ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 5799
ตอบกลับ: 12
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เพชรพญานาค

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย metha เมื่อ 2014-12-12 20:18

-


ความหมายของสีเพชรพญานาค

1. สีขาว หมายถึง พลังบารมีขององค์มหาพระโพธิสัตว์ อุปทาน ให้วางจิตให้อยู่ในสายกลาง มีสติเป็นผู้รู้ (เกิดปัญญา) เท่าทันในสภาวะปัจจุบัน เกิดความใสสะอาดบริสุทธิ์ มีจิตใจเยือกเย็นหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ เหมาะกับผู้ที่มีจิตใจอ่อนไหว รวนเร ไม่มีความมั่นใจ


2. สีชมพู หมายถึง สีแห่งพลังอานุภาพเมตตามหานิยม มีความโดดเด่น สะดุดตาดึงดูดคนรอบข้างที่เกี่ยวข้อง จะทำให้คนรอบข้างเกิดความเมตตาช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์ใจ ยิ่งสีชมพูเข้มออกสดใสยิ่งมีพลังมหาเสน่ห์ดึงดูดให้เป็นที่รักใคร่เป็นที่พึงปรารถนาของคนรอบข้างอย่างน่าอัศจรรย์


3. สีเหลือง หมายถึง ความมั่งคั่งมีโชค มีลาภ มีความเจริญสดใสรุ่งเรืองดัง “ทองคำ” ที่มีคุณค่าในตัวเอง กระแสแห่งสียิ่งสีสดใสเท่าใดยิ่งมีกระแสแห่งโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น และจะได้รับการช่วยเหลืออนุเคราะห์ ทำให้หน้าที่กิจการเจริญก้าวหน้าราบรื่น
หมายเหตุ… ผู้ใดได้เพชรนาคาสีเหลืองไว้ครอบครอง จะต้องมีจิตใจที่ชอบทำบุญ ทำทานเป็นกิจวัตร ทำตามกำลังของตนเอง และต้องเป็นผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม ยิ่งจะส่งพลังให้เพชรนาคาสีเหลืองและองค์เทพที่รักษาดูแล มีบุญบารมีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลมา ให้แก่ผู้ครอบครองด้วย


4. สีส้ม หมายถึง พลังแห่งการป้องกันภัยจากอันตรายต่างๆ เหมาะกับบุคคลที่กล้าทำ กล้าคิด กล้าที่จะเผชิญ และเป็นผู้ที่มีความคิดก้าวหน้า ยุติธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ซึ่งจะเป็นกระแสพลังที่ป้องกัน พลังที่ไม่ดีที่เข้ามากระทบ มาเบียดเบียนต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด มีเทพที่มีคุณธรรมดูแลรักษา


5. สีม่วง หมายถึง พลังที่มีอำนาจลึกลับยากที่จะหยั่งถึงได้ มักจะเกียวกับวิญญาณ โอปาติกะ ยิ่งสีที่เข้มจนเกือบดำไม่ต้องพูดถึง มีพลังลึกลับอานุภาพมากขึ้นเป็นทวีคูณ ป้องกันภูติผีปีศาจ คุณไสย การกระทำย่ำยีต่างๆ ให้เสื่อมสลายหายไป และเป็นสีที่สามารถดูดซับพลังอำนาจลึกลับทั้งดีและไม่ดีได้ขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นเจ้าของ

6. สีแดง หมายถึง สีแห่งกำลังฤทธิ์อำนาจ กล้าหาญ เด็ดเดียว ความคิดฉับไวเฉียบคม ตัดสินใจรวดเร็วตรงเป้าหมาย ทันอกทันใจ เป็นที่เคารพน่าเกรงขาม ผู้ที่ได้ครอบครอบเพชรนาคาสีแดงนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมฝึกฝนให้จิตมี “สติ” รู้เท่าทันอารมณ์ มิเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีเกิดขึ้น ทั้งตนเองและผู้อื่น ยิ่งเพชรนาคาที่มีสีเข้มขึ้นมากเท่าใด ยิ่งจะมีพลังมากเท่านั้น

7. สีเขียว หมายถึง ความเมตตา มีเดช มีบารมี ของเหล่าเทพ พรหม เทวดา มีพลังอำนาจลี้ลับไหลเวียนเป็นกระแสล้อมรอบตัว จึงทำให้ผู้ครอบครองแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ยิ่งสีเข้มยิ่งมีอานุภาพของพลังที่สื่อผ่านเพชรนาคายิ่งมากเป็นทวีคุณ เป็นที่เคารพนอบน้อมเป็นที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดพูดจาอะไร ที่ไม่เกินไปกว่าบุญกุศลที่ควรได้ จะสมความตั้งใจทุกประกา

8.สีดำ (สีพิเศษ) หมายถึง สีที่มีพลังอานุภาพสามารถที่จะยับยั่งอารมณ์ความคิดที่ใช้แต่อารมณ์ ทำให้มีสติ มีปัญญา มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถูกที่ควร เหมาะกับผู้ที่ขาดแหล่งพึงพิงทางจิตใจหรือผู้ที่มีจิตใจเลื่อนลอยเศร้าเสียใจผิดหวังท้อแท้ และมีความพิเศษก็คือ จะมีอานุภาพทางมีโชคมีลาภและ การคุมกันอันตรายทุกๆ ด้านอย่างที่คาดไม่ถึง

สาธุค่ะ
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-30 01:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"ไข่พญานาค" อีกชื่อเรียก "แก้วพระกำ"
เป็นหินมีร่องรอยมือกำอยู่ แต่ไม่รู้เขาทำอย่างไรดูมันเก่าจัง แต่แม่ชีเล่าเป็นตุเป็นตะว่ามาจากใต้พิภพ พญานาคและพระสงฆ์ใต้พิภพเป็นผู้ทำขึ้นมา แล้วเอามาให้คนเช่าบูชาราคาเป็นหมื่นแสน เมื่อทุบหรือผ่าดู ข้างในเป็นอัญมณีสีสวย

แต่ละก้อนก็มีอัญมณีข้างในแตกต่างกัน เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม แดงแก่กำโกเมนเอก เขียวพิเภกโมรา..........อะไรบ้างก็จำได้ไม่หมด พลอยแต่ละชนิดที่เขาแสวงหามาใส่สวยจริง ๆ เห็นแต่แรกก็นึกว่าจริง พอใจมันนิ่ง ๆ มันก็เข้าใจว่าถูกหลอกอีกแล้ว แต่ขอกระซิบดัง ๆ ใครอยากได้แก้วสวย ๆ งาม ๆ มีขายที่ท่าพระจันทร์ เหมือนกันเด๊ะเลย เหล็กไหลขาวก็มีแถว ๆ นั้น

เชื่อมั้ย...ตามไปเจอปรมาจารย์ต้นตอที่หลอกลวงผู้คนในเรื่องแก้วพญานาคนี้ เขาสมญานามตัวเองว่า "......" ซึ่งมีอายุอานามหลายร้อยปี พวกเจ้านายแถว ๆ อีสานให้ความเคารพนับถือมาก แต่เราไปพบเมื่อหลวงพี่สึกมานอนกกแม่ม่าย ปลูกบ้านหลังใหญ่ในป่าแห่งหนึ่งแถววานรนิวาส แล้วเราก็ถูกตามหลอกหลอนอีก เมื่อท่านเอาแก้วพระกำมาผ่าให้เราดู เจออัญมณีที่เจียรไนแล้ว พร้อมจะเป็นหัวแหวนได้ทันที แหม.... พิภพพญานาคเขาก็เก่งไม่ใช่เล่น

แต่คนเก่งที่สุดคือคนกรุงเทพ ฯ คนหนึ่งที่คนพากันนับถือว่าอาจารย์ ๆ ๆ เป็นเจ้าของโรงเจแห่งหนึ่งแถวพุทธมณฑลสายสอง เขาเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงพี่...... ก็เลยดังขึ้นมาพร้อม ๆ กัน แล้วดับไปพร้อม ๆ กัน แต่ศิษย์ในกรุงยังมีคนนับถืออยู่นะครับ ในฐานะเป็นเจ้าของไข่พญานาค และเหล็กไหลขาว อะฮ้า... ขอโทษ ผมไม่ได้เอ่ยอ้างชื่อใครนะ ฟ้องหมิ่นประมาทไม่ได้ครับ

ที่มา - www.sanyasi.org/index.php?lay=sh ... =509162&Ntype=3



...ไข่พญานาค (เพชรพญานาค)...

11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-30 01:17 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้

5. สีส้ม หมายถึงพลังแห่งการป้องกันภัยจากอาวุธภัยอันตรายต่างๆ เป็นพลังที่มีความคิดเด็ดเดียวกล้าหาญกล้าคิดกล้าทำกล้าที่จะเผชิญและเป็นผู้ที่มีความคิดก้าวหน้ายุติธรรมไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เป็นกระแสพลังที่ป้องกันและลดสลายอุปสรรคพลังที่ไม่ดีที่เข้ามากระทบ

- กระทำให้บุคคลใดผู้ใดที่คิดจะมาเบียดเบียนต้องพ่ายแพ้ตนเองไปในที่สุด มีเทพที่มีคุณธรรมดูแลปกปักรักษา และเป็นสีแห่ง”พระบารมีขององค์พระสยามเทวาธิราช”องค์มหาเทพที่ดูแลปกปักรักษาคุ้มครองประเทศชาติ,ศาสนา,พระมหากษัตริย์ จากภัยอันตรายจากศัตรูผู้ไม่เป็นมิตรที่คิดมากระทำย้ำยี

6. สีม่วง หมายถึง พลังที่มีอำนาจลึกลับยากที่จะหยั่งถึงได้ ดังคำว่า”รู้หน้าไม่รู้ใจ” เกี่ยวข้องจิตวิญญาณโอปาติกะภูติผีปีศาจทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะคิดไม่ดีกระทำไม่ดี เหมือนมีพลังลึกลับจ้องมองอยู่ ยิ่งสีที่เข้มจนเกือบดำไม่ต้องพูดถึงมีพลังลึกลับอานุภาพมากขึ้นเป็นทวีคูณ ป้องกันภูติผีปีศาจคุณผีคุณคนคุณไสยการกระทำย้ำยีต่างๆให้เสื่อมสลายหายไป และเป็นสีที่สามารถดูดซับพลังอำนาจลึกลับทั้งดีและไม่ดีได้ขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นเจ้าของ

- หมายเหตุ… บุคคลที่มีวาสนาครอบครองเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเป็นคนที่มีพลังลึกลับหรือมีสัมผัสพิเศษเรื่องลึกลับบางคนอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้และเป็นคนที่ช่างคิดช่างต รึกตรองเจ้าวางแผน ถ้ามีมากจนกระทั่งออกไปทางหน้ากลัว อาจจะเกิดผลเสียหรือเกิดพลังที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น ควรที่จะฝึกปฏิบัติจิตให้มีความเมตตาหนักแน่นปล่อยวางจากอารมณ์ที่มากระทบ ให้จิตมีแต่ความโปร่งใสบริสุทธิ์จะทำให้อานุภาพของเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเปล่งประกายออกมาครอบคลุมทั่วร่างตลอดเวลา เสมือนเกราะแก้วคุ้มครอง

6.1. สีม่วงพิเศษ… จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาว 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่มีพลังฤทธิ์อำนาจแห่งความลึกลับแห่งจิตวิญญาณโอปาติกะ ป้องกันอาถรรพ์การกระทำคุณไสยคุณผีคุณคนการกระทำย้ำยีต่างๆผูก
พยนต์ฝังรูปฝังรอย ทำให้เกิดการสลายเสื่อมอานุภาพ ศัตรูหมู่มารต่างสยบไม่กล้าที่จะคิดร้ายกระทำไม่ดี มีอานุภาพแผ่พลังครอบคลุมเป็นปริมณฑลได้ทั้งบ้าน แต่ก็ขึ้นอยู่ผู้ที่เป็นเจ้าของครอบครองมีจิตสะอาดอยู่ในศีลในธรรมหรือไม่เป็นหลัก ยิ่งที่เป็นผู้ที่ปฏิบัติทางจิตจะยิ่งเปล่งประกายของอานุภาพรัศมีกว้างขึ้น

7.สีฟ้า หมายถึง ถึงผู้ที่มีบุญวาสนาที่ได้สร้างสมมาในอดีต มีน้ำใจกว้างขวางใสสะอาด น่าเคารพนอบน้อมดังเพื่อนสนิทมิตรสหายสนิทชิดเชื้อกันมานาน พูดจาเจรจาพาทีเข้าทีเข้าท่าติดต่อค้าขายคล่องตัวลื่นไหลสะดวก เป็นผู้ที่
มีบุญฤทธิ์ที่เหล่าเทพยดาดูแลค้ำชู เดินทางไปไหนมาจะมีความสะดวกสบาย

8.สีน้ำเงิน หมายถึง ผู้ที่มีอำนาจวาสนาบารมีสูงมีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์บารมี เป็นผู้นำผู้ปกครองมีทั้งเดชตบะบารมีเป็นที่เคารพน่าเกรงขามมีขุมทรัพย์มหาศาลที่ซ้อนเร้นอยู่ ดังร่มโพธิ์ร่มไทรที่แผ่กิ่งก้านร่มเย็นที่พักพิงแก่สรรพ มีพลังที่ป้องกันศัตรูภัยอันตรายต่างๆทั้งแปดทิศ จะต้องมีเทพพรหมเทวดาดูแลปกปักรักษาตลอดเวลาเสริมสร้างบารมียิ่งขึ้น

- หมายเหตุ…ผู้ที่บุญวาสนาได้ครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่บุญวาสนาบารมีมาในอดีตชาติที่สร้างสมมานาน และต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมประจำใจ มิฉะนั้นจะเกิดอาถรรพ์ที่ไม่ดีแก่ผู้ที่ครอบครองเกิดความวิบัติ อย่าหลงอดีตอย่าบ้าอำนาจอย่าอวดเก่งหลงตัวเอง จงทำจิตให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดคือการปล่อยวางจากกิเลสตัณหาอุปทาน

9. สีชมพู หมายถึง สีแห่งพลังอานุภาพเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์มหานิยมนิ่มนวลอ่อนโยน มีความโดดเด่นสะดุดตาดึงดูดสำหรับเพศตรงข้ามและผู้คนรอบข้างผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความเมตตาช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์ใจ ยิ่งสีชมพูเข้มออกสดใสยิ่งมีพลังมหาเสน่ห์ดึงดูดเป็นที่รักใคร่เป็นที่พึงปรารถนาดังนางพญาที่สูงศักดิ์สง่างดงามอย่างน่าประหลาด

- หมายเหตุ…ผู้ที่ได้ครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจที่ดีงาม ไม่นำพลังไปใช้ในทางไม่ดีดัง”ปากหวานก้นเปรี้ยวเลี้ยวตลบแตลง”ยิ่งกระทำกับเพศตรงข้ามจนกระทั่งผิดศีลในข้อที่ 3 จนเกิดความทุกข์กายทุกข์ใจ บั้นปลายท้ายสุดแล้วจะอเน็จอนาถน่าสังเวชเป็นอย่างมาก เมื่อผลกรรมนั้นมาตอบสนอง

10. สีชา(สีพิเศษ) หมายถึง สีที่มีพลังอานุภาพสามารถที่จะยับยั่งอารมณ์ความคิดที่ใช้แต่อารมณ์ ทำให้สติปัญญาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถูกที่ควรที่ตามไม่ทัน จนกระทำพลาดพลั้งผิดพลาดไปจนเกิดความเสียหาย เหมาะกับผู้ที่ขาดแหล่งพึงพิงทางจิตใจหรือผู้ที่มีจิตใจเลื่อนลอยเสร้าเสียใจผิดหวังท้อแท้ และมีความพิเศษก็คือจะมีอานุภาพทางมีโชคมีลาภอย่างที่คาดไม่ถึง ( เป็นสีที่หาพบได้ยาก )

- สำหรับรูปพรรณสัณฐานนั้นของเพชรพญานาคที่ได้มาจากการทุบนั้นแบ่งออกได้หลายลักษณะได้แก่ ทรงกลมอย่างหนึ่ง ทรงรีบรูปหนำเลี้ยบ ทรงแบบคล้ายแก้วเลนส์ นอกจากทรงต่างๆ และสีดังกล่าวมาแล้ว บางครั้งเมื่อทำการทุบหินแก้วนาคราชออกมายังมีการพบวัตถุสีดำเนื้อคล้ายแก้วหรือโลหะ โดยหลายท่านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลเมืองบาดาลหรือเหล็กไหลนาคราชของดีหายากอีกอย่างหนึ่งที่ประเมินราคาไม่ได้

ทั้งหมดนี้เป็นแค่คำบอกเล่าต่อๆ กันมา ถ้าเมื่อไรทางเวปพลังวัตถุไปเจอของจริง หรืออันที่สัมผัสได้ว่า เป็นมณีใต้น้ำจริง จะนำมาเสนอ แต่ป่านนี้ยังไม่เคยเจอของจริงครับ คงต้องรอกันต่อไป

ข้อมูล - www.poweropject.com/index.php?mo=3&art=82823
ภาพ - www.watcharathath.com

10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-30 01:16 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"มณีใต้น้ำ เพชรพญานาค"
เป็นหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง หรือ ตามถ้ำริมแม่น้ำโขง
......จากเรื่องราวของแก้วมังกรหรือแก้วกายสิทธิ์ของนาคราชแห่งเมืองบาดาล เรื่องราวของธาตุกายสิทธิ์ที่เป็นแก้วสารพัดนึก แก้วกายสิทธิ์อันหาได้ยาก เรื่องราวที่เล่าขานจากรุ่นปู่รุ่นย่าถึงอภินิหารแห่งของกายสิทธิ์ชนิดนี้ แต่ในเวลาต่อมายุคเงินตราเป็นใหญ่ เรื่องราวหลายเรื่องของธาตุกายสิทธิ์อันวิเศษ


เรื่องราวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ก็ได้ถูกคนกลุ่มหนึ่งนำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาเป็นช่องทางในการทำมาหากิน โดยอาศัยความเชื่อของคนเราที่มีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเป็นช่องหากำไร อย่างเหล็กไหลจนกระทั่งมาถึงเพชรพญานาคของล้ำค่าแห่งนาคโลก

ตามที่มาของแก้วกายสิทธิ์จากเมืองบาดาลนี้ตามแต่โบราณหรือที่มาในยุคต้นๆ นั้นของเพชรพญานาคมาจากการที่ทางวัดพระธาตุมหาชัยได้มีการพบแก้วปะกำหรือเพชรพญานาค โดยมีญาติโยมบางท่านนำมาถวายและได้ทำการบรรจุไว้ในเจดีย์พระธาตุมหาชัย เรื่องราวในครั้งนั้นได้จุดประกายเรื่องราวเพชรเมืองบาดาลให้ตื่นเต้น และยังทำให้หลายท่านต้องการครอบครอง

ต่อมาไม่นานได้มีข่าวของฆราวาสนักบุญผู้หนึ่ง ซึ่งมีการให้บูชาเพชรพญานาคของดีจากเมืองบาดาล โดยมีเจ้าศรีสุทโธเป็นผู้อนุญาตให้นำออกมาสู่โลกมนุษย์ได้ เพื่อจะได้คนศรัทธามาทำบุญกันทราบว่า เมื่อแรกนั้นเพชรพญานาคก้อนนึงตกราคาเป็นแสน ทั้งนี้มีข้อมูลอีกว่าได้มีการจำแนกสรรพคุณของเพชรกายสิทธิ์ล้ำค่านี้ตามสีสันที่พบเจอ โดยแบ่งออกเป็น ๗ - ๙ สี ดังนี้ คือ

การแบ่งตามวรรณะตามโทนสีของเพชรนาคา สามารถแบ่งออกได้คือ
1. สีนำเงิน วรรณะกษัตริย์
2. สีฟ้าน้ำทะเล วรรณะเชื้อพระวงศ์
3. สีเขียว วรรณะนักบวช,ผู้ทรงศีล
4. สีแดง วรรณะนักรบ,ขุนพล
5. สีม่วง วรรณะขุนนาง
6. สีขาว วรรณะ กลาง
7 .สีเหลือง, สีส้ม, สีชมพู วรรณะทั่วไป


ความหมายตามสีสันของเพชรนาคา ก็คือ

1. สีขาว หมายถึง พลังบารมีพุทธคุณหรือบารมีขององค์มหาพระโพธิ ที่ได้ทรงบำเพ็ญเพียรถือศีลภาวนาปฏิบัติธรรมลดละกิเลสตัณหาอุปทาน ให้วางจิตให้อยู่ในสายกลางไม่มีบุญไม่มีบาป มีสติเป็นผู้รู้(เกิดปัญญา)เท่าทันในสภาวะปัจจุบัน เกิดความใสสะอาดบริสุทธิ์ มีจิตใจเยือกเย็นหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ เหมาะกับผู้ที่มีจิตใจอ่อนไหวรวนเรไม่มีความมั่นใจ

2. สีแดง หมายถึง สีแห่งกำลังฤทธิ์อำนาจ กล้าหาญเด็ดเดียวความคิดฉับไหวเฉียบคมดุดัน ตัดสินใจรวดเร็วตรงเป้าหมายทันอกทันใจ เป็นที่เคารพน่าเกรงขาม ผู้ที่ได้ครอบครอบเพชรนาคาสีแดงนี้จะต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมฝึกฝนให้จิตมี ”สติ” รู้เท่าทันอารมณ์ มิเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีเกิดขึ้น ทั้งตนเองและผู้อื่น

- สีแดงเป็นสีที่บ่งบอกถึง ”โทสะจริต” ที่มีความต้องการให้ทันอกทันใจรวดเร็ว บางครั้งไม่เป็นตามที่เราต้องการก็จะเกิดอารมณ์โมโหโกรธขึ้นมานี้ละตัวร้าย ยิ่งเพชรนาคาที่มีสีเข้มขึ้นมากเท่าใดยิ่งจะมีพลังทางลบมากเท่านั้น มันจะเผาผลาญทั้งกายและจิตใจให้เกิดความหม่นหมองมืดมัวเศร้าสร้อยไปทางทุคติที่ไม่ดี

2.1.สีแดงพิเศษ…จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาวประมาณ 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่พลังอานุภาพฤทธิ์อำนาจสูงกว่าสีปกติมาก เพราะจะเป็น”เพชรนาคาสีแดงขอบดำ ครูบาอาจารย์บอกว่า ”เป็นพลังอนันตจักรวาล”

- ผู้ที่สามารถที่จะครอบครองได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาบารมีที่ได้สร้างสมมาจากอดีตชาติไว้มาก หรือและต้องเป็นผู้ที่มี ”จิต” เป็นฤทธิ์เดชตบะมหาอำนาจที่ฝึกฝนมาทางนี้ มิเช่นนั้นไม่สามารถที่จะรองรับพลังอานุภาพของเพชรนาคาที่มีพลังอนันตจักรวาลได้

3.สีเขียว หมายถึง อำนาจจิตที่มีความเมตตาเย็นกายเย็นจิต มีเดช ตบะบารมีของผู้ทรงธรรมที่มีจิตสัมผัสทางโลกลี้ลับเหล่าเทพพรหมเทวดา มีพลังอำนาจลี้ลับไหลเวียนเป็นกระแสล้อมรอบตัว ทำให้จิตมีความสงบเยือกเย็นมั่นคงแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ

- ยิ่งสีเข้มยิ่งมีอานุภาพของพลังที่สื่อผ่านมาจากเพชรนาคาจนเย็นยะเยือก เป็นที่เคารพนอบน้อมเป็นที่น่าเชื่อถือไม่ว่าจะทำสิ่งใดพูดจาอะไร เป็นเหตุที่เกิดมาจากการบำเพ็ญเพียรตบะบารมี”สัจจะอธิษฐาน”ที่ไม่พูดปดมดเท็จหลอกลวงตลบแตลง และเป็นสีของกายทิพย์ผู้เป็นจอมเทพใหญ่ในสวรรค์ชั้นฟ้าทรงช้างเอราวัณ 3 เศียรที่มีอำนาจฤิทธานุภาพจ้าวแห่งสรวงสวรรค์แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

4. สีเหลือง หมายถึง ความนุ่มนวลมีสง่าราศีสีที่แสดงถึงความมั่งคั่งมีโชคมีลาภไหลมาเทมา มีความเจริญสดใสรุ่งเรืองดัง ”ทองคำ” ที่มีคุณค่าในตัวเอง กระแสแห่งสียิ่งสีสดใสเท่าใดยิ่งมีกระแสแห่งโชคลาภทรัพย์สินเงินทองเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น เป็นกระแสที่ทำให้น่าเกรงขามเคารพศรัทธาในความมีสง่าราศีดังเจ้าขุนคุณนายเจ้าพระยาผู้มีศักดิ์มีศรี จะได้รับการช่วยเหลืออนุเคราะห์สงเคราะห์ทำให้หน้าที่กิจการเจริญก้าวหน้าราบรื่น

- หมายเหตุ… ผู้ใดได้เพชรนาคาสีเหลืองไว้ครอบครองจะต้องมีจิตใจที่ชอบทำบุญทำทานเป็นนิจวัตร มีน้อยทำน้อยมีมากเท่ามากตามกำลังของตนเองและต้องเป็นผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม ยิ่งจะส่งผลให้เกิดกระแสแห่งทานบารมีที่บริสุทธิ์ส่งเสริมพลังเพชรนาคาสีเหลืองและองค์เทพที่รักษาดูแลมีบุญบารมีเพิ่มขึ้น



9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-30 01:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้วนาคราช หรือ "ปัฐวีธาตุ" จากลำน้ำโขง
......ธาตุกายสิทธิ์อีกชนิดนึ่งที่พบได้ในบ้านเรา กายสิทธิ์ชนิดนี้เป็น "หินแก้ว" ที่เกิดอยู่ภายใต้ลำน้ำโขง กายสิทธิ์ชนิดนี้แหละครับที่เราจัดว่าเป็น "เพชรพญานาค" โดยแท้เพราะมีอิทธิฤทธิ์สูงส่งมาก ครูบาอาจารย์ที่มีญาณสื่อกับพญานาคได้ ท่านจะนำเอาหินชนิดนี้มาทำการเสกอธิฐานให้เป็นของที่มีฤทธิ์เพิ่มขึ้นตามใจปราถนา ฝากให้พญานาคท่านช่วยดูแลคุ้มครองผู้ที่ได้รับ

ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ไป ผู้ที่ได้ฌานได้ญาณหลายท่านเมื่อนั่งตรวจดูด้วยทางใน ก็มักพบว่ามีเทพยดาที่เป็นนาคราช หรือพญานาครักษาดูแลอยู่ แม้ว่าเป็นหินที่อาจหาพอได้ตามแม่น้ำลำธารแต่ก็ประมาทไม่ได้ ในธรรมชาตินั้นมีสิ่งที่เราไม่รู้ไม่เห็นเสมอดั่ง เช่น "หินแก้วใต้น้ำ" หรือที่เรียกกันว่า "ปฐวีธาตุ"

ลักษณะของ "ปฐวีธาตุ" นั้นมีรูปร่างกลมบ้าง แบนบ้าง บางชิ้นเรียวยาวเป็นรูปลักบี้ และมักมีลัษณะมน เนื่องจากถูกกระแสน้ำพัดกลิ้งไปมาอยู่โดยตลอด อำนาจจากกระแสน้ำได้ทำการเจียหิน กลึงหิน ด้วยอำนาจจากธรรมชาติจึงทำให้หินแก้วเหล่านี้มีลักษณะกลมมน ดูแล้วสวยงามอย่างน่าอัศจรรย์ บางชิ้นอาจมีรูปทรงที่ไม่แน่นอน สีขาวใสคล้ายสาคู โปร่งแสน บางชิ้นก็ขาวขุ่น ใครเห็นแล้วก็จะรู้สึกชอบในรูปร่างของธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ทันที

บางท่านอาจเรียกว่า "เพชรพญานาค" ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะสิ่งนี้มีญาณพญานาครักษาดูแลอยู่ ในความเป็นจริงเราอาจพบปฐวีธาตุหรือหินปก้วใต้น้ำได้จากหลายๆ สถานที่ แต่สำหรับสถานที่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแก้วใต้น้ำที่มีคุณภาพดีที่สุด ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดต้องเป็นหินแก้วใต้น้ำที่มาจากแม่น้ำโขงเท่านั้น ทั้งนี้เพราะแม่น้ำโขงเป็นเวียงวังของเหล่าบรรดา "นาคราช" ทั้งปวง เป็นสายน้ำแห่งความศักดิ์สิทธิ์

หินปฐวีธาตุนี้ ถือว่าเป็นกายสิทธิ์จากเมืองบาดาล เป็นบริวารของดวงแก้วบรมจักรพรรดิ บางชิ้นนี้มีกายทิพย์ชั้นจุลจักรรักษา บางชิ้นมีกายในเป็นพระมหาจักรพรรดิ บางชิ้นมีกายในเป็นพระบรมจักรพรรดิ์ก็มี ต้องให้ผู้ที่ได้ตาใน หรือได้ธรรมกายตรวจสอบดูจึงทราบได้แน่ชัด

นอกจากนี้กายสิทธิ์จากลำน้ำโขง ปฐวีธาตุยังถือว่าเป็นกายสิทธิ์ที่มีพลานุภาพจากธาตุน้ำ หรือเด่นในอาโปธาตุ ผู้ที่บูชาจะพบกับความร่มเย็นเป็นสุข และเกิดความอุดมสมบูรณ์แก่บุคคลผู้นั้น เพราะตามธรรมชาติธาตุน้ำ เป็นธาตุแห่งความอุดมสมบูรณ์ และยังมีอำนาจทางเส่นห์เมตตามหานิยมอย่างยอดเยี่ยมด้วย

แก้วกายสิทธิ์จากลำน้ำโขง ที่เรียกว่า "ปฐวีธาตุ" นี้นับว่าเป็นแก้วจักรพรรดิชนิดนึง ที่ให้คุณทางด้าน บันดาลลางสังหรณ์ บันคาลความสำเร็จ ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้ที่มีไว้ในครอบครอง เป็นวัตถุธาตุที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารกับพญานาคได้ ผู้ที่ได้สมาธิจิตมีศีล สมาธิ ปัญญาอันอบรมดีแล้วท่านั้นจึงสามารถครอบครองกายสิทธิ์ชนิดนี้ได้ และสามารถนำกายสิทธิ์ชนิดนี้มาอธิฐานจิต เพื่อประกอบการกุศลได้ด้วย

"แก้วปฐวีธาตุ" หรือ "แก้วนาคราช" นี้ถือว่าเป็นดวงแก้วที่มีตัว คำว่า "มีตัว" ในภาษาชาวบ้านนั้นหมายถึงมีชีวิต มีจิตใจจิตวิญญาณอยู่ภายในนั้นเอง สามารถแสดงฤทธิ์ด้วยตัวเองได้ ดูเป็นของตายแต่ที่จริงเป็นของมีชีวิต หากดวงแก้วนาคราชเห็นว่าผู้ใดไม่ควรอยู่ด้วยท่านก็จะเสด็จหนีหายไป แต่หากปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านย่อมบันดาลสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้น รวมทั้งอาจทำให้องค์อื่นๆ เสด็จมาเพิ่มอีกอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง

ทั้งหมดนี้เป็น "ตำนานแก้วนาคราช" โดย. ป๊อก เชลซี ทิพยจักร
ที่มา - หนังสือธาตุกายสิทธิ์พิชิตโรค


8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-30 01:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
บ่งบอกลักษณะผู้เป็นเจ้าของ

“เพชรนาคา” นั้นสามารถบ่งบอกลักษณะนิสัยหรือข้อติดขัด (วาระกรรม) ของผู้ที่ครอบเป็นเจ้าของ เพราะธาตุกายสิทธิ์นี้ เมื่อได้เลือกผู้ใดบุคคลใด จะเชื่อมกำลังบารมีซึ่งกันและกัน คล้ายดังเป็นดวงจิตเดียวกัน มีพลังอำนาจที่จะบ่งบอกจุดบกพร่องจุดที่จะต้องพัฒนา เพื่อยกระดับภูมิจิตภูมิธรรมและเพื่อแก้ไขสภาวะกรรมที่เป็นอกุศลที่ได้ตามติดมาจากอดีตที่จะส่งผลในชาติปัจจุบันนี้ (ไม่เกินกฎแห่งกรรมที่หนัก)

ที่สำคัญเพชรนาคานี้สามารถ “ขยายโตใหญ่และเล็กลงได้ เกิดความขุ่นใสเปลี่ยนสีได้” ตามระดับภูมิจิตภูมิธรรมของผู้ที่ครอบครองประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรมแค่ไหน เพชรนาคามีพลังงานของธรรมชาติที่สะสมประมวลธาตุมานานหลายล้านล้านปีประมาณมิได้ ย่อมสามารถที่จะ “เปิดสภาวะกรรม” ให้รู้ให้เห็นได้ และมีพลังที่สามารถลดกระกรรมหนักให้สลายเป็นเบาได้

แต่ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสภาวะกฏแห่งกรรมได้ นอกจาก “จิต” ผู้เป็นเจ้าของต้องเป็นผู้พฤติปฏิบัติในแนวทาง “ศีลอริยะมรรค” ก่อกำเนิดพลัง “โลกุตระ” ยกภูมิจิตยกภูมิธรรมให้จากอบายภูมิมีสัตว์และสัตว์เดรัจฉาน เป็นการ “อโหสิกรรม” กันไป
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-30 01:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การอธิษฐานจิตบูชา

การอธิษฐานจิตบูชา ”เพชรนาคา” นั้นมีเครื่องสักการะบูชา
1. ธูป 5 ดอก ,
2. เทียน 2 เล่ม ,
3. พวงมะลิหรือพวงมาลัย

จุดธูปเทียนตั้ง ”นะโม 3 จบ ,ท่องไตรสรณคม , อาราธนาศีล 5 , บทพุทธคุณ , ธรรมคุณ , สังฆคุณ และคาถาบูชา โอม อุ อะ มะ นะ โม พุท ธา ยะ ยะ สะ สุ มัง” ต่อด้วยการตั้งจิตอธิษฐานตามที่ต้องการ (ไม่เกินกำลังของกฏแห่งกรรม)

หมายเหตุ : แต่ในเว็บ suvannaka.com แนะนำว่า..เมื่อได้รับ "เพชรพญานาค" หรือ "วัชรธาตุเพชรนาคา" มาแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำมนต์ก่อน แล้วเช็ดด้วยผ้าขาวสะอาด ก่อนนำใส่พานหรือผอบ บูชาด้วยธูป 10 ดอก เทียนขาว 10 เล่ม ดอกดาวเรืองหรือดอกไม้อะไรก็ได้ที่พอจะหาได้จำนวน 10 ดอก ผลไม้ 5 อย่าง

"เพชรพญานาค" หรือ "วัชรธาตุเพชรนาคา" ให้วางใส่พานเล็กๆ หล่อด้วยน้ำไว้ในที่อันควร แล้วตั้งจิตอธิฐานบูชา จะนำมาซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง และมีโชคลาภกับทุกท่านที่ครอบครอง คาถาบูชา ตั้ง นะโม 3 จบ แล้วกล่าว คัด-สะ-มะ-อุ-มะ ทุกวันพระบูชาด้วยน้ำผลไม้ ถวายพวงมาลัย และถวายน้ำมะพร้าวอ่อน
ต้องการทำนำมนต์ โดยการหาขันใส่น้ำสะอาด อัญเชิญ ”เพชรนาคา” ลงแช่ในน้ำ พร้อมกับการจุดธูปเทียนบูชาท่องคาถา พร้อมกับสำรวมกายวาจาใจให้สงบนิ่งสักอึดใจหนึ่ง แล้วตั้งจิตอธิษฐานด้วยความแน่วแน่ตั้งมั่นจบด้วยบทแผ่เมตตา เมื่อสำเร็จสมหวังดังที่ได้อธิษฐานทุกครั้ง จะต้องทำบุญใส่บาตร, ถวายสังฆทาน, ถวายพระพุทธรูป เป็นต้น อุทิศถวายให้ ”พระแม่ธรณี,หลวงปู่เทพโลกอุดร, ปู่ทวดนาคราชสุนันโท, นาคานาคีเงือกบริวารทั้งหลาย ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรเป็นที่ตั้ง” ซึ่งจะเป็นการสร้างกุศลผลบุญบารมีไปในตัว

การอธิษฐานเพชรนาคา 9 สี นำมาบรรจุรวมกันในภาชนะเดียวกัน แล้วอธิษฐานและหมุนตามเข็มนาฬิกา คือหมุน 1 ครั้งป้องกันภัย , หมุน 2 ครั้งป้องกันภูติผีปีศาจ , หมุน 3 ครั้งขอโชคลาภ , หมุน 4 ครั้งสะท้อนป้องกันสิ่งไม่ดี ( ป้องกันการทำร้ายจากศัตรู ) , หมุน 5 ครั้งป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน , หมุน 6 ครั้งรักษาโรค , หมุน 7ครั้ง ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข ( สามี,ภรรยารัก ) , หมุน 8 ครั้งถ้าไม่สบายรักษาตนเอง , หมุน 9 ครั้งชนะศัตรูหมู่มาร

หลังจากเสร็จสิ้นจากการที่นำเพชรนาคาติดตามตัวเช่น เป็นเครื่องประดับเป็นหัวแหวน, เป็นจี้ห้อยคอ, เป็นสร้อยข้อมือก็ตาม หรือนำมาบูชาเอาไว้ที่บ้าน ควรที่จะจัดหาพานรองรับตามความเหมาะสม วางผ้าแดงผ้าขาวรองพื้นก่อนที่นำเพชรนาคา หรือเครื่องประดับที่มีเพชรนาคาวางลงบนพาน และจัดหาขันหรือถ้วยใส่น้ำสะอาดโรยมะลิร่วงวางบูชาไว้ตรงด้านหน้าพานที่วางบรรจุเพชรนาคาอยู่ ควรจะเปลี่ยนน้ำสะอาดทุกวันหรือวันเว้นวันตามความเหมาะสม

น้ำที่วางบูชาเพชรนาคานี้เป็นน้ำมนต์ที่มีพลังอานุภาพ ใช้ดื่มกินอาบราดทั่วตัวไล่สิ่งไม่ดีสิ่งไม่ดีเสนียดจัญไรที่มาเกาะติดตามตัวเรา เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นเกราะคุ้มกันปกป้อง พร้อมระลึกขอบารมี "ปู่ทวดนาคราชสุนันโท" กำหนดเห็นเป็นรูปองค์พญานาคมาขดล้อมรอบตัวของเรา ส่องแสงสว่างเป็นรัศมีกระจายรอบตัวประมาณ 1 วา หรืออาจจะหาขันหรือภาชนะที่ใส่น้ำสะอาด พร้อมขันหรือภาชนะเล็กที่ลอยน้ำได้เพื่อนำเพชรนาคาหรือเครื่องประดับมีเพชรนาคาวางอยู่ในขันหรือภาชนะที่ลอยน้ำได้
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-30 01:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
รูปร่างสัณฐานสีสันของเพชรนาคา

"เพชรนาคา" หรือ "เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง" นั้น มีรูปร่างหลายสัณฐานหลายขนาดหลายสีสัน เพชรนาคาสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 3 สัณฐานใหญ่คือ

1. สัณฐานลูกรักบี้ จะมีรูปร่างกลมยาวเรียวหัว-ท้ายเรียวมนคล้ายหัวจรวด จะมีความยาวประมาณตั้งแต่ 2-3 ซ.ม.จนถึง 9-10 ซ.ม. สามารถแบ่งเป็นประเภท
1.1 เป็นเพชรนาคา ,
1.2 เป็นเหล็กไหลชนิดดูดติดเหมือนแม่เล็ก หรือแบบดูดไม่ติด

2. สัณฐานเหมือนพลอยหลังเบี้ย จะมีรูปร่างสัณฐานแบ่งออกได้อีก 2 แบบคือ
2.1. รูปกลม (แฮมเบอเกอร์) จะมีรูปลักษณะทรงกลมตรงกลางจะนูนขึ้นมาดังหลังเบี้ยทั้งสองด้าน ด้านข้างจะสามารถมองเห็นคล้ายขอบรอยเชื่อมของเพชรนาคา จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์ตั้งแต่ 7 มิลลิเมตรถึง 1 ซ.ม.กว่าๆ
2.2. รูปวงรี จะมีรูปทรงเป็นวงรีตรงกลางจะนูนขึ้นมาดังหลังเบี้ยทั้งสองด้าน จะมีขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรจนกระทั่งมีความถึงยาว 1-2 นิ้ว

3.สัณฐานกลมแบบลูกแก้ว จะมีลักษณะกลมเป็นลูกแก้ว แต่สังเกตุดูดีๆ แล้วบางเม็ดจะมีรอยขอบ รอบๆ มีตั้งแต่ขนาดเม็ดเท่าปลายนิ้วก้อย ( ประมาณ 1 ซ.ม.) จนถึงขนาดเท่าไข่ไก่

4.สัณฐานพิเศษที่หายาก จะมีคือ..
4.1 ลักษณะลูกสมอจันทน์ จะมีลักษณะออกจะกลมคล้ายดังลูกแก้ว เหมือนกับสัณฐานกลมหลังเบี้ยแบบที่ 2.1 จะมีขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณเกือบ 2 ซ.ม. หรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้ง
4.2 ลักษณะเป็นเขี้ยวแก้ว จะมีลักษณะรูปทรงสัณฐานเป็นเขี้ยว จะมีความยาวประมาณหนึ่งข้อนิ้วก้อยนิดๆ จนกระทั่งมีความยาว 6 - 7 นิ้ว
4.3 ลักษณะรูปหยดน้ำ จะมีลักษณะรูปทรงคล้ายหยดน้ำขนาดใหญ่ประมาณปลายนิ้วก้อย
4.4 ลักษณะเป็นฟันกราม จะมีลักษณะรูปทรงคล้ายฟันหน้าหรือฟันกรามของคน จะมีส่วนที่ยื่นออกมาดังรากฟัน จะมีหลายขนาดทั้งฟันกรามเล็กฟันกรามใหญ่
4.5 ลักษณะรูปหัวใจ
4.6 ลักษณะรูปดอกบัว
4.7 ลักษณะรูปหงอนพญานาค
4.8 ลักษณะเป็นไข่

ซึ่งเพชรนาคานั้นจะมีสีสันที่สวยงามส่องแสงเป็นประกายมาก ยิ่งเอาไปส่องด้วยแสงไฟจะส่องเป็นประกายสีถึง 7 สี และจะมีความมันเงาแวววาว บางสัณฐานภายในคล้ายกับมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ หรือคล้ายกับมีดวงตาซ้อนอยู่ภายใน แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจนนั้น จะเป็นสัณฐานเหมือนพลอยหลังเบี้ย จึงนับว่าแปลกอัศจรรย์เป็นอย่างมาก

มีผู้ที่มีความชำนาญในการดูพลอยบอกว่า ถ้าพลอยดีชั้นดีเวลาส่องดูจะเห็นเป็นแถบสายรุ้ง ถ้าเป็นพลอยรองลงมาเวลาส่องดูจะเห็นเป็นประกายของสี ทั้ง 7 สี เมื่อนำเพชรนาคานำมาส่องดู (แบบสัณฐานที่2)บางเม็ดด้านหนึ่งส่องดูเห็นเป็นแถบสี พอพลิกดูอีกด้านหนึ่งส่องดูเห็นเป็นประกายสีเหมือนมีชีวิต เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก

ซึ่ง หลวงปู่พวง สุวีโร วัดป่าปูลูสันติวัฒนา จ.อุดรธานี ได้เล่าให้ฟังว่า ลูกศิษย์ท่านได้นำไปตรวจสอบตรวจดูที่ต่างประเทศ ซึ่งผลปรากฏว่ามีคุณค่าเกือบจะเท่าอัญมณี แต่ก็ถือว่าเป็นแร่รัตนชาติชนิดหนึ่งที่มีคุณค่า

การแบ่งสีสันของเพชรนาคานั้น สามารถที่จะแบ่งออกได้ 3 ประเภทก็คือ

1. สีอ่อนแต่ใส
2. สีเข้ม
3. สีเข้มออกโทนเทาดำ

จะมีอานุภาพพลังที่แตกต่างกันไป ตามสีสันและตามขนาดสัณฐานด้วย ยิ่งออกเป็นสีในประเภทที่ 3 ยิ่งมีพลังลึกลับอาถรรพ์เพิ่มมากขึ้น

การแบ่งตามวรรณะตามโทนสีของ "เพชรนาคา" สามารถแบ่งออกได้คือ

1. สีน้ำเงิน วรรณะกษัตริย์
2. สีฟ้าน้ำทะเล วรรณะเชื้อพระวงศ์
3. สีเขียว วรรณะนักบวช, ผู้ทรงศีล
4. สีแดง วรรณะนักรบ,ขุนพล
5. สีม่วง วรรณะขุนนาง
6. สีขาว วรรณะ กลาง
7. สีเหลือง,สีส้ม,สีชมพู วรรณะทั่วไป

5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2015-4-30 01:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่เทพโลกอุดร เกี่ยวข้องกับเพชรนาคา

ตามความเป็นจริงแล้ว ผมไม่ต้องการที่จะกล่าวถึง หลวงปู่เทพโลกอุดร หรอกนะครับ แต่มีเหตุที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง “เพชรนาคา” ที่ผมได้รับและสัมผัสเป็นครั้งแรก ถ้าไม่กล่าวถึงเลยมันก็จะข้ามขั้นตอนไปเสียในความเป็นจริงที่เกิดกับตัวผมเอง และที่สำคัญผมเคารพสักการะบูชาหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์

ในวันหนึ่งผมเดินทางไปพบพี่จิม (นามสมมุติ) ที่บ้าน เพราะว่าพี่จิมได้บูชาเพชรนาคามาจากบุคลท่านหนึ่งก่อนหน้านี้หลายปี ผมได้อ่านข่าวที่ลงทางหน้าสื่อพิมพ์เกี่ยวกับเพชรพญานาคว่า เป็นการหลอกลวงเรียกเงินกันเป็นแสนๆ ว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์เป็นของอาถรรพ์ จึงทำให้ผมไม่ค่อยจะเชื่อถือเท่าใดนัก นี้นับเป็นครั้งที่จะได้เห็นของจริง

เมื่อได้สัมผัสเห็นของจริงแวบ..แรกที่สัมผัสเห็น ภายในจิตบอกว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ แต่ในความที่ผมได้อ่านข่าวคราวมา มันเลยทำให้จิตผมขุ่นมัวต่อต้านอยู่บ้าง ผมจึงขออนุญาตินั่งเข้าสมาธิสัมผัสดู ช่วงจังหวะนั้นเองปรากฏเห็นภาพหนึ่งขึ้นมา เห็นเป็นลักษณะมองเห็นทิวยอดไม้เห็นภูเขาสูง เหมือนดึงซูมภาพเข้าไปจนถึงปากถ้ำ เมื่อมองลงไปด้านข้างภูเขามองเห็นสายน้ำไหลคดเคี้ยวยาวมากอยู่พื้นดินด้านล่าง ก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำผมถอยออกมาจากสมาธิเสียก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้