---โดยวรรณะพราหมณ์ ใช้สังข์สีขาว วรรณะกษัตริย์ ใช้สังข์สีแดงหรือสีน้ำตาล หรือชมพู วรรณไวศยะ ซึ่งได้แก่ คหบดี หรือพ่อค้า ใช้สังข์สีเหลือง และวรรณะสุดท้ายคือ ศูทร ได้แก่ ชาวไร่ ชาวนา ผู้ใช้แรงงาน ใช้สังข์สีเทา หรือสีดำ ขอรับ จากที่กล่าวมา เรื่องสีของสังข์นี่ หลายท่านอาจจะสงสัยว่า เป็นสีโดยธรรมชาติ หรือว่า เอาสีมาย้อมสังข์กันแน่นอน เมื่อสอบถามท่านผู้รู้ก็ได้คำตอบว่า โดยทั่วไป สังข์ที่ไม่ได้เอาผิวชั้นนอกสุด (periostracum) ออกก็มักจะมีสีเหมือน ๆ กัน คือ สีน้ำตาล แต่ถ้าลอกเอาผิวชั้นนอกนี้ออก ผิวเปลือกด้านในก็จะมีสีหลายสีด้วยกัน (หมายถึงแต่ละขอนนะขอรับ มิได้เป็นสีรวมมิตร) คือ สีขาวบริสุทธิ์ สีชมพู สีส้ม แดง น้ำตาล เหลือง และเทา ---พูดถึงเรื่องสังข์ทักษิณาวรรตแล้ว ในปัจจุบันมีการหลอกขายสังข์ทักษิณาวรรต สำหรับคนที่อยากได้ไว้ครอบครอง สักขอน โดยจะนำเอาหอยสังข์อีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Busycon persum มาหลอกขายให้และบอกว่า เป็นสังข์ทักษิณาวรรตของแท้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ประชากรหอยชนิดนี้ มีการขดวนของเปลือกเป็นแบบเวียนซ้าย (sinistral) หรือแบบทักษิณาวรรตทั้งหมด ทำให้คนที่ไม่รู้ ก็นึกว่าตัวเองได้สังข์ทักษิณาวรรตของแท้ไปครอง ---เรื่องของสังข์ นี่ถ้าจะให้เล่ากันล่ะก็ คงเล่าได้ไม่รู้จบ เอาเป็นว่า เราพอที่จะสรุปได้ว่า วิถีชีวิตคนไทยเรา ผูกพันกับสังข์มานาน และแม้แต่ในปัจจุบันก็ยังมีพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสังข์ ดังเช่น งานพระราชพิธีต่าง ๆ ที่กล่าวถึงในตอนต้น และสำหรับเราเหล่าสามัญชนแล้วล่ะก็ ที่ยังเห็นได้บ่อย ๆ คือ การรดน้ำสังข์ในงานแต่งงานนั่นเอง ---ทั้งนี้ทั้งนั้น ล้วนแต่มาจากคติความเชื่อที่ว่า สังข์เป็นของมงคล และน้ำที่หลั่งจากสังข์ ช่วยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกไปได้ พอพูดถึงเรื่องนี้ คนแก่เองก็อยากทราบเหมือนกันว่า คนกรุงเทพฯ เรานี่จะมีสักกี่คนที่ทราบว่า หอยสังข์อุตราวัฏสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ ใน “สวนรมณีนาถ” ซึ่งสร้างในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษานั้น ภายในสังข์นั้นบรรจุแผ่นยันต์มหาโสฬสมงคล และองค์สังข์จริง ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานไว้ในสังข์สำริด ทำให้น้ำพุที่ไหลผ่านกลายเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย. |