ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 4377
ตอบกลับ: 10
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เรียนไสยศาสตร์ไม่มีครูเขาเรียกว่า "ไอ้บ้า"

[คัดลอกลิงก์]
วันนี้ที่บ้านผมนิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ที่บ้าน ท่าน
เจ้าอาวาสวัดใกล้บ้านท่านเองทำตัวเป็นพระเกจิอาจารย์มา
ช้านาน ผมเข้าไปนั่งสนทนาด้วย ท่านได้ยินเรื่องเล่าของ
ผมมาบ้างจึงชวนคุยเรื่องไสยศาสตร์ ท่านหลุดมาว่า "ก็ซื้อ
ตำราตลาดมาลอกๆ ก็ใช้ได้แล้วเพราะจิตเราดี" ผมยิ้มๆ ไม่
ต่อความ ประเด็นเรื่องจิตผมถือเป็นนามธรรม ใครจะพูด
อย่างไรก็ได้ ผมเห็นปลอมมากกว่าจริง แต่"ตำราตลาด
ใครๆ ก็ลอกได้" ทำให้ผมเศร้าและสะท้อนใจ

คำว่า "ตำราตลาด" ถ้าใช้ในแง่ร้ายผมก็ขอค้าน เพราะ
อ. เทพย์ สาริบุตรของผม ผู้ถือเป็นไม้ร้อยโอบ ผู้มี
คุณูปการ ตำราของท่านจึงนับว่ามาตราฐานกว่าตำรา"ชาว
บ้าน" ที่มุขปาฐะสืบกันมา พระเกจิในเมืองไทยร้อยละเก้า
สิบ แอบใช้ตำราท่าน แต่ไม่กล้าเปิดเผย เพราะอายที่เอา
วิชามาจากตำราตลาด มิหนำซ้ำฆราวาสเป็นคนเขียน

ตำราอ.เทพย์ ได้มาตราฐานสมบูรณ์มากจนไม่มีใครโต้แย้ง
ได้ จะมีข้อจำกัดก็คือ ตำรานี้ท่านไม่ได้บอกข้อจำกัดจนหมดเปลือก
แบบแบไต๋ ท่านกล่าวว่า"บอกหมดอาจารย์ก็เต็มบ้านเต็ม
เมืองน่ะสิ" ท่านพูดและหัวเราะ คงเป็นอารมณ์ขันมากกว่า
การหวงวิชา เพราะแท้จริงแล้วไสยศาสตร์มีธรรมเนียมบาง
ประการทำให้ท่านบอก เท่าที่บอกได้

นักพุทธศาสตร์มักดูถูกวิชาไสยศาสตร์(แบบพุทธ) ว่าเป็น
ศาสตร์ทางขวาง แต่ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผมศึกษาค้นคว้า
ผมพบว่าถ้าเราเชื่อว่าสมถะเป็นพื้นฐานของ วิปัสสนา
อย่างพวกลักธิเจโตวิมุตติแล้ว ไสยศาสตร์ก็มิใช่
เดียรฉานวิชา
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 21:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เดียรัจฉานวิชา แต่กลับเป็นวิชาชั้นสูงในฐานะเป็นพื้นฐาน
แห่งการหลุดพ้น การศึกษาไสยศาสตร์แคผิวเผินซะอีก
ทำให้เราพบแต่กระพี้ จึงเห็นแค่ประโยชน์ทางโลกแบบ
โลกีย์วิสัย เมื่อนักพุทธศาสตร์มีฐานความคิดดูถูก
ไสยศาสตร์แล้ว จึงขาดความนับถือวิชาเหล่านี้ด้วย

ครู คือ สิ่งจำเป็นทางไสยศาสตร์

ศาสตร์ของไหยแต่โบราณแทบทุกแขนงต้องมี "ครู" ทั้ง
นั้นเหมือนคำอีสานที่ว่า "หมกปลาแดกมีครู จี่ปูมีวาท"
โดยเฉพาะไสยศาสตร์ด้วยแล้ว อ.ชุม ไชยคีรี ท่านกล่าวว่า
"ไสยศาสตร์ คือคำสั่งครู" เมื่อแรกเรียน จึงต้องมีการ
เคารพครู ขอเป็นศิษย์ มีขัน มีดอกไม้มาคารวะเสียก่อน
ตามธรรมเนียมของศาสตร์นั้นๆ เพราะเคารพครูก็เท่ากับ
เคารพวิชา เป็นการแสดงถึงฉันทะ ที่จะบอกว่า ศิษย์คน
นั้นมีโอกาสสำเร็จวิชา ตามหลักอิทธิบาทสี่ ครูเองก็มี
โอกาสเรียนรู้ว่าศิษย์เหมาะแก่การสืบวิชาหรือไม่? โดย
พิจารณาจาก สติปัญญา ความหมั่นเพียร และคุณธรรม คง
จำกลอนสุนทรภู่ได้นะครับ

พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ หลังสำเร็จวิชาจากอาจารย์ทิศา
ปาโมกข์แล้ว อาจารย์เอาเงินคืนหลังจากเก็บค่าเรียนสุด
แพง ท่านว่า "ไม่ได้ประสงค์ซึ่งสิ่งสุวรรณ แต่จะกัน มิให้
ไพร่ได้วิชา". ที่กล่าวมาไม่ใช่ว่าครูหวงวิชา แต่เป็นการ
"รักษาความบริสุทธิ์ของวิชา" ให้สืบไปภายหน้า ให้ห่าง
จากพวก นอกครู(พวกนักประยุกต์ตำรา ก็ถือว่านอกครู)

ในขณะศึกษาเล่าเรียนครูจะดูแลลูกศิษย์อย่างใกล้ชิด เพื่อจะให้
ได้รับความรู้ที่ถูกต้อง บางเรื่องซับซ้อน มีกลเม็ด ที่เขาว่า
"ฝีมือชั้นครู" นั่นเอง บางอย่างเป็นวิชาลับไม่อาจจดในตำ
ราตรงๆ ขณะศิษย์อ่านหรือลอกตำรา ครูต้องคอยสอนให้
เห็นวิธีการบังวิชาในแบบต่างๆ เช่น จดสลับหน้า, กล
ตัวเลข, ตัวข่มตัวสับ, กลกุ้งนอนเฟือย ฯลฯ

การค่อยๆ เรียนอย่างมีระบบแบบแผน ภายใต้การดูแลของ
ครูนี้เรียกว่า "การต่อวิชา"
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-8-14 22:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
นอกจากสอนเรื่องวิชาแล้ว ต้องสอนเรื่องจรรยาด้วย
วิชาชีพทุกอย่างต้องมีจรรยาบรรณของตนเอง อันเป็นการ
วางระบบ กติกา มารยาท ของสังคมที่สืบทอดวิชานั้นๆ
ด้วย จะเห็นได้ว่า เวลาที่ศิษย์และครูมีให้กันนั้นยาวนาน
ศิษย์แทบจะกินนอนอยู่บ้านครูทีเดียว ความรัก ความ
ผูกพัน จึงเกิดขึ้น ศิษย์จึงยกให้ว่า "พ่อครู" จะเห็นได้ว่า ครู
ในความหมายของเรา จะหนักแน่นมากกว่าผู้สอนวิชาให้

ดังนั้นไสยศาสตร์จึงมีหลายเรื่องที่มีความสำคัญมากกว่า
ตัวคาถา หรือลายยันต์ ดังที่คนรุ่นหลังที่ต่ำตื้นเข้าใจกัน
ผมเห็นหลายผู้คนที่เสกของ พอวิชาไม่ถึง(ไม่พิถีพิถัน
ดังจารีตที่ควรจะเป็น). ทำพิธีแค่พอลวกๆ แต่มักง่าย เรียก
ศรัทธาผู้คนโดยอ้างว่า "เราเชิญครู(ดวงจิต) มาช่วยเสก
ให้แล้ว" ผมเห็นว่า แค่เคารพวิชายังทำไม่ได้ จะเรียกว่า
เคารพครูได้อย่างไร!! บางคนยกขันบูชาครูตาม
ธรรมเนียมก่อนเรียนก็ยังไม่เคย กล่าววาจารับประสิทธิก็
ยังไม่เคย เราจะเอาอะไรมาแสดงว่าท่านเป็นครูเรา และ
แน่ใจอย่างไรได้ว่า ครูท่านถือเราเป็นศิษย์?

บทไหว้ครูที่มักจะท่องกันผิดๆ ก็คือ "ขอเชิญครู ผู้อยู่ในถ้ำ
จงมาช่วย อวยพรให้" จริงแล้ว คือ "ครูผู้อยู่ในธรรม"  หรือ
"ครูโดยธรรม"  (ถ้านึกความหมายไม่ออกให้นึกถึงคำว่า ลูก
บุญธรรม) นั่นหมายถึงการเป็นครูศิษย์กันอย่างถูกต้อง
ตามธรรมเนียมโดยไม่ขาดสาย ศิษย์จึงมีสิทธิที่จะ
อัญเชิญครูไดั เมื่อเป็นครูเป็นศิษย์กันโดยชอบแล้ว เราจึงมี
"สิทธิ" เรียน ใช้ วิชาของท่านได้ ดังนั้นพวกที่ได้เฉพาะ
ตำรามาเรียนเอง กระทั่งสิทธิที่จะอ่าน เรียนใช้วิ(ช)ชา
เหล่านั้นก็ยังไม่มี ก็คงไม่ต้องพูดถึงเรื่อง ขลังไม่ขลัง คน
เรียนวิชาด้วยตนเองยังเหมือนถูกสาปกับสิ่งที่เรียกว่า
"ธรณีสาร"  คือความอัปมงคลของการนอกครู นอกจารีต

เรื่องครูและศิษย์นี้ยังมีปลีกย่อยไปอีกหลายเรื่อง เช่น ครู
คนนั้นเป็นครูโดยชอบหรือไม่, การรับวิ(ช)ชาหรือประสิทธิ
วิชา นั้นชอบหรือไม่ ถ้าไม่ชอบด้วยจารีต ก็ต้องธรณีสาร
ทั้งครูและศิษย์ วิชาที่ได้จึง กำมะลอ ย้ำว่า "ครูทาง
ไสยศาสตร์" ไม่ใช่คิดจะตั้งตนเป็นเมื่อไหร่ก็ทำได้อย่าง
ปัจจุบัน บูรพาจารย์ต้องคัดสรรตามมาตราฐาน และต้องมี
พิธีการเป็นพิเศษอีกด้วย

ครูจึงเป็นเรื่องสำคัญมากในทางไสยศาสตร์ หากไม่มีครู ก็
ไม่มีสิทธิที่จะเรียนวิชา!!  มีเรื่องเล่าที่น่าถือเป็นอุทธาหรณ์
ว่า เจ้าคุณศรี(สนธิ์) แห่งวัดสุทัศน์ฯ ผู้เป็นศิษย์ใกล้ชิด
สมเด็จสังฆราชแพ คราวนั้น มีหนุ่มคนหนึ่งมาสนทนา
กับท่าน เล่าว่าร่ำเรียนคาถาอาคมมา ท่านจึงถามว่า เรียน
มาจากใคร เขาตอบว่า เรียนด้วยตัวเองไม่มีอาจารย์ ท่าน
มองหนุ่มคนนั้นหัวจรดเท้า แล้วกล่าวว่า "ไอ้บ้า"

และนี่คือที่มาของชื่อบทความว่า "เรียนไสยศาสตร์ ไม่มีครู
เขาเรียกว่า "ไอ้บ้า"

credit : บทความโดย อ.หนุ่มดอนกอก ชมรมบ้านนักสิทธิ์
อิสานหนองคาย
ขอบคุณครับ
เรียนไสยศาสตร์ไม่มีครูเขาเรียกว่า "ไอ้บ้า"

ไอ้..บ้า..!!!!
พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ


หลังสำเร็จวิชาจากอาจารย์ทิศาปาโมกข์แล้ว


อาจารย์เอาเงินคืนหลังจากเก็บค่าเรียนสุดแพง


ท่านว่า ..


"ไม่ได้ประสงค์ซึ่งสิ่งสุวรรณ แต่จะกัน มิให้ไพร่ได้วิชา".


ที่กล่าวมาไม่ใช่ว่าครูหวงวิชา แต่เป็นการ

"รักษาความบริสุทธิ์ของวิชา"



ให้สืบไปภายหน้า ให้ห่าง


จากพวก นอกครู เก่งเกินครู..













ไอ้..บ้า..!!!!
ไอ้..บ้า..!!!!
ไอ้..บ้า..!!!!
ไอ้..บ้า..!!!!
ไอ้..บ้า..!!!!
ไอ้..บ้า..!!!!
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้