ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

>> หนุมาน (เนื้อผง) สองอมตะผู้ไม่มีวันตาย <<

[คัดลอกลิงก์]
1#
โพสต์ 2013-5-3 22:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
2#
โพสต์ 2013-10-22 08:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-10-21 16:31
ลองบูชาหรือยังครับ
เสน่ห์เมตตาไม่แพ้ขุนแผนชมตลาดค ...

ขอยืนยันว่า ใช้แล้วเหมือนพี่เมธ ครับ
3#
โพสต์ 2014-6-25 21:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2014-6-25 22:01

กำเนิดหนุมาน (ฉบับสยาม)


บทละครเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ เป็นฉบับที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์เพื่อใช้เล่นละคร จึงมิได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ทั้งเรื่อง ทรงเลือกเฉพาะตอนที่จะนำมาแสดงละครได้เท่านั้น บางตอนทรงนิพนธ์ใหม่ทั้งเรื่อง ทรงเลือกเฉพาะตอนที่จะนำมาแสดงละครได้เท่านั้น บางตอนทรงพระราชนิพนธ์เอง บางตอนก็โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และกรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชา ตรวจชำระและจัดพิมพ์ในงานพระราชกุศลฉลองพระตำหนักจิตรดารโหฐาน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ และทรงพระราชนิพนธ์คำนำไว้ว่าเป็นหนังสือที่อ่านไม่เบื่อ เป็นภาษาไทยที่ดี และเป็นหนังสือสำคัญของชาติ

รามเกียรติ์ มีที่มาจากเรื่อง รามยณะ ที่ฤาษีวาลมิกิ ชาวอินเดีย แต่งขึ้นเป็นภาษาสันกฤต เมื่อประมาณ 2,400 ปีเศษ มาแล้ว และได้แพร่หลาย จากอินเดียไปยังประเทศใกล้เคียง และได้มีการเพิ่มเติมรายละเอียด ผิดแผกแตกต่างออกไปจากต้นฉบับเดิมไปไม่น้อย รามยณะเป็นปางหนึ่งในสิบปางของการอวตารมาปราบยุคเข็ญของพระนารายณ์ ที่มีชื่อว่า รามาวตาร

สำหรับเรื่องรามเกียรติ์ ของไทยนั้น มีมาแต่สมัยอยุธยา ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับให้ละครหลวงเล่น ปัจจุบันมีอยู่ไม่ครบ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อรวบรวมเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งมีมาแต่เดิมให้ครบถ้วน สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ได้ทรงพระราชนิพนธ์เพื่อใช้เล่นละคร จึงมิได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ทั้งเรื่อง ทรงเลือกเฉพาะตอนที่จะนำมาแสดงละครได้เท่านั้น บางตอนทรงนิพนธ์ใหม่ทั้งเรื่อง ทรงเลือกเฉพาะตอนที่จะนำมาแสดงละครได้เท่านั้น บางตอนทรงพระราชนิพนธ์เอง บางตอนก็โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และกรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชา ตรวจชำระและจัดพิมพ์ในงานพระราชกุศลฉลองพระตำหนักจิตรดารโหฐาน เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ และทรงพระราชนิพนธ์คำนำไว้ว่าเป็นหนังสือที่อ่านไม่เบื่อ เป็นภาษาไทยที่ดี และเป็นหนังสือสำคัญของชาติ






.ณ เชิงบันไดเขาไกรลาส มียักษ์นนทกคอยทำหน้าที่ล้างเท้าให้เหล่าเทวดาที่มาเฝ้าพระอิศวร

นนทกถูกเทวดาคอยกลั่นแกล้งตบหัวดึงผมเล่นอยู่เป็นประจำจนเส้นผมร่วงโกร๋น โล้นเตียน

สร้างความเจ็บช้ำและโกรธแค้นเป็นอย่างมาก




วัน หนึ่งเมื่อความอดทนขาดผึง นนทกจึงได้ ไปขอเข้าเฝ้าพระอิศวร

เพื่อให้ประทานนิ้วเพชรที่สามารถชี้ผู้ใดแล้วผู้นั้น ต้องตาย

พระอิศวรนึกสงสารจึงประทานพรให้ด้วยนนทกทำหน้าที่ด้วยดีมาตลอด




เมื่อได้รับพรให้มีนิ้วเพชรแล้ว นนทกก็เกะกะระรานใช้

นิ้วเพชรชี้เทวดาจนล้มตายเกลื่อนกลาด

บรรดาเทวดาน้อยใหญ่พากันเข้าเฝ้าพระอิศวรเพื่อร้องขอให้ปราบนนทก

พระอิศวรจึงทรงมีบัญชาให้พระนารายณ์ไปปราบนนทก

พระ นารายณ์แปลงกายเป็นนางอัปสรผู้มีสิริโฉมงดงามไปหลอกล่อ

ฝ่ายนนทกเห็นนางอัปสรก็ตามเกี้ยวพาราสี นางจึงชวนร่ายรำด้วยกัน

เมื่อร่ายรำจนถึงท่านาคาม้วนหาง นนทกเผลอใช้นิ้วเพชรชี้ที่ขาของตนเองจนหัก

นางอัปสรจึงกลายร่างเป็นพระนารายณ์ขึ้นยืนเหยียบที่ยอดอกของนนทก



นนทกเมื่อรู้ตัวว่าพลาดท่าเสียทีจึงร้องว่า

“ดูเอาเถิด ตัวรึมีถึงสี่กร ยังมารังแกเราได้ หรือว่าเกรงกลัวนิ้วเพชรของเราจึงไม่กล้าสู้กันซึ่งๆหน้า”

พระนารายณ์จึงท้านนทกไปว่า

" เหม่ เหม่ อ้ายยักษ์อวดดี..!!!

ข้าจะให้เอ็งไปเกิดใหม่มีสิบหน้า ยี่สิบมือ เหาะเหินเดินอากาศได้

มีอาวุธทั้งกระบองและธนู

ส่วนข้าจะเป็นเพียงคนธรรมดามีแค่สองมือแล้วลงไปฟาดฟันเอ็งบนโลกมนุษย์"

เมื่อกล่าวจบก็ใช้พระแสงตรีตัดหัวนนทกกระเด็นหลุดจากบ่า


เมื่อนนทกถูกพระนารายณ์ฆ่าแล้ว ก็กลับชาติมาเกิดเป็นทศกัณฐ์ ลูกท้าวลัสเตียน

เจ้าเมืองลงกา ทศกัณฐ์มีสิบหัว สิบหน้า ยี่สิบมือ

ดังที่พระนารายณ์พูดไว้แม่ของทศกัณฐ์ชื่อนางรัชดา มีลูก 6 คน

คือ กุมภกรรณ พิเภก ทูต ขร ตรีเศียร และคนสุดท้องเป็นหญิงชื่อ นางสำมนักขา


เมื่อพระนารายณ์ได้สำเร็จกิจชำระความ นนทก แล้ว

ได้นำความไปทูลรายงานแก่องค์พระอิศวรมหาเทพ

พระอิศวรใคร่ปรารถนายลโฉมนางฟ้าเทพอัปสร(พระนารายณ์แปลง)

พระนารายณ์จึงร่างเป็นเทพอัปสรและได้ร่ายรำให้พระอิศวรยล

ด้วยทิพยอำนาจพิศมัยรำจวนจิตพิสวาท แห่งนางอัปสร

พระอิศวรท่านเคลิ้มจนน้ำหฤหรรษ์เคลื่อนโดยไม่รู้ตัว

ท่านจึงเก็บน้ำหฤหรรษ์ ไว้ เพื่อการใหญ่ที่จะอุบัติในกาลหน้า







4#
โพสต์ 2014-6-25 22:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด



กำเนิดหนุมานไทยนั้นต่างจากหนุมานแขกที่เป็นต้นฉบับไม่น้อย

หนุมานไทยเกิดจากเทคโนโลยีทางชีวภาพที่พระอิศวรดีไซน์ไว้

ที่จริงเป็นความก้าวหน้าทางชีวภาพผสมผสานกับการพัฒนาอาวุธ

คือทางชีวะใช้น้ำหฤหรรษ์ซึ่งพระอิศวรท่านเคลิ้มปล่อยออกมา

ตอนทอดพระเนตรนางฟ้านารายณ์แปลง

ทางระบบอาวุธก็คือใช้อาวุธสามอย่าง อันมี

จักรแก้ว คทาแก้ว ตรีเพชรสุรกานต์

เอามาทำเป็นร่างหนุมาน

เรื่องนี้คล้ายหนังฝรั่งประเภทหุ่นยนต์ ไซบอกซ์เลย



พระพายเป็นธุระนำ น้ำหฤหรรษ์และเทพอาวุธทั้งสาม

ไปใส่ปากนางสวาหะ (กรรมวิธียังกับการการผสมเทียมในโลกปัจจุบัน)

ได้ก่อกำเนิดหนุมานชาญสมรผู้เรืองฤทธิ์

เป็นการกำเนิดหนุมานฉบับรามเกียรติ์ ที่เรื่องฤทธิ์ ยิ่งกว่าหนุมานรามายณะเสียอีก

แถมเจ้าชู้ประตูดิน สุดๆ

จนแขกเจ้าของรสต้นตำหรับยังอ้าปากค้าง


0)



5#
โพสต์ 2014-6-25 23:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เมื่อหนุมานถูกบรรจงสร้างผสมผสานมนต์พระเวทย์จึงมีอาถรรพ์ร้อนแรง
จนผู้ศึกษาพระเวทย์อย่างเชี่ยวชาญต้องตัดคาถาบางตัวออก
เผื่อเลี่ยงอาถรรพ์หนุมาน ยันต์หนุมานบ้างตัวที่โบราณคณาจรรย์
ท่านรจนาไว้แรงจนเกินไป
ครูบาอาจารย์ในชั้นหลังจึงจำเป็นต้องลดบางอย่าง
เพื่อความเหมาะสม  
เพื่อให้เป็นคุณมากกว่าเป็นโทษแก่ผู้บูชา




6#
โพสต์ 2014-6-25 23:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2014-6-25 23:18

อาถรรพ์หนุมานหินอ่อนสีชมพู

เบื้องหลังความโด่งดังของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์



    คืนวันที่  ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐ จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ ได้นำกำลังทหาร ทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ลงอย่างง่ายดาย พร้อมกับการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แห่งอำนาจอย่างเด็ดขาดในประเทศไทย ด้วยการประกาศกฏอัยการศึกทั่วประเทศ ท่านจอมพลใช้มาตรา ๑๗ สั่งการกับ มือวางเพลิง จอมอันธพาล สิงห์เฮโลอีน และผู้บ่อนทำลายชาติ คนต่อไปและคนต่อไปอย่างไม่เกรงกลัวใคร ซึ่งการสั่งยิงเป้าแต่ละครั้ง เป็นการเสริมสร้างพลังแห่งความกลัวเกรงของผู้กระทำความผิดเป็นลำดับๆ จนเมืองไทยสงบราบคาบ ด้วยอาชญากรรมต่างๆ อย่างสิ้นเชิง

         แต่ทว่า ท่ามกลางความสงบราบเรียบของบ้านเมือง กลับเป็นผลร้ายพอกพูนไว้กับ ท่านจอมพลเสมือนถูกฟ้าดินลงโทษ กับผู้มีบาปทางการเมืองอย่างท่านจอมพลสฤษดิ์ มีอาการเพียบหนัก จนถึงขั้นต้องบินไปผ่าตัดม้ามที่สหรัฐอเมริกา แพทย์ขีดเส้นตายไว้ไม่เกิน ๑ ปี ช่วงนี้เองที่เหล่าสมุนซ้ายขวาผู้จงรักภักดีต่อ พณ.ท่านเริ่มกระสับกระส่ายโดยเฉพาะอดีตกุนซือรัฐมนตรี X ถึงกับวิ่งพล่านไม่เป็นอันกินอันนอนไปด้วย


           อาจารย์เต็ง จิตตะวณิช ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังกับการแกะสลักจากสมาธิ (ซึ่งเคยแกะสลักตราจักรีจากหิน สลักพญาหงส์เหยียบคฑา และราชสีห์หยก น้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาแล้ว) เมื่อปี ๒๕๐๐ จากการใช้สมาธิจิตจนเกิดนิมิตเป็นรูปที่จะแกะแล้วสลักขึ้นตามนั้น โดยที่ตนเองไม่เคยมีความรู้เรื่องการแกะสลักมาก่อนเลย (ว่ากันว่าทำได้เพราะบารมีเทพ)

          ชื่อเสียงอาจารย์เต็ง เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ผู้บ้าอำนาจของเมืองไทย อดีตรัฐมนตรี x จึงมาว่าให้อาจารย์เต็ง แกะสลักรูปหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือน เพื่อต่ออายุให้ท่านจอมพลฯ  รูปหนุมานหาว  ตรงกับปีเกิดของ  ฯ พณ ฯ  จอมพล  สฤษดิ์  ธนะรัชต์  คือปีวอก  ( เกิดเมื่อวันอังคารที่  ๑๖  มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๑  ตรงกับแรม  ๓  ค่ำ  เดือน  ๗  ปีวอก )  หมายถึงลิงหรือหนุมานในเรื่องรามเกียรติ์  และหมายถึงอำนาจ,  ทหารเอก


             อาจารย์เต็งเข้าสมาธิ เห็นเป็นเหตุร้ายจะบังเกิดแก่ตน และโดยเฉพาะ ผู้มาว่าให้ทำอย่างเด่นชัด จึงปฏิเสธไม่รับทำ  และขอร้องให้รัฐมนตรี X เลิกคิดจะทำการต่ออายุ พณฯท่านเสีย ไม่งั้นตัวเองจะรับเคราะห์แทน แต่ด้วยความซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย อดีตรัฐมนตรี X  ยอมรับเคราะห์กรรมแทนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำพิธีต่ออายุ   จากนั้นพิธีประกอบเป็นตัวหนุมานอันลือลั่นจึงเกิดขึ้นมาในคืนวันเพ็ญ

โดยรัฐมนตรี X ยอมลงทุนไปขุดดิน ๗ ป่าช้าด้วยตนเอง ครั้งสุดท้ายที่ไปขุดดินกลางท้องสนามหลวง เที่ยงคืนของคืนพระจันทร์เต็มดวง ขณะที่ปักธูปขอขมาอธิษฐานต่อเทพยดาและบูรพมหากษัตริย์ไทย สุนัขจากทั่วทุกสารทิศก็หอนโหยหวนขึ้นพร้อมกันคล้ายจะเป็นสัญญาณว่าเทพเจ้าแห่งมฤตยู  ได้ย่างพระบาทเข้ามารับรู้การกระทำอันฝืนกติกาแห่งยมฑูต แต่รัฐมนตรี X ก็ใจแข็งพอที่จะหอบคินนั้นมาปั้นเป็นฤาษีนารท เพื่อทำพิธีได้อย่างปลอดภัย ส่วนข้างอาจารย์เต็ง ซึ่งกำลังไปขนหินอ่อนเพื่อมาแกะสลักที่เขาโชงก จ.นครนายก ก็ต้องผจญกรรมเสี่ยงต่อการเสืยชีวิตและรอดมาได้ แต่ก็ต้องเสียขาไปหนึ่งข้างเพราะอิทธิพลของหินอ่อนอันลือลั่น...


          เบื้องหลังการทำหนุมานหินอ่อนสีชมพูนี้ เต็มไปด้วยความลี้ลับนานับประการ ยากเย็นเข็ญใจกว่าจะสัมฤทธิ์ผลออกมา ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีอันเป็นไปจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียวตายเกลี้ยงอย่างน่าสงสาร แต่จะยากเย็นอาถรรพ์แค่ไหน ก็ไม่พ้นความสามารถของผู้มีพลังจิตอันกล้าแข็งของอาจารย์เต็งไปได้ ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่อาจารย์เข้าสมาธิ แกะสลักหนุมานหินอ่อน ตาทั้งสองข้างบวมแดงจนเกือบจะบอด ต้องพักแล้วรวมพลังอันแข็งกล้าฝ่าฟันมารร้ายจนลุล่วงเป็นรูปร่างหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือน ที่มีมือหนึ่งถือจักร มือหนึ่งถือพระขรรค์ยืนเงื้อง่าอย่างองอาจบนแท่นไม้เล็กๆที่ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น  ร่วม ๓ เดือน เพราะต้องเสียเวลาในการนำดินจาก ๗ ประเทศ พร้อมด้วยผงอิทธิเจ จากประเทศศรีลังกา   ด้าย ๙ สี ปิดลงในดวงจอมพลสฤษดิ์ บนแผ่นเงินแผ่นทอง ๓ แผ่น ที่สำคัญในตัวหนุมานตัวนี้ ใส่เครื่องผงลงกา  ลงไปด้วยนี่เองคือที่มาแห่งอำนาจในตัว พณฯท่าน ที่กำลังป่วยหนัก ถึงกับต้องให้น้ำเกลืออยู่ที่กองพล ๑
สามารถจะลุกขึ้นมาปฏิบัติการได้อย่างเฉียบพลัน เด็ดขาดแทบไม่น่าเชื่อ


                 แต่หนุมานหินอ่อนตัวนี้ ฤทธิกล้าแข็งเกินไปเสียแล้ว เพราะการอัญเชิญเหล่าเทพทุกชั้นฟ้ามาร่วมปลุกเสกจึงต้องทุบขา หนุมานออกเสียข้างหนึ่ง  แล้วใส่เดือยเหล็กทำขาปลอมขึ้นมาแทน ส่วนแขนที่ต้องเด็ดออกเสียข้างหนึ่ง

เพื่อลดอิทธิฤทธิ์ที่จะบ้าระห่ำลงไม่งั้น จอมพลสฤษดิ์ อาจจะเป็นนโปเลียนที่ ๒ ของโลกก็อาจเป็นได้ ...ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความลี้ลับในตัวหนุมานหินอ่อนตัวนี้แม้กระทั่งบัดนี้ นอกเสียจากอดีตรัฐมนตรี X ผู้ซื่อสัตย์ และอาจารย์เต็ง ผู้ประกอบพิธีมากับมือ  จวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของ พณฯ ท่านก็มาถึง ตามกำหนดของดวงในหนุมาน...

                 ที่ห้องดับจิต ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อ เวลา ๑๘ นาฬิกา ของวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๐๖ อันเป็นขณะเดียวกับที่บ้านกองพล ๑

บนห้องรับแขกอันเป็นที่ตั้งของหนุมานหินอ่อน

งกำลังหมุนติ้วอยู่หลายตลบและแล้วในที่สุด

ก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ในเวลาเดียวกัน

                 อวสานของ พณฯท่านจอมพลเผด็จการมาถึงแล้ว แม้จะต่ออายุมาได้ถึง ๒ ปี เต็ม ก็ไม่สามารถหนีความตายไปได้   รัฐมนตรี X ผู้ซื่อสัตย์ยอมรับเคราะห์กรรมจนตัวเองเกือบโดนโทษประหารในคดีฐานบ่อนทำลายชาติ ส่วนอาจารย์เต็งก็ต้องจบชีวิตอย่างน่าสงสารในเวลาต่อมาด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ปริศนา และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมลึกลับนี้อีกมากมายที่ต้องจบชีวิตลงไปพร้อมด้วยกัน



แหล่งที่มาบทความ
http://www.ubonpra.com/board/index.php?topic=2461.msg15312
7#
โพสต์ 2014-6-28 08:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
wind ตอบกลับเมื่อ 2014-6-28 02:25
เคยอ่านตำราหลวงพ่อกวยท่านว่า หนุมานบางตัวครูแรงอย ...

ที่พูดถึง
คงหมายถึงยันต์หนุมานตัวนี้




ยันต์นี้ ตามตำราท่านเรียกว่า หนุมานยกพล
ว่าด้วยตอนที่หนุมานยกธงเหาะแผลงฤทธิ์ ไปรบกับสิทธาสูร

หลวงพ่อกวยท่านเขียนเตือนไว้ว่า.

"อย่าเล่นครูแรงทำไม่ถูกต้อง จะเสียจิตร์ จะไม่มีวันหาย"


ส่วนผลข้างเคียงที่จะได้รับก็อาจจะเป็นคนเสียจริต
ออกอาการร้อนๆ ชอบตีรันฟันแทงอยู่เป็นนิจ



8#
โพสต์ 2014-7-21 09:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด


0)
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้