ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6952
ตอบกลับ: 14
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

"สังคมวิปริต" รีดอสุจิใช้ทำคุณไสย

[คัดลอกลิงก์]
1#
โพสต์ 2015-4-22 06:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 22 เมษายน  พ.ศ. 2558 เวลา 00:01 น.

สดจากสนามข่าว
วัฒนชัย จำนงค์ทอง เรื่อง-ภาพ




กลาย เป็นคดีสะเทือนขวัญชาวอุดรธานี เมื่อคนร้ายบุกป่าช้าขโมยศพและชิ้นส่วนศีรษะ ย่ำยีจิตใจของครอบครัวคนตายซ้ำสอง หลังต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นรักไปอย่างไม่มีวันกลับไปแล้ว



ตำรวจใช้เวลาไม่นานก็ปิดคดีลงได้ เผยโฉมคนร้ายคือพระธุดงค์ ที่ใช้เดรฉานวิชาหากินกับความงมงายของชาวบ้าน



คดี นี้ถูกเปิดเผยขึ้นวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อนางอนงค์ หีบแก้ว อายุ 65 ปี กับนางบัวลี ชูเรียง อายุ 63 ปี ชาวบ้านโนนสา ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี พากันเข้าแจ้งความกับร้อยเวร สภ.ประจักษ์ศิลปาคม ว่ามีคนร้ายแอบขุดแล้วขโมยศพนายนพรัตน์ หีบแก้ว อายุ 33 ปี ที่ตายจากสาเหตุถูกทำร้าย แล้วยังทุบเบ้าหลุมศพเอาส่วนศีรษะศพนางศิริรัตน์ อัครราช อายุ 36 ปี ลูกสาวนางบัวลี ที่เสียชีวิตขณะตั้งท้อง 5 เดือน ไปจากป่าช้าบ้านโนนสา หมู่ 14 ต.นาม่วง



"ส่วนตัวคิดว่าคนร้ายจะเอาไปทำสิ่งเลวร้าย สิ่งที่ไม่ดี เป็นการกระทำซ้ำเติมลูกชายที่ถูกทำร้ายจนตายแล้วยังมาถูกขโมยศพไปอีก ขอให้สิ่งที่เลวร้ายทั้งหลายไปสู่คนที่ทำสิ่งไม่ดีแต่ฝ่ายเดียว ตอนสงกรานต์จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ลูก แต่แล้วก็ไม่มีแม้กระดูกลูกไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้เลย จึงขอสาปแช่งคนที่ขโมยศพลูกไป" นางอนงค์เผยด้วยความคับแค้นใจ



ขณะ ที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน โรงพัก ประจักษ์ศิลปาคม โรงพักกุมภวาปี และชุดสืบสวนจังหวัดอุดรธานี ร่วมกันเข้าคลี่คลายคดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ป่าช้าบ้านเชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี ก็ถูกคนร้ายบุกมาขุดและขโมยศีรษะศพเด็กชายหญิง 2 พี่น้องที่จมน้ำตายหายไป



เบาะแส แรกที่ตำรวจมีคือชาวบ้านให้การว่า พระธุดงค์กับชาวบ้านที่ชอบเล่นหวยพากันเข้าไปทำพิธีขอหวยจากศพที่ตายผิด ธรรมชาติ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าตายโหงในป่าช้าทั้ง 2 แห่ง จากนั้นศพและศีรษะก็หายไป



ถัดมาช่วงเช้าวันที่ 17 เม.ย. ชุดสืบสวนจังหวัดอุดรธานียกกำลังไปที่วัดป่าธรรมเจริญ ก่อนเชิญตัวพระอุ่น อธิโญ อายุ 65 ปี มาสอบปากคำ หลังสืบสวนจนรู้ว่าพระธุดงค์รูปนี้คือผู้ที่พาชาวบ้านไปทำพิธีขอหวยในป่าช้า



"ยอม รับว่าเข้าไปทำพิธีขอหวยศพตายโหงในป่าช้า แต่ไม่รู้เรื่องศพหาย ที่เข้าไปทำก็เพราะนายดม มัคนายกวัดกับเพื่อนๆ มาชวนไปทำพิธี โดยให้วัยรุ่น 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มารับเข้าไปในป่าช้า เสร็จแล้วก็พากลับมาส่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยบอกหวยชาวบ้านจนถูกกันไปแล้วครั้งหนึ่ง นายดมจึงชักชวนไปทำพิธีอีก" พระอุ่นให้การ



จากนั้นตำรวจไป หิ้วชาวบ้าน 6 คนที่เข้าไปร่วมทำพิธีมาเค้นสอบความจริง จนกระทั่งนายขุนทอง เกตุหนู อายุ 32 ปี นายวรพงษ์ เสนาพล อายุ 20 ปี รับสารภาพว่า วันเกิดเหตุมีชาวบ้าน 5 คน และพระอุ่นอีก 1 รูป เข้าไปทำพิธีขอหวยในป่าช้าบ้านเชียงแหว



แต่ขณะทำพิธีมีเสียง หมาหอนดังลั่นป่าช้า ชาวบ้าน 3 คนจึงพากันวิ่งกลับบ้านไปก่อน เหลือเพียงพวกตน 2 คนกับพระอุ่นอยู่ทำพิธีต่อจนเสร็จ



พระ อุ่นให้พวกตนช่วยกันขุดศพขึ้นมาแล้วบอกให้กลับไปก่อน ระหว่างที่เดินออกจากป่าช้าหันไปดูเห็นพระอุ่นกระโดดลงไปในหลุมศพเด็ก จากนั้นพระอุ่นเป็นคนเอากะโหลกศีรษะศพเด็กไป แต่ไม่รู้ว่าเอาไปไว้ที่ไหน



ตำรวจย้อนกลับเข้าตรวจค้นกุฏิ พบตะขอสับช้างหรือคชกุศ ที่ลงอักขระอาคมใช้เกี่ยวกะโหลกศีรษะศพเด็ก และค้อนปอนด์ จึงยึดไว้เป็นของกลาง



ระหว่างเจ้าหน้าที่สอบปากคำพระอุ่นได้นิมนต์พระครูอุดมกิจจาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอกุมภวาปี มาทำพิธีสึกพระอุ่นด้วย



โดย พระครูอุดมกิจจาภรณ์กล่าวกับพระอุ่นว่า ในทางธรรมเรียกว่าภิกษุ อาจิณ ในเพศสมณะทำอย่างนี้ไม่ถูก เพราะไม่ใช่หน้าที่ของพระสงฆ์ที่ต้อง ไปทำมาหากินแบบนี้ ทางวินัยได้บัญญัติเอาไว้ เป็นอเนสนาหากินโดยมิชอบ เบียดเบียนชาวบ้าน เบียดเบียนศพ ถ้าเป็นพระต้องแผ่เมตตาสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่เราไปเรียนเดรัจฉานวิชามาแล้วมาเบียดเบียนกับศพ







พ.ต.อ.วิชาญ สะธรรมแปง พงส.ผทค.สภ.กุมภวาปี เผยว่า สอบปากคำไปแล้ว 7 ปากกันไว้เป็นพยาน 4 คน



ส่วน นายอุ่น อุ่นเรือน หรือพระอุ่น กับนายวรพงษ์ และนายขุนทอง แจ้งข้อหาดำเนินคดีร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันในการกระทำ ความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยไม่มีเหตุอันควร ทำให้เสียหายเคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนของศพ แม้นายอุ่นยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา



ตำรวจยังคงเร่ง ติดตามศพและศีรษะที่หายไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำกลับคืนสู่ครอบครัวและนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่กำลังเฝ้ารอคอยอยู่ ด้วยความหวัง




ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1429630529

2#
โพสต์ 2015-4-22 18:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2015-4-22 11:03
อันนี้ก็คงพอๆกัน...
พบแล้ว! ซากเด็กที่เจ้าอาวาสทำของ  ...

3#
โพสต์ 2015-4-28 18:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันที่ 28 เมษายน  พ.ศ. 2558 เวลา 12:31 น.

ที่มา..http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1430199156


สุดพิสดาร!! จอมขมังเวทย์ซื้อซากศพเคี่ยวทำน้ำมันพราย โชว์ภาพพิธีผ่านเว็บ-เฟซบุ๊ก



จากกรณีตำรวจภาค 5 โดยการนำของ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภาค 5 ตรวจสอบตามวัดต่างๆ ที่เหล่าพระสงฆ์ ได้นำซากศพเด็กทารก มาทำพิธีคุณไสย รวมทั้งกะโหลกมนุษย์ และได้ดำเนินการขุดศพเด็กหญิงวันเพ็ญ ที่ถูกฝังใต้ฐานพระพหรม ที่วัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ เชียงใหม่ ช่วยให้วิณญาณเด็กได้ไปผุดไปเกิดตามหนังสือร้องเรียนให้ช่วยเหลือ และทำการตรวจสุสานหายยา อ.เมืองเชียงใหม่ ต้นตอของการนำชิ้นส่วนศพเด็กมาขาย และชิ้นส่วนศพอื่นๆ ของมนุษย์ พบสัปเหร่อ สองคนผัวเมีย คือ นางสมบูรณ์ เนรมิตร อายุ 72 ปี หรือป้าบุญ และนายสุทัศน์ เนรมิตร อายุ 58 สัปเหร่อสุสานหายยา อยู่ ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ โดยได้ยึดเศษชิ้นส่วนของศพจำนวนถึง 20 ถุง ซุกซ่อนอยู่ใต้ถุนเมรุของสุสาน ตรวจสอบ



โดยนายสุทัศน์ ได้รับสารภาพว่าได้รับเศษชิ้นส่วนศพ มาจาก รพ.ต่างๆ ในเขตภาคเหนือและคลินิกต่างๆ เพื่อให้มาเผา ทั้งที่ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ได้มีการยกเลิกการรับเผาศพและชิ้นส่วนศพของทาง รพ.แต่ละแห่งรวมทั้งของคลินิกไปนานกว่า 2 ปี จึงได้ดำเนินคดีกับทางสัปเหร่อ สองคนผัวเมีย ส่วนทางเทศบาลนครเชียงใหม่ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทางวินัย นายสุทัศน์ ที่แอบทำการรับเผาชิ้นส่วนศพจาก รพ.อื่นๆ ทั้งที่ทางเทศบาลมีคำสั่งยกเลิกไป ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

เวลา 09.00 น. วันที่ 28 เม.ย. พล.ต.ต.ปชา พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสพโชคชัย ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมพนักงานสอบสวน ได้นำตัว นางสมบูรณ์ เนรมิตร และ นายสุทัศน์ เนรมิต สัปเหร่อสุสานหายยา ซึ่งเป็นผัวเมียกัน มาทำการสอบปากคำเพิ่มเติม และได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันดำเนินกิจการรับทำการเก็บ ขน หรือกำจัดสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจหรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วยการคิดค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและทำการเก็บ ขน หรือกำจัดมูลฝอยติดเชื้อโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนเทศบัญญัตินครเชียงใหม่ เรื่องการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ.2547 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการส่งฟ้องศาล จังหวัดเชียงใหม่ ทันทีในวันนี้



พล.ต.ต.ปชา เปิดเผยว่า สองผัวเมียรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เรื่องของการดำเนินการรับเผาจัดการชิ้นส่วนศพฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอัตราโทษ จำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งเป็นข้อหาที่ทางตำรวจภาค 5 ได้ไปตรวจค้นเจอซากศพชิ้นส่วนศพในถุงดำ ใต้ถุนเมรุเผาในสุสานหายยา ซึ่งรอการเผา ทั้งสองรับสารภาพ สำหรับเรื่องซากศพเด็กหญิงวันเพ็ญ ซึ่งอดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ ได้ให้การยืนยันว่าได้ให้คนขับรถมาซื้อจากป้าบุญ ที่สุสานหายยา สุดท้ายจากการตรวจของแพทย์นิติเวช พบว่า น้องวันเพ็ญ เสียชีวิตก่อนคลอด อดีตเจ้าอาวาสที่นำศพเด็กไปฝังไว้ใต้ฐาน จึงไม่มีความผิด ทางเราจึงได้กันตัวเป็นพยาน ในเรื่องของการซื้อขายชิ้นส่วนศพ ซากศพ ซึ่งในจุดคดีนี้เรากำลังสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับนางสมบูรณ์ หรือ ป้าบุญ อยู่ และกำลังศึกษาข้อกฏหมายว่า นางสมบูรณ์ จะเข้าข่ายความผิดข้อกฎหมายข้อใดต่อไป





4#
โพสต์ 2015-4-28 18:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ได้มีกลุ่มบุคคลได้ทำการโฆษณา วิธีการนำชิ้นส่วนศพมาทำพิธีเคี่ยวกับน้ำมันและผลิตเป็นน้ำมันพราย บรรจุใส่ขวด และบางรายก็เอาเฉพาะชิ้นส่วนศพตรงอวัยวะเพศหญิงเพศชายมาเคี่ยวในน้ำมัน โดยนำภาพวิธีการทำลงในเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นการโฆษณาสรรพคุณและความขลังเพื่อให้ชาวต่างชาติได้เห็นสร้างความสนใจ โดยพวกนี้จะทำตัวเป็นจอมขมังเวทย์ และผลิตวัตถุมงคล แบบพิสดาร ออกจำหน่ายส่งออกให้กับชาวต่างประเทศ ทำให้ประเทศไทย เสียชื่อเสียง

โดยเรื่องนี้ทาง พล.ต.ต.ปชา ได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว และได้ส่งชุดสืบสน ลงพื้นที่หาจุดเป้าหมายของกลุ่มพวกนี้ และสำนักหรือโรงงานผลิตวัตถุมงคลดังกล่าวแล้ว โดยทางตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ได้ลงพื้นที่ ตามการโฆษณาของกลุ่มดังกล่าวตามเฟซบุ๊ก พบเป้าหมายเป็นสำนักของแต่ละคนแล้ว ซึ่งพบว่าอยู่ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และ ที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ โดยได้รายงานให้ทาง พล.ต.ต.ปชา ทราบเพื่อดำเนินการตรวจสอบต่อไป

พล.ต.ต.ปชา เปิดเผยว่า กรณีที่มีกลุ่มบุคคลได้นำหรือมาซื้อชิ้นส่วนซากศพจากสุสานแล้วนำไปทำน้ำมันพราย เครื่องรางของขลัง ออกจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว แบบผิดกฏหมายและผิดศีลธรรมประเพณีอันดีงามของไทย เรื่องนี้ทาง ท่าน พล.ต.อ.เรื่องศักดิ์ ศิริเอก รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการมายังผู้การสืบสวนทุกภาค ทำการสอดส่องดูแลบุคคลที่มีพฤติการณ์ในเรื่องเหล่านี้ หมายถึง พวกพระสงฆ์ หรือฆราวาสที่ กระทำสิ่งพวกนี้ออกจำหน่ายออกขายเป็นขบวนการ และให้ไปหาเครือข่ายขบวนการเหล่านี้ เพื่อให้ทางผู้การสืบสวนทุกภาค  รับผิดชอบในเรื่องนี้ รวมทั้งผู้กำกับแต่ละโรงพักดูแลสอดส่องในเรื่องนี้ โดยในส่วนของตำรวจภาค 5 ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนภาค 5 ลงพื้นที่ไปหาข่าว กับบุคคลและพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมที่นำชิ้นส่วนศพมากระทำพิธีที่ไม่เหมาะสม  ซึ่งก็ได้สืบสวนจนพบว่าที่เชียงใหม่ มีอยู่ด้วยกัน 3 ราย ที่ทราบว่ามารับซื้อชิ้นส่วนศพจากสุสานไปประกอบพิธีทำน้ำมันพรายหรือทำมวลสาร เพื่อผลิตวัตถุมงคลออกจำหน่ายให้กับชาวต่างประเทศ ทั้งเวียดนาม , จีน , มาเลเซีย และสิงคโปร์  



จากการตรวจสอบยังพบว่าบุคคลทั้งสามคน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นพวกจอมขมังเวทย์ ได้ทำการขึ้นโฆษณาตามเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กของตนเอง ลงภาพในขั้นตอนทำพิธี นำชิ้นส่วนศพมาทำการเคี่ยว ผสมน้ำมัน ในหม้อดิน เห็นเป็นกะโหลกศีรษะคน เคี่ยวจนเนื้อหลุดเป็นน้ำมัน ลงภาพโฆษณา กรรมวิธีของตนเอง บางรายนั้นเน้นเอาเฉพาะอวัยวะเพศของชายและหญิงลงเคี้ยวผสมน้ำมัน ซึ่งทางตำรวจภาค 5 ได้นำภาพโฆษณาพวกนี้ของบุคคลพวกจอมขมังเวทย์ ทั้ง 3 รายไว้แล้ว และส่งตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ประสานกับทางตำรวจท้องที่ เพื่อเข้าตรวจสอบจุดเป้าหมาย และได้ให้ตำรวจไปดำเนินการขอหมายค้น และเตรียมดำเนินการเข้าตรวจค้นต่อไป  



โดยจุดที่สำนักจอมขมังเวทย์เหล่านี้ตั้งอยู่ ทราบมาว่าอยู่ที่ อ.แม่แตง เชียงใหม่ อ.แม่วาง เชียงใหม่ และทราบว่าบุคคลพวกนี้นั้นได้มีการมาซื้อซากชิ้นส่วนศพจากสุสานต่างๆ รวมทั้งสุสานหายยา อ.เมืองเชียงใหม่ ก็เคยมาซื้อและทราบมาว่า ซากชิ้นส่วนศพจำนวน 16 ถุง ที่ตำรวจพบในสุสานหาย และส่ง ตรวจสอบแผนกนิติเวช มีกลุ่มจอมขมังเวทย์ คือ นายทรัพย์ แห่ง อ.แม่แตงเชียงใหม่ได้ติดต่อกับ ป้าบุญ เพื่อซื้อไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ก็มาถูกตำรวจภาค 5 บุกเข้าตรวจสอบและยึดไว้เสียก่อน

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนางสมบูรณ์ เนรมิตร หรือ ป้าบุญ ที่รู้จักในวงการ พวกจอมขมังเวทย์ รวมทั้งพระสงฆ์พวกไสยเวทย์ รวมทั้งพวกเซียนพระต่างๆ โดยนางสมบูรณ์ หรือ ป้าบุญ เปิดเผยว่า ขอปฏิเสธ เรื่องการค้าชิ้นส่วนศพให้กับพวกบุคคลหรือเจ้าพิธีหรือพระสงฆ์สายดำ ตนไม่เคยติดต่อหรือค้าศพให้กับใครทั้งนั้น สำหรับพวกจอมขมังเวทย์ ในเชียงใหม่ ตนก็รู้จัก เพราะตนมักจะไปซื้อของในตลาดทิพย์เนตร อ.เมืองเชียงใหม่ และได้พูดคุยกับพวกเซียนพระ พวกขายพระตามแผงในตลาด ก็เป็นที่รู้จักกัน และมีการพูดปากต่อปาก จนตนเป็นที่รู้จักกันไปเอง ตนไม่รู้จักพวกจอมขมังเวทย์ ไม่ว่าจะสำนักไหนทั้งนั้น สำหรับพระสงฆ์หรือบุคคลที่จะนำศพมาเผาที่สุสานนั้น จะโทรศัพท์เข้ามาหาตนก่อน เพื่อให้ตนดำเนินการเตรียมสถานที่ เพราะมือถือของสามีตนนั้น จะใช้เครื่องเดียวกันเบอร์เดียวกันกับตน และส่วนมากตนจะถือไว้ เป็นคนรับสาย ทำให้มีหลายคนโทรมาหาตนตลอด ไม่รู้ใครเป็นใคร ก็โทรมาให้ตนเตรียมรับศพ เพื่อตนจะได้เตรียมสถานที่ ช่วยงานสามีแค่นั้น

นายสุทัศน์ เนรมิตร สัปเหร่อ สุสานหายยา ได้เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่า ได้ดำเนินการแอบรับเผาซากชิ้นส่วนศพของ รพ.ที่ตำรวจตรวจพบเพียงครั้งเดียว ก็มาโดนเสียแล้ว ส่วนสาเหตุที่ยังไม่เผาซากศพ จำนวน 16 ถุง ที่พบใต้ถุนเมรุแรก นั้นเพราะเป็นช่วงสภาวะอากาศเป็นพิษพอดี จึงเก็บไว้ก่อน และเรื่องการรับเงินค่าเผานั้น ตนได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว และยอมรับสารภาพไปแล้วเรื่องการดำเนินการรับเผาโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนเรื่องการขายซากศพ ตนไม่รู้เรื่อง  และภรรยาของตนก็ไม่ได้มีส่วนหรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่สุสาน เพียงแค่มาช่วยเหลือตนบางจุดเรื่องการจัดสถานที่ เตรียมสถานที่ให้กับศพที่จะมาเผาตามประเพณี เท่านั้น
5#
โพสต์ 2015-4-30 07:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
บุกค้นสำนักพ่อปู่ฤาษี หลังภาพแชร์ว่อนทำน้ำมันพรายชิ้นส่วนมนุษย์









นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com


วันนี้ (29 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 และสถานีตำรวจภูธรแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังเข้าตรวจค้นสำนักพ่อปู่ฤาษี ตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนายอิ่นคำ อายุ 59 ปี เป็นเจ้าสำนัก
โดยการเข้าตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสจากการที่มีผู้โพสต์ภาพการทำพิธีเคี่ยวน้ำมันจากชิ้นส่วนมนุษย์เพื่อทำของขลังที่สำนักดังกล่าว ซึ่งเปิดทำเครื่องรางของขลังมานานกว่า 30 ปีแล้วจากการตรวจค้น พื้นที่ข้างสำนักพ่อปู่ฤษียังพบเป็นลักษณะของโรงงานเล็กๆ ที่มีเครื่องรางของขลังจำพวกเมตตามหานิยม และพวกของขลังสำหรับการค้าขายตามที่มีลูกค้าสั่งมา โดยกลุ่มลูกค้า และที่มาเป็นลูกศิษย์นอกจากชาวไทยแล้วยังมีชาวต่างชาติทั้งจากสิงคโปร์ มาเลเซีย และไต้หวัน ที่มาสั่งซื้อของรวมทั้งนำสิ่งของมาให้ปลุกเสก ทำพิธี
เบื้องต้นนายอิ่นคำ ยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีการนำชิ้นส่วนมนุษย์มาใช้ในการทำพิธีใดๆ ทั้งสิ้น อ้างว่า สิ่งของที่ทำพิธีไม่ใช่ชิ้นส่วนมนุษย์ เป็นแค่หัวว่านเท่านั้น ส่วนน้ำมันและสิ่งของที่พบทั้งลูกกรอก และตะกรุด ไม่ได้มีส่วนผสมของชิ้นส่วนมนุษย์ตามที่มีการกล่าวอ้างเป็นสินค้าที่ตนเองทำขึ้นจากว่าน น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันหอม
ทางด้าน พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า การเข้าตรวจสอบในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากทางตำรวจสืบทราบมาว่ามีการนำชิ้นส่วนมนุษย์มีทำน้ำมันพราย และจำหน่ายให้กับลูกค้าทางอินเตอร์เน็ต จึงได้ขอหมายศาลขอเข้าตรวจค้น เบื้องต้นแม้จะยังไม่พบชิ้นส่วนมนุษย์ อีกทั้งพบว่าวันนี้เว็บไซต์ที่ลงโฆษณาขายสิ่งของเหล่านี้ได้ปิดตัวลงแล้วหลังตำรวจติดตามสืบสวน แต่ก็จะมีการเชิญตัวไปทำประวัติ และตรวจสอบเรื่องของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคในเรื่องของการโฆษณาสินค้า ว่าเข้าข่ายความผิดนี้หรือไม่
อย่างไรก็ตามในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังพบวัดที่มีพระ และสำนักต่างๆ ที่มีลักษณะของการทำเครื่องรางของขลังจากชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์ และชิ้นส่วนศพอยู่ในหลายแห่ง การเข้าดำเนินการครั้งนี้ของตำรวจภาค 5 ถือว่าเป็นการกวาดล้างให้สิ่งเหล่านี้หมดไป ส่วนความผิดก็ต้องรอตรวจสอบหลักฐานที่เก็บตัวอย่างมา หากยืนยันว่าเป็นชิ้นส่วนมนุษย์จริงก็จะมีความผิด



6#
โพสต์ 2015-9-22 21:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตร.บุกสำนักขมังเวทย์ล่า 2 โจรตัดหัวศพตายโหง

ลูกศิษย์สาวเปิดปากแฉกะโหลก 1 หัวขายได้เป็นล้าน



เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 กันยายน  ร.ต.อ.วิบูลย์ นนทะแสง รอง สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี และทหาร เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 319/135  ชุมชนเก่าน้อย ต.หนองบัว อ.เมืองอุดรธานี  ซึ่งเป็นบ้านของ นายอาทิตย์ หรืออาจารย์อ๋อง ซึ่งตั้งเป็นสำนักฤาษีนครมนต์ โดยมีนายนิรันดร เทศฉิม อายุ 51 ปี ประธานชุมชนเก่าน้อย นำตรวจค้น เพราะนายอาทิตย์ได้ไหวตัวทันหลบหนีไปแล้ว



   จากการตรวจค้นพบไหดินเผาพร้อมผ้าปิด 2 ใบ โถแก้วใส่รูปปั้นชายหญิงมัดด้วยสายสิญจน์แช่น้ำมัน ข้างในมีเส้นผมมนุษย์ น้ำมันพรายบรรจุในขวดพลาสติกจำนวนหลายขวด มีดดาบลงอาคม 2 เล่ม เข็มสักลาย 2 เล่ม สายสิญจน์ 2 ม้วน หน้ากากทองเหลือ 1 ชิ้น แผ่นทองเหลืองลงยันต์1 แผ่น จีวร 1 ผืน ป้ายโฆษณา 1 แผ่น จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

            
   นายนิรันดรให้การว่า  นายอาทิตย์และภรรยามาอยู่เช่าบ้านหลังดังกล่าวได้ 1 ปี และได้ขนอุปกรณ์มาตั้งสำนักได้ 3 เดือน จะมีลูกค้ามาสักยันต์ ลงอักขระ ครอบครู บูชาเครื่องรางของขลังเสน่ห์ยาแฝดไม่ขาดสาย โดยเฉพาะสาวไทยเมียฝรั่งมาทำจำนวนมาก นอกจากนี้ก็ยังมีวัยรุ่นหญิงชาย สาวแก่แม่ม่ายก็มี เย็นวานนี้ตนพบเห็นนายอาทิตย์และภรรยาขับรถยนต์สีขาวออกจากบ้านไปแล้วไม่กลับมาอีก สงสัยจะไหวตัวทันหลบหนีไปแล้ว

   พ.ต.ท.มานิตย์ แก้วเจริญ สว.สส.ภ.จว.อุดรธานี  เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากจากกรณีมีคนร้าย 3 คน ขับรถเก๋งสีขาว เข้าไปทุบเบ้าปูนเก็บศพภายในวัดนาเมืองไทย ต.น้ำโสม อ.น้ำโสม จ.อุดรธานี และลักกะโหลกศพนายธีระพงษ์ ศีรบุรินทร์ อายุ 27 ปี ซึ่งผูกคอตายในสวนยาง เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเสียชีวิตผิดธรรมชาติ หรือตายโหง ญาติได้นำไปฝังไว้ครบ 3 ปี จึงจะขุดขึ้นมาทำพิธีฌาปณกิจ แต่มีชาวบ้านไปกรีดยางผ่านมาพบเบ้าปูนถูกทุบและกะโหลกศพได้หายไป จึงแจ้งญาติและตำรวจ ได้ออกสืบสวนตามไล่ล่าแก๊งหมอเมื่อเช้าวันที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา


   
  โดยความคืบหน้าคดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สืบทราบว่า 1 ในเก๋งคนร้ายลักศพคือ น.ส.บังอร หรือออม ศรีนานาม อายุ 27 ปี จึงเชิญตัวมาที่สถานีตำรวจทำการสอบสวน ซึ่ง น.ส.บังอร ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายณรงค์ ภูมิภูชิต หรืออาจารย์อึ่ง อายุ 35 ปี  และนายอาทิตย์ คงกะเรียน หรืออาจารย์อ๋อง อายุ 35 ปี  ซึ่งอาจารย์ทั้ง 2 คน เปิดสำนักหมอผีจอมขมังเวทย์ รับทำไสยศาสตร์ มนต์ดำ ทำเสน่ห์ ลักหัวกะโหลกจริง

   น.ส.บังอร  ให้การว่า  ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งต้องการเครื่องของขลังได้ติดตนมา ซึ่งตนก็เป็นลูกศิษย์นายอาทิตย์ เพราะเลื่อมใสศรัทธา และชอบเรื่องไสยศาสตร์ มนต์ดำ ทำเสน่ห์ ส่วนนายอาทิตย์ และนายณรงค์ เป็นเพื่อนกัน เช้าวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา นายณรงค์ได้โทรศัพท์มาชวนนายอาทิตย์ให้มาเอาของดี คือกะโหลกผีตายโหง นายอาทิตย์นึกว่ามีกะโหลกผีตายโหงรออยู่แล้ว จึงชวนตนขับรถเก๋งมาสด้า 2 สีขาว หมายเลขทะเบียน กง 9946 อุดรธานี ไปเอาของดีด้วย เมื่อไปถึงบ้านนายณรงค์บอกว่าต้องไปทุบเบ้าเอากะโหลกผีตายโหงที่วัดนาเมืองไทย ต.น้ำโสม แล้วขับรถไปดูหลุมศพเป้าหมาย แต่ไม่สามารถลงมือได้ เพราะยังไม่ถึงวันที่กำหนด จึงไปพักอยู่บ้านนายณรงค์



  น.ส.บังอร  ให้การต่อว่า จนกระทั่งเช้าตรู่วันที่ 15 กันยายน พวกตนได้กลับไปที่วัดนาเมืองไทย และนำอุปกรณ์ไปทุบเอากะโหลกศีรษะศพนายธีระพงษ์ ศรีบุรินทร์ อายุ 27 ปี ที่ผูกคอตายเมื่อ 3 เดือนก่อน นายณรงค์ เป็นคนทุบเบ้าปูน ส่วนอาทิตย์และตนได้ยืนดู นายณรงค์ได้นำกะโหลกขึ้นมาได้ ก่อนจะนำกลับไปที่บ้านนายณรงค์ และผ่ากะโหลกแบ่งชิ้นส่วนกันคนละครึ่ง เสร็จแล้วได้กลับมาบ้านนายอาทิตย์ บอกตนว่าจะนำไปทำน้ำมันพราย ขี้ผึ่งเสน่ห์ ส่วนปั้นเหน่งจะคนมารับซื้อในราคา 5หมื่นบาท

  "อาจารย์ได้พากันไปเอาศีรษะศพใส่ถุงมาใส่กระโปรงท้ายรถ แล้วก็เอาไปที่บ้านอาจารย์แล้วก็ไปชำแหละ คือดึงหนัง ดึงอะไรออก ล้างกะโหลกมา แล้วมาเลื่อยตัดแบ่งกัน สมองอาจารย์ก็เทใส่กะทะเคี่ยวกับขึ้ผี้ง แล้วเทใส่ขวด ส่วนนี้ก็ไปทำใช้ทางเมตตามหานิยม และทำให้การค้าขายดีขึ้น ส่วนกะโหลกนั้นไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไร มันทำได้หลายอย่าง บางคนก็เอาไปบดเป็นผงเอาไปเป็นมวลสารผสมทำเหรียญต่าง ๆ ขึ้นมาแล้วไปขายได้คาดว่าน่าจะล้านกว่า"

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1442925900
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้