ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เพราะชีวิตคนเรามีแค่ 21,900 วัน

[คัดลอกลิงก์]
วันเวลาล่วงไป...เราทำอะไรอยู่
วันเวลาล่วงไป ล่วงไป บัดนี้ เราทำอะไรอยู่ วันคืน ย่อมกลืนกินสรรพสัตว์ และ ตนเอง เวลาผ่านไป ไม่มีอะไรหยุดยั้ง บุคคลผู้ไม่เห็น ความสำคัญ ในวันเวลา ปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยตนเอง ไม่เคยเห็นความสำคัญว่า เราจะมีสติ ระลึกรู้ และ ตั้งใจสังวร กระทำตน ให้เป็นผู้ยังกุศลให้ถึงอยู่ กิจที่เราจะทำ อันสำคัญของชีวิต บาปใด ชั่วใด อกุศล ทุจริตใด ที่มีอยู่ ในบัดนั้น บัดนั้น อันเรารู้อยู่ เราพึงทำหน้าที่ ทำกิจของเรา ปรับปรุง ขจัดสิ่งที่เป็น บาปชั่ว ทุจริต อกุศลนั้นๆ ทำอยู่ ทำอยู่ พากเพียรอยู่ พากเพียรอยู่ ผู้ไม่ได้ดีนั้น ย่อมไม่มี แต่หากปล่อยให้วัน เวลา ผ่านไป ผ่านไป โดยไร้สติ ระเริงไปตามอารมณ์ ปล่อยให้บาปชั่ว อกุศล ทุจริตนั้นกินตัว กระทำกิจชั่ว ของมันอยู่ ผู้นั้นย่อมไม่เจริญ ย่อมเสื่อม ย่อมจมแล้ว จมเล่า
ดังนั้น ผู้ที่เป็นผู้ฉลาด ย่อมจะต้องระลึก รู้ความสำคัญ ในความสำคัญดังนี้ แม้แต่ชั่วบาป อกุศล ทุจริตใด ที่หาได้ยาก สิ่งดีที่ทำดียิ่งขึ้น ผู้ฉลาด ย่อมใช้วันเวลา และขณะที่ล่วงไป นั้น ทวีความดี ยังกุศลนั้นนั้น ให้ยิ่งยิ่งขึ้น
ผู้นั้น จึงชื่อว่า ผู้ตื่นแล้ว ผู้เจริญแล้ว เพราะตั้งอยู่ ในความไม่ประมาท เพราะเป็น ผู้มีสติดี มีธัมมวิจัยดี มีวิริยะดี ย่อมถึงปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา ที่สุด ย่อมหลุดพ้น สู่นิพพาน

ผู้สำคัญในกาละ
วันเวลา ล่วงไป ล่วงไป บัดนี้ เราทำอะไรอยู่ ดี หรือ ชั่ว เวลากลืนกิน สรรพสัตว์ และ ตัวมันเอง
มนุษย์ผู้มีสติปัญญา มีปฏิภาณ ผู้ได้ปฏิบัติธรรม ได้เข้าใจความสำคัญ ในความสำคัญ จะเป็นผู้มีสติ ระลึกรู้ตัว ทั่วพร้อม เข้าใจในกาละ อันเลื่อนไป ผ่านไป และ จะระลึกรู้ตัว ในพฤติกรรม ในความเป็นอยู่ ว่าตนขณะ ทุกขณะนั้น แม้แต่อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน และ กรรมทั้งสาม กายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี ย่อมมีธัมมวิจัย มีการวิเคราะห์ อ่านในกรรมทั้งสาม และ พึงทำกรรม ทั้งสามนั้น ให้ขึ้นสู่ สุจริตกรรม รู้จักความดี ดียิ่งกว่า ดียิ่งขึ้น จนถึงดีที่สุด ที่จะพึงกระทำ ให้เป็น กุสลสูปสัมปทา ในการยังกุศล ให้พึงพร้อม หรือ กระทำบาป กระทำสิ่งที่ เป็นความชั่ว ความทุจริต อกุศลออก แม้น้อย ย่อมไม่ประมาท ผู้ที่มี ความละเอียดลออ ย่อมรู้ ในความละเอียด แห่งตน ที่จะพึง กระทำออก ซึ่งทุจริตชั่ว อกุศล และ พึงยังกุศลดี ดีกว่า ดียิ่งขึ้น จนถึงดีที่สุด ให้ได้อยู่เสมอ ทุกกาละ
ผู้สำคัญในกาละ ผู้มีชีวิตอยู่ แม้น้อยก็ทำ แม้มากก็ทำ ผู้มีชีวิตอยู่ หายใจ เข้าออก ยังไม่สิ้นชีวิต มีสติ มีธัมมวิจัย มีวิริยะ จึงเป็นผู้ได้ปีติ ได้ปัสสัทธิ ได้สมาธิ ได้อุเบกขา และ เป็นผู้ถึงซึ่ง วิมุติญาณทัสสนะ ในที่สุด ด้วยประการ ฉะนี้

วันคืน กลืนกินสรรพสัตว์ และตัวมันเอง
ชีวิตนั้นสั้นนัก ชีวิตนี้น้อยนัก วันคืน วันคืน ผ่านไป ผ่านไป กลืนกินสรรพสัตว์ และตัวมันเอง
ผู้ที่รู้จักชีวิต หรือ ผู้ที่ศึกษาชีวิต ย่อมสำคัญในชีวิต กับวันคืน แต่ละขณะ แต่ละเวลา ที่ผ่านไป ผ่านไป ของชีวิต ผู้มีสติ มีธัมมวิจัย มีวิริยะ อยู่กับตัว ย่อมเพียร ที่จะรู้ ทุกอิริยาบถ ทุกกรรม เพราะกรรมเป็นกำเนิด กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมเป็นที่พึ่งอาศัย และ กรรมเป็นของของตน ตนเป็นทายาท ของกรรม ดังนั้น ย่อมเป็น ผู้ควบคุม สังวร ดูแล ในกรรม จะเป็นกิริยาใด กายก็ดี วจีก็ดี มโนก็ดี ศิษย์ตถาคตทุกผู้ จะต้องเป็นผู้ที่ กำหนดรู้ ในกรรมกิริยาของตน ของตน และ ปรับปรุงกรรม กิริยา ของตน ๆ ในแต่ละขณะ เท่าที่ เราจะสามารถ เท่าขนาดของตน ที่ได้สมาทาน ว่าจะกระทำ ให้เหมาะสมแก่ตน แล้วเรา ก็ได้เป็น ผู้รู้จริง ทำจริง ทำความประเสริฐ ให้แก่ชีวิต ในทุกๆขณะ ทุกๆเวลา ที่ผ่านไป ผู้ได้กระทำ ดังกล่าวนี้อยู่ ให้ช่ำช่อง ให้ชำนาญ ให้เป็นจริง ย่อมเดินทาง และ เลื่อนขึ้นสู่ ความเป็น ผู้ประเสริฐได้ ตามศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะมีอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา สู่วิมุติ และ วิมุติญาณทัสสนะได้ ดังประสงค์

http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/gatha/2529-01-02.html
22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-4-10 07:18 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ขอบคุณครับ กาละ กลืนกินทุกสรรพสิ่ง รวมทั้งตัวเองด้วย

ทุกสิ่งมุ่งสู่จุดเดียวกัน หลุดพ้นได้ นับเป็นวาสนา


เคยสงสัยมั้ย...
ทำไมเราถูกกำหนด
ไม่ให้รู้วันตายของตัวเอง
เพราะมันจะทำให้..


เราไม่แยแสทุกสิ่งทุกอย่าง
และตอบสนองความต้องการของตัวเอง



ทั้งในทางดีและทางชั่ว
วันคืน กลืนกินสรรพสัตว์ และตัวมันเอง
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้