ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 69905
ตอบกลับ: 23
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

หลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม ราชบุรี

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2016-6-16 05:35

หลวงปู่หนู ฉินนกาโม   วัดทุ่งแหลม ราชบุรี





หลวงปู่หนู ฉินนกาโม แห่งวัดทุ่งแหลม
อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

เจ้าตำรับหนุมานเชิญธงอันลือลั่น




ชื่อเดิมว่า หนู เจริญวิทยา เกิดเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่หมู่ ๕ ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โยมบิดาชื่อ ?นายฮง? มารดาชื่อ ?นางบาง? จบชั้น ป.๔ โรงเรียนวัดหนองโพ แล้วช่วยบิดา-มารดาทำงานทางบ้าน จากนั้นได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ นักธรรมโท แล้วหันมาสนใจวิชาทางไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถา พุทธาคม จึงไปเรียนวิชาการต่าง ๆ กับ หลวงพ่อหลาบ วัดเนินตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนเชี่ยวชาญจึงไปเรียนกับ หลวงพ่อหลุง วัดทุ่งสมอ อีก ๓ ปี กระทั่งอายุครบบวชในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงทำการอุปสมบทที่ วัดใหม่เจริญผลโดยมี หลวงพ่อปลิว เป็นพระอุปัช ฌาย์แล้วไปจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ หนึ่งพรรษาจึงไปเรียนวิชา พุทธาคมและวิปัสสนากับ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จ.สุพรรณ บุรี จากนั้นก็ไปเรียนวิชากับ หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง จ.นคร ปฐม ซึ่งระหว่างเรียนวิชากับ

หลวงพ่อแช่ม ได้พบกับศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงพ่อแช่มที่มาเรียนด้วยคือ หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นคร ปฐม จากนั้นจึงไปจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์เขาคร้อ จนคณะสงฆ์เห็นในศีลาจารวัตรของท่านเหมาะสม จึงนิมนต์ไปเป็นเจ้าอาวาส วัดกระต่ายเต้น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี อยู่ได้ไม่นานมีความเบื่อหน่ายกับการบริหารจัดการวัดร่วมกับกรรมการจึง ลาสิกขาออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ระหว่างเป็นฆราวาสก็ปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นเมื่อถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๒ จึงได้ตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง ณ วัดกุฎบางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยมี พระครูเกษมสุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาเปรย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ฉินนกาโม? ละไปจำพรรษาปฏิบัติธรรม ณ วัดไทยธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ๕ พรรษาจึงกลับมา วัดกุฎบางเค็ม ชาวบ้านทุ่งแหลมเลื่อมใสในศีลาจารวัตร จึงนิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่ วัดทุ่งแหลม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยได้ทำการพัฒนาวัดทุ่งแหลมจนเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับมา ระหว่างอยู่วัดทุ่งแหลมนี้เองมีประชาชนเลื่อมใสศรัทธามาก จึงได้สร้างมงคลวัตถุออกแจกจ่ายมากมายหลายรุ่นและมีประสบการณ์มากมาย

จวบจนถึง วันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙ จึงมรณภาพอย่างสงบ คงทิ้งไว้แต่อนุสรณ์แห่งความดีงามและมงคลวัตถุตลอดจนสังขารที่ไม่ เน่าเปื่อย ทางวัดได้ใส่หีบแก้วไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ผู้เลื่อม ใสศรัทธาต่อไป
(ขอขอบคุณข้อมูลจากนิตยสารลานโพธิ์).
-----------------------------------------------


เหรียญรุ่นแรกของท่านครับ มีประสบการณ์เป็นที่นิยมกันมากครับ เช่าหากันในราคาสูงพอสมควร

เล่าประสบการณ์
ระเบิด? นับเป็นอาวุธร้ายแรงในการ ทำลายล้าง? ที่กฎหมายในประเทศไทยระบุให้ใช้ได้เฉพาะ ?หน่วยงานราชการ? ที่มีภารกิจทำการปราบปรามผู้ก่อการร้ายหรือในยาม ?เกิดสงคราม? เท่านั้น เพราะฤทธิ์เดชของมันสามารถสร้าง ความ เสียหาย ให้กับทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งข้าวของในวงกว้าง หรือสรรพชีวิตของผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงให้ราบเรียบได้ ด้วยฝีมือแห่งประดิษฐกรรมทางวิทยาศาสตร์ แต่ในทางตรงกันข้ามฤทธิ์เดชของระเบิดที่แม้จะร้ายแรงปานใด ก็ไม่สามารถทำอันตรายใด ๆ ต่อผู้ที่มี ?พุทธบารมี? ได้อย่าง ?เหลือเชื่อ? ก็มีให้เห็นอยู่เสมอจึงนับเป็นเรื่อง ?เหนือลิขิต? ประกาศิตฟ้าดิน?? ดังปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังรายละเอียดที่จะนำเสนอต่อไปนี้


เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ มีครอบครัวของ ?อาสาสมัคร? รายหนึ่งคือ นายกู้เกียรติ บัวบาน ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน ๔ ชีวิตประกอบด้วย นายกู้เกียรติ ผู้เป็นสามีพร้อมทั้ง ภรรยา และ บุตรชายอีก ๒ คน ชื่อ ด.ช.สมเกียรติ และ ด.ช.เกียรติยศ มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ หมู่บ้านมะขามเอน ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ส่วน นายกู้เกียรติ ปกติมีอาชีพทำไร่และเป็น อาสาสมัครของรัฐบาล มีหน้าที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านจึงได้รับแจก อาวุธ ที่ใช้ในราชการสงคราม ซึ่งมีทั้ง ปืน และ ระเบิดสังหาร ไว้ใช้สำหรับการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เนื่องจากที่ อ.สวนผึ้ง นั้น มี ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ชุกชุม ซึ่งอาวุธเหล่านี้ยามเมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะเก็บไว้ที่บ้านตลอดเวลา


ใน วันเกิดเหตุอันเป็นที่มาของเรื่องนี้ตรงกับวันพระ ๑๕ ค่ำ นายกู้เกียรติ และภรรยาได้ไปทำบุญที่ วัดทุ่งแหลม ตั้งแต่เช้าโดยปล่อยให้ ?บุตรชายทั้งสอง? ทำหน้าที่เฝ้าบ้านกระทั่งเวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น. ผู้คนที่มาทำบุญในวัดต่างได้ยินเสียงคล้าย ?เสียงระเบิด? ดัง สนั่นขึ้นเพราะ วัดทุ่งแหลม อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านและชั่วครู่ต่อมาก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยสีหน้า ตื่น ๆ พร้อมร้องบอก นายกู้เกียรติ ว่าที่บ้านเกิดระเบิดขึ้นและเห็นลูกชายของนายกู้เกียรติ นอนจมกองเลือดทั้งสองคน

ได้ยินเช่นนั้น นายกู้เกียรติ และภรรยารีบซ้อนรถมอ เตอร์ไซค์ของผู้ที่มาบอกข่าวตะบึงกลับบ้านทันที เมื่อถึงบ้านจึงได้เห็นสภาพของลูกชายทั้งสองที่ทำให้ทั้งนาย กู้เกียรติและภรรยา แทบจะเป็นลม เพราะเด็กชายทั้งสองสลบไม่ได้สติจากแรงระเบิด นายกู้เกียรติ รีบนำบุตรชายขึ้นรถไป โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งพอหมอและพยาบาลของโรงพยาบาลเห็นสภาพลูกชายทั้งสองของ นายกู้เกียรติ แล้ว กลับไม่ยอมรับตัวไว้รักษาเพราะเกรงจะช่วยเด็กไม่ได้ เนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมที่จะรักษานั่นเองโดยแนะนำให้ส่งไป ที่ โรงพยาบาล ในตัวเมือง จังหวัดราชบุรี

นายกู้เกียรติ ไม่รอช้ารีบบึ่งไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดราชบุรี ซึ่งพอไปถึงหมอรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเป็นขณะที่ เด็กทั้งสอง เริ่มรู้สึกตัวแล้วแต่ยังคงร้องโอดโอยอย่างคนที่อยู่ในอาการเจ็บปวดเพราะพิษ สะเก็ดระเบิด ที่ฝังอยู่ตามร่างกายเพราะหลายคนที่เห็นสภาพของเด็กแล้วต่างระบุว่า อาการของเด็กคงหนักมากและอาจไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ แต่หลังจากหมอได้ทำการ ชำระล้างบาดแผล เพื่อหา สะเก็ดระเบิด ปรากฏว่ามีสะเก็ดระเบิดตามร่างกายน้อยมาก สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก และหลังจากนำสะเก็ดระเบิดออกพร้อมใส่ยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กทั้งคู่ก็แทบจะไม่มีอาการอย่างใดเลย มีอาการเจ็บปวดก็เพราะบาดแผลระบมเท่านั้นเอง หมอจึงอนุญาตให้นำเด็กกลับบ้านได้

หลังจากกลับถึงบ้านและได้นอนพัก เป็นเวลาเกือบค่อนวัน เด็กทั้งคู่จึงบอกเล่าเหตุการณ์ให้ นาย กู้เกียรติ ผู้พ่อฟังว่า ?นำลูกระเบิดมาแกะเล่น? จึงทำให้เกิดระเบิดขึ้นและแรงระเบิดก็ทำความเสียหายให้ตัวบ้านไม่น้อย แต่เด็กทั้งคู่กลับมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิด เพียง ?เล็กน้อย? เท่านั้น เมื่อเหตุกลับเป็นเช่นนี้ นาย กู้เกียรติ จึงเชื่อว่าเป็นเพราะ ?พุทธบารมี? ของ ?เหรียญหลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม รุ่น ๗? แน่นอน เนื่องจากเด็กทั้งคู่ต่างแขวนไว้ในคอคนละเหรียญ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เวปไซต์สยามอมูเลทดอทคอมครับผม


เหรียญนี้ของผมเองครับ คุณยายให้มาตอนก่อนจะจบม.6 เลยอารธนาท่านไปเขาชนไก่มาด้วย  :095:
เป็นรุ่นฉลองอายุตอนท่านมีอายุ 89 ปีครับ ตอกโค้ดเอาไว้ด้วย


ด้านหลังครับ เป็นหนุมานเชิญธง หนุมานแบบนี้มีใช้กันแทบทุกสำนักครับ เพราะเป็นหนุมานในตำราพิชัยสงคราม(เป็นหนุมานที่หลวงปู่หนูท่านสักให้ศิษย์ที่สีข้างครับ)
มีชื่อเรียกต่างกันออกไปบางที่ก็เรียกเป็นหนุมานตัวห้า ก็มีครับ แต่ของหลวงปู่หนูท่านเรียกว่าเป็นหนุมานเชิญธงเฉยๆครับ




เหรียญของหลวงปู่ท่านมีที่เล่นหากันในราคาสูงไม่กี่รุ่นครับ ส่วนมากจะเป็นรุ่นแรกๆ
แต่รุ่นหลังๆจะไม่ค่อยแพงครับ ถือว่าเป็นของดีราคาถูกเพราะส่วนมากจะทันท่านเสกหมดครับ
เจอที่ไหนก็อย่าพลาดกันนะครับ

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=9093.0;wap2

24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2020-11-27 06:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-9-9 18:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหรียญของหลวงปู่ที่เล่นหากันในราคาสูงมีอยู่ไม่กี่รุ่น  ส่วนมากจะเป็นรุ่นแรก ๆ ส่วนรุ่นหลัง ๆ จะไม่ค่อยแพง พระเครื่องของท่านจึงถือว่าเป็นของดีราคาถูกเพราะส่วนมากจะทันท่านเสกหมด  ปัจจุบันยังพอหาได้ นอกจากมงคลวัตถุของท่านจะศักดิ์สิทธิ์มีประสบการณ์มากมายแล้ว  ตัวท่านยังมีชื่อเสียงในด้านการสักอักขระเลขยันต์เป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะทหารแถบกาญจนบุรีและราชบุรี เมื่อสมัย ๓๐-๔๐ ปีที่แล้ว  ล้วนเป็นศิษย์หลวงปู่หนูมากมาย  โดยเฉพาะยันต์หนุมานเชิญธงถือว่าหลวงปู่เป็นเจ้าตำรับ หลังจากสิ้นหลวงปู่หนูแล้ว พระครูดัด เจ้าอาวาสรูปต่อมาท่านได้รับวิชานี้ไว้  แต่ไม่ได้ลงมือสักเอง ได้ให้ฆราวาสท่านหนึ่งเป็นผู้ลงเข็มสักให้  ส่วนท่านจะเป่าครอบเอง ต่อมาอาจารย์ฆราวาสท่านนั้นก็ได้วางเข็มไปในที่สุด


เหรียญหลวงปู่หนู รุ่นแรก วัดทุ่งแหลม



ในส่วนของประสบการณ์จากมงคลวัตถุของท่านที่ได้รับการกล่าวขานอย่างมากและร่ำลือกันมาจนถึงทุกวันนี้  อย่างที่บอกแต่ต้น  ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องแคล้วคลาดจากภยันตรายภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง  และคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านระเบิด “ระเบิด”  นับเป็นอาวุธร้ายแรงที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงกว่าอาวุธชนิดใด ๆ  เพราะฤทธิ์เดชของมันสามารถสร้างความเสียหายให้กับทุกสิ่งทุกอย่างได้ในวง กว้าง  แม้แต่ชีวิตผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็แหลกเหลวราพณาสูรได้ด้วยอานุภาพ ของมัน  แต่แม้ฤทธิ์เดชของระเบิดจะร้ายแรงปานใด บางครั้งก็ไม่อาจสามารถทำอันตรายใด ๆ  ต่อผู้ที่มี “สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ได้ ซึ่ง ก็มีให้เห็นอยู่เสมอ นับเป็นเรื่อง  “เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่น  เมื่อปี พ.ศ. 2524 มีครอบครัวของอาสาสมัคร รายหนึ่งคือ นายกู้เกียรติ  บัวบาน ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน 4 ชีวิตประกอบด้วย นายกู้เกียรติ  ผู้เป็นสามีพร้อมทั้งภรรยา และบุตรชายอีก  2 คน ชื่อ ด.ช.สมเกียรติ และ  ด.ช.เกียรติยศ มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ หมู่บ้านมะขามเอน ต.ป่าหวาย อ.สวนผึ้ง  จ.ราชบุรี

นายกู้เกียรติ  ปกติมีอาชีพทำไร่และเป็นอาสาสมัครของรัฐบาล  มีหน้าที่คอยคุ้มครองหมู่บ้านจึงได้รับแจกอาวุธที่ใช้ในราชการสงคราม ซึ่งมีทั้ง ปืน  และ ระเบิดสังหาร ไว้ใช้สำหรับการปฏิบัติงานตามหน้าที่ เนื่องจากที่ อ.สวนผึ้ง  ในสมัยนั้น มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุมมาก  ซึ่งอาวุธเหล่านี้ยามเมื่อไม่ได้ใช้งานก็จะเก็บไว้ที่บ้านตลอดเวลา ในวันเกิดเหตุอันเป็นที่มาของเรื่องนี้ตรงกับวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ นายกู้เกียรติ  และภรรยาได้ไปทำบุญที่ วัดทุ่งแหลม  ตั้งแต่เช้าโดยปล่อยให้บุตรชายทั้งสองทำหน้าที่เฝ้าบ้านกระทั่งเวลาประมาณ ๐๘.๓๐ น.  ผู้คนที่มาทำบุญในวัดต่างได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังสนั่นขึ้นเพราะวัดทุ่งแหลมอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน

ครู่ต่อมาก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาด้วยสีหน้าตื่น ๆ พร้อมร้องบอกนายกู้เกียรติ  ว่าที่บ้านเกิดระเบิดขึ้นและเห็นลูกชายของนายกู้เกียรตินอนจมกองเลือดทั้งสองคน  ได้ยินเช่นนั้นนายกู้เกียรติและภรรยารีบซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ที่มาบอก  ข่าวตะบึงกลับบ้านทันที เมื่อถึงบ้านจึงได้เห็นสภาพของลูกชายทั้งสอง ที่ทำให้ทั้งนายกู้เกียรติและภรรยา  แทบจะเป็นลม เพราะเด็กชายทั้งสองสลบไม่ได้สติจากแรงระเบิด นายกู้เกียรติ  รีบนำบุตรชายขึ้นรถไปโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อ.จอมบึง จ.ราชบุรี  ซึ่งพอหมอและพยาบาลของโรงพยาบาลเห็นสภาพลูกชายทั้งสองของนายกู้เกียรติแล้ว  กลับไม่ยอมรับตัวไว้รักษาเพราะเกรงจะช่วยเด็กไม่ได้  เนื่องจากมีเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมที่จะรักษานั่นเอง  จึงแนะนำให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมืองจังหวัดราชบุรี

นายกู้เกียรติ ไม่รอช้ารีบบึ่งไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดราชบุรี  ซึ่งพอไปถึงหมอรีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินเป็นขณะที่เด็กทั้งสองเริ่มรู้สึกตัว  แล้วแต่ยังคงร้องโอดโอยอย่างคนที่อยู่ในอาการเจ็บปวดเพราะพิษสะเก็ดระเบิด  ที่ฝังอยู่ตามร่างกาย เพราะหลายคนที่เห็นสภาพของเด็กแล้วต่างระบุว่า  อาการของเด็กคงหนักมากและอาจไม่รอดชีวิตด้วยซ้ำ แต่หลังจากหมอได้ทำการชำระล้างบาดแผล เพื่อหาสะเก็ดระเบิด  ปรากฏว่ามีสะเก็ดระเบิดตามร่างกายน้อยมาก  สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่เห็นเหตุการณ์เป็นอย่างมาก  และหลังจากนำสะเก็ดระเบิดออกพร้อมใส่ยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เด็กทั้งคู่ก็แทบจะไม่มีอาการอย่างใดเลย  มีอาการเจ็บปวดก็เพราะบาดแผลระบมเท่านั้นเอง หมอจึงอนุญาตให้นำเด็กกลับบ้านได้ หลังจากกลับถึงบ้านและได้นอนพักเป็นเวลาเกือบค่อนวัน  เด็กทั้งคู่จึงบอกเล่าเหตุการณ์ให้นายกู้เกียรติ ผู้พ่อฟังว่า  นำลูกระเบิดมาแกะเล่นจึงทำให้เกิดระเบิดขึ้น  และแรงระเบิดก็ทำความเสียหายให้ตัวบ้านไม่น้อย  แต่เด็กทั้งคู่กลับมีบาดแผลจากสะเก็ดระเบิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  เมื่อเหตุกลับเป็นเช่นนี้นายกู้เกียรติ จึงเชื่อว่าเป็นเพราะ “พุทธบารมี” ของ  “เหรียญหลวงปู่หนู วัดทุ่งแหลม” อย่างแน่นอน  เพราะทั้งคู่ต่างแขวนคอไว้คนละเหรียญ.
อาราธนานัง-รายงาน

ที่มาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/newst ... amp;contentId=15483


21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-9-9 18:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เหรียญหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม  









รูปหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม และพระบูชาหลวงปู่หนู

“เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน” ฉบับประจำวันเสาร์ที่ ๒๒ สิงหาคมนี้  ขอนำท่านผู้อ่านพบกับ หลวงปู่หนู ฉินนกาโม เจ้าตำรับหนุมานเชิญธงแห่งเมืองโอ่ง  เหรียญของท่านมีพุทธคุณสูงเป็นที่เล่าขานกันปากต่อปากมาอย่างยาวนาน  โดยเฉพาะประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพันชาตรี และสยบ “ระเบิด”


ประวัติหลวงปู่หนู ฉินนะกาโม วัดทุ่งแหลม

หลวงปู่หนู ฉินนกาโม  มีนามเดิมว่า หนู เจริญวิทยา เกิดเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ ที่   หมู่  ๕ ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โยมบิดาชื่อนายฮง มารดาชื่อนางบาง  จบชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนวัดหนองโพ แล้วช่วยบิดา-มารดาทำงานทางบ้าน  จากนั้นได้บวชเป็นสามเณร ณ วัดหนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี  ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ นักธรรมโท ขณะบวชเป็นสามเณร  ท่านได้สนใจศึกษาวิชาทางไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถาพุทธาคมต่าง ๆ  จึงไปเรียนกับ หลวงพ่อหลาบ วัดเนินตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จนเชี่ยวชาญจากนั้นได้ไปเรียนกับ หลวงพ่อหลุง วัดทุ่งสมอ อีก ๓ ปี กระทั่งอายุครบบวชในปี พ.ศ.  ๒๔๕๘ จึงทำการอุปสมบทที่วัดใหม่เจริญผล โดยมี หลวงพ่อปลิว  เป็นพระอุปัชฌาย์แล้วไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ  หนึ่งพรรษาจึงไปเรียนวิชาพุทธาคม และวิปัสสนากั
หลวงพ่อโหน่ง  วัดคลองมะดัน จ.สุพรรณบุรี
จากนั้นได้ไปเรียนวิชากับ  หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง และหลวงพ่อแช่ม  วัดตาก้อง จ.นครปฐม ซึ่งระหว่างเรียนวิชากับ “หลวงพ่อแช่ม”  นั้นท่านได้พบกับศิษย์อีกคนหนึ่งของหลวงพ่อแช่มที่มาเรียนด้วย คือ หลวงพ่อเต๋  วัดสามง่าม จ.นครปฐมจากนั้นจึงไปจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดเขาคร้อ  จนคณะสงฆ์เห็นในศีลาจารวัตรของท่านเหมาะสมจึงนิมนต์ให้ท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดกระต่ายเต้น อ.ท่ามะกา  จ.กาญจนบุรี  แต่อยู่ได้ไม่นานเกิดความเบื่อหน่ายกับการบริหารจัดการวัดร่วมกับกรรมการจึงขอลาสิกขาออกไปใช้ชีวิตฆราวาสอยู่ที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี  ซึ่งระหว่างเป็นฆราวาสอยู่นั้นก็ยังคงปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอ ต่อมาเมื่อถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๒ ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง ณ  วัดกุฎบางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยมีพระครูเกษมสุตคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์  พระมหาเปรย เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ฉินนกาโม” และไปจำพรรษาปฏิบัติธรรม  ณ วัดไทยธรรมาราม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ๕ พรรษาจึงกลับมาวัดกุฎบางเค็ม  ชาวบ้านทุ่งแหลม เลื่อมใสในศีลาจารวัตรจึงนิมนต์ให้ไปจำพรรษาที่วัดทุ่งแหลม  อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  โดยได้ทำการพัฒนาวัดทุ่งแหลมจนเจริญก้าวหน้าเป็นลำดับมา
ระหว่างอยู่วัดทุ่งแหลมนี้เองมีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก  ท่านจึงได้สร้างมงคลวัตถุออกแจกจ่ายแก่ประชาชน และศิษยานุศิษย์มากมายหลายรุ่น  ซึ่งก็มีประสบการณ์มากมาย จวบจนกระทั่งถึงวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๙  ท่านจึงละสังขารมรณภาพอย่างสงบ  คงทิ้งไว้แต่อนุสรณ์แห่งความดีงามและมงคลวัตถุตลอดจนสังขารที่ไม่เน่าเปื่อย  ซึ่งทางวัดได้ใส่หีบแก้วไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจแก่ศิษยานุศิษย์ผู้เลื่อมใส  ศรัทธาต่อไป

เหรียญหลวงปู่หนู ฉินนกาโม วัดทุ่งแหลม รุ่นสุดท้าย,รุ่นแจกแม่ครัว  และรุ่นคทาไขว้


  


20#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-7-26 06:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-7-26 06:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-7-26 06:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ชอบๆครับ
16#
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-7-24 06:33 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้