ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

>> หนุมาน (เนื้อผง) สองอมตะผู้ไม่มีวันตาย <<

[คัดลอกลิงก์]
21#
โพสต์ 2014-7-21 07:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-7-21 10:08






หนุมาน

มีพลังและความว่องไวล้ำเลิศ ไม่เพียงแต่เหาะเร็วดังลมเท่านั้น แต่หนุมานยังมีพลังยกถอนภูเขาได้ หดและขยายร่างได้ตามต้องการและล่องหนได้ เมื่ออยู่ในสงครามหนุมานจะมีลักษณะน่าสะพรึงกลัว กล่าวคือ ร่างใหญ่เท่าภูเขา ผิวกายเป็นสีเหลืองดั่งทองหลอม ผิวหน้าสีแดงดั่งทับทิม มีหางยาวมาก

หนุมานจะทำให้ศัตรูกระจัดกระจายโดยใช้เสียงคำรามอย่างน่ากลัว

หนุมาน เดินทางไปกรุงลงกา พร้อมกับพระราม กับกองทัพลิงและหมี เพื่อช่วงชิงนางสีดา มเหสีของพระราม ที่ถูกอสูรราพณ์จับตัวไป

วีรกรรมสำคัญของหนุมานก็คือ เหาะไปยังเทือกเขาหิมาลัยเพื่อนำสมุนไพรมารักษาบาดแผลของพระลักษณ์ พวกยักษ์ได้ขัดขวางหนุมาน แต่หนุมานก็มีชัย อสูรราพณ์หรือทศกัณฐ์ได้ส่งบริวารยักษ์มาฆ่า หนุมาน โดยตั้งรางวัลไว้ว่า ถ้าสำเร็จจะยกอาณาจักรให้ครึ่งหนึ่ง

หนุมานได้จับขาของยักษ์เหวี่ยงไปทางกรุงลงกาจนตกลงมาตายต่อหน้าบัลลังก์ของอสูรราพณ์ แต่หนุมานหาสมุนไพรไม่พบ หนุมานจึงยกภูเขาไปทั้งลูก การเหาะโดยแบกภูเขาทั้งลูกไปทำให้เกิดลมวน เมื่อผ่านกรุงอโยธยา พระภรตจึงคิดว่าเป็นการกระทำของอสูร จึงยิงลูกศรใส่ หนุมาน จนตกลงมา

เมื่อพบว่าเป็นหนุมาน พระภรตจึงไถ่โทษโดยการใช้ลูกศรยิง หนุมาน กลับไปกรุงลงกา
แต่หนุมานปฏิเสธและเหาะกลับไปเอง จากนั้นจึงนำสมุนไพรให้พระราม เมื่อสงครามที่กรุงลงกายุติลง

พระรามจึงให้รางวัลโดยการให้พรแด่หนุมาน ซึ่งขอเป็นอมตะ พระรามก็ประทานให้



ขอขอบพระคุณ : ย้อนรอยชมพูทวีป
22#
โพสต์ 2014-7-21 07:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
  

อุดมการณ์และความภักดี ของศรีหนุมาน
รุทธอวตาร (อวตารของพระศิวะ)

         บนภูเขาที่มีนามว่า ริศีมุก ณ ที่นั่น มีพญาวานรที่มีนามว่า เกสรี และนามของนางพญาวานรอันเป็นชายาของเขา นามว่า อัญชนา เพื่อความปรารถนาที่จะได้บุตรสักตัวหนึ่ง นางจึงกราบไหว้พระศิวะด้วยความภักดีอย่างยิ่ง พระศิวะทรงพึงพอใจกับด้วยความภักดีของเธอ และต้องการให้เธอได้สิ่งที่เธอต้องการ นางขอให้พระศิวะประทานบุตรให้แก่เธอให้มีความแข็งแรงเหมือนพระศิวะ พระศิวะทรงให้พรแก่เธอทันทีและบอกแก่เธอว่า การปรากฏเป็นองค์อวตารครั้งที่สิบเอ็ดของพระศิวะจะเกิดเป็นบุตรของเธอ ในเวลาต่อมา พระจันทร์เต็มดวงในเดือนไจตระ วันอังคาร การปรากฏครั้งที่สิบเอ็ดของพระศิวะก็ได้อุบัติขึ้นได้นามว่า ศรีหนุมาน

บทเรียนจากรูปแบบของวานร มีดังนี้

         หน้าตาของพญาวานรชื่อศรีหนุมานได้ให้บทเรียนแก่เราดังต่อไปนี้การที่เราจะได้มาซึ่งความนิยมนับถือ มันไม่สำคัญที่จะมีร่างกายสวยงามเท่านั้น แต่มันสำคัญอยู่ที่การบริการรับใช้ที่ปราศจากความเห็นแก่ตัวที่มีต่อผู้หลักผู้ใหญ่ และต่อประชาชน ไม่มีบุคคลใดที่มีรูปร่างสวยงามอย่างเดียวจะสามารถเอาชนะหัวใจของบุคคลอื่นได้และไม่สามารถที่จะเป็นผู้ภักดีที่แท้จริงได้ เว้นเสียแต่ว่าเขาผู้นั้นจะมีคุณสมบัติที่ดี ฉะนั้น มันมีความสำคัญที่จะกำจัดความเจ็บปวดของคนอื่น และทำการรับใช้โดยที่ไม่เห็นแก่ตัวต่อสังคม เช่น หนุมาน ฉะนั้น บุคคลสามารถเอาชนะความรักและความเคารพนับถือจากคนอื่นได้ก็ด้วยเอาแบบอย่างหนุมาน

         เมื่อ หนุมานเดินทางไปถึงเกาะลังกาอันเป็นอาณาจักรของทศกัณฐ์ ยักษ์และมารทั้งหมด ก็โอบล้อมเขาเอาไว้ด้วยหน้าตาและอาวุธที่โหดร้าย แต่หนุมานก็ไม่ได้สะทกสะท้านประการใด เขากลับมีความเชื่อมั่นในพระราม และมีความเชื่อมั่นในตัวของเขาเองอย่างสูงผลของมันก็คือว่า เขาเอาชนะ พลังอำนาจของทศกัณฐ์ได้ทั้งหมด และได้รับผลสำเร็จในการเดินทางไปครั้งนั้น ในทำนองเดียวกันนี้ ในเวลาที่เราได้รับความยุ่งยากต่าง ๆ เราไม่ควรสะทกสะท้านต่อเหตุการณ์ และควรตั้งใจมั่นคงแน่วแน่ในความภักดีต่อพระเป็นเจ้า
      



         ในรูปภาพบางภาพที่อยู่ในโบสถ์นั้น แสดงให้เห็นว่า หนุมาน  กำลังยกภูเขาบนฝ่ามือซ้าย อันนี้หมายถึงว่า ขณะที่หนุมานเดินทางไป ผ่านอุปสรรคความยุ่งยากทั้งหมด และนำเอาภูเขามาเพื่อช่วยชีวิตของพระลักษณ์ให้ปลอดภัย ในทำนองเดียวกันนี้ เราควรจะเตรียมใจให้พร้อมไว้เสมอที่จะรับมือเพื่อต่อสู้กับความยุ่งยากใดๆ เพื่อช่วยเหลือหรือรักษาชีวิตของสมาชิกในครอบครัวหรือบุคคลทั้งหลายที่อยู่ในสังคมของเรา แล้วเท่านั้น เราจึงจะมีสิทธิได้รับพรจากพระเป็นเจ้า

         ผู้ภักดีทีมีความตั้งใจที่มีเล่ห์กลหลอกลวง ไม่มีสิทธิที่จะได้รับพรของพระเป็นเจ้าได้ เขาเป็นศัตรูตัวจริงของความโหดร้ายทั้งหลาย เมื่อหนุมานเดินทางไปเอาต้นไม้สันชีวนี (เป็นยาสมุนไพรชนิดหนึ่ง) เพื่อรักษาชีวิตของพระลักษณ์ให้ปลอดภัย ยักษ์นามว่าเนมิ แต่งตัวเขาเองเป็นเหมือนนักบวช และเริ่มเทศน์สอนหนุมาน หนุมานพบการแสดงกลลวงของความชั่วนั้นได้ทันที และลงโทษฆ่าเขาทันที ถ้าคนต้องการที่จะรับพรของหนุมาน เขาผู้นั้นต้องมีใจบริสุทธิ์และไม่ควรคิดร้ายหรือเจตนาหลอกลวงใดๆ
  
         มีแม่มดตนหนึ่งนามว่า “สุรสา เศ” อาศัยอยู่ในทะเล มีอำนาจทางโยคะ ดึงเอาสิ่งต่างๆ ที่บินได้ลงไปสู่ทะเล และก็ฆ่ามันกินเป็นอาหาร เมื่อหนุมาน เหาะไปเหนือทะเล เพื่อตามหาพระนางสีดา สุรสา ก็ดึงหณุมาน แต่เขาก็ทำให้ร่างกายใหญ่โต ซึ่งเธอไม่สามารถจะกินได้ และในทันทีนั้น หนุมานก็แปลงกายเขาเป็นยุง แล้วเข้าไปในปากของเธอ แล้วก็ออกมาจากปากเธอทันที เหตุการณ์นี้สอนให้เรารู้ว่า ถ้าเราได้มาซึ่งอำนาจโยคะอย่างใดอย่างหนึ่ง เราควรใช้อำนาจอย่างเดียวกันนั้น เพื่อช่วยเหลือและคุ้มครอง คนอื่น ๆ ให้ปลอดภัยมากกว่าที่จะฆ่าหรือทำลายคนอื่น เพื่อเจตนาอันเห็นแก่ตัวของเรา

         ผู้ภักดีที่แท้จริงของพระรามก็คือหนุมานที่เหมือนมากที่สุด บุคคลผู้ซึ่งระลึกนึกถึงพระรามอยู่สม่ำเสมอ หนุมานช่วยเหลือพระองค์ทุกๆ ก้าวของชีวิต และเขาทำให้ความปรารถนาทุกอย่างของเขาสำเร็จลงโดยสมบูรณ์ และกำจัดความทุกข์ทั้งมวลของเขาออกไปได้
  
เย ชยนฺติ สทา  เสนหนาม มนฺคลย กรนมฺ
ศรี มโตราม จนฺทรสฺย  กริปาโล มรม สวมินิ
เตศมารโถ สทาวิปร ปรทาตหม ปรยาตนตห
ทาทามิ วนฺจิต นิตฺยมฺ สรวนา เสารวยมุตตม

         ความหมายก็คือว่า ผู้ภักดีเหล่านั้น ผู้ซึ่งระลึกนึกถึงพระราม ผู้มีความเมตตาที่สุดของเราทุกๆ วัน และตลอดเวลา ข้าฯ จะทำให้ความปรารถนาทุก ๆ อย่างของผู้ภักดีเช่นนั้นสำเร็จลงโดยสมบูรณ์ และประทานความสำเร็จในการกระทำทุก ๆ อย่างให้แก่พวกเขา ฉะนั้น การที่เราจะได้รับพรจาก หนุมาน มันเป็นความจำเป็นที่เราจะต้องทำการบูชา และระลึกนึกถึงพระราม
จาก
ศรีมณเฑียร  ทรรศน์
ขอขอบคุณ
สมาคมฮินดูสมาช
23#
โพสต์ 2014-7-22 07:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2014-7-21 14:20
ผู้ภักดีเหล่านั้น ผู้ซึ่งระลึกนึกถึงพระราม ผู้มีควา ...

ฉะนั้น ..

การที่เราจะได้รับพรจาก หนุมาน

มันเป็นความจำเป็นที่เราจะต้องทำการบูชา

และระลึกนึกถึงพระราม



24#
โพสต์ 2014-7-22 07:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2014-7-21 14:20
ผู้ภักดีเหล่านั้น ผู้ซึ่งระลึกนึกถึงพระราม ผู้มีควา ...


ดื่มน้ำใบเตยรอก่อนนะ เจ้หนู  




25#
โพสต์ 2014-7-23 07:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-7-23 08:01
metha ตอบกลับเมื่อ 2014-7-23 03:29


)



26#
โพสต์ 2014-7-23 07:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2014-7-23 08:03



ทางอินเดียถือว่า หนุมานเป็นเทพเจ้าพระองค์หนึ่ง
มีเทวะสถานหนุมานเป็นที่กราบไหว้มากมาย

ทางไทยจะถือเคารพในแบบเครื่องลาง








27#
โพสต์ 2014-7-23 08:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2014-7-22 13:02
เยี่ยมไปเลยครับ







28#
โพสต์ 2014-7-24 07:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
nobnob ตอบกลับเมื่อ 2014-7-24 01:32
ช่วงนี้เป็นไรไม่รู้ ......ห้อยองค์อื่นละรู้สึกร้อนๆ แป ...

ช่วงนี้กำลังโชว์  เพาวเวอร์
29#
โพสต์ 2014-7-31 08:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
metha ตอบกลับเมื่อ 2014-7-30 23:43
ใช่เลยครับ...พระเครื่องทุกองค์มีเทพ เทวดาคุ้มครอง

ข ...

จริงหรา เสี่ยเมธ สายพราย
แล้วที่ทำพระหลวงปู่ชื่นปลอม ล่ะ
30#
โพสต์ 2014-8-18 10:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อาถรรพ์หนุมานหินอ่อนสีชมพู

เบื้องหลังความโด่งดังของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์


    คืนวันที่  ๑๖ กันยายน ๒๕๐๐ จอมพลสฤษดิ์  ธนะรัชต์ ได้นำกำลังทหาร ทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม ลงอย่างง่ายดาย พร้อมกับการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แห่งอำนาจอย่างเด็ดขาดในประเทศไทย ด้วยการประกาศกฏอัยการศึกทั่วประเทศ ท่านจอมพลใช้มาตรา ๑๗ สั่งการกับ มือวางเพลิง จอมอันธพาล สิงห์เฮโลอีน และผู้บ่อนทำลายชาติ คนต่อไปและคนต่อไปอย่างไม่เกรงกลัวใคร ซึ่งการสั่งยิงเป้าแต่ละครั้ง เป็นการเสริมสร้างพลังแห่งความกลัวเกรงของผู้กระทำความผิดเป็นลำดับๆ จนเมืองไทยสงบราบคาบ ด้วยอาชญากรรมต่างๆ อย่างสิ้นเชิง

         แต่ทว่า ท่ามกลางความสงบราบเรียบของบ้านเมือง กลับเป็นผลร้ายพอกพูนไว้กับ ท่านจอมพลเสมือนถูกฟ้าดินลงโทษ กับผู้มีบาปทางการเมืองอย่างท่านจอมพลสฤษดิ์ มีอาการเพียบหนัก จนถึงขั้นต้องบินไปผ่าตัดม้ามที่สหรัฐอเมริกา แพทย์ขีดเส้นตายไว้ไม่เกิน ๑ ปี ช่วงนี้เองที่เหล่าสมุนซ้ายขวาผู้จงรักภักดีต่อ พณ.ท่านเริ่มกระสับกระส่ายโดยเฉพาะอดีตกุนซือรัฐมนตรี X ถึงกับวิ่งพล่านไม่เป็นอันกินอันนอนไปด้วย


           อาจารย์เต็ง จิตตะวณิช ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังกับการแกะสลักจากสมาธิ (ซึ่งเคยแกะสลักตราจักรีจากหิน สลักพญาหงส์เหยียบคฑา และราชสีห์หยก น้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาแล้ว) เมื่อปี ๒๕๐๐ จากการใช้สมาธิจิตจนเกิดนิมิตเป็นรูปที่จะแกะแล้วสลักขึ้นตามนั้น โดยที่ตนเองไม่เคยมีความรู้เรื่องการแกะสลักมาก่อนเลย (ว่ากันว่าทำได้เพราะบารมีเทพ)

          ชื่อเสียงอาจารย์เต็ง เป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ผู้บ้าอำนาจของเมืองไทย อดีตรัฐมนตรี x จึงมาว่าให้อาจารย์เต็ง แกะสลักรูปหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือน เพื่อต่ออายุให้ท่านจอมพลฯ  รูปหนุมานหาว  ตรงกับปีเกิดของ  ฯ พณ ฯ  จอมพล  สฤษดิ์  ธนะรัชต์  คือปีวอก  ( เกิดเมื่อวันอังคารที่  ๑๖  มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๑  ตรงกับแรม  ๓  ค่ำ  เดือน  ๗  ปีวอก )  หมายถึงลิงหรือหนุมานในเรื่องรามเกียรติ์  และหมายถึงอำนาจ,  ทหารเอก


             อาจารย์เต็งเข้าสมาธิ เห็นเป็นเหตุร้ายจะบังเกิดแก่ตน และโดยเฉพาะ ผู้มาว่าให้ทำอย่างเด่นชัด จึงปฏิเสธไม่รับทำ  และขอร้องให้รัฐมนตรี X เลิกคิดจะทำการต่ออายุ พณฯท่านเสีย ไม่งั้นตัวเองจะรับเคราะห์แทน แต่ด้วยความซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย อดีตรัฐมนตรี X  ยอมรับเคราะห์กรรมแทนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำพิธีต่ออายุ   จากนั้นพิธีประกอบเป็นตัวหนุมานอันลือลั่นจึงเกิดขึ้นมาในคืนวันเพ็ญ

โดยรัฐมนตรี X ยอมลงทุนไปขุดดิน ๗ ป่าช้าด้วยตนเอง ครั้งสุดท้ายที่ไปขุดดินกลางท้องสนามหลวง เที่ยงคืนของคืนพระจันทร์เต็มดวง ขณะที่ปักธูปขอขมาอธิษฐานต่อเทพยดาและบูรพมหากษัตริย์ไทย สุนัขจากทั่วทุกสารทิศก็หอนโหยหวนขึ้นพร้อมกันคล้ายจะเป็นสัญญาณว่าเทพเจ้าแห่งมฤตยู  ได้ย่างพระบาทเข้ามารับรู้การกระทำอันฝืนกติกาแห่งยมฑูต แต่รัฐมนตรี X ก็ใจแข็งพอที่จะหอบคินนั้นมาปั้นเป็นฤาษีนารท เพื่อทำพิธีได้อย่างปลอดภัย ส่วนข้างอาจารย์เต็ง ซึ่งกำลังไปขนหินอ่อนเพื่อมาแกะสลักที่เขาโชงก จ.นครนายก ก็ต้องผจญกรรมเสี่ยงต่อการเสืยชีวิตและรอดมาได้ แต่ก็ต้องเสียขาไปหนึ่งข้างเพราะอิทธิพลของหินอ่อนอันลือลั่น...


          เบื้องหลังการทำหนุมานหินอ่อนสีชมพูนี้ เต็มไปด้วยความลี้ลับนานับประการ ยากเย็นเข็ญใจกว่าจะสัมฤทธิ์ผลออกมา ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีอันเป็นไปจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียวตายเกลี้ยงอย่างน่าสงสาร แต่จะยากเย็นอาถรรพ์แค่ไหน ก็ไม่พ้นความสามารถของผู้มีพลังจิตอันกล้าแข็งของอาจารย์เต็งไปได้ ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่อาจารย์เข้าสมาธิ แกะสลักหนุมานหินอ่อน ตาทั้งสองข้างบวมแดงจนเกือบจะบอด ต้องพักแล้วรวมพลังอันแข็งกล้าฝ่าฟันมารร้ายจนลุล่วงเป็นรูปร่างหนุมานหาวเป็นดาวเป็นเดือน ที่มีมือหนึ่งถือจักร มือหนึ่งถือพระขรรค์ยืนเงื้อง่าอย่างองอาจบนแท่นไม้เล็กๆที่ต้องใช้เวลาทั้งสิ้น  ร่วม ๓ เดือน เพราะต้องเสียเวลาในการนำดินจาก ๗ ประเทศ พร้อมด้วยผงอิทธิเจ จากประเทศศรีลังกา   ด้าย ๙ สี ปิดลงในดวงจอมพลสฤษดิ์ บนแผ่นเงินแผ่นทอง ๓ แผ่น ที่สำคัญในตัวหนุมานตัวนี้ ใส่เครื่องผงลงกา  ลงไปด้วยนี่เองคือที่มาแห่งอำนาจในตัว พณฯท่าน ที่กำลังป่วยหนัก ถึงกับต้องให้น้ำเกลืออยู่ที่กองพล ๑
สามารถจะลุกขึ้นมาปฏิบัติการได้อย่างเฉียบพลัน เด็ดขาดแทบไม่น่าเชื่อ


                 แต่หนุมานหินอ่อนตัวนี้ ฤทธิกล้าแข็งเกินไปเสียแล้ว เพราะการอัญเชิญเหล่าเทพทุกชั้นฟ้ามาร่วมปลุกเสกจึงต้องทุบขา หนุมานออกเสียข้างหนึ่ง  แล้วใส่เดือยเหล็กทำขาปลอมขึ้นมาแทน ส่วนแขนที่ต้องเด็ดออกเสียข้างหนึ่ง

เพื่อลดอิทธิฤทธิ์ที่จะบ้าระห่ำลงไม่งั้น จอมพลสฤษดิ์ อาจจะเป็นนโปเลียนที่ ๒ ของโลกก็อาจเป็นได้ ...ไม่มีใครล่วงรู้ถึงความลี้ลับในตัวหนุมานหินอ่อนตัวนี้แม้กระทั่งบัดนี้ นอกเสียจากอดีตรัฐมนตรี X ผู้ซื่อสัตย์ และอาจารย์เต็ง ผู้ประกอบพิธีมากับมือ  จวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของ พณฯ ท่านก็มาถึง ตามกำหนดของดวงในหนุมาน...

                 ที่ห้องดับจิต ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อ เวลา ๑๘ นาฬิกา ของวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๐๖ อันเป็นขณะเดียวกับที่บ้านกองพล ๑

บนห้องรับแขกอันเป็นที่ตั้งของหนุมานหินอ่อน

งกำลังหมุนติ้วอยู่หลายตลบและแล้วในที่สุด

ก็แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ในเวลาเดียวกัน

                 อวสานของ พณฯท่านจอมพลเผด็จการมาถึงแล้ว แม้จะต่ออายุมาได้ถึง ๒ ปี เต็ม ก็ไม่สามารถหนีความตายไปได้   รัฐมนตรี X ผู้ซื่อสัตย์ยอมรับเคราะห์กรรมจนตัวเองเกือบโดนโทษประหารในคดีฐานบ่อนทำลายชาติ ส่วนอาจารย์เต็งก็ต้องจบชีวิตอย่างน่าสงสารในเวลาต่อมาด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ปริศนา และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมลึกลับนี้อีกมากมายที่ต้องจบชีวิตลงไปพร้อมด้วยกัน



แหล่งที่มาบทความ
http://www.ubonpra.com/board/index.php?topic=2461.msg15312
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้