พระมหาปฐวีพิทักษ์ องค์ครู
เรื่องราวพระเครื่องพิมพ์นี้ มันก็อัดแน่น อยู่ในเรื่อง
พระพุทธเจ้าชนะพญามาร
หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะโพธิสัตว์ ได้ทรงประทับบนโพธิบัลลังก์แล้วตั้งสัจจอธิษฐาน จะไม่ลุกขึ้นหากไม่บรรลุทางแห่งการดับทุกข์ ก็มีมารมาขัดขวางการบำเพ็ญเพียร จะมีการต่อสู้กันอย่างไร??? พระโพธิสัตว์ใช้สิ่งใดเป็นอาวุธปราบมาร???
ในตอนหนึ่งที่เทวปุตตมารได้ยกทัพมาร มามหาศาล แม้แต่เทวดา นาค พรหม ก็ต่างหลบหนี หมายจะมิให้เจ้าชายสิทธัตถะโพธิสัตว์ บรรลุธรรม
เจ้าชายสิทธัตถะโพธิสัตว์ ทรงพระดำริว่า ชนนี้มีประมาณเท่านี้ มุ่งหมายเราผู้เดียว กระทำความพากเพียรพยายามอย่างใหญ่หลวง. ในที่นี้ไม่มีบิดามารดา บุตร ธิดา พี่น้องชาย หรือญาติไรๆ อื่น มีแต่บารมี ๑๐ นี้เท่านั้นจะเป็นเช่นกับบุตรแลบริวารชนของเรา ไปตลอดกาลนาน เพราะฉะนั้น เราจะกระทำบารมีให้เป็นโล่ แล้วประหารด้วยศัสตราคือบารมีนั่นแหละ กำจัดหมู่พลนี้เสียจึงจะควร จึงทรงนั่งระลึกถึงบารมีทั้ง ๑๐ อยู่ (บารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ และปรมัตถบารมี ๑๐ )
หากแตกแยกย่อย ก็มีตอนหนึ่ง ซึ่งตรงกับมนต์อาถรรพ์บทหนึ่งของหลวงปู่ชื่น นั่นก็คือ อาถรรพ์กลายบุปผา (กลับร้ายกลายดี เรื่องร้ายจะกลายเป็นเรื่องสดชื่น)
นะ ทั้ง 6 ตัว ที่ประทับด้วยการหมุน และ พลิกกลับไปมานั้น น่าจะเป็นตัวแทนของจักราวุธ และ หินผาอันยิ่งใหญ่ ที่หมู่มารขว้างทำร้ายพระองค์ แต่ด้วยบารมี 10 ทัศนั้น ก็ทำให้อาวุธเหล่านั้น กลายเป็นหมู่มวลดอกไม้ ที่ถูกส่งมาถึงพระองค์แทน
ดั่งความตอนหนึ่งที่ว่า
มารโกรธอดกลั้นกำลังความโกรธไว้ไม่ได้ จึงขว้างจักราวุธใส่พระมหาสัตว์ เมื่อพระมหาสัตว์นั้นทรงรำพึงถึงบารมี ๑๐ ทัศอยู่ จักราวุธนั้นได้ตั้ง เป็นเพดานดอกไม้อยู่ในส่วนเบื้องบน ได้ยินว่าจักราวุธนั้นคมกล้านัก มารนั้นโกรธแล้วขว้างไปในที่อื่นๆ จะตัดเสาหินแท่งทึบเป็นอันเดียว ไปเหมือนตัดหน่อไม้ไผ่ แต่บัดนี้ เมื่อจักราวุธนั้นกลายเป็นเพดานดอกไม้ตั้งอยู่ บริษัทมารนอกนี้คิดว่า สิทธัตถกุมารจักลุกจากบัลลังก์หนีไปในบัดนี้ จึงพากันปล่อยยอดเขาหินใหญ่ๆ ลงมา เมื่อพระมหาบุรุษทรงรำพึงถึง บารมี ๑๐ ทัศ แม้ยอดเขาหินเหล่านั้นก็ถึงภาวะเป็นกลุ่มดอกไม้ตกลงยังภาคพื้น
ทราบว่า ยันต์นะ ที่ประทับอยู่ด้านหน้า เป็นยันต์ของหลวงปู่สรวง และ ด้านหลังประทับด้วยคาถาน้ำนมพระแม่ธรณี ของหลวงปู่ฮิง (ท่านเคยทิ้งปริศนาไว้ว่า "เราก็สรวงเหมือนกัน") บวกกับวิชาอาถรรพ์แห่งศาสตร์กษัตริย์ ธรรมราชา ของหลวงปู่ชื่น ซึ่งเป็นการผสมผสานวิชาของบูรพาจารย์ได้อย่างเหมาะสมลงตัวเป็นที่สุด แม้จะทำการสร้างไว้มาแล้วเนิ่นนาน แต่กลับเผยให้เห็นและรับชม ได้เหมาะสมถูกเวลาที่สุด และเมื่อ พระมหาปฐวีพิทักษ์ ได้ปรากฎ ก็กลับเรื่องร้ายๆให้กลายเป็นเรื่องสดใสได้อย่างน่าอัศจรรย์ ศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลยจริงๆครับ
|