ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

>> ผ้ายันต์ปัตโตเมตัง รุ่น "อันตะรายาปิ" <<

[คัดลอกลิงก์]
บูชาประจำไว้ที่รถเลยครับ



คำทำนายที่หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก บอกหลวงพ่อสนอง กตปุญโญผู้เป็นศิษย์ ไว้ และหลวงพ่อสนองได้พูดอีกครั้งในสถานีโทรทัศน์พุทธภูมิ999 ของวัดสังฆทาน
และได้นำมาลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สังฆทานนิวส์ เป็นหนังสือพิมพ์ที่ทางวัดจัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ธรรมะต่างๆ แจกฟรีเป็นธรรมทานทุกเดือน

ข้อความที่เกี่ยวเนื่องกับคำทำนายเรื่องภัยพิบัติที่หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก บอกหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ ไว้ มีดังนี้

หนังสือพิมพ์วัดสังฆทานนิวส์
ฉบับที่ 87 ประจำวันที่ 1-31 ธ.ค. 2553
คอลัมน์ "คุยกับหลวงพ่อ" (หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ)

....อาตมาไม่เคยคิดจะอยู่ที่เจริญ มาอยู่สังฆทานกะว่าอายุ 45 ปีจะเข้าป่า วางแผนไว้อย่างดี เดี๋ยวทำเสร็จยังกับตัวเองเนรมิตได้ อายุ 45 ปี ยังไม่มีอะไร ทำมา 45 ปี วัดเจริญฉันไปแล้ว มันไปไม่ได้เราคนหมู่มาก ต้องสงเคราะห์ญาติ ไปก็ต้องเอากันไปให้หมด ภัยมาเราไม่ปกป้องคนเขาลงเราต้องปกป้อง หลวงปู่สังวาลย์ท่านพยากรณ์ไว้ ที่จริงอาตมาไม่อยากออกทีวีหรอกเพราะเดี๋ยวคนจะตื่นตัว แต่ก็ดีแล้วพวกที่คนทั้งหลายมันหลงมันจะได้เบาลง แต่ว่าบางทีอาจจะด่าเราก็ได้ ว่าหลวงพ่อเพ้อเจ้อ.. หลวงปู่สังวาลย์พูดให้ฟัง บอก...สนอง...ไม่ช้าพวกเราก็ตายแล้ว แต่โลกนี้จะเดือดร้อน แต่ถ้าเราอยู่ถึงก็จะเห็นภัย 3 อย่าง น้ำจะท่วมภาคใต้ ฝั่งตะวันตกตายกันเยอะ ครั้งที่1 แล้วก็ตายไม่เท่าน้ำท่วมกรุงเทพ กรุงเทพนี่ น้ำท่วมมาก ท่วมตึก 4 ชั้นเลย สนอง...เตรียมน้ำมันรถไว้ให้ดีนะ เตรียมรถให้ดี อย่าใช้ รถเก่านะ ถ้ามันท่วมกรุงเทพเนี่ย ฝนจะตก 7 วัน 7คืน ฟ้าจะมืดหมด ไม่มีแสงอาทิตย์ แสงตะวัน แล้วไฟดับหมด เงินไม่มีค่า เงินไม่มีความหมาย เอาข้าวตากไว้ดีกว่า ตอน 7วัน 7คืน.. อาตมาอดได้ไม่ตายหรอก แต่คนอื่นจะตายหรือเปล่า เพราะอาตมาเคยอดมาตั้ง19วัน 15วันอดได้ มีน้ำอยู่ได้เพราะผ่านวิกฤตินี้มาแล้ว แต่พวกคนไม่เคยอดกิน 3มื้อนี่วันจะตายหรือเปล่า จะท่วมกรุงเทพคนจะตายกันเยอะ ท่านบอกเราที่วัดอีกครั้งหนึ่ง เวลาฝนตก 7วัน 7คืน ถ้าน้ำท่วมมาถึงชลบุรีโกยเลยนะ ไปโน้นเลย สระบุรีไปเขาใหญ่เลยจะไม่ตาย...

เราจะโกยไปทำไมคนเดียวล่ะ คลื่นยักษ์มาถึงชลบุรีท่วมภูเขามาเลย ท่วมไปถึงวัดทุ่งน่ะ วัดทุ่งนี่เรานั่งพื้นน้ำเปียกหัวเรือเลยนะ น้ำไปสุดนครสวรรค์...เราบวชมานานเชื่อเราสิ

แล้วก็จะเกิดสงครามพระ สงครามพระจะไปลุกทุกหย่อมหญ้าเลย สงครามพระจะเกิด เชื่อเราไหม ก็ยังไม่เห็น เชื่อก็ไม่ได้จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ นั่งเฉยก่อน เรากรรมฐานมานาน ท่านบอกว่ามันเป็นกรรมของคนไทย ไปดูสิเดี๋ยวเราตาย วัดทุ่งก็เหมือนกับวัดหลวงพ่อสำเภาที่ลพบุรีน่ะ เมื่อตอนหลวงพ่อเภาอยู่นี่เจริญมาก คนกรุงเทพขึ้นอุดมสมบูรณ์มาก ทุกวันนี้วัดเงียบเลย อยู่ที่ลพบุรี เราอยากจะพาพวกลูกศิษย์ไปดู ตอนที่หลวงปู่สังวาลย์อยู่อุดมสมบูรณ์ เราอยากจะพาไปดู มันจะได้รู้ว่า สิ้นเราแล้วเนี่ยสุนัขก็อดข้าว...ท่านพูดไว้นะ (อ่านต่อฉบับที่ 88...)

ต่อฉบับที่ 88 ประจำวันที่ 1-31 ม.ค. 2554
คอลัมน์ "คุยกับหลวงพ่อ"
หลวงปู่สังวาลย์พูดเรื่องอนาคตให้ฟังต่อไปว่าให้เตรียมตัวไว้นะ เราก็ถามว่า หลวงพ่อแก้ไม่ได้เลยเหรอ พอไม่นานน้ำก็ท่วม ท่วมภาคใต้ เกิดสึนามิ ตอนนั้นอาตมากลับมาจากต่างประเทศมีเงินแค่ 4,000 บาท บอกให้บัญชีดูเงินว่ามีเงินพอไหม ไม่ใช่เงินในธนาคารนะ เงินอยู่ในตู้บริจาคน่ะ มีแค่ 4,000 บาท เอา 4,000 บาทไปซื้องของเลย เอารถบัสไปเลยซื้อของ แล้วซื้อแก๊สไปช่วยภาคใต้ คลื่นสึนามิ บ้านช่องหายหมดแล้วคนก็ไม่มีบ้าน บ้านก็ไม่มีคน บอกกันว่าอยู่ที่วัด บ้านน้ำเค็ม เราก็ส่งของไปอีก ก็หาเอาเงินซื้อพอไปถึงที่ ก็จริงอย่างหลวงปู่ว่า คนจะตายกันเยอะ เคยเล่าไปแล้ว ไม่เล่าต่อแล้ว นี่คือคำพยากรณ์ของครูบาอาจารย์

เหลืออีกสองอย่างที่ยังไม่จริง ยังไม่ถึง ศึกพระ กับน้ำท่วมกรุงเทพ คนจะตายกันเยอะตายมากกว่าคราวนี้ท่านไม่บอกปีนะ ท่านเตือนบอกให้ระวังตัว เตือนเราว่าให้ดูฝนตก 7วัน 7คืน ฟ้ามืด ไฟจะดับหมด สงสัยจะมีพายุอย่างแรง ไฟฟ้าสงสัยจะดับหมด แต่อาตมาจะมีวิธีไป เดี๋ยวจะพาไป ไม่ตื่นตูม เป็นคนไม่ตื่นตูม เชื่อก็เชื่อแต่ไม่ตกใจ จะไปอย่างสวยๆ ถ้าจะตายก็ตายอย่างเตรียมตัวตายก่อน ตายยิ้มตาย อาตมาจะไม่ร้องไห้

เพราะฉะนั้นคนเรานะมันต้องตาย วิบัติมันเกิดขึ้น เราไม่อยากให้เกิดวิบัติ วิบัติอย่างนี้เราไม่อยากได้ แต่ว่าป้องกันไม่ได้................
"เฮาเสื่อร้อยเปอร์เซ็นต์"


ขอเล่าเรื่องที่มาของผ้ายันต์เพิ่มเติม เสริมสักนิดนึงครับ

   นานมาแล้วตอนเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายปีประมาณ


2541 กลับบ้านสงกรานต์และไปทำบุญที่วัดต่างหมู่บ้านกับคณะของคุณอา



ช่วงเช้าใส่บาตรพระเสร็จก่อนฉันจังหันหลวงปู่ผาง

ท่านเทศน์เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ในกาลข้างหน้า



แล้วหยิบหนังคำทำนายให้กระผมเป็นผู้อ่านให้ญาติโยมที่มาทำบุญฟังกันอย่างทั่วถึง


ด้วยเสียงอันดังพอควร


อ่านจบหลวงปู่บอกว่า


"เฮาเสื่อร้อยเปอร์เซ็นต์"


ว่าจะเกิดมหันภัยอันร้ายแรง แล้วหลวงปู่ท่านก็ดำริให้ลูกศิษย์ที่เขียนตัวคาถา

ได้เขียนคาถาลงบนจึวรแล้วหลวงปู่เป็นคนอธิษฐานจิตก่อนจะแจกญาติโยมผู้ศรัทธา



ผมก็ได้รับมาจำนวนหนึ่ง

แล้วส่งผ่านมาถึงอาจารย์


หลวงปู่ท่านย้ำตลอดไม่ให้ประมาท และให้ปฎิบัติศีล ทานให่สม่ำเสมอ



กาลได้ล่วงมาหลายปีแล้ว

จนหลวงปู่ท่านก็มรณภาพไปแล้ว คงต้องขอพึ่งบุญ


บารมีของอาจารย์และชาวคณะศิษย์ผู้ศรัทธาร่วมกัน


สถาปนาผ้ายันต์ให้สำเร็จ


เพื่อยังประโยชน์แก่สาธารณชนต่อไปครับ


"สีต้อย"







องค์หลวงปู่ผาง โกสโล ละสังขารแล้วด้วยอาการสงบเมื่อเวลา
ประมาณ ๒๓.๔๐ น. วันจันทร์ที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘
ที่วัดป่าสว่างอารมณ์ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ สิริอายุรวม ๑๐๔ ปี พรรษา ๕๘
ขณะนี้สรีระสังขารหลวงปู่ผาง โกสโลได้เคลื่อนมายัง วัดภูหินปูน บ.หินแตก อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
โดยจะมีงานถวายเพลิงสรีระสังขาร
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘
ณ วัดภูหินปูน บ.หินแตก อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร โดยองค์หลวงปู่ได้มีคำสั่งห้ามเก็บสรีระไว้เกิน ๗ วัน

สมัยก่อนบวชหลวงปู่ท่าน เคยมีครอบครัวมาก่อน แต่รู้สึกเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้บอกภรรยาว่าจะขอสละเรือนออกบวช ภรรยาท่านบอกว่า ถ้าจะไปขอให้ช่วยสร้างบ้านให้ก่อน ท่านใช้เวลาอยู่ ๑ ปี จึงแล้วเสร็จ แต่ด้วยเหตุแห่งทุกข์มาเยือนโดยไม่ได้เตือนล่วงหน้า ภรรยาของท่านได้มาสิ้นใจลง ท่านเองจึงต้องอยู่เลี้ยงดูลูกเอง เมื่อลูกท่านเติบใหญ่ดูแลตนเองได้แล้ว ท่านก็ได้ไปเป็นตาปะขาวติดตามรับใช้หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม ธุดงค์ไปในที่ต่างๆทั้งภาคอีสาน และฝั่งลาว แต่ก่อนหน้านี้หลวงปู่ผาง ท่านก็ประกอบอาชีพเป็นหมอยาหาสมุนไพรตามป่าอยู่แล้ว ท่านจึงเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ชีวิตรอนแรมอยู่ตามป่าเขา







หลวงปู่ผาง ท่านบวชเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม อยู่ที่วัดป่าดานศรีสำราญ อยู่ ๕ พรรษา จากนั้นจึงได้ออกวิเวกไปในที่ต่างๆ ก่อนไปท่านเล่าว่า หลวงปู่คำตัน ก็ห้าม ไม่อยากให้ไปไหน อยากให้อยู่ภาวนาเสียด้วยกัน ท่านว่าหลวงปู่ผาง เคยเกิดเป็นลูกท่านอยู่ในอดีตชาติ หลวงปู่ผาง ได้เคยไปอบรมธรรมกับหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ท่านว่าหลวงปู่จวน เป็นพระที่ดุดัน เอาจริงเอาจัง

ท่านเล่าว่าสมัยหนึ่งหลวงปู่จวน มาเยี่ยมหลวงปู่คำตัน มาก็ไม่พูดอะไรกัน มองกันนิ่งเงียบ ก่อนจากก็ปรารภธรรมกันเพียงไม่กี่ธรรม ก็เป็นที่รู้กัน หลวงปู่ผาง ท่านสงสัย จึงได้ไตร่ถาม หลวงปู่จวน ได้ยินเข้าจึงดุ “หา..ของอย่างนี้ถามกันได้หรอ อยากได้อยากรู้ก็ปฏิบัติเองซิ ถ้าถามกันแล้วได้ อย่างนี้เขาก็เป็นเศรษฐีกันทั่วโลกแล้วซิ” หลวงปู่ผาง ได้ออกรุขมูลอยู่ตามป่าเขา ทั้งฝั่งไทย และฝั่งลาว










ปี พ.ศ.๒๕๓๘ ท่านมาอยู่ที่ภูหินแตก (ภูหินปูน) ท่านเล่าว่าที่นี่ภาวนาได้ดี สงบสงัด ทำความเพียรได้ดี แต่มีภูมิเจ้าที่เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ มีรูปร่างเป็นยักษ์ดุร้าย ท่านเล่าว่า เขาพยายามจะมาไล่อยู่บ่อยๆ บางทีก็ถือค้อนใหญ่มาไล่ แต่หลวงปู่ผาง ก็บอกว่า เรามาที่นี่ เราไม่ได้มายึดมาเอาของเธอ เราแค่มาขออาศัยทำความเพียรภาวนาเท่านั้น ไม่ได้คิดจะมาแย่งที่ๆของเธอ แต่อย่างไร เขาจึงเย็นลง เมื่ออยู่ๆไป ตัวเขาเองก็ได้รับพลังเมตตาจากหลวงปู่ผาง เกิดความชุ่มเย็น หลวงปู่ผาง ได้ถามยักษ์ตนนั้นว่า เธอมาอยู่นี่ได้อย่างไร ทำไมไม่ไปผุดไปเกิดเสีย เขาตอบว่า “เขาเฝ้าไหสมบัติอยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว ไม่กล้าไปไหน กลัวจะมีคนมาขุดไป” หลวงปู่ผาง จึงสอนเขาว่า “แล้วจะมาหลงมาไหลอะไรกับทรัพย์สมบัติ ดูซิ ตายแล้วจะไปไหนก็ไม่ได้ มาเฝ้า มาหวงไว้ เอาไปใช้ก็ไม่ได้ ใครจะมาขุดมาเอาก็ปล่อยเขาไปซิ เราตายไปแล้วนี่ จะมายึดมาหวงให้เป็นทุกข์ทำไม” หลวงปู่ผาง ท่านเล่าว่า ที่ภูหินแตกนี้ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นภูหินปูน เพราะชื่อไปซ้ำกับวัดบ้าน) ใครจะมาขออยู่ภาวนา ไม่ว่าพระเณร หรือแม่ชี ถ้าหากย่อหย่อนความเพียร กลางคืนก็มักจะโดนดึงขา ลากขาตกกุฏิไป และสถานที่แห่งนี้เองที่หลวงปู่ผาง โกสโล ท่านได้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ บรรลุคุณธรรมขั้นสูง ที่วัดภูหินปูน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

มหาเถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
มหาเถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
มหาเถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต

ลูกหลานกราบขอขมาหลวงปู่ผาง โกสโล ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี หากเคยประมาทพลาดพลั้ง ด้วยความขาดสติรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง ทั้งอดีตหรือปัจจุบัน ลูกหลานกราบขอขมา ขอหลวงปู่ผาง โกสโล โปรดอโหสิกรรม และงดโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อความสำรวมระวังในการณ์ต่อไป และธรรมอันใดที่ท่านได้รู้แจ้งแล้ว ขอลูกหลานได้รู้ธรรม เห็นธรรมอันนั้นด้วยเทอญ...สาธุ



อยากได้เพิ่มสัก 20 ผืน
เพราะตอนแรกที่ได้มา ก็แจกไปเยอะ
ตอนนี้เหลือน้อยแล้ว
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2020-3-30 07:44

"เฮาเสื่อร้อยเปอร์เซ็นต์"


ขอเล่าเรื่องที่มาของผ้ายันต์เพิ่มเติม เสริมสักนิดนึงครับ

   นานมาแล้วตอนเป็นนักศึกษาปีสุดท้ายปีประมาณ


2541 กลับบ้านสงกรานต์และไปทำบุญที่วัดต่างหมู่บ้านกับคณะของคุณอา



ช่วงเช้าใส่บาตรพระเสร็จก่อนฉันจังหันหลวงปู่ผาง

ท่านเทศน์เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ในกาลข้างหน้า



แล้วหยิบหนังคำทำนายให้กระผมเป็นผู้อ่านให้ญาติโยมที่มาทำบุญฟังกันอย่างทั่วถึง


ด้วยเสียงอันดังพอควร


อ่านจบหลวงปู่ผางบอกว่า


"เฮาเสื่อร้อยเปอร์เซ็นต์"


ว่าจะเกิดมหันภัยอันร้ายแรง แล้วหลวงปู่ท่านก็ดำริให้ลูกศิษย์ที่เขียนตัวคาถา

ได้เขียนคาถาลงบนจึวรแล้วหลวงปู่เป็นคนอธิษฐานจิตก่อนจะแจกญาติโยมผู้ศรัทธา



ผมก็ได้รับมาจำนวนหนึ่ง

แล้วส่งผ่านมาถึงอาจารย์


หลวงปู่ท่านย้ำตลอดไม่ให้ประมาท และให้ปฎิบัติศีล ทานให่สม่ำเสมอ



กาลได้ล่วงมาหลายปีแล้ว

จนหลวงปู่ท่านก็มรณภาพไปแล้ว คงต้องขอพึ่งบุญ


บารมีของอาจารย์และชาวคณะศิษย์ผู้ศรัทธาร่วมกัน


สถาปนาผ้ายันต์ให้สำเร็จ


เพื่อยังประโยชน์แก่สาธารณชนต่อไปครับ


"สีต้อย"








องค์หลวงปู่ผาง โกสโล ละสังขารแล้วด้วยอาการสงบเมื่อเวลา
ประมาณ ๒๓.๔๐ น. วันจันทร์ที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘
ที่วัดป่าสว่างอารมณ์ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ สิริอายุรวม ๑๐๔ ปี พรรษา ๕๘
ขณะนี้สรีระสังขารหลวงปู่ผาง โกสโลได้เคลื่อนมายัง วัดภูหินปูน บ.หินแตก อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
โดยจะมีงานถวายเพลิงสรีระสังขาร
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๘
ณ วัดภูหินปูน บ.หินแตก อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร โดยองค์หลวงปู่ได้มีคำสั่งห้ามเก็บสรีระไว้เกิน ๗ วัน

สมัยก่อนบวชหลวงปู่ท่าน เคยมีครอบครัวมาก่อน แต่รู้สึกเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้บอกภรรยาว่าจะขอสละเรือนออกบวช ภรรยาท่านบอกว่า ถ้าจะไปขอให้ช่วยสร้างบ้านให้ก่อน ท่านใช้เวลาอยู่ ๑ ปี จึงแล้วเสร็จ แต่ด้วยเหตุแห่งทุกข์มาเยือนโดยไม่ได้เตือนล่วงหน้า ภรรยาของท่านได้มาสิ้นใจลง ท่านเองจึงต้องอยู่เลี้ยงดูลูกเอง เมื่อลูกท่านเติบใหญ่ดูแลตนเองได้แล้ว ท่านก็ได้ไปเป็นตาปะขาวติดตามรับใช้หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม ธุดงค์ไปในที่ต่างๆทั้งภาคอีสาน และฝั่งลาว แต่ก่อนหน้านี้หลวงปู่ผาง ท่านก็ประกอบอาชีพเป็นหมอยาหาสมุนไพรตามป่าอยู่แล้ว ท่านจึงเชี่ยวชาญเรื่องการใช้ชีวิตรอนแรมอยู่ตามป่าเขา







หลวงปู่ผาง ท่านบวชเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่คำตัน ฐิตธัมโม อยู่ที่วัดป่าดานศรีสำราญ อยู่ ๕ พรรษา จากนั้นจึงได้ออกวิเวกไปในที่ต่างๆ ก่อนไปท่านเล่าว่า หลวงปู่คำตัน ก็ห้าม ไม่อยากให้ไปไหน อยากให้อยู่ภาวนาเสียด้วยกัน ท่านว่าหลวงปู่ผาง เคยเกิดเป็นลูกท่านอยู่ในอดีตชาติ หลวงปู่ผาง ได้เคยไปอบรมธรรมกับหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ ท่านว่าหลวงปู่จวน เป็นพระที่ดุดัน เอาจริงเอาจัง

ท่านเล่าว่าสมัยหนึ่งหลวงปู่จวน มาเยี่ยมหลวงปู่คำตัน มาก็ไม่พูดอะไรกัน มองกันนิ่งเงียบ ก่อนจากก็ปรารภธรรมกันเพียงไม่กี่ธรรม ก็เป็นที่รู้กัน หลวงปู่ผาง ท่านสงสัย จึงได้ไตร่ถาม หลวงปู่จวน ได้ยินเข้าจึงดุ “หา..ของอย่างนี้ถามกันได้หรอ อยากได้อยากรู้ก็ปฏิบัติเองซิ ถ้าถามกันแล้วได้ อย่างนี้เขาก็เป็นเศรษฐีกันทั่วโลกแล้วซิ” หลวงปู่ผาง ได้ออกรุขมูลอยู่ตามป่าเขา ทั้งฝั่งไทย และฝั่งลาว










ปี พ.ศ.๒๕๓๘ ท่านมาอยู่ที่ภูหินแตก (ภูหินปูน) ท่านเล่าว่าที่นี่ภาวนาได้ดี สงบสงัด ทำความเพียรได้ดี แต่มีภูมิเจ้าที่เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ มีรูปร่างเป็นยักษ์ดุร้าย ท่านเล่าว่า เขาพยายามจะมาไล่อยู่บ่อยๆ บางทีก็ถือค้อนใหญ่มาไล่ แต่หลวงปู่ผาง ก็บอกว่า เรามาที่นี่ เราไม่ได้มายึดมาเอาของเธอ เราแค่มาขออาศัยทำความเพียรภาวนาเท่านั้น ไม่ได้คิดจะมาแย่งที่ๆของเธอ แต่อย่างไร เขาจึงเย็นลง เมื่ออยู่ๆไป ตัวเขาเองก็ได้รับพลังเมตตาจากหลวงปู่ผาง เกิดความชุ่มเย็น หลวงปู่ผาง ได้ถามยักษ์ตนนั้นว่า เธอมาอยู่นี่ได้อย่างไร ทำไมไม่ไปผุดไปเกิดเสีย เขาตอบว่า “เขาเฝ้าไหสมบัติอยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว ไม่กล้าไปไหน กลัวจะมีคนมาขุดไป” หลวงปู่ผาง จึงสอนเขาว่า “แล้วจะมาหลงมาไหลอะไรกับทรัพย์สมบัติ ดูซิ ตายแล้วจะไปไหนก็ไม่ได้ มาเฝ้า มาหวงไว้ เอาไปใช้ก็ไม่ได้ ใครจะมาขุดมาเอาก็ปล่อยเขาไปซิ เราตายไปแล้วนี่ จะมายึดมาหวงให้เป็นทุกข์ทำไม” หลวงปู่ผาง ท่านเล่าว่า ที่ภูหินแตกนี้ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นภูหินปูน เพราะชื่อไปซ้ำกับวัดบ้าน) ใครจะมาขออยู่ภาวนา ไม่ว่าพระเณร หรือแม่ชี ถ้าหากย่อหย่อนความเพียร กลางคืนก็มักจะโดนดึงขา ลากขาตกกุฏิไป และสถานที่แห่งนี้เองที่หลวงปู่ผาง โกสโล ท่านได้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ บรรลุคุณธรรมขั้นสูง ที่วัดภูหินปูน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

มหาเถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
มหาเถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
มหาเถเร ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต

ลูกหลานกราบขอขมาหลวงปู่ผาง โกสโล ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี หากเคยประมาทพลาดพลั้ง ด้วยความขาดสติรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง ทั้งอดีตหรือปัจจุบัน ลูกหลานกราบขอขมา ขอหลวงปู่ผาง โกสโล โปรดอโหสิกรรม และงดโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อความสำรวมระวังในการณ์ต่อไป และธรรมอันใดที่ท่านได้รู้แจ้งแล้ว ขอลูกหลานได้รู้ธรรม เห็นธรรมอันนั้นด้วยเทอญ...สาธุ




ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้