ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 38407
ตอบกลับ: 46
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ด้วยรักและศรัทธาในองค์หลวงปู่ชื่น

[คัดลอกลิงก์]
ในวงการของผู้สร้างพระเครื่อง  ที่ สร้างพระแล้วทำออกมา  ด้วยตวามศรัทธาและตั้งใจจริงก็ยังพอมี   แต่ก็มีอีกหลายแห่งทำเพื่อธุระกิจอย่างเดียว  ทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้เงิน มา   ส่วนพระผู้ปลุกเสกจะเป็นอย่างไรก็ช่าง    บอกทำออกมา  300องค์  แต่ที่จริงแล้วมีเป็น 1000  พอของหมดก็สามารถทำออกมาใหม่ได้  ก็บล็อค แม่พิมท์ยังอยู่นี่   พอมีคนหา  ก็ไปทำเพิ่มมา ไม่รู้จักจบ  มวลสารก้ไม่รู้ทำมาจากอะไร  ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว  โฆษณาว่าทำ มาจากสิ่งนั้น  สิ่งนี้  เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดศรัทธา  แต่จริงๆก็ไม่ ใช่  กลายเป้นของหาง่ายๆตามท้องตลาดทั่วๆไป  มาทำเป็นมวลสาร  แค่หาพระ เก่งๆ  มาปลุกเสกให้ก็พอ  ขายได้ล่ะ   ของบางอย่างจำพวก  แม่เป๋อ  อิ้นคู่  ม้าเสพนาง  ช้างเสพกัน งั่งตาแดง  ของประเภทนี้  ตามกฎของสงฆ์เขาห้ามไม่ให้  พระไปปลุกเสกให้   ก็ยังอุตสาห์แอบใส่่ไว้ใต้ลัง  ไม่ให้พระรู้ก้มี  แล้วตอนทำพิธีก็เอารูป ภาพ  มาไว้ด้านหน้ากล่องบังพระไว้  ถ่ายจิ๊ดเดียวรีบเก็บรูป แล้วรีบเอาออกไปกลัวพระจะรู้  ทำเสดถวายเงิน  เก็บของกลับเลย  ขอเพียงให้ ได้เงิน  พระจะเสียชื่อยังไงก็ช่าง  ม่ายสนจ๋าย   ที่เล่ามาเพราะจำได้คับ  ท่านอาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่า  หลวงปู่ก็เคยเจอ ปัญหานี้เหมือนกัน  มาหลอกให้ท่านเสก  ท่านไม่รู้ก็เมตตาเสกให้ไปเต็ม ที่  ไปลงโฆษณา  หลวงปู่เก่งทางด้าน มหาเสน่ห์   คณะสงฆ์เห็นรูปเข้า  จะมาเล่นงานหลวงปู่เรา  อาจารย์ต้องรีบมา เคลียร์ให้  แทบไม่ทัน  ข้อสำคัญของที่เสกให้ไปคนดันไปใช้ดีอีก  ก็จิตของ ผู้อาราธนาไปใช้ปรุงแต่งขึ้นมาเอง   จากคำโฆษณาของสื่อและจิตที่ศรัทธาต่อองค์หลวงปู่  แต่แท้ที่จริงหลวงปู่ ท่านเป็นพระ  เก่งทางสายเมตตา  ท่านปลุกเสกพระเครื่อง  วัตถุมงคล  ให้กับ ลูกศิษย์และผู้ทีี่ศรัทธานำไปใช้  ท่านเน้นไปที่  ผู้นำไปใช้ต้องได้ผล  มี เมตตาต่อผู้พบเห็น   ใครเห็นก็เข้ามาให้ความช่วยเหลือเรา  ใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันได้ง่าย ขึ้น  มีแต่คนรัก   ไปไหนมาไหนใครๆก็เมตตาต่อเรา  ปราศจากศัตรู  ให้แคล้วคาดไม่ต้องเจอ กัน  ไม่เจ็บตัว  มีโชคลาภมั่งมีขึ้น  แบบที่ว่า ไม่มีให้อด  ส่วนที่ว่า เสน่ห์นั้นเป็นผลพลอยได้  จากความมีเมตตาต่อผู้พบเห็นเรา  แล้วเราก็ไปสาน ต่อ สนิทสนมเอง  ต่างหาก  คนเราทุกคนมีเสน่ห์อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว   ยิ่งทำตัวดี  วางตัวดี   ใครๆก็ให้ความรัก  ความเมตตาอยู่แล้วครับ  ที่กล่าวมาเพราะอยากให้พวกเราได้ คิด  และไตร่ตรองสักนิด   ไม่อยากให้เข้าใจหลวงปู่เราเป็นพระเก่งทางด้านเสน่ห์  แบบที่อาจารย์ฆราวาส บางท่านทำกัน  ท่านเป็นพระย่อมมีขอบเขตจำกัดครับ   บางคนที่เข้าไปหาแล้วพูดคุยเรื่องแบบนี้กับท่าน   ท่านยังบอกเลยว่า  "เราเป็นพระสงฆ์  จะไปปลุกเสกทำแบบนั้นได้อย่างไร"อยาก ให้น้องๆและผู้ที่ศรัทธาได้เข้าใจ  จิตเจตนาของหลวงปู่  ท่านให้ดี  จะได้ ไม่ไขว้เขว  อย่าเพิ่งเชื่อหากยังไม่ได้มาสัมผัส   พวกเราเหล่าศิษย์ ค.ศ.ช  ไม่อยากให้ชื่อเสียงของท่าน  ต้องด่างพร้อย   ทำเพื่อความรักและศรัทธาด้วยใจที่บริสุทธิ์  หากยังสงสัยมีข้อกังขา  หากมี เวลาก็ขอให้มาคุยกันและมาสัมผัส  ด้วยตัวท่านเองจะดีกว่าครับ  พวกเราเหล่า ค.ศ.ช  เป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ  ที่ทำเพื่อบูชาต่อ  องค์หลวงปู่  ครูบาอาจารย์ เท่านั้น  หามีเจตนาแอบแฝงใดๆไม่  ไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น  มาด้วยใจ กันเท่านั้นครับ  ขอขอบคุณทุกท่านๆที่  กรุณาอ่านมาจนถึงตรงนี้  หากคำใดหรือ ประโยคใดๆก็ตาม  ไปสร้างความขุ่นข้องหมองใจ  ขัดผลประโยชน์ใครก็ขอ กราบขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยครับ  พวกเรามีจุดมุ่งหมายเดียวคือ  ทำเพื่อ บูชา  หลวงปู่ชื่น  ติคญาโน  เท่านั้นครั



By พี่ทัช (touch)

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
                                                                                                                                                        
                        

               
          ท่านทั้งหลายที่บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่น และอาจารย์สรายุทธ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุมงคลประเภทใด ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่าของที่ท่านบูชาอยู่นั้น เป็นของดีที่มีเทวดาคุ้มครองอยู่ และยังมีหลวงปู่  ครูบาอาจารย์  คอยติดตามให้ความช่วยเหลือท่านตลอดเวลา ขอให้ท่านบูชาด้วยความเคารพ ระลึกถึงพระคุณของท่านไว้เสมอ ของบางอย่างถึงแม้จะใช้ทางด้านรัก ๆ ใคร่ ๆ แต่ใช่ว่า....ท่านจะใช้ได้อย่างไม่มีขอบเขต หรือใช้ในทางผิดศีลธรรม มีหลายคนที่ใช้ของ ๆ ท่านในทางผิดศีลธรรม หลวงปู่หรือเทพเทวา  ครูบาอาจารย์ถึงกับมาเตือนกันเลย บางคนได้ยินเป็นเสียงท่านมาบอก บางคนฝันเห็นท่านมาเตือนให้เลิกพฤติกรรมชั่วก็มี จะเห็นได้ว่าพวกท่านไม่ได้สนับสนุนให้ลูกศิษย์ หลานศิษย์ทั้งหลายทำผิดศีลธรรมแต่ประการใด

         มีวัตถุมงคลของหลวงปู่และอาจารย์สรายุทธแล้ว  ถ้าจะให้ขลังและเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นให้ ปฏิบัติดังนี้ เมื่อถึงวันพระให้หาพวงมาลัยดอกไม้ ธูปเทียน ถวายบูชาต่อวัตถุมงคลของท่าน ถ้ามีน้ำอบน้ำหอมก็ให้ประพรมที่วัตถุมงคลจะดีมาก หากผู้ใดจะบูชาหลวงปู่ชื่นหรือขอสิ่งใดท่านเป็นพิเศษ ให้ถวาย ขนมจีน หรือ น้อยหน่าสุก  เอ็ม150  ถ้าได้ทั้งหมดจะดีมากเพราะเป็นของที่ท่านโปรด เมื่อถวายแล้วให้บอกความต้องการให้ท่านทราบและขอให้ท่านช่วยตามต้องการ เมื่อความมุ่งหมายสำเร็จแล้วให้ถวายอีกครั้งหนึ่ง

          วัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นและอาจารย์สรายุทธมีคุณวิเศษ ที่ยากที่ของใครจะเหมือนคือ วัตถุมงคลของท่านทุกประเภท จะลงคาถากัน คัดถอน และกันของเสื่อมไว้ ใครมีวัตถุมงคลของท่านไว้บูชาให้สบายใจได้ ว่าพุทธคุณนั้นทรงความเข้มขลังไม่เสื่อมคลาย (นอกจากจะกระทำผิดต่อครูบาอาจารย์)

          และขอเตือนทุกท่านให้พึงระลึกไว้เสมอว่า การใช้วัตถุมงคล เครื่องรางของขลังไม่ว่าจะเป็นของหลวงปู่ชื่น หรือของท่านอาจารย์สรายุทธ ห้ามใช้ในทางผิดศีลธรรม คือห้ามใช้ผิดศีล 5 เด็ดขาด ของที่ทำขึ้นมาให้ท่านได้ใช้บูชาเพื่อให้ท่านได้สมหวังในสิ่งที่ต้องการใน ขอบเขตของศีลธรรมเท่านั้น ไม่ได้ทำมาเพื่อส่งเสริมให้ท่านใช้ละเมิดศีล หากท่านผ่าฝืน นอกจากครูบาอาจารย์  หลวงปู่  หลวงพ่อจะไม่เห็นด้วยแล้ว อาจจะทำให้วัตถุมงคลเหล่านั้นปิดตัวเองได้  หรือเรียกว่า "ล๊อค" ได้  จึงทำให้ใช้ไม่ได้ผลและอาจจะทำให้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ติดขัดไปหมด  จนต้องกลับมา ทำขันธ์ห้า  ขอขมาหลวงปู่และอาจารย์สรายุทธ  ให้ช่วยปลดล๊อคให้

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
สำหรับเรื่องประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลของ หลวงปู่ชื่น มีมากเกินกว่าจะนำมาเสนอในที่นี้หมด บางเรื่องพิสดารจนผมต้องตัดออกบ้าง เกรงท่านผู้อ่านจะหาว่าเป็นนิทานหรือผมแต่งขึ้นมาเอง ผมขอยืนยันว่าผมทำหน้าที่ตรงนี้ เพื่อท่านผู้อ่านที่ชอบของจริงเรื่องจริงเท่านั้น ไว้เป็นความรู้สำหรับผู้ที่ผิดหวังจากเครื่องรางอุปโหลกทั้งหลาย   และนิยาย  คนข้างวัด  รับจากมือท่าน  ของเสริม  ของปลอม  ของจับยัด  เพราะตอนนี้มีคนแอบอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ทันหลวงปู่ แต่ไม่เคยกราบหลวงปู่เลย  พวกกรูรู  ทั้งหลาย  ที่เพิ่งมาเล่นสายพระหลวงปู่เพราะไม่ทันหลวงปู่
พึ่งมาจำหน่ายพระของ หลวงปู่ ตอนหลวงปู่ มรณภาพแล้วแต่ดันบอกชาวบ้านเขาว่ามาเอาของที่วัด??  วัดไรหว่า!!!  รับจากมือท่านบ้าง  จากคนข้างวัดบ้าง  จากคนนั้น  คนนี้  คนใกล้ชิด  สารพัดจะกล่าวอ้าง และมีคนมั่วข้อมูลเรื่องรายละเอียดการสร้าง ***

อย่าห้อยพระเพราะ  เพียงเพื่อตามกระแส   
หรือตั้งหวังอยากจะได้ในสิ่งที่ปราถนาหากเกินกรรม  ก็จะพาลผิดหวัง  
อีกทั้งอย่าเชื่อในคำโฆษณา   จนขาดความเชื่อมั่นในองค์พระ  
ให้ห้อยพระเพราะความศรัทธา    จิตที่ตั้งมั่นถือมั่น   ปาฎิหารย์ถึงจะเกิดคับ

     ถ้าไม่ใช่ของที่หลวงปู่เสกแล้วออกที่วัดตาอี ผมไม่ค่อยอยากแนะนำน่ะครับ เพราะว่าเมื่อก่อนนั้น วัตถุมงคลของหลายๆวัด ก็นิมนต์หลวงปู่ไปร่วมปลุกเสกด้วยก็มีหลายวัด ก็ขอไม่กล่าวถึงจะดีกว่า

คืออย่างนี้ครับ วัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่น โดยเฉพาะในยุคแรกๆนั้น ท่านสร้างออกมาไว้แจกลูกศิษย์และผู้มาทำบุญกับท่านครับ ซึ่งจำนวนที่สร้างในแต่ละครั้งน้อยมากๆ แม้กระทั่งก่อนที่ท่านจะมรณะภาพไป  เช่นใน รุ่นพิธีชัยมหานาถ จำนวนการสร้างก็ยังน้อยเช่นกัน

  อย่างไรก็ตาม เมื่อวัตถุมงคลของหลวงปู่มีประสบการณ์จากผู้นำไปอาราธนาใช้  บอกเล่าปากต่อปากกันมา  และจนทำให้ผู้คนรุ่นใหม่ๆ  ถามหากันมาก ก็มีผู้ทำเสริม  ทำปลอมออกมา ทำให้จากที่ผู้คนเคยนิยมกันมากอยู่พักหนึ่ง กระแสเลยเริ่มดรอปลงไป  เพราะนำไปใช้แล้วไม่ได้ผล  ดังที่สานุศิษย์ที่ได้ของแท้ๆไปบูชาได้กล่าวถึง


     ถึงจะอย่างไรก็ตาม ถ้าใครที่เคยเช่าบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่แท้ๆ  มาใช้บ้างแล้ว จะรู้ได้เลยครับ ว่าไม่เหมือนใคร และ ไม่มีใครเหมือนจริงๆ ท่านเป็นพระที่เก่งมากๆครับ คนที่มีของๆท่านโดยเฉพาะของหลักๆ ก็หวงกันซะมาก อย่าว่าแต่พระเครื่องเลย ขนาดกุมารของท่าน ก็หากันไม่ได้แล้ว ( หรือหาได้แต่ราคาสูงมากๆ รองๆวัดสามง่ามเท่านั้นเอง )

     เป็นที่น่าเสียดายกับหลวงปู่ชื่น ที่ต้องละสังขารไปก่อนเวลาอันควร ทั้ง ๆ ที่วัตถุมงคลของท่านกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก เพราะมีประสบการณ์จากปากต่อปากในเรื่องเมตตามหานิยม  มหาเสน่ห์ ที่ไม่เป็นรองใคร

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
>>>เรื่องเล่า...กล่าวขาน<<<


               วันหนึ่งมีคนขอให้อาจารย์สรายุทธ์ช่วยเรื่องเด็กคนหนึ่งอยู่ห้องICU หมอว่าให้ ให้ทําใจ รู้สึกจะเป็นโรคอะไรนี่แหละผมจําไม่ได้
ทางแม่ของเด็กคนนั้น เข้ามาหาอาจารย์ และมาเล่าความทุกข์ของตนให้ท่านฟัง อาจารย์ท่านคิดว่าจะไม่ช่วยเด็กคนนี้แล้ว
เพราะการช่วยคนโดยที่เขาถึงเวลาไปแล้ว ผู้ช่วยจะเป็นคนรับเคราะห์เสียเอง แต่มานั่งคิดนอนคิด ก็สงสารเขา และได้ทําพิธีขอชิวิตจากพญายม
ใช้ธงแดงขอชีวิต และนั่งเทียน เพื่อนช่วยเด็กคนนั้น อาจารย์บอกกับแม่ของเด็กคนนั้นว่าจะช่วยได้เท่าที่ช่วย หลังจากพิธีช่วยเด็กคนนั้นเรียบร้อย

ท่านได้ป่วยอยู่หลายวัน ข่าวจากเด็กผู้นั้นก็มาถึง ว่าเด็กคนนั้นอาการดีขึ้นแล้ว
ท่านคิดว่า ผู้ที่มีวิชาความรู้ความสามารถ ขนาดนี้ ช่วยคนได้ขนาดนี้
จะทําให้ผู้ที่มาทําให้ท่านเจ็บชํ้านํ้าใจ ให้ดวงตกไม่ได้หรือ ให้ป่วยไม่ได้หรือ ให้ตายไม่ได้หรือ ขอบอกว่าท่านทําได้
แต่ที่ท่านไม่ทํา เพราะความเมตตาของท่าน

    ผมไม่คิดว่าผู้อ่านทุกท่าน   อ่านแล้วจะเชื่อ แต่ ถ้าท่านช่วยเด็กคนนั้นจริง ก็ถือว่าท่านเกิดมาเพื่อช่วยคนไม่ใช่หรอครับ
ตัวกระผมเองก็ได้ท่านช่วยไว้  มะเร็งระยะสุดท้าย แทบจะเอาตัวไม่รอด  พี่น้องเหล่าสานุศิษย์ต่างทราบกันดี
      ยังมีเรื่องราว  ที่อาจารย์ท่านเข้าไปช่วยเหลือคน  ที่เดือดร้อนและเข้ามาหาอีกหลายเรื่องที่ไม่อยากจะเล่าเพราะทุกครั้งที่  ท่านเข้าไปช่วยเหลือมักจะเจ็บป่วยประจำ  จนสานุศิษย์ไม่อยากให้ท่านไปโปรดแบบนี้
จึงไม่อยากลงเรื่องราวเหล่านี้ลงไป  เพราะกลัวผู้คนจะเข้ามาขอให้ท่านช่วยเหลือ  

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2022-3-13 10:27

เรื่องเล่า...กล่าวขาน !!!

    อาจารย์สรายุทธ  มักพูดเสมอ "ผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง   ไม่ได้วิเศษอะไร"  
แต่คนธรรมดา  คนนี้ของพวกผม  เหล่าสานุศิษย์  กลับให้ความสำคัญและเคารพท่าน  อย่างสุดหัวใจ  
จะด้วยการวางตัว  เป็นกันเองกับสานุศิษย์  ให้ความช่วยเหลือโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ  ไม่เคยหวังผลหรือเรียกร้องใดๆ  
จากผู้มาขอความช่วยเหลือ  ตลอดเวลาเกือบ 20 ปี  ที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับท่านอาจารย์    ผมบอกได้คำเดียวว่า
    "คนนี้ล่ะ  ที่ไม่ใช่ผู้วิเศษอะไร  คือครูบาอาจารย์ของผม"
   ท่านเองก็มิได้ร่ำรวยอะไร  มีกินมีอยู่ตามอัตภาพของท่าน  ขนาดเงินที่สานุศิษย์นำมาเป็นค่าครู  ให้ท่านไว้
ท่านก็ไม่เคยเก็บไว้  กลับนำไปทำบุญยังสถานที่ต่างๆ  ซึ่งพวกเราเหล่าสานุศิษย์   ได้พบ  ได้เจอ   ได้เห็น   กันเป็นประจำ
จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว  และท่านยังให้ทานสร้างบรามี  บุุญกุศลให้แก่ครูบาอาจารย์ของท่านตลอดมา   เป็นประจำและสม่ำเสมอมาตั้งแต่หลวงปู่ชื่นมรณะภาพไป  เกือบจะ ๒๐ ปี  ท่านก็ยังกระทำไม่เคยขาด  อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ  ไม่เคยยกตนว่าเป้นครูบาอาจารย์   และไปทำเป็นใหญ่กว่าใคร   หลายครั้งหลายหน  ที่ต้องโดนสานุศิษย์ของ (พระเกจิดังๆ) ผู้อื่นต่อว่าแรงๆก็มี  ตอนนำวัตถุมงคลไปเข้าร่วมพิธีปลุกเสก   ให้สานุศิษย์ของตัวท่านเอง   (ทั้งๆที่ทางเราก็ใส่ซองช่วยเหลือค่าพิธีปลุกเสกมากโขอยู่เหมือนกัน) ก็ไม่เคยเห็นท่านจะโกรธ  กลับเป็นผมที่โมโหแทนท่าน  จนท่านออกปากเตือนผมเสมอๆว่า  ให้ใจเย็น  เราเป็นผู้มาขอความช่วยเหลือจากเขา  อดทนได้  ให้อดทนไว้  ให้ทำเพื่อสานุศิษย์และพี่น้องของเราจริงๆและทั้งๆที่ตัวท่านอาจารย์เอง  ก็มีพลังจิตชั้นสูงสามารถ  ปลุกเสกได้เองโดยไม่ต้องพึ่งใครก็ได้  แต่ด้วยเพราะท่านยังเป็นฆราวาส  กลัวสานุศิษย์และผู้ศรัทธาอื่นๆ  อาจจะยังไม่ให้ความเชื่อถือในวัตถุมงคลของท่านอาจารย์  เลยยังต้องไปนำเข้าพิธี  ให้พระเกจิ ใหญ่ๆดังๆ อาราธนาจิตให้อีกทางเสมอๆ  
      แล้วแบบนี้จะไม่ให้พวกเรา  ศรัทธาท่านอาจารย์สรายุทธได้อย่างไร!!!   จะจัดสร้างวัตถุมงคลแต่ล่ะครั้ง  ก็ยังนึกถึงสานุศิษย์  และผู้ศรัทธาก่อนเสมอๆ  นำเข้าพิธีแล้ว  พิธีอีก  จนพลังเต็มเปรียบ  มวลสารทุกอย่างใส่ให้เต็มๆไม่มีกั๊ก   กล้าท้าพิสูจน์แทบจะไม่ต้องเอากล้องมาส่อง  ก็เห็นมวลสารชัดเจน  
    ที่กล่าวมาทั้งหมด  แค่อยากจะบอกว่า...คนๆนี้ล่ะคับ  ที่พวกเรา  บอกกล่าวและกราบไหว้ได้สนิทใจ  ผู้ที่บอกไม่ใช่  "ผู้วิเศษ"
คือ....""อาจารย์ของพวกเรา""  คับผม....กราบ.....

Touch




ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
"สายสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์สรรพวิชา ที่มีมากกว่าความขลัง"
ท่านรู้ท่านเรียนเอาจากครูบาอาจารย์ซึมซับ
เอาจากสิ่งที่ท่านฝากไว้ให้กับแต่ละคน
ท่านจะเข้าใจหลักธรรมเอง
อย่ารอหวังพึ่งเพียงของขลังของเสก  
ทุกอย่างไม่ได้สำเร็จรูปแบบมาม่า
กว่าท่านจะได้รับกว่าท่านจะถ่ายทอด  ดูไม่ง่ายเลย
แต่การรักษาสิ่งที่ท่านมอบให้มายากยิ่งกว่า  
เรียนรู้งานจากคนเป็นงานเรียนรู้วิชาจากปราชญ์
ท่านไม่บอกทุกอย่างดูท่านเป็นแบบเดินตาม
โดนดุบ้างโดนหวดบ้าง จะได้ไม่ออกนอกทาง"

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2021-12-7 18:50

    ไม่เข้ามานานขอระบายสักหน่อย......
         ขอเท้าความถึงอดีต  ที่ผ่านมาสักหน่อย  พอดีไปเจอข้อความในอดีต  เมื่อก่อน  ครั้งที่อาจารย์สรายุทธรับศิษย์ใหม่ๆ   อ่านแล้วของขึ้นเหมือนกัน  แม้จะเป็นข้อความนานมาแล้ว  เอามาเตือนสติเหล่าศิษย์ใหม่กันซะหน่อย  จะกล่าว   หากหลวงปู่ท่านเป็นหลวงตาแก่ ๆ ที่ไม่มีคนรู้จักถามหน่อยจะมีใครหน้าไหนมาสนใจ   และอาจารย์สรายุทธ   ไม่เก่งจริงไม่เป็นศิษย์หลวงปู่ชื่น  ที่ได้รับการครอบครูมาแบบถูกต้องจริงๆ ที่เข้ามาเป็นศิษย์เพื่อผลประโยชน์     อยากได้วัตถุมงคลของหลวงปู่   อยากได้ของที่มีคุณค่าหายากๆจากอาจารย์    เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์   คอยประจบสอพอ   ต่างๆนา   พอนานเข้ามันรู้ว่า    ไม่ได้ดังใจต้องการ   ก็ไปโพสต์โน่นเบี่ยงนี่ไปเรื่อย ๆ  เอาครูบาอาจารย์ไปด่าลับหลัง   และทำทุกวิธีให้เสียชื่อเสียง  ด่าทั้งพี่จ้อที่เคยมีบุญคุณ   ด่าอาจารย์ที่ครอบครูให้    เพราะอะไร เพราะเรื่องผลประโยชน์ที่ไม่ได้รับกันนะสิ พอมาเอาของเขาไปแล้วเขาไม่ให้ก็โกรธ ทำลายทุกวิถีทาง นี่เหรอคนที่รักเคารพ เคยครอบครู เคยจัดพานครู ปัจจุบันยังเรียกคนที่ครอบครูให้ตัวเอง ว่าไอ้…………..อย่างหยาบคาย. คนเรามันไม่เหมือนคนโบราณตรงนี้แหละ หากผลประโยชน์สิ้นไปก็สิ้นสุดความเป็นครูบาอาจารย์กันทันที จ้องทำลายให้ได้ทุกวิถีทางเคยวิ่งไปหาเพื่อต้องการของมาครอบครอง   เข้าไปหาเพื่อจะได้ของดีๆมาเร่ขายกัน ขายกันแม้กระทั่งเกษาของหลวงปู่ นำลูกแก้วของรักของหวง ของครูบาอาจารย์ซึ่งให้ด้วยความเมตตานำออกมาขาย   ตอนมึงหมดความนับถือ   ทำไมมึงไม่เอามาคืนท่านว่ะ     ซึ่งคนที่มีความคิด มีความเคารพ มีความรักจะกล้านำเกษาครูบาอาจารย์  ขอที่ท่านให้ด้วยความรักความเมตตา    มาขายกันหรือ ทุกท่านที่ขาย ๆ ซื้อ ๆ กัน พวกอ๊อฟชั่นพิเศษติดเกษาเนี่ยรู้สึกกันบ้างไหม


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
touch-578 ตอบกลับเมื่อ 2018-7-25 16:58
อาจารย์ก็กล่าวขออนุญาติเข้าไป  ในถ้ำอีกรอบหนึ่ ...

บรรยากาศ น่ากลัวกว่านี้เยอะครับ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-7-26 15:34

       หลังจากลงมาจากถ้ำ  แล้วอาจารย์   ผมและเมธ  ก็มานั่งพักด้านล่าง  ซึ่งตอนนั้นก็ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว  และขณะที่เรานั่งพักกันอยู่   หูผมก็ได้ยินเสียงพระสวดมนต์  ดังมาจากถ้ำที่อยู่ด้านบน    ที่พวกเราพึ่งเดินลงมาไกลๆ   แต่เสียงสวดมนต์ชัดเจนมาก  ในถ้ำไม่มีใครอยู่แน่นอน  และพวกผมยังล๊อคประตูใส่กุญแจกับมือ  ผมจึงหันไปถามอาจารย์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ   ว่าได้ยินเสียงไหมคับเสียง  สวดมนต์ทำวัตร  เพราะผมก็เคยบวชเรียนมา  จนจบนักธรรมตรี  เสียงแบบนี้จำได้แน่นอนว่า  มนต์ทำวัตรเย็น   ผมกลัวจะหูแว่วไปเอง   อาจารย์ก็บอกว่าใช่  นั้นคือเสียงสวดมนต์   อาจารย์ยังบอกอีกว่า  ถึงให้รีบเร่งลงมากันไงล่ะ    ไม่อยากให้พวกเราไปรบกวนพวกท่านๆเหล่านั้น   เพราะวันนี้เป็นวันพระด้วย   และอาจารย์ก็บอกอีกว่า   อาจารย์ตั้งจิตขอเวลาเพียงแค่เทียนมอด   หมดเล่มเท่านั้นจะออกมา    ผมก็ยัง....งงๆ  กับสิ่งที่เกิดขึ้น   เสียงสวดมนต์นี้  ไม่ใช่เสียงองค์เดียวด้วย  มีหลายรูปแน่นอน   ก็พอดีผมเห็นท่านเจ้าอาวาสเดินมาพอดี   จึงเข้าไปนมัสการสอบถามท่านว่า  พระคุณเจ้ายังไม่ไปทำวัตรเย็นด้วยรึคับ     ท่านกลับตอบมาแบบ  งงๆในคำถามมั้ง    ตอบผมมาว่า   "เด่วจะเข้าไปทำที่กุฎิล่ะ รอพวกโยมกลับก่อน   จะได้ปิดประตูวัด"   ผม  ยิ่ง  งง กับคำตอบ  เพราะสงสัยเสียงที่ได้ยิน  ไม่ได้มาจากกุฎิท่านแน่นอน  ผมเลยถามไปอีกว่า    "ที่วัดนี้  อยู่กันกี่รูปคับ"    ท่านก็หันมาตอบผมว่า "อาตมาอยู่องค์เดียว   และมีเณรอีกองค์   วันนี้คงกลับไปหาโยมแม่ที่บ้าน  ไม่ได้กลับมาที่วัด"     และที่พวกผมกับอาจารย์ได้ยิน  เสียงสวดมนต์ที่ดังมาจากถ้ำล่ะ  ทำไมพวกเราได้ยินกัน  เรื่องนี้เป้นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น  ตอนพวกเรา  ไปหามวลสารและตามรอยตำนานขุนแผน  เพื่อนำมา สร้าง " ขุนแผนแสนตรีเวท " หลายครั้ง   หลายสถานที่  ที่เราไป    มักเกิดเหตุการประหลาดแบบนี้บ่อยๆ   มันเป็นประสปการณ์ชีวิต  ที่ในยุคสมัย  3-4 G  ไม่สามารถอธิบายได้  และสิ่งที่ผมสัมผัส  และพบเจอก็ไม่ใช่แค่เรื่องนี้   ยังเจอเหตุการประหลาดตอนไปหา ดิน 7 ป่าช้าด้วยเหมือนกัน  เที่ยวนี้เหล่าสานุศิษย์ไปกันเอง  ไม่มีครูอาจารย์ไปด้วย  มีแต่มนต์ที่อาจารย์ท่านสอน  วิธีไปด้วยเท่านั้น  ไว้จะมาเล่าต่อ  นะคับ

รูปเป็นภาพเก่าๆ  ตอนที่ยังมีคนดูแลนะคับ   ตอนที่ไป  สภาพเป็นถ้ำร้างเลย

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-7-26 14:06

         อาจารย์ก็กล่าวขออนุญาติเข้าไป  ในถ้ำอีกรอบหนึ่ง   ท่านเจ้าอาวาสก็ใจดี  เดินไปหยิบไฟฉายให้    พวกเราเลยต้องมาเริ่มต้น  เดินขึ้นเขากันอีกรอบหนึ่ง   ทีนี้เมื่อถึงปากถ้ำ  อาจารย์สั่งให้เมธ  จัดขันต์ห้า  สักหลายๆชุด  ให้เสร็จที่หน้าถ้ำเลย    และทีนี้อาจารย์กลับเดินนำหน้าพวกผม  ถือไฟฉายเดินเข้าไปในถ้ำ  โดยมีพวกผมถือของเดินตามเข้าไป   เมื่อมาถึงจุด  แรก  อาจารย์ก็ทำพิธี  พระพุทธรูปองค์ใหญ่  ในถ้ำโถงแรก (ในรูปเป็นภาพเก่า  ตอนยังมีคนมาท่องเที่ยวกราบไหว้อยู่บ้าง  ปัจจุบันที่ไปถึง  ณ...ตอนนั้น เหมือนถ้ำร้าง  มีหลอดไฟและเห็นปลั๊กไฟอยู่เป็นจุดๆ  แต่กลับไม่มีสายไฟ     ถามเจ้าอาวาสบอกโดนขโมยมาลักไปหมดแล้ว) เสร็จแล้วไปที่รูปปั้นองค์พ่อฯ   และหยุดทำพิธียังจุดที่มีการกราบไหว้บูชาทุกจุด   ที่ประหลาดคือ   อาจารย์สั่งให้เมธกับผม  จุดเทียน   นำไปปักไว้ตามทางเดิน  ตลอดเส้นทางที่เข้าไป    และเมื่อถึงทางลงเป็นบันไดไม้จุดสุดท้าย   ก็เห็นลานกว้างมีแท่นหินขนาดใหญ่รูปวงกลมอยู่กลางลาน    คือจุดหมายที่เราจะมา  บรรยากาศผิดกลับเมื่อตอนเข้ามาทีแรก  แต่ก็ยังได้สัมผัสบรรยากาศ   อันเย็นยะเยือกอยู่  ผมส่องไฟไปรอบๆบริเวณ  ก็ไม่พบอะไรผิดสังเกตุ    อาจารย์สำรวจแล้วก็มาหยุดยืนที่แท่นหินวงกลม   ตรงจุดนี้ยังพบร่องรอย  เสาหลายต้นปักรอบแท่นหินอยู่และเมื่อส่องไฟเข้าไปดูใกล้จะเห็น  ป้ายบอกชื่อ  พระเถระจารย์ในอดีตที่ท่านเคยมาฝึกกรรมฐาน  ลองวิชาไสย์เวทกัน   โดยรอบแท่นหินนี้   เหมือนเป็นโต๊ะกลมที่เหล่าอัศวินนั่งรายล้อม   อาจารย์เดินสำรวจดูรอบๆแท่นหินแล้ว     อาจารย์ก็สั่งให้  นำของที่เตรียมมาทำพิธีได้เลย   เราจุดเทียนรอบๆแท่นหินวงกลมนี้  เพื่อเพิ่มความสว่างให้มากขึ้น   และอาจารย์ก็เริ่มทำพิธี   ณ....ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่า  บรรยากาศเปลี่ยนไปแบบฉับพลัน   ผมและเมธ  อยู่ข้างๆอาจารย์กลับสัมผัสถึง   พลังงานบางอย่างที่แปรเปลี่ยน  บรรยากาศภายในถ้ำ   ก็เปลี่ยนไปจนรู้สึกได้  และผมมองไปทางอาจารย์   ท่านก็ยังสงบนิ่ง  บริกรรมคาถาต่อไป  แต่ผมกับเมธ  เริ่มรู้สึกถึงความอึดอัดในบรรยากาศ    เหงื่อเริ่มตกออกมาแบบที่ไม่สามารถบรรยายได้   มันอึดอัดจนผมเริ่มหายใจไม่ออก   เหมือนพลังงานบางอย่างมารวมกันอยู่ที่จุดนี้เพียงจุดเดียว   ผมเริ่มใกล้จะทนไม่ไหว   มองไปทางอาจารย์ก็ยัง   บริกรรมคาถาอยู่   นะตอนนี้.....ผมได้แต่คิดในใจว่า   เมื่อไหร่...อาจารย์จะทำพิธีเสร็จ   ผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว   มองไปทางเมธ    ก็เหงือแตกออกมาทางใบหน้าชัดเจน    มันก็คงไม่ต่างจากผมสักเท่าไร   และอีกชั่วอึดใจ   อาจารย์ก็ลืมตา   สั่งให้พวกผมนำดินและผงที่อยู่ในบริเวรนี้กลับไปได้    บรรยากาศในตอนนี้ก็เริ่มกลับเป็นปกติ    หลังจากได้มวลสารมามากพอสมควรแล้ว   อาจารย์ก็สั่งให้เรารีบกลับออกไป  ยังปากถ้ำ   เรามาใกล้ถึงปากถ้ำ   อาจารย์มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า   รูปปั้นพระเถระจารย์ท่านหนึ่ง   และสั่งให้เมธตักน้ำที่อยู่  ในโพรงหลังรูปพระเถราจารย์นี้ให้ได้   กำชับว่าได้เท่าไรเอาเท่านั้นพอ    ผมก็แปลกใจมาก    ว่าอาจารย์รู้ได้อย่างไรว่าด้านหลังรูปปั้น   มีโพรงน้ำอยู่     จึงสอบถาม   อาจารย์เล่าให้ฟังว่าที่นี้  มีตำนานอยู่   รูปปั้นที่เห็นอยู่นี้คือ  อาจารย์ของท่านขุนแผน   และขุนแผนเองก็มาศึกษาวิชาอยู่ที่นี่   และตำนานยังบอกว่า  สถานที่นี้คือที่  ที่ย่างกุมาร   และมาสร้างดาบฟ้าฟื้น  น้ำด้านหลังเป็นน้ำที่ผ่านการทำพิิธีกรรมมาแล้วด้วย    อาจารย์พอเล่าจบก็รีบเร่งให้เมธตักน้ำเร็วๆ   ผมเลยเดินเข้าไปช่วย   อาจารย์บอกพอแล้วก็เร่งให้พวกผมออกจากถ้ำมา    พอมาถึงหน้าถ้ำเราก็ล๊อคประตูทางเข้าตามคำสั่งเจ้าอาวาส   ที่บอกให้ช่วยปิดล๊อคกุญแจประตูเข้าถ้ำให้ด้วย    พวกเราก็เดินตามอาจารย์ลงจากถ้ำมา  มาถึงทางขึ้นเราจึงได้นั่งพัก   

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2018-7-26 10:05

  ต่อ.........เมื่อเข้ามายังภายในถ้ำ  ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีคนดูแล  มานานมาก  สังเกตุจากทีพื้นลานกว้างฝุ่นผงหนามากๆ   และไม่มีไฟฟ้า  มีแต่แสงจากข้างนอกที่ส่องเข้ามาถึงเท่านั้น   ภายใน...มี  พระพุทธรูป  และรูปปั้น  ให้คนสักการะบูชาอยู่หลายจุด  แต่เท่าที่ดู  เหมือนไม่มีใครเข้ามายังสถานที่นี้  นานมากแล้ว   และเมื่อสัมผัสบรรยากาศที่ได้รับคือ    ความเย็นยะเยือก   หลังจากพวกเรา  จุดธูปไหว้ พระพุทธรูปในถ้ำแล้ว      พวกเราก็เดินเข้าไปยังส่วนที่ลึกขึ้น   แสงจากด้านนอกเริ่มน้อยลง  และที่สำคัญบรรยากาศ  ยิ่งเดินลึกเข้ามา  ยิ่งหนาวยะเยือก  และ  แสงสว่างจากภายนอก เริ่มส่องมาไม่ถึง    ความมืดก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณ    ผมกับเมธจึงต้องเอามือถือออกมาฉายไฟแทน   เพื่อให้มองเห็นเส้นทางเดิน  โดยให้อาจารย์ท่านเดินอยู่ตรงกลาง  พวกผมคุมหน้าหลังเอง   และเมื่อเริ่มเข้ามาภายในที่   ทางเดินวกวน   และไม่ราบเรียบ  บางจุดต้องก้าวลงบรรไดลิงที่ทำจากไม้ผุๆ     บางจุดมีสะพานเป็นแผ่นเหล็กที่บังคับให้เราเดินเรียงเดี่ยวเข้าไป  เราเดินเข้ามาค่อนข้างไกลจากปากถ้ำพอควร  ผมรู้สึกว่าไกลมาก   เพราะมือถือผมเปิดเป็นไฟฉาย  แบตมันร้องเตือนใกล้จะหมดเลย  ทั้งๆที่ผมชาร์ทมาเต็มเมื่อคืน  บรรยากาศตอนนี้ชักหนาวๆและกลิ่นความชื่น  ลอยเข้าจมูก ผสมกับกลิ่นมูลค้าวคาว   และที่สำคัญผมรู้สึกเหมือนใครกำลังจ้องมองเราอยู่   ไม่ใช่ผมคนเดียวที่รู้สึกแบบนี้   ทั้งหมดก็รู้สึกเหมือนผม  และเมื่อผมกับเมธรู้สึกแปลกๆในบรรยากาศ   ความที่รู้งานว่าอาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล กำลังจะเกิดขึ้น  ด้วยความเป็นลูกศิษย์   ผมกับเมธจึงพร้อมใจกัน  (เหมือนทุกครั้ง) ให้อาจารย์ท่านเดินนำหน้า   พวกผมตามหลังส่องไฟให้   จากแสงไฟเพียงน้อยนิดจากมือถือก็พอจะทราบได้ว่า   อาจารย์กำลังด่าพวกผมแน่นอน  (คงบ่นในใจว่า....ลูกศิษย์กรูนี่  รักกรูจริงๆ)  มาถึงจุดที่ต้องลงบรรไดแคบๆ  และใกล้จะถึงจุดหมาย  อาจารย์ก็หยุดและสั่งให้พวกเรากลับออกไปกันก่อน   ถึงพวกผมสองคนจะไม่ค่อยเข้าใจ   แต่ก็ต้องเดินกลับออกมาทางเดิมแบบ...งงๆ    หลังจากออกมาถึงปากถ้ำ    มานั่งพักเพราะเดินเข้าไปไกลมาก (ความรู้สึกของผม)
    อาจารย์ก็บอกให้กลับลงไปข้างล่างก่อน   โดยที่ยังไม่บอกอะไรพวกผม   ผมได้แต่บ่นว่า    กว่าจะเดินขึ้นบรรไดจากข้างล่างมาถึงปากถ้ำก็เล่นเอาผมหายใจไม่ทันล่ะ
เพราะมันไกลมาก    และนี่ถ้าต้องเข้าไปในถ้ำอีกจะทำยังไง  มือถือแบตฯเกือบจะหมดแล้ว   และข้อสำคัญนี่  ก็ใกล้บ่ายสามโมงล่ะ  กลัวจะกลับบ้านดึก   อาจารย์ไม่สนใจเดินนำพวกผมลงมาถึงข้างล่าง    และก็ได้มาพบกับท่านเจ้าอาวาส  (ท่านกลับมาจากข้างนอกล่ะ)  อาจารย์ก็เลยเข้าไปพูดคุยกราบนมัสการท่าน   ท่านก็เลยชวนเข้าไปคุยกันที่หน้ากุฎิท่าน    ซึ่งไม่ไกลนัก   ช่วงที่เดินตามท่านเจ้าอาวาสเข้าไป  ผมสงสัยจึงถามเหตุผลว่า    ทำไมอาจารย์เปลี่ยนใจให้พวกผมลงจากถ้ำมา  ทั้งๆที่จะถึงที่หมายแล้ว อาจารย์หันมามองหน้าผมและบอกว่า.............เห็นบางอย่าง  เป็นดวงตาสีแดง 2 คู่  กำลังมองพวกเราอยู่  รู้ด้วยจิตว่าไม่ค่อยดีจึงให้ออกมากันก่อน   ผมงี้พอฟังสตั้นไป  พักหนึ่งเลยทีเดียว   และก็เป็นเวลาที่เดินมาถึง  หน้ากุฎิของ  ท่านเจ้าอาวาสพอดี   ท่านบอกให้พวกเรานั่งลง   และเริ่มทักทายสอบถามกันพอสมควร  อาจารย์จึงสอบถาม   ประวัติ  ของถ้ำแห่งนี้  ว่าเป็นมายังไงและก็เริ่มสอบถาม  ว่าตอนที่ท่านมาจำวัดที่นี่ใหม่ๆ  มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  เอาที่เป็นใจความสำคัญของเรื่องนะคับ  ท่านเล่าว่าตอนท่านมาจำวัดที่นี่ใหม่ ๆ   ก็เจอดีเหมือนกัน  เช่น  ท่านเห็นดวงไฟหลากหลายสี  ลอยเข้าไปยังในถ้ำแห่งนี้   และตอนกลางคืนท่านจำวัดแล้ว   ก็ฝันเห็น...หมาดำตัวใหญ่มาก   2  ตัว  ดวงตาสีแดงจ้า  กระโจนใส่ท่าน จะเข้ามาทำร้ายท่าน (ถึงตอนนี้  ผมมองไปที่อาจารย์   อาจารย์ก็มองมาทางผม  เหมือนจะบอกว่า  สิ่งที่ท่านเห็นเจ้าของดวงตาสีแดง   น่าจะเป็นหมาดำที่ ท่านเจ้าอาวาสพูดถึง แน่นอน)    ท่านแผ่เมตตาให้อยู่หลายคืน   และบอกกล่าวว่าท่านมาดี   ไม่ได้มารบกวนอะไร   และก็พูดคุยหลายเรื่องมาก   ทั้งเรื่องพระพุดขึ้นมาจากพื้นดินในถ้ำด้วย   หลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก  .............

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้