ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 2893
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ โหราศาสตร์ไทย ศาสตร์ชั้นสูง ที่เริ่มสูญหาย ~

[คัดลอกลิงก์]


โหราศาสตร์คืออะไร



       โหราศาสตร์เป็นวิชาพยากรณ์ ที่เนื่องมาจากอำนาจของดวงดาวนพเคราะห์ต่างๆ ที่โคจรอยู่รอบจักรราศี เป็นวิชาที่มีหลักฐานและเหตุผล เป็นวิทยาการที่นับว่าทันสมัยอยู่ตลอดไป และเป็นวิชาที่คงทนถาวรตลอดกาลคู่ไปกับโลก เพราะเป็นเรื่องราวของวิชาที่เกี่ยวกับดวงดาวและโลกมนุษย์ กล่าวถึงอำนาจของดาวที่มีต่อสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก เป็นวิชาการทางนามและรูปแสดงกาลเวลาความส่องสว่าง ความรุ่งโรจน์ ความร้อน ความดึงดูด และพลังงานที่มีต่อพฤติกรรมของคนเราด้วย

   วิชาโหราศาสตร์ จึงเป็นวิชาที่เกี่ยวกับศาสตร์อันลึกซึ่ง เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งและอาจนับเนื่องอยู่ในไสยศาสตร์ เป็นวิชาที่ลึกลับอยู่คู่กับดาราศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาคำนวณ วิถีโคจรและขนาดน้ำหนัก ระยะ ฯลฯ ของดวงดาวในนภากาศ วิชานี้มีมาแต่โบราณสมัย


อ.สิงห์โต สุริยาอารักษ์
http://www.horawej.com/index.php ... &Id=189124&Ntype=34


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-10 23:06 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


โหราศาสตร์เกิดขึ้น ณ ที่ใด และใครคิดวิชานี้ขึ้นได้






       ศาสตราจารย์คนแรกที่คิดวิชานี้ขึ้นได้นั้นไม่มีใครรู้จัก เพราะนานเกินควรแก่การคาดคะเน แต่เชื่อว่าเกิดขึ้นในทวีปอาเซียแห่งหนึ่งใดก่อนเป็นเวลา ๕๐๐๐ ปีมาแล้ว และแพร่หลายไปตามประเทศน้อยใหญ่ เช่น ไอยคุปต์ กัลเดีย เปอร์เซีย ธิเบธ จีน ญี่ปุ่น พม่า มอญ เขมร ไทย ฯลฯ

       โหราศาสตร์เจริญรุ่งเรืองมากในแถบบิโลเนีย สมัยกัลเดียครอบครอง ที่ปรากฏว่าเป็นผู้แบ่งจักรวาลออกเป็น ๑๒ ราศีนั้น สมัยนั้นก็ยังกล่าวว่าอาจารย์เดิมเป็นเทวดาก่อนท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่างเป็นปลานำคัมภีร์ดาวมาให้ (น่าจะเป็นพวกเสมไมต์หรือกุสไสท์ผู้รู้วิชาดาวมาทางเรือ กล่าวกันว่าขึ้นที่อ่าวเปอร์เซียเป็นครูคนแรกที่สอนวิชาดาวให้กับพวกกัลเดีย)
ชาวกรีกโบราณเป็นผู้นำโหราศาสตร์และดาราศาสตร์ จากทวีปอาเซียไปแพร่หลายในทวีปยุโรปอีกต่อหนึ่ง


โหราศาสตร์เกิดแต่บูรพาจารย์คนเดียว


       มูลกำเนิดของโหราศาสตร์ เกิดแต่บูรพาจารย์คนเดียวกันคือทุกชาติทุกภาษาได้แบ่งจักรวาลขอบฟ้าเป็น ๑๒ ราศี มีเครื่องหมายประจำราศีเหมือนกันหมดทุกราศี เช่น ราศีเมษ สมมุติให้เป็นแพะ ราศีพฤษภ เป็นแพะ กรกฎเป็นปู และมีนเป็นปลา เช่นนี้เป็นต้น พิสูจน์ให้เห็นว่าโหราศาสตร์มาจากแหล่งที่เดียวกัน ชาติใหญ่ๆ ที่มีอารยธรรม และมีอำนาจมาแต่โบราณกาลล้วนแล้วแต่ชำนาญทางโหราศาสตร์มาแล้วทั้งนั้น ศาสตราจารย์พยากรณ์ในสมัยโบราณทำประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมืองและศาสนามากในคราวบ้านเมืองใดเกิดคับขันหรือจะมีศาสนาใดเกิดขึ้น อาจารย์ย่อมรู้ล่วงหน้าก่อนพระศาสนาใดจะกำเนิด เช่น พระพุทธเจ้า พระเยซู โมหมัด ก็ดี ก่อนที่จะประสูติและกำเนิดโหราจารย์ได้คิดเห็นพยากรณ์ล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว


ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-10 23:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โหราศาสตร์เข้าสู่ประเทศไทย

               




             ต่อมาเมื่อพระเจ้าอโศกราชมีแสนยานุภาพปราบปรามอินเดียภาคใต้ พ.ศ. ๒๐๐ ปีเศษนั้น กระทำให้ชาวอินเดียภาคใต้และพราหมณ์พาพระเวทย์หนีมาพึ่งอาณาจักรเขมรแล้ว และต่อมาไทยได้อพยพมาจากประเทศจีนมาตั้งภูมิลำเนาอยู่ในประเทศสยาม ก็ได้รับการศึกษาวิชาโหรพร้อมกับลัทธิทางศาสนาและพิธีพราหมณ์ด้วย อันมีพระโสณะเถระและพระอุตระเถระมาเผยแพร่พรพุทธศาสนานั้นเองครั้งสมัยกรุง สุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา ก็ยกย่องพราหมณาจารย์ขึ้นเป็นมหาราชครู ฉะนั้นจึงมีพราหมณ์ข้าราชครูกระทำพิธีการมงคลต่าง ๆ

             แต่ เมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาถูกไฟไหม้เผาพลาญจนสิ้นต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์พระ โหราจารย์ได้รวบรวมกันขึ้นแต่คงจะอยู่ในราชสำนักเท่านั้น หรือพระผู้ใหญ่ในยุคนั้น ๆ และพระผู้ใหญ่ในยุคนั้นต้องเป็นผู้มีปรีชาเฉลียวฉลาดจริง ๆ ด้วยและพวกกรมโหรต้องไปมาหาสู่เสมอ การทำพิธีต่าง ๆตามลัทธิพราหมณ์ และกรมโหรได้เลิกเสียเมื่อเร็ว ๆ นี้
           
ส่วนวิชาโหราศาสตร์ก็ยิ่งมีผู้สนใจอยู่ ยังหาได้เลิกเสียเหมือนพิธีต่าง ๆ เหล่านั้นไม่  ในประเทศไทยยังมีผู้สนใจในวิชานี้อยู่มากและอาจจะมีทวียิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน อีกหลายสิบเท่าทวีคูณ แต่ยังมีผู้ที่ยังเห็นการดูทางชาตาเป็นการเชื่ออย่างงมงายพ้นสมัย แต่ไม่ช้าหรอกคนที่คิดเช่นนั้นก็ต้องหันมาหาอาจารย์ดูดวงชาตาราศีของตนเองจน ได้

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-10 23:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
โหราศาสตร์ตกมาถึงมือประชาชนเมื่อใด

       โหราศาสตร์เป็นวิชาละเอียดสับสน จะต้องใช้การสังเกตพิจารณากันจริงๆ มิใช่เห็นตำราแล้วก็เข้าใจทันที เพราะภาษาของตำราโหราศาสตร์นั้นยากมาก และกฎเกณฑ์ก็มีมาก สับสน ไม่มีโรงเรียนเรียนกัน คำสอนก็เป็นคำเฉพาะบ้าง คำอรรถบ้าง คำโคลงบ้างๆ ซึ่งหากข้อความอ่านง่ายๆ อ่านแล้วเข้าใจเลยทีเดียวไม่มี

       วิชาโหราศาสตร์ เดิมมีอยู่แต่เฉพาะพราหมณ์ ซึ่งเป็นโหรประจำพระองค์พระเจ้าแผ่นดิน หรือผู้ครองนครเท่านั้น หาใช่มีอยู่สำหรับบุคคลทั่วไปดังปรากฏอยู่ ณ บัดนี้ไม่ และพยากรณ์ของโหรสมัยโบราณก็พยากรณ์แก่ผู้ที่ทราบเวลาเกิดแน่นอนเท่านั้น

       วิชาโหราศาสตร์พึ่งตกมาถึงมือประชาชนทั่วๆ ไป เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปิดหอพระสมุดแห่งชาติขึ้น และผู้ที่มีคัมภีร์หรือตำราต่างๆ ก็นำมามอบให้แก่หอพระสมุด หอพระสมุดก็เปิดโอกาสให้แก่ประชาชนเข้ายืมอ่านและคัดลอกตำรับตำราต่างๆ ได้ ด้วยเหตุนี้ วิชาโหราศาสตร์จึงออกไปสู่ประชาชนทั่วๆ ไป แต่ก็ลุ่มๆ ดอนๆ เนื่องจากวิชาโหราศาสตร์เป็นวิชาละเอียดอ่อน สับสนมีคำยากมาก มีผู้เรียบเรียงรวบรวมตำราขึ้นมาก็มากเล่ม และราคาแพง

       สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีผู้ครองตำแหน่งโหราธิบดี ๖ ท่านมีรายงานดังนี้
       ๑.  พระยาโหราธิบดี      (ชื่อ อิ่ม)
       ๒.  พระยาโหราธิบดี      (ชื่อ คำ)
       ๓.  พระยาโหราธิบดี      (ชื่อ บัว)
       ๔. พระยาโหราธิบดี      (ชื่อ เถื่อน)
       ๕. พระยาโหราธิบดี      (ชื่อ ชุ่ม)
       ๖.  พระยาโหราธิบดี      (ชื่อ แหยม)



       ผู้ครองตำแหน่งโหราธิบดีทั้ง ๖ ท่าน หามีผู้สืบตระกูลติดต่อกันไม่ ตัวอย่างหาผู้สืบตระกูลติดต่อกันไม่ได้ คือในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ศรีปราชญ์เป็นบุตรพระยาโหราธิบดี ตามประวัติศรีปราชญ์นี้มีปฏิภาณดีเลิศกว่าคนในสมัยนั้น แต่ศรีปราชญ์ก็ไม่ได้ครอบตำแหน่งโหราธิบดี ด้วยอำนาจโชคชาตาของมนุษย์ย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ดูแต่ศรีปราชญ์เถิด แม้ทั้งที่ได้รับพระราชทานพรของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแล้วก็ยังคุ้มไม่ได้ ดังที่พระยาโหราธิบดีพยากรณ์ไว้แต่เยาว์ว่าจะถูกประหารด้วยคมหอกคมดาบ

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-2-10 23:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้


เหตุผลของโหราศาสตร์และศาสนา



       ข้าพเจ้าเคยได้ยินท่านผู้ใหญ่พูดว่า “สำหรับพุทธศาสนิกแท้ดูไม่น่ามีความจำเป็นอะไรที่จะข้องแวะกับโหราศาสตร์” เพราะพุทธศาสนาสอนไว้สมเหตุผลดีที่สุดแล้วว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” และก็เคยได้ยินพระโหราจารย์แสดงอธิบายว่าโหราศาสตร์เป็นอุปกรณ์ช่วยให้บุคคลทำดี และได้รับผลดีตามคำสอนนั้น

       ขอยกว่า ทุกคนย่อมอยากได้ดีด้วยกันทั้งนั้น และพยายามประกอบเหตุอันดี ครั้นแล้วก็หาประสบผลที่สมใจคาดทุกคนไม่ เพราะผลดีนั้นๆ มีตั้งร้อยอย่างพันอย่าง และเหตุประกอบอันจะนำไปหาผลดีนั้นเล่าก็มีตั้งพันประการ เมื่อไม่ทันทราบรายละเอียดก่อนว่า ประการไหนจะตรงไปให้ผลดีอย่างไรแก่ตนแน่ก็ต้องเดาสุ่มไปตามเพลง ถ้าผลดีอยู่ทางหนึ่งเหตุที่ประกอบนั้นเลี่ยงไปเสียทางหนึ่ง ถึงจะเป็นผลที่ดีก็ย่อมคลาดแคล้วไปจากผลที่หวังไว้ แม้เผอิญได้ผลดีมาใหม่ก็ไม่ใช่ที่ประสงค์เสมือนเดินทางผิด หากจะถึงที่อื่นก็มิใช่ที่มุ่งหมาย โหราศาสตร์เป็นเครื่องส่องทางเดินตรงไปยังสายที่ต้องการผลโดยไม่ให้เสียเวลาเหลวเปล่า

       โดยมากมักเข้าใจว่า ผลดี ผลร้าย แห่งการกระทำของบุคคลคือ กรรม หรือจะเรียกว่า กุศล และอกุศล ประกอบด้วยก็ไม่ผิด และก็ไม่สนใจคำว่าโชคนั้นมาก ถ้ามีกุศลก็ว่ามีโชค ถ้ามีอกุศลก็ว่ามีโชคร้าย

       ในเรื่อง กรรม นี้มีความเห็นแตกต่างกัน ความดีเด่นชัดนั้น คนจำนวนมากยอมรับว่า กรรม คือการกระทำที่มีผลถึงขนาด ไม่ใช่แต่เฉพาะทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว กรรม คือการกระทำที่ให้เกิดเป็นผลขึ้น เช่นปลูกต้นไม้ไว้ก็อาจได้ผลของต้นไม้ หรือเราไปฆ่าเขาตายเขาก็ตามจับเราไปฆ่าเช่นเดียวกัน

       คนส่วนมากมักไม่เข้าใจว่า กรรม คือการกระทำแต่ชาติก่อนที่เชื่อกันว่ามนุษย์จะต้องเวียนเกิดเวียนตาย เป็นสิ่งที่เคยบันดาลความเป็นไปของคนเราให้ผิดไปกว่าที่เราคาดคะเนไว้มากบ้างน้อยบ้าง ส่วนอิทธิพลของกรรม บางคนถือว่าจะหลีกเลี่ยงเสียมิได้เพราะพี่น้องท้องเดียวกันยังมีนิสัยและเหตุผลต่างกัน

       ทางโหราศาสตร์เห็นว่า กรรมคือสิ่งที่เราทำไว้แต่ปางก่อนแต่ลืมเสีย ไม่นึกถึงจนกระทั่งพบผลของกรรมนั้น เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดรู้เสียก่อนว่ากรรมคือสิ่งที่ตนทำไว้แล้วในอดีต จักให้ผลดีและผลร้ายในเวลานั้นก็อาจแก้พิษร้ายให้น้อยลง และเพิ่มกำลังแห่งกรรมดีให้บังเกิดผลดียิ่งๆ ขึ้นจนเรียกว่าเป็นโชค

       ฉะนั้น จึงเห็นว่าทุกคนควรเรียนรู้วิชาโหรไว้เพื่อทราบหนทางแห่งกรรมดี คือเหตุดีและเหตุชั่ว คือกรรมชั่ว นั้นไว้ด้วย



ความสัมพันธ์ระหว่างโหราศาสตร์กับพุทธศาสนา


       โหราศาสตร์กับพุทธศาสนามีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันอยู่ เพราะว่าพระพุทธเจ้าขณะที่ยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นโอรสของกษัตริย์ พระราชบิดาหวังจะให้ปกครองแผ่นดินต่อไป จึงได้โปรดให้พระราชโอรสศึกษาวิชาการต่างๆ ที่มีอยู่ในขณะนั้น ตามประวัติบ่งว่า “ศิลปะศาสตร์” ศึกษาจบถึง ๑๘ สาขา ถ้าเทียบกับสมัยปัจจุบัน หมายถึงพระพุทธเจ้าได้สำเร็จปริญญาโลกหลายสาขา ยิ่งกว่าด็อกเตอร์หรือดุษฎีมหาบัณฑิตคนใดๆ ในยุคนี้ และหากจะพิมพ์นามบัตรมีดีกรีพ่วงท้ายไปด้วย ต้องใช้การ์ดแผ่นใหญ่มาก

       “ศิลปะศาสตร์” ทั้ง ๑๘ สาขานั้นมีหลักฐานยืนยันแน่นอนว่า พระองค์ทรงศึกษาเจนจบทั้ง ๑๘ สาขา และมีวิชาโหราศาสตร์รวมอยู่ด้วยสาขาหนึ่ง ด้วยเหตุนี้เมื่อพระองค์ออกบวชและสำเร็จ “สพฺพญฺญุตญาณ” ทางศาสนาเพิ่มอีกสาขาหนึ่ง พระองค์จึงทรงบัญญัติหลักวิชาการต่างๆ ลงใน “พุทธศาสนา”

       ฉะนั้น หลักพุทธศาสนาในปัจจุบันนี้ บางข้อบางประการจึงคล้ายคลึงกับหลักทางโหราศาสตร์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระองค์ได้ยึดเอาหลักวิชาการทางโหราศาสตร์มาเป็นแนวพื้นฐาน ในการบัญญัติวิชาการทางพุทธศาสนาของพระองค์ด้วย ตัวอย่างข้อนี้คือหลัก “กาลญฺญุตา” คือจะทำอะไรให้รู้จักกาลเวลาที่เหมาะกัน ตรงกับหลักการคือ “ฤกษ์” ในทางโหราศาสตร์นั่นเอง เพราะว่าการดูฤกษ์นั้น คือการดูเวลาอันเป็นศุภมงคลที่เหมาะสมในการประกอบกิจการงานต่างๆ เพื่อความสุข ความวัฒนาถาวร ความสำเร็จผล และเพื่อประสิทธิ์ฯ ความเจริญให้ได้ต้องตามความต้องการนั่นเอง นี่แหละคือความสัมพันธ์ระหว่างโหราศาสตร์กับพุทธศาสนา

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้