ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3873
ตอบกลับ: 16
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ ศีล ๕ คืออุบายสร้างความรัก ~

[คัดลอกลิงก์]
ศีล  ๕  คืออุบายสร้างความรัก
โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย



แสดงธรรมที่มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต กรุงเทพฯ
เมื่อ พ.ศ ๒๕๓๒


          ขอโอกาสต่อครูบาอาจารย์  ขอแสดงเมตตาจิตต่อบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย  และขอกล่าวว่า  ขอแสดงความยินดีที่เราท่านทั้งหลายมีชีวิตรอดจากอันตรายมาจนกระทั่งจวบถึงวันขึ้นปีใหม่




          ปีเก่าที่ผ่านไป  เราได้สร้างคุณงามความดีโดยอาศัย  กาย  วาจา  และใจ  เป็นพื้นฐานแห่งการสร้างคุณงามความดี เพราะอาศัยคุณงามความดีนั้น ๆ เราจึงมีอายุผ่านพ้นอันตรายมาได้ด้วยดีเพราะอาศัยการที่เรามีคุณงามความดีคือบุญกุศล  ส่งให้เรามีชีวิตยืนยาวมาถึงขนาดนี้  ทุกท่านไม่ควรประมาทในการที่จะบำเพ็ญทาน  ศีล  ภาวนา  ทาน  ศีล  ภาวนา  เป็นแผนการสร้างคุณงามความดี


          โดยปกติแล้ว กายกับใจของเราเป็นสภาวธรรมอย่างหนึ่ง  ซึ่งจัดเข้าในหมวดหลักธรรม  ซึ่งเรียกว่า  “สังขาร”  สังขารตัวนี้เรียกว่า  อุปาทินกสังขาร  คือสังขารที่มีใจครอง ตราบใดที่กายของเรายังมีใจครองอยู่  กายของเราก็เป็นอุปาทินกสังขาร  ถ้าใจตัวนี้อุตริทิ้งกายหนีไปเสีย  ร่างกายก็จะกลายเป็นเพียงวัตถุธรรมอย่างหนึ่งทอดทิ้งทับถมแผ่นดินมีแต่จะเน่าเปื่อยผุพังลงไปตามสภาพความเป็นจริงของดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  ที่เราอาศัยอยู่  ณ  ปัจจุบันนี้ก็คือ  ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  ที่มาเป็นกายของเรานี้เอง  ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  ภายนอกเป็นเครื่องอุปกรณ์บำรุงเลี้ยงดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  ภายในให้ทรงชีพอยู่  อาหารที่เราบริโภคสักครู่นี้เป็นธาตุดิน  น้ำที่ดื่มเข้าไปเป็นธาตุน้ำ  ความอบอุ่นที่ได้จากดวงอาทิตย์เป็นธาตุไฟ  ลมหายใจเข้า – ออกเป็นธาตุลม  ทั้งภายนอกและภายในอาศัยซึ่งกันและกัน




           สังขารที่เราได้มา  คือกายกับใจ  เราได้มาด้วยบุญเพราะเราเชื่อมั่นในคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า  บุญเป็นสิ่งที่เกื้อหนุนให้เรามีชีวิตอยู่  คนจะมีอายุสั้น  อายุยาว  มีโรคภัยไข้เจ็บ  มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์  เพราะอาศัยบุญเป็นเครื่องเกื้อหนุน  คนทำปาณาติบาตมีอายุสั้น  คนดื่มสุราเมรัยมีสติปัญญาเสื่อมทราม  ดังนั้น  หลักการที่เราจะปฏิบัติเพื่อให้เกิดผลชนิดหนึ่งขึ้นมา ซึ่งเรียกว่าบุญ  ได้แก่  การให้ทาน  การรักษาศีล  การเจริญภาวนา  ทาน  ศีล  ภาวนานี้ถ้าท่านผู้ใดสามารถที่จะบำเพ็ญให้เกิดผล  จนสะสมเอาไว้ในจิตในใจมากมายพอสมควร  บุญกุศลนั้นจะมีพลังงานกลายเป็นตัวสังขารชนิดหนึ่ง   สังขารตัวนี้เรียกว่า  “ปุญญาภิสังขาร”  สังขารร่างกายของเราเกิด  แก่  เจ็บ  ตาย  ในเมื่อเกิดมาแล้วย่อมเป็นไปตามกฎของบุญของกรรม  เราตกแต่งไม่ได้เพราะบุญกรรมเก่าเราแต่งมาอย่างนั้น  เรามีอายุสั้นเพราะอาศัยบุญที่เราตกแต่งมาน้อย  เรามีอายุยาวเพราะอาศัยบุญที่เราตกแต่งมามาก  เมื่อเป็นเช่นนั้น เกิดมาชาตินี้ภพนี้  ชีวิตเราผ่านพ้นอันตรายมาได้แล้วปีหนึ่ง  เราก็ควรจะได้สร้างบุญ  สร้างกุศลมาก ๆ
ขอบคุณน่ะขอรับ
เยี่ยมๆๆ
เข้าใจง่ายดีจังค่ะ ขอบคุณพี่กิตมากนะคะ

12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 15:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ในท้ายที่สุดแห่งการบรรยายธรรมนี้  ขอแสดงความยินดีอีกครั้งหนึ่งที่เราท่านทั้งหลายมีชีวิตรอดพ้นมาจนกระทั่งสิ้นปีเก่า  ถ้าหากว่า……สมมุติว่ามีความชั่วร้ายใด ๆ อยู่ในจิตในใจ  ก็ขอให้สาบสูญไปกับปีเก่า  ให้ดำรงอยู่แต่คุณงามความดี  ปีใหม่มาถึงแล้วก็ขอให้สร้างความดีนั้น ๆ ให้มากขึ้น ๆ ด้วยอำนาจแห่งคุณงามความดีคือบุญกุศล  ที่เกิดจากทาน  ศีล  ภาวนา  จะเป็นปุญญาภิสังขารปรุงแต่งวิถีชีวิตของท่านทั้งหลายให้ดำเนินไปด้วยดี  ประสบความสุข  ความเจริญด้วยอายุ   วรรณะ  สุขะ  พละ  ปฏิภาณธนสารสมบัติ  แม้ว่าปรารถนาสิ่งใด  ก็ขอให้สำเร็จตามใจปรารถนาในที่ทุกสถาน  ตลอดกาลทุกเมื่อ  ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยอำนาจแห่งบุญกุศลที่เราได้ทำแล้ว…….



“ธรรมะที่มีแต่แก่นไม่มีเปลือกหุ้มก็อยู่ไม่ได้…….การปฏิบัติศีล  ๕……..ศีล ๘…ศีล ๑๐…… ศีล  ๒๒๗  อันนี้คือวิธีการ  เป็นเปลือกหุ้มแก่นธรรม  เพราะฉะนั้น  ผู้ที่มุ่งหวังจะปฏิบัติธรรมให้ถึงแก่น  ต้องรักษาเปลือกให้ดี  อย่าไปกระเทาะเปลือกมันเสีย”




ที่มา http://www.thaniyo.com/index.php ... =123&Itemid=146
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 15:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อมาอยู่ที่โคราชมีทายกคนหนึ่งมาสอนพระคุณเจ้าเรื่องการก่อสร้างว่า  “พระคุณเจ้าไม่ต้องกระตือรือร้น ขอให้สวดมนต์ภาวนาเดินจงกรม  นั่งสมาธิอยู่เท่านั้น  การก่อสร้างญาติโยมย่อมดูอยู่“ ก็ลอง ๆ ปฏิบัติตามดู ไปอยู่วัดป่าสาลวัน  นั่งเคี้ยวหมากคุยกับโยมทั้งวัน  ผู้บังคับบัญชาบอกว่า  “เจ้าคุณชินฯ  มันไม่มีงานอะไรหรอก  ได้แต่นั่งกินหมากกับโยมทั้งวัน” มานั่งคิดดูว่าเราอยู่ดี ๆ มีคนมาให้เทศน์สอนวันละ  ๑๐๐ - ๒๐๐  คนนี่  ดีกว่าที่จะไปยกมือขอเทศน์ให้เขาฟัง  ภายหลังเพราะอาศัยการประพฤติดีปฏิบัติชอบ  ไม่ต้องไปขวนขวายที่จะทำอะไรทั้งนั้น  วัดหลวงพ่อไม่มีกำแพงหนูจะสร้างให้เอาไหม……ก็เอาซี  หลวงพ่ออยู่กุฏิกำลังจะพังอยู่แล้ว…..หนูจะสร้างให้เอาไหม  ก็เอาซี  เดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีที่จะสร้าง  บอกตรงๆ หลวงพ่อไม่เคยประกาศหรือจัดงานหาเงินสร้างวัด มีแต่นั่งภาวนาอย่างเดียว เวลานี้ไปสร้างอยู่ที่ภูแก้วห่างจากวัดป่าสาลวัน   ๕๐  กม.อยู่บนหลังเขา  กำลังสร้างศาลา  กว้าง  ๒๐  เมตร  ยาว  ๔๒  เมตร  เดี๋ยวนี้เขากำลังมุงหลังคาเสร็จปูหินอ่อน  บอกกับคนที่ทำว่า เอาเพียงพื้นปูนซิเมนต์ขัดเกลี้ยงก็พอเขาบอกว่าไม่สมศักดิ์ศรีหลวงพ่อ  ต้องเอาหินอ่อนมาปูเขาว่าอย่างนี้  ก็ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นเอง  ในเมื่อบุญเราทำดีถึงแล้ว




          หลวงพ่อถือคติว่า  เราไปอยู่ที่ไหน  ถ้าสมัครใจจะอยู่ที่นี้  โคนต้นไม้ต้นนี้  จะปักกลดตรงนี้ไม่มีใครมาสร้างอะไรให้  ฉันก็จะอยู่ที่นี่  ฉันสมัครใจ  ฉันจะตายอยู่บนก้อนหินก้อนนี้  แต่แล้วอยู่ไม่เคยเกิน  ๓  เดือน  ประเดี๋ยวคนก็มาสร้างให้  นี่บารมีของพระพุทธเจ้า  ของคุณธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้  ใครตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบย่อมเห็นผลทั้งอามิสและคุณธรรม  เพราะฉะนั้น  ญาติโยมทั้งหลายอย่าใจร้อน  ตั้งใจประพฤติปฏิบัติไป  ให้ทาน  รักษาศีล  เจริญเมตตาภาวนา  โลภ  โกรธ  หลงมีอยู่ในใจเอาไว้เป็นแรงกระตุ้นเตือนใจให้เราเกิดความทะเยอทะยาน ในความอยากได้  อยากดี  อยากมี  อยากเป็น  เดินจงกรมอยู่ตลอดคืนตลอดวันยังค่ำ  เพราะอาศัยความโลภกระตุ้นเตือน  อยากได้มรรค  ผล  นิพพาน   แต่เมื่อเรามีความโลภ  ความโกรธ  ความหลงในใจ  การใช้กิเลสให้เกิดประโยชน์ขอให้มีขอบเขต  ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสวงหาลาภ  ยศ  สรรเสริญ  สุข  แต่ต้องมีขอบเขต  ในเมื่อเราได้สิ่งเหล่านี้มาสมปรารถนาแล้ว   เรามีลาภ  มีความมั่งมี เอาความมั่งมีสร้างความดีให้ชาวบ้านเขารัก  เรามียศฐาบรรดาศักดิ์  เอายศฐาบรรดาศักดิ์สร้างความดีให้ชาวบ้านเขารัก  เรามีสรรเสริญ  สุข  เอาสรรเสริญสร้างความดีให้ชาวบ้านเขารัก  อย่าเอาสิ่งเหล่านี้ไปสร้างศัตรูให้ชาวบ้านเขาเกลียดขี้หน้า  เศรษฐี   บางท่านไปไหนมาไหนต้องมีมือปืนแห่คอยป้องกันอันตรายจะเดินไปไหน  กินกาแฟในร้านตลาด  ซดก๋วยเตี๋ยวสักชามในร้านตลาดก็ไม่ได้  หวาดระแวงกลัวเขาจะมาฆ่าตัวตาย  เพราะอะไร……..เพราะเอาความมั่งมีศรีสุข  เกียรติยศเกียรติศักดิ์ไปสร้างอำนาจ  ไปสร้างความชั่วช้าลามก   ให้ชาวบ้านเขาเกิดความเกลียดขี้หน้า  ไปสร้างศัตรูอยู่รอบข้าง  ถ้าเรานับถือศาสนาพุทธ  เราควรจะเอาคุณธรรมสร้างความดีให้ชาวบ้านเขารัก
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 15:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อก่อนนี้หลวงพ่อเป็นสามเณรน้อย จะไปไหนก็ไม่มีใครยกมือไหว้ บางทีเขานิมนต์พระ  พระไม่พอตามจำนวนเขาจะส่งสามเณรไปด้วย  หลวงพ่อเป็นเณรใหญ่  พอไปแล้วเจ้าภาพก็ว่า  “ไม่ได้นิมนต์เณร  เอาเณรมาทำไม”  นี่มันเป็นอย่างนี้




           หลวงพ่อพุธเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเสาร์  หลวงพ่อเสาร์สอนให้ภาวนาพุทโธอย่างเดียว  ภาวนาพุทโธ ๆ ๆ  เรื่อยไปจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ชาวกรุงเทพนิยมให้มาเทศน์ไม่หยุดเพราะภาวนาพุทโธอย่างเดียว  ดังนั้น  ใครจะว่าภาวนาพุทโธไม่ดีช่างใคร  หลวงพ่อว่าภาวนาพุทโธดีที่สุดทำให้หลวงพ่อมีชื่อเสียง  มีคนสนใจฟังเทศน์ พระในกรุงเทพมีเต็มไปหมด ตื่นเช้ามาพระออกบิณฑบาตกันเหลืองอร่ามทั่วบ้านทั่วเมือง  เรื่องอะไรไปเที่ยวเบียดเบียนพระบ้านนอก  ไปนิมนต์พระบ้านนอกมาเสียเวลานั่งสมาธิภาวนาทำไม  ก็เพราะอานิสงส์ของการภาวนาพุทโธนั่นเอง



           อานิสงส์ของการภาวนาพุทโธ  นอกจากญาติโยมจะนิมนต์มาเทศน์ไม่หยุดแล้ว  สิ่งอื่น ๆ  ก็คือ ก่อนนี้หลวงพ่อเป็นลูกชาวนา  เคยอยู่แต่กระท่อม  เวลานี้กุฏิตึกเขาก็ไปสร้างให้อยู่  ยังแถมติดเครื่องปรับอากาศให้ด้วย  สิ่งที่ไม่น่าถวายพระ เช่น วิทยุ  โทรทัศน์  วีดีโอ  เขาก็นำไปถวาย  ตู้เย็นในกุฏิมีตั้ง  ๓ -๔ หลัง  เอามาทำไม เอามาถวายพระแล้วให้ชาวบ้านเขาด่าพระ เดี๋ยวเขาจะเป็นบาป  เขาบอกว่า เรื่องของคนจะถวาย  เขาว่าอย่างนั้นเมื่อพระมีความสมบูรณ์ คนก็ตำหนิ  พระอะไร……..รถยนต์ก็มีตั้ง ๒-๓ คัน  ไม่รู้หรือว่าพระมีบุญ  นี่แหละ  เวลาบุญมันเกิดมันก็เป็นอย่างนี้ญาติโยมทั้งหลาย เพราะฉะนั้นวิธีการขจัดความอิจฉาริษยานี่ ถ้าเห็นใครนั่งรถงาม ๆ สาธุ……..ท่านมีบุญจึงมียานยนต์นั่ง เห็นใครอยู่คฤหาสน์ราคาสิบล้าน  สาธุ………ท่านมีบุญมีวิมานอยู่อย่างกับเทวดา  ใครเขาร่ำรวยเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี สาธุ… ท่านมีบุญจึงเป็นมหาเศรษฐี  เอ้า……ถ้าหากเขาไปโกงรวยล่ะ  เรายังจะไปสาธุเอาบุญกับเขาอีกหรือ  ก็สาธุเอาซี……..เขามีบุญ  เขาจึงโกงรวย  อย่างเรา ๆ บุญไม่มี  โกงทีเดียวติดตะรางจ้อย   นี่เรื่องของเรื่องมันเป็นอย่างนี้  ในเมื่อบุญมันเกิดแล้วเอาอะไรมากั้นมันก็ไม่อยู่



          อาตมาเคยไปอยู่ที่วัด ๆ หนึ่ง  พอไปอยู่แล้วทายกเขามาเทศน์สอน  “มาเป็นสมภารเจ้าวัดต้องขยันเยี่ยมญาติโยมนะ”  อาตมาก็บอกว่าไม่จำเป็นตราบใดที่เราไม่มีบุญบารมีเพียงพอ เราจะตะโกนเรียกจนคอแตกเขาก็ไม่สนใจกับเรา  ถ้าเรามีบุญบารมีพร้อม  ต่อให้จ้างแขกยามมาเฝ้าประตูถือตะพดคอยตีกบาลมันอยู่มันก็ไม่อยู่หรอก  นี่มันเป็นอย่างนี้แหละ
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-7-29 15:23 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พอท่านเล่าจบลง  ท่านก็บอกว่า  จะเชื่อก็ตามไม่เชื่อก็ตาม  แต่เรื่องมันก็เป็นไปแล้ว  พูดไปก็คล้ายโกหก  มีที่ไหนเสือจะไม่กัดคน  ท่านว่าอย่างนั้น แต่ท่านบอกว่าการที่เรามีศีลบริสุทธิ์สะอาดดีแล้ว  แม้อดีตเราจะมีความชั่วช้าลามกสักปานใดก็ตาม แต่เมื่อเราตั้งเจตนางดเว้นบาปความชั่ว  โดยอาศัยศีลเป็นหลักปฏิบัติให้บริสุทธิ์  บริบูรณ์แล้ว  เป็นผู้สละแล้วซึ่งชีวิตและร่างกาย  สิ่งที่เราสละนั้นเราไม่หวงแหน  อย่าว่าแต่มนุษย์จะไม่เอา  แม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันก็ไม่ต้องการ  เหมือนกับว่าเราสละชีวิตแล้วเสือมันก็ไม่อยากกิน  ไม่อร่อย  ท่านว่าอย่างนี้  อันนี้เป็นตัวอย่างของผู้มีศีลบริสุทธิ์สะอาดดี




          ดังพระธุดงคกรรมฐาน  ครูอาจารย์  อาจารย์เสาร์  อาจารย์มั่น  ท่านเดินทางไปในป่าในดงรก ๆ  เต็มไปด้วยสัตว์สิ่งที่ดุร้าย  อาตมาเคยเดินย่อง ๆ ไปดูแถวถ้ำเชียงดาวระหว่างทางจากเชียงดาวมาอำเภอพร้าว  เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นป่าดงดิบอยู่ เขาบอกว่าเป็นเส้นทางที่พระอาจารย์มั่นเดินธุดงค์ ถามชาวบ้านว่าทางเสือยังมีอยู่หรือเปล่า  “โอ๊ย….ยังมีอยู่”   เขาพูดอย่างภาษาชาวบ้านว่า  เดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่เหมือนอย่างกับหมู –ไก่  ในบ้านแหละ นี่ลองคิดดู  สมัยโน้นทางรถยนต์ยังไม่มี  การคมนาคมก็ไม่สะดวก เดินไปด้วยเท้ากันทั้งนั้น  ท่านอาจารย์มั่นเดินธุดงค์จากเมืองอุบลฯ  ถึงเมืองเชียงใหม่  ย่ำต๊อก ๆ ๆ ไปด้วยฝีเท้า  ทางจากเมืองอุบลฯ  ไปเมืองเชียงใหม่มันผ่านดงป่าเขาทั้งนั้น เต็มไปด้วยสัตว์ร้าย  แต่ก็อาศัยที่ท่านมีศีลบริสุทธิ์  สะอาด  มีคุณธรรม  มีเมตตา  สัตว์ร้ายก็ไม่ทำร้ายท่าน




           เพราะฉะนั้น  เราจึงควรมาปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อละความชั่ว  แผนแห่งการละความชั่วที่เรามองเห็นได้ชัด ๆ ก็คือ  ศีล ๕ ประการเท่านั้น  ถ้าใครอยากละความชั่ว  ให้ตั้งใจเจตนาแน่วแน่  ใช้ขันติ  ความอดทน  แล้วก็พยายามแผ่เมตตามาก ๆ ถ้าศีลบริสุทธิ์  จิตก็จะกลายเป็นจิตเมตตาไปเอง  อีกประการหนึ่งอุบายวิธีสำหรับขจัดความอิจฉาริษยา  พระพุทธเจ้าท่านว่าความอิจฉาริษยา  เป็นสิ่งที่ทำลายโลกให้พินาศ คือโลกแผ่นดินนี้หรือมันจะพินาศเปล่า  โลกหัวใจของเรามันจะพังเพราะความอิจฉาริษยา  ทำให้ใจเกิดกิเลส  ดังนั้น วิธีการแก้ในปัจจุบันเราจะปฏิบัติอย่างไร




           เอาละ จะขอเล่าเรื่องส่วนตัวให้ท่านทั้งหลายฟังก่อน
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้