ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3202
ตอบกลับ: 2
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ชีวกโกมารภัจจ์...บรมครูแห่งการแพทย์

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย AUD เมื่อ 2013-4-20 08:02



คำครูว่านยา : ชีวกโกมารภัจจ์
ข้าขอประนมหัตถ์ พระไตรรัตน์นาถา
ตรีโลกอมรา อภิวาทนากร

หนึ่งอัญชลี พระฤษีผู้ทรงญาณ
แปดองค์เธอมีญาณโดยรอบรู้ในโรคา

ไหว้คุณอิศวเรศ ทั้งพรหมเมศทั่วชั้นฟ้า
สาบสรรซึ่งว่านยา ประทานทั่วโลกธาตรี

ไหว้คุณกุมารภัจจ์ ผู้เจนจัดในคัมภีร์
เวชศาสตร์บรรดามี ให้ทานทั่วแก่นรชน

ไหว้ครูผู้สั่งสอน แต่ปางก่อนเจริญผล
ล่วงลุนิพานดล สำเร็จกิจประสิทธิพรฯ

ความหมายของคำว่า ชีวก



ชีวก ชื่อหมอใหญ่ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาและมีชื่อเสียงมากในครั้งพุทธกาล เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระเจ้าพิมพิสาร และพระเจ้าพิมพิสารได้ถวายให้เป็นแพทย์ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้าด้วย,

เรียกชื่อเต็มว่า ชีวกโกมารภัจจ์ หมอชีวกเกิดที่เมืองราชคฤห์แคว้นมคธ เป็นบุตรของนางคณิกา (หญิง งามเมือง) ชื่อว่าสาลวดี ซึ่งตำแหน่งนางนครโสเภณีสมัยนั้น เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติเพราะพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง ต่างจากสมัยนี้เพราะผู้ประกอบอาชีพนี้เป็นที่ดูหมิ่นเหยียดหยามของบุคคลทั่วไป นางสาลวดีตั้งครรภ์โดยบังเอิญ เมื่อคลอดบุตรชายออกมาจึงสั่งให้สาวใช้นำไปทิ้งที่กองขยะนอกเมือง เคราะห์ดีที่อภัยราชกุมาร พระราชโอรสของพระเจ้าพิมพิสารไปพบเข้าเสด็จออกไปนอกเมือง จึงทรงนำมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ชื่อ "ชีวก" ตั้งขึ้นตามการกราบทูลตอบคำถามพระองค์ที่ตรัสถามว่า "เด็กยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า" มหาดเล็กกราบทูลว่า "ยังมีชีวิตอยู่" (ชีวโก) ส่วนคำว่า "โกมารภัจจ์" แปลว่า "กุมารที่ได้รับการเลี้ยงดู" หรือ "กุมารในราชสำนัก" อันหมายถึง "บุตรบุญธรรม" นั้นเอง เมื่อชีวกโกมารภัจจ์โตขึ้นถูกพวกเด็กๆ ในวังล้อเลียนว่า "เจ้าลูกไม่ีมีพ่อ" ด้วยความมานะจึงหนีพระบิดาเลี้ยงไปเรียนศิลปวิทยาที่เมืองตักศิลา เพื่อเอาชนะคำดูหมิ่นของพวกเด็กในวังให้ได้ วิชาที่ชีวกเรียนคือวิชาแพทย์ เนื่องจากไม่มีค่าเล่าเรียนให้อาจารย์จึงอาสาอยู่รับใช้อาจารย์สารพัดแล้วแต่ท่านจะใช้ อาศัยเป็นเด็กอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเคารพเชื่อฟังอาจารย์ จึงเป็นที่โปรดปรานของอาจารย์มาก มีศิลปวิทยาเท่าไร อาจารย์ก็ถ่ายทอดให้หมดโดยไม่ปิดบังอำพราง ชีวกเรียนวิชาแพทย์อยู่ ๗ ปี จึงไปกราบลาอาจารย์กลับบ้านอาจารย์ได้ทดสอบความรู้โดยให้เข้าป่าไปสำรวจดูว่าต้นไม้ว่าต้นไหนว่าทำยาไม่ได้ให้นำตัวอย่างกลับมาให้อาจารย์ดู ปรากฏว่าเขาเดินกลับมาตัวเปล่า เพราะต้นไม้ทุกต้นใช้ทำยาได้หมด อาจารย์บอกว่าเข้าได้เรียนจบแล้วจึงอนุญาตให้เขากลับ หลังจากกลับมายังเมืองราชคฤห์แล้ว ชีวกได้ถวายการรักษาพระอาการประชวรของพระเจ้าพิมพิสารหายขาดจาก "ภคันทลาพาธ" (โรคริดสีดวงทวาร) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหมอหลวงพร้อมทั้งได้รับพระราชทานสวนมะม่วงให้เป็นสมบัติอีกด้วย ต่อมาชีวกได้ถวายสวนมะม่วงแห่งนี้ให้เป็นวัดทีประทับของพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้งหลาย ได้ถวายการรักษาแด่พระบรมศาสดาเมื่อคราวพระองค์ทรงประชวร และถวายตัวเป็นแพทย์ประจำพระองค์อีกด้วย ครั้งหนึ่งเขาได้ถวายการรักษาพยาบาลพระเจ้าจัณฑปัชโชต แห่งกรุงอุชเชนี แคว้นอวันตี หายจากโรคร้าย ได้รับพระราชทานผ้าแพรเนื้อละเอียด (ผ้าสีเวยยกะ ผ้าทอที่แคว้นสีวี) มาผืนหนึ่ง

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-4-20 08:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


เขานำไปถวายพระพุทธเจ้า เนื่องจากสมัยนั้น พระภิกษุสงฆ์ถือผ้าบังสุกุลอย่างเดียว (คือแสวงหาเศษผ้าที่ชาวบ้านเขาทิ้งแล้ว เช่น ผ้าห่อศพมาเย็บทำจีวร) พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้รับผ้าจีวรที่คฤหัสถ์ทำถวาย หมอชีวกจึงกราบทูลขอพระพุทธเจ้าให้ทรงรับผ้าแพรที่เขาน้อมถวาย และให้ทรงอนุญาตให้พระสงฆ์รับผ้าจีวรที่ชาวบ้านผู้มีศรัทธาจัดถวายด้วย พระพุทธเจ้าทรงรับผ้าจากหมอชีวก และประทานอนุญาตให้พระสงฆ์รับผ้าที่ชาวบ้านนำมาถวายได้ตั้งแต่บัดนั้น
หมอชีวกโกมารภัจจ์เป็นอุบาสกที่ดีคนหนึ่ง นอกจากการถวายการรักษาพยาบาลพระพุทธเจ้า พระภิกษุสงฆ์ และประชาชนแล้ว ยังหาเวลาเข้าเฝ้าทูลถามปัญหาข้อข้องใจในธรรมะจากพระพุทธองค์อยู่เนืองๆ มีพระสูตรหลายสูตรบันทึกคำสนทนาและปัญหาของหมอชีวก เรื่องที่หมอชีวกนำขึ้นกราบทูลเพื่อความรู้ที่ถูกต้อง ล้วนเป็นเรื่องที่สำคัญน่ารู้ เช่น พระพุทธเจ้าเสวยเนื้อสัตว์หรือไม่ อุบาสกที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร เป็นต้น
ตลอดชีวิตหมอชีวกได้บำเพ็ญแต่สิ่งที่ดีงาม ช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยไม่เลือกยากดีมีจน จนได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะ (ผู้เป็นเลิศกว่าคนอื่น) ในทาง "เป็นที่รักของปวงชน" ในวงการแพทย์แผนปัจจุบันนี้ ถือว่าหมอชีวกโกมารภัจจ์เป็น "บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ" เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป....

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
อาเตรยะดาบสต้องการทุกสอบความรู้ด้านสมุนไพรของลูกศิษย์ “ให้ไปหาพีชวัตถุที่ไม่สามารถนำมาทำยาได้”
และขู่ว่าถ้าไม่มีจะไม่สอนวิชาให้อีกต่อไป
________
เวลาใกล้ค่ำ ศิษย์ทั้งหลายกลับมาพร้อมกับวัตถุปรุงยา เหลือแต่หมอชีวกโกมารภัจจ์เดินมาอย่างเศร้าสร้อยพร้อมบอกอาเตรยะดาบสว่า..

“ท่านอาจารย์ศิษย์นั้นด้อยสติปัญญานัก มิอาจหาพืชวัตถุที่ท่านอาจารย์ต้องการนั้น มาให้อาจารย์ได้
ศิษย์ได้พยายามอย่างเต็มกำลังความสามารถของศิษย์แล้วขอให้อาจารย์เมตตาต่อศิษย์ด้วย”

ท่านอาเตรยะยิ้มแล้วกล่าวกับท่านอาจารย์โกมารภัจว่า..

“โกมารภัจอาจารย์ได้ถ่ายทอดความรู้ที่อาจารย์มีให้เจ้าจนหมดสิ้นแล้วอันใดในโลกนี้
ล้วนมีประโยชน์จะหาสิ่งใดที่มิอาจจะนำมาปรุงเป็นโอสถ มิได้นั้นไม่มีเลยล้วน
เป็นทิพย์โอสถทั้งสิ้นไปเถอะโกมารภัจจงนำความรู้ที่มีไปทำประโยชน์
ให้เกิดขึ้นแก่มวลมนุษย์และเหล่าสัตว์ร่วมโลกทั้งหลายเถิด”

อาเตรยะดาบสได้ประกาศไห้ท่านหมอชีวกโกมารภัจสำเร็จวิชาแพทย์ ณ วันนั้นเองการแพทย์
ณ สำนักตักศิลาจะมีอาจารย์ผู้สอนและเป็นแพทย์ให้การรักษาด้วยกันมีแปดท่าน โดยมีอาเตรยะเป็นเจ้าสำนัก
และเป็นหมอใหญ่และยังมีท่านฤๅษีหาริต ท่านอัตนิเวศ ท่านกาศยป อาจารย์เภค อาจารย์จรกะ อาจารย์วาคภัฏ
อาจารย์สุศรุต ซึ่งสุศรุตเป็นคนบันทึกการรักษาคนไข้ต่างๆไว้เหมือนทำหน้าที่เป็น OPD ในปัจจุบันนี้

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้