต้น อีกต้นหนึ่งจะเก็บไว้ให้เขาดูกัน และหลวงปู่พูดต่อไปว่า เริ่มเสกผงไว้บ้างแล้ว และกำลังเสกผงหลายอย่างเป็นส่วนผสม
ความดีของหลวงปู่ใบ เมื่อครั้งยังเป็นคฤหัสถ์(ฆราวาส) อยู่กระท่อมหางคลอง หลวงพ่อแพ เขมังกโร วัดพิกุลทอง เคยไปหาหลวงปู่ที่กระท่อม หลวงปู่ได้ปูเสื่อต้อนรับหลวงพ่อแพ หลวงพ่อแพพูดกับหลวงปู่ใบว่า เป็นผู้มีศีลนั่งด้วยกันได้ ต่างกันที่คนละสีเท่านั้นและยังได้บอกกับหลวงปู่ใบ ให้เก็บเครื่องบูชาไว้อย่าเอาไปทิ้ง เช่น ดอกบัวหรือธูปเทียนที่ใช้แล้ว หลวงพ่อแพ ท่านจะเอาไปผสมทำพระ(พระเครื่อง)
ขอขอบพระคุณท่าน อ.หนุน ทำนอง เเละ คุญBa Daeng ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล มาเผยพร่นะครับ




ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้