ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ตะกรุดพระแสงขรรค์ชัยศรี บารมีพระเจ้าศรีชัยวรมัน

[คัดลอกลิงก์]
ได้มาแล้วหนึ่งดอกมาเป็นคนสุดท้ายในงานเลยครับ
ดีใจกับพี่ๆๆ คศช. ที่ได้รับตะกรุตพระแสงขรรค์ชัยศรีน่ะครับ
เก็บรักษาดีๆๆน่ะ
มีภาพวันงานมาแบ่งกันชมไหมครับ
การสร้างพระขรรค์

ตามตำราไชยสงคราม ถือว่า เป็นสุดยอดแห่งเครื่องรางประเภท “ศาสดาวุธ” เลยก็ว่าได้ ในอดีตแม้แต่หลวงปู่ศุขวัดปากคว้างมะขามเฒ่า ยังเคยสร้างถวายแก่เสด็จในกรมหลวงชุมพรอุดมศักดิ์ ซึ่งพระองค์ ใช้เป็นเครื่องรางประจำพระองค์ นั้นคือ  พระขรรค์โสฬส




เป็นอาวุธที่แม้แต่ท่านขุนพันยังให้ความสนใจ ซึ่งในประวัติ เชื่อกันว่า สร้างขึ้นเพียง 7 เล่มเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า การสร้างพระขรรค์ในสมัยโบราณกาล ไม่ใช่จะสร้างกันได้ง่ายๆ
ส่วนตำราการสร้างพระขรรค์ที่พอจะทราบประกอบด้วยกัน ได้ 2 ประเภท คือ


1. พระขรรค์ที่สร้างจากโลหะธาตุวัตถุอาถรรพ์ต่างๆ
2. พระขรรค์ที่สร้างจากเขาสัตว์ หรือ ไม้มงคลต่างๆ


ในตำราพิไชยสงคราม การสร้างพระขรรค์ได้บันทึกไว้แยกได้เป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ


1.   ตัวพระขรรค์
2.   ด้ามพระขรรค์
3.   ผงวิเศษตามวิชาที่บรรจุในด้ามพระขรรค์


1.1   ตัวพระขรรค์จะต้องนำเหล็กยอดพระเจดีย์ ผสม กับโลหะ มงคล และ วัตถุอาถรรพ์อีกหลายชนิด ซึ่งก่อนะตีพระขรรค์จะต้องลงอักขระเลขยันต์บังคับตามตำราตีผสมลงให้เป็นมหามงคล โดยการตีพระขรรค์จะต้องกำหนดฤกษ์ยามตามจารีดตัวพระขรรค์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จะต้องจารอักขระเลขยันต์ตามศาสตร์พิไชยสงคราม


1.2   ด้ามพระขรรค์ต้องทำมาจากไม้อาถรรพ์ หรือ ไม้มงคลต่างๆภายในแกนด้ามพระขรรค์จะต้องบรรจุ เถ้าอาถรรพ์ต่างๆและผงวิเศษตามตำรา
1.3   ผงที่ใช้บรรจุพระขรรค์ จะใช้บรรจุพระขรรค์ที่สร้างจากโลหะหรือคณาจารย์บางสำนักยังบรรจุลงในพระขรรค์ที่แกะจากไม้มงคล หรือ เขาสัตว์อีกด้วย ซึ่งผงดังกล่าวจะประกอบไปด้วย ผงอาถรรพ์ต่างๆ และ ผงวิเศษตามตำรา ประกอบด้วย ผงปถมังพระเจ้าตรึงไตรภพ ผงมหาไวย์ไมยราบสะกดทัพ  เป็นต้น (เฉพาะผงก็มิได้บอกถึงเรื่องทางโภคทรัพย์)


2 . พระขรรค์ที่สร้างจากเขาสัตว์ หรือ ไม้มงคลต่างๆ


พระขรรค์ที่สร้างจากเขาสัตว์ เช่น พระขรรค์เขาความเผือกของหลวงพ่อโศก วัดปากคลอง จ. เพชรบุรี ท่านจะใช้เขาสัตว์ที่ตายผิดธรรมชาตินำมาแกะเป็นพระขรรค์ ปลุกเศกให้ได้อย่างน้อย 1 พรรษา จึงจะแจกจ่ายให้แก่ลูกศิษย์ หรือ แกะขึ้นจากไม้มงคลโดยผู้ที่แกะจะต้องอาราธนาศีลอุโบสถและขณะแกะขึ้นรูปเป็นพระขรรค์ มีเคล็ดอยู่ว่า ห้ามแกะทวนไม้ หมายความว่า เวลาแกะให้ตัดเป็นท่อนขนาดพอเหมาะกับการแกะโดยให้จำไว้ว่า ทางไหนเป็นด้าม ทางไหนเป็นปลายให้แกะเป็นทางเดียวกันจนสำเร็จถ้าทวนแม้แต่ครั้งเดียว ถือว่าเป็นวิบัติต้องทิ้งไป ใช้ไม่ได้จากนั้นจึงลงอักขระ ตามสูตร เป็นอันเสร็จพิธี จะเห็นได้ว่าผู้ที่สร้างพระขรรค์ต้องมีสมาธิสูงจึงจะสร้างได้สมบูรณ์แบบที่สุด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2013-9-2 09:52

พระขรรค์โสฬส
พระขรรค์คู่กายของกรมหลวงชุมพร และ สุดยอดของขลังของหลวงปู่ศุข ที่ขุนพัทธ์ตามหาทั้งชีวิต










พระขรรค์โสฬส คือศาสตราวุธ ที่หลวงปู่ศุข ท่านได้อัญเชิญทวยเทพ ทั้ง16ชั้นฟ้า มาอำนวยพร ในการทำพิธีกรรมในการจัดสร้างที่มีพิธีเข้มขลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
พระขันธ์โสฬส จึงจัดเป็นเทพศาสตราวุธ อย่างแท้จริงโดยจำลองรูปแบบมาจากพระขรรค์โบราณของพระมหากษัตริย์ ซึ่งเสด็จในกรมได้นำมาจากในวัง เพื่อเป็นต้นแบบ ซึ่งมีลักษณะที่สวยงามมากๆ
อีกทั้งมีพิธีกรรมในการจัดสร้างที่เร้นลับ ซับซ้อน ยิ่งกว่ามีดหมอ และเครื่องรางของขลังใดๆ ที่เคยมีการจัดสร้างมา ซึ่งเชื่อกันว่า มีเพียงแค่ 7เล่มเท่านั้น
เมื่อสร้างเสร็จแล้ว เสด็จในกรม ท่านได้ถวายคืนให้ หลวงปู่ศุขหนึ่งเล่ม ซึ่งพระขรรค์เล่มนี้เองได้สร้างความมหัศจรรย์ให้ปรากฎแก่สายตา ของผู้ที่ได้พบเห็นมามากแล้ว และหนึ่งในนั้นก็คือ ท่านขุนพันธ์ นั่นเอง

ประวัติและการสร้าง
-  พระขรรค์โสฬสนี้ มีความยาว 7นิ้ว ถ้ารวมด้ามด้วยก็จะยาว 11นิ้ว ตัวพระขรรค์ ทำจากยอดเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงปู่ศุข ท่านได้รวบรวมไว้นานแล้ว ผสมกับโลหะมงคล และวัสดุอาถรรพ์ อีกหลายชนิด   
-  โดยในการหล่อโลหะ ก่อนนำมาตีเป็นพระขรรค์นั้น เสด็จในกรมท่านได้ ทรงนำเครื่องทองนากส่วนพระองค์ เทผสมลงไปเป็นมงคลอีกต่างหาก ผสมกับแผ่นทองคำ เงิน และะนาก
   ที่จารึกอักขระโดยหลวงปู่ศุข ทำพิธีปลุกเสก ข้ามพรรษา
-  ที่ตัวพระขรรค์ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง จารึกอักระ และเลขยันต์ ประจำตัว ของหลวงปู่ศุขมีผู้ถอดความเป็นภาษษขอม ออกมามีความหมาย บอกเล่า ความเป็นมา ของพระขรรค์ ลึกซึ้งมาก
-  ด้ามพระขรรค์ ทำจากฝักคูน ตายพราย ภายในแก่นพระขรรค์ บรรจุกระดูกผีและเส้นผม ผีตายโหง7ป่าช้า กับของอาถรรพ์อีกหลายอย่าง เมื่อสร้างพระขรรค์เสร็จเป็นเล่มสมบูรณ์แล้ว
   หลวงปู่ศุขท่านได้  ทำพิธีปลุกเสกเดี่ยว นานตลอดพรรษาก่อนที่จะนำมาถวายให้แด่เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์   
-  ทั้งนี้เป็นที่เข้าใจกันว่า พระขรรค์โสรฬสนี้ อยู่ที่เสด็จในกรมฯหนึ่งเล่ม หลวงปู่ศุขหนึ่งเล่ม ส่วนเล่มที่เหลือ อีก5 เล่ม อยู่กับพระบรมวงศานุวงษ์ ซึ่งไม่มีใครได้พบเห็นพระขรรค์ทั้ง5เล่มนั้นอีกเลย

จากประวัติการจัดสร้าง "พระขรรค์โสฬส" นี้คล้ายกับพิธีกรรมในการจัดสร้าง "ดาบฟ้าฟื้นของขุนแผน" เป็นอย่างมากโดยในวรรณกรรม ขุนช้างขุนแผนกล่าวถึงการสร้างดาบฟ้าฟื้นเป็นร้อยกรองดังนี้
“เอาเหล็กยอดเจดีย์พระมหาธาตุ
ยอดปราสาททวารมาประสม
เหล็กขนัดผีพรายตายทั้งกลม
เหล็กตรึงลมตรึงปั้นโลงสลักเพชร์
หอกสัมฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก
เหล็กปฎักประตูตะปูเห็ด
พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด
เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
เอาเหล็กไหลหล่อบ่อพระแสง
เหล็กกำแพงน้ำพี้พร้อมเหล็กแร่...”
จากร้อยกรองการจัดสร้าง "ดาบฟ้าฟื้นของขุนแผน" น่าจะเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าการสร้างเทพศาสตราวุธนี้เป็นความเชื่อที่มีมาแต่ครั้งโบราณ

ในขณะที่พระขรรค์ประจำตัวพระองค์ของ "เสด็จในกรม" นั้น มีผู้พบเห็นพระองค์อัญเชิญเป็นศาสตรวุธประจำตัว โดยเฉพาะในขณะทรงเดินทางออกทะเล
ความอัศจรรย์ของ "พระขรรค์โสฬส" มีมากมายจาระไนไม่หมด สามารถใช้ได้สารพัดนึก มีความคงกระพัน แก้ไขป้องกันคุณไสย์ ทำน้ำมนต์ไล่ภูตผีปีศาจ และที่สำคัญเป็นมหาอุดที่ปกป้องคุ้มครองอันตรายได้ทั้งหมู่คณะพ่อหลิม" เคยเล่าว่าเมื่อคราวที่เกิดพายุกลางทะเล "เสด็จในกรม" ได้เคยอธิษฐานกวัดแกว่งพระขรรค์เล่มนี้จนคลื่นลมสลายมาแล้ว

หลวงพ่อหลิม  หรือ "เสือไท" เป็นผู้ไขรหัสลับพระขรรค์นี้ให้กับ "ขุนพันธ์" และลูกศิษย์ก้นกุฎิซึ่งเป็นนายตำรวจอดีตมือปราบเมืองพิจิตร ศิษย์รุ่นน้องสำนักเดียวกับขุนพันธ์ให้ได้ทราบ
"พระขรรค์โสฬส" เล่มที่อยู่กับ "หลวงปู่ศุข" ต่อมาได้ตกทอดมาอยู่ในความครอบครองของ "หลวงตาแวว" วัดคลองคู้ จังหวัดพิจิตร ภายหลัง "หลวงปู่ศุข" มรณะภาพแล้วหลวงตาแววได้นำ "พระขรรค์โสฬส" ออกจากวัดปากคลองมะขามเฒ่าติดตัวไปด้วย จนกระทั่ง "หลวงตาแวว"ได้อุปสมบท ปรากฎว่าพระขรรค์เล่มนี้ก็ยังอยู่กับ "หลวงตาแวว" และเป็นเครื่องรางของขลังที่ "หลวงตาแวว" หวงแหนมากที่สุด โดยท่านนำใส่ย่ามหรืออังสะ และบางครั้งก็พกไว้ที่เอวตลอดเวลา

ภายหลังจาก "หลวงตาแวว" มรณะภาพไป พระขรรค์เล่มนี้ ได้ตกทอดไปยังลูกศิษย์เกิดการยื้อแย่งกัน
น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ในช่วงหนึ่ง "พระขรรค์โสฬส" ได้ตกไปอยู่ในมือของพวกโจรซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ "ขุนพันธ์" ได้เดินทางกลับไปยังภาคใต้แล้ว (ขุนพันธ์ เคยขอพระขรรค์เล่มนี้จากหลวงตาแวว แต่ท่านผัดผ่อนจนมรณะภาพ) "ขุนพันธ์" ได้เพียรพยายามตามหาพระขรรค์ที่เหลืออยู่แต่ไม่พบ ทั้งให้เพื่อนสนิทที่พิจิตรช่วยตามหาพระขรรค์ เล่มของ "หลวงปู่ศุข" ด้วย ซึ่งมาทราบภายหลังว่าลูกศิษย์ของ "หลวงตาแวว" ซึ่งเอาดีทางนักเลงได้ขโมยต่อๆกันไปจนในที่สุดก็ได้ไปอยู่ในชุมโจรแห่งหนึ่ง

จากคำบอกเล่าของ "เสือออง" (ปัจจุบันมีชีวิตอยู่และกลับตัวเป็นคนดี) เล่าว่า
"ตนเองและพรรคพวกโจรได้ผลัดกันถือพระขรรค์นำหน้าเวลาออกปล้น เคยประทะกับเจ้าทรัพย์และตำรวจ ปรากฎว่ากระสุนปืนไม่สามารถทำอันตรายพวกตนได้ หากโดนจ่อใกล้ๆ ปืนก็จะไม่ลั่นหรือไม่ดัง หากอยู่นอกรัศมีออกไปกระสุนก็จะพลาดเป้าหมายไปหมด"
"เสือออง" เล่าถึง อำนาจจาก "พระขรรค์โสฬส" ว่า เคยนำพระขรรค์ไปปักไว้ที่หัวคันนาปรากฎว่าฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาใกล้ๆ จากนั้นใช้ปืนพระรามหก และปืนนานาชนิดยิงทดสอบ กระสุนปืนไม่ลั่นแม้แต่นัดเดียว การที่พวกโจรนำพระขรรค์ไปใช้ในทางทีผิ่ดนั้น มีวิธีแก้ทางเดียวคือนำกลับมาหรือแย่งคืนจากมือโจรให้ได้ แต่อย่างที่กล่าวแต่แรก เหตุการณ์เกิดในช่วงที่ "ขุนพันธ์" เดินทางกลับภาคใต้แล้วไปแล้ว
"พ่อหลิม" จึงให้ศิษย์รุ่นน้องของ "ขุนพันธ์" ผู้หนึ่งซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจมือปราบเลือดเนื้อเชื้อไขชาวพิจิตร(ปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว) ออกติดตามหาเกิดการประทะต่อสู้กันอย่างสนุกตื่นเต้น กว่า จะแย่งพระขรรค์ออกจากมือโจรได้ ต้องใช้เวลานานหลายปี

พระขรรค์โสรฬดังกล่าวครั้งหนึ่งเคยตกเป็นสมบัติของมือปราบชาวพิจิตรศิษย์รุ่นน้อง "ขุนพันธ์" ร่วมสำนักของ "พ่อหลิม" และบุตรชายได้ถ่ายรูปบันทึกภาพไว้เกือบสิบปีแล้ว แต่น่าเสียดายเมื่อเกษียณอายุราชการผู้บังคับบัญชาการระดับสูงขอพระขรรค์เล่มนี้ไป

ทั้งหมดที่เป็นเรื่องราวบางส่วนของ "พระขรรค์โสฬส" ที่ "ขุนพันธ์" อยากได้เป็นที่สุดเพื่อเป็นของขลังคู่กับ "ดาบแดง" แต่จนวาระสุดท้าย ท่านก็ไม่ได้มีโอกาศครอบครอง"พระขรรค์โสฬส"เล่มนี้...



เครดิต http://thaimisc.pukpik.com/freew ... rakruang&topic=3882
      http://atcloud.com/stories/68619


Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-8-31 23:29
พลังไปไหนหมดครับ

หมดไปกับกิจการงานครับ
67#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-2 17:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ได้ตะกรุดมากับเค้าด้วย
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2013-9-2 17:47
ได้ตะกรุดมากับเค้าด้วย

อิจฉาฝุดฝุด
ได้ยินมาว่า .จะบูชาตะกรุดนี้ก็ต้องฝึกจิตสมาธิเยอะๆ เพราะจะบูชาของแรงๆแบบนี้ถ้าจิตไม่ถึงจะทำให้เพลียได้..แหมได้ยินมาอย่างนี้ยิ่ง กิเลสขึ้นไม่หยุดจิงจิง
มิน่าล่ะ วันนี้ตื่นมาหกโมงหน่อยๆเพลียจะลุกไม่ขึ้น  นั่งสัปหงกทั้งวันเลย
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้