ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 8415
ตอบกลับ: 12
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ฆราวาสจอมขมังเวทย์ # พ่อเที่ยง น่วมมานา

[คัดลอกลิงก์]
อาจารย์เที่ยง น่วมมานา
วัดทอง (วัดสุวรรณาราม) เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ อาจารย์เที่ยงท่านนี้เป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ที่เรียนวิชาต่างๆมามากมาย ประวัติท่านผมไม่ทราบชัดเจน แต่ลูกศิษย์ของท่านพูดได้เลยว่าเยอะจริงฯ สมัย 30-40 ปีก่อนไม่มีใครไม่รู้จัก พ่อเที่ยง วัดทองแน่นอนครับ
ศิษย์ที่ใด้รับวิชามาจาก อาจารย์เที่ยง ที่แน่ชัดก้อมี
-หลวงพ่อเผือด นราสโก วัดมะกอก เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร (ละสังขารไปแล้ว) หลวงตาเผือดมีศิษย์เอกรูปหนึ่งคือ พระอาจารย์นคร โฆษการี (หลวงพี่ปุ้ม) วัดศาลาแดง เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร
-อาจารย์ทอง สนธิรอด ตลาดพลู กรุงเทพฯ
-อาจารย์ป่อง น่วมมานา (ลูกชายแท้ฯของ อาจารย์เที่ยง) ชุมชนบ้านบุ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
ยันต์ของพ่อเที่ยงที่มีชื่อเสียงคนรู้จักคือ หมูทองแดง เป็นวิชาเด่นครับ

13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-18 21:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
◎พ่อเที่ยง น่วมมานา กับ อานุภาพผงวิเศษ◎

พ่อเที่ยง เป็นอาจารย์สักตั้งแต่หนุ่มๆ ตั้งแต่สมัยอินโดจีน ท่านจะขึ้นชื่อนักเรื่องความเหนียว สำนักมีดีนี่เหนียวนัก แม้ศิษย์รุ่นปัจจุบันก็คงนัก จนเป็นที่เลื่องลือ จนคนลืมไปว่า พ่อเที่ยงนอกจากจะเหนียวแล้ว วิชาเมตตามหาเสน่ห์ ท่านก็ทำได้ตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ดังที่ท่านเคยเล่าให้หลวงพ่อสมศักดิ์ วัดบุญบางสิงห์ฟัง

ท่านเล่าว่าตอนที่ท่านเป็นวัยรุ่น ท่านได้ไปบวชเณรกับพระอาจารย์ของท่าน ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดแห่งหนึ่ง เมื่อบวชเณรแล้ว ท่านได้อยู่รับใช้ที่กุฎิเจ้าอาวาส มีอยู่บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังเรียนลบผงอยู่ มีญาติโยมกลุ่มหนึ่งมาหาเจ้าอาวาส ท่านจึงไปจัดหมากพลู น้ำร้อนน้ำชาไปต้อนรับแขก และบอกพวกโยมว่าเจ้าอาวาสไปธุระจะกลับก็ค่ำ

เมื่อพวกโยมกินหมากพลู น้ำร้อนน้ำชาแล้ว กลับชวนพ่อเที่ยงคุย แบบไม่ยอมเลิก แม้เย็นแล้วยังไม่ยอมกลับ พ่อเที่ยงตอนนี้รู้แล้วว่าพวกโยมโดนอานุภาพผงวิเศษที่ติดมือท่านเข้าไปแล้ว แต่ท่านยังไม่ได้เรียนวิธีถอน เลยต้องเลยตามเลย

เมื่อเจ้าอาวาสกลับมาตอนค่ำ เห็นญาติโยมยังนั่งรออยู่ ก็รู้สึกเอะใจ พ่อเที่ยงรีบเข้าไปกระซิบบอกอาจารย์ว่า พวกโยมโดนผงเข้าไปจึงไม่ยอมกลับ หลวงพ่อช่วยถอนทีเถิด หลวงพ่อท่านจึงนำน้ำมนต์มาพรมให้โยมเหล่านั้น โยมพวกนั้นมีอาการสะดุ้งเล็กน้อย แล้วก็มองดูเห็นว่าค่ำแล้ว จึงชวนกันกลับ

ที่มา  นักเลง โบราณ ตำนานหนังเหนียว
ที่มาhttps://www.reunglaochaosiam.com/ตำนานผู้เรืองพระเวทย์ท/
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-18 21:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
◎เมื่อเข็มทองล.พ.สวัสดิ์ปะทะเข็มสักพ่อเที่ยง◎

มีอยู่วันหนึ่ง ผู้เล่ากับเพื่อนสองคน ได้ไปสักยันต์กับพ่อเที่ยง โดยผู้เล่ากับเพื่อนได้ช่วยกันดึงหนังเพื่อนอีกคนให้พ่อเที่ยงสัก ตอนแรกก็สักไปปรกติ แต่สักพักนึง มีเสียงโลหะกระทบกันดังจิ๊กๆๆ ตอนแรกผู้เล่าไม่ได้สนใจอะไร

แต่เพื่อนสงสัยถาม”มึงได้ยินเสียงอะไรไหมวะ” ผู้เล่าจึงตั้งใจฟัง ก็ได้ยินเสียงเหมือนโลหะกระทบกัน จึงพยายามมองหาว่าเสียงมาจากไหน ก็พบว่าอยู่ข้างหน้านี่เอง พอพ่อเที่ยงแทงเข็มทุกครั้ง จะได้ยินเสียงทุกครั้ง เมื่อสังเกตุดูจึงเห็นว่าพอแทงเข็มสัก ก็จะมีเข็มทองวิ่งทะแยง45องศามารับ

อ.ป่องสังเกตุเห็นจึงบอกพ่อเที่ยง แต่ยังไม่ได้พูดอะไร พ่อเที่ยงท่านพูดว่า “รู้แล้ว” พ่อเที่ยง ท่านจึงยกเข็มสัก ยกมือบอกกล่าวครูบาอาจารย์ แล้วบอกคนที่สักว่า ทำใจยอมรับ อย่าคิดต่อต้าน แล้วท่านจึงลงมือสักต่อ คราวนี้เข็มทองไม่ออกมาต่อต้าน เมื่อสักเสร็จแล้ว พ่อเที่ยงจึงถามว่าไปฝังเข็มใครมา ผู้เล่ากับเพื่อนเลยบอกท่านว่า ไปฝังเข็มกับหลวงพ่อสวัสดิ์มา พ่อเที่ยงได้เอ่ยชมว่า เข็มเขาเสกได้เข้มขลังนัก
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-18 21:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ปรมาจารย์สัก พ่อเที่ยง น่วมมานา

มีคนกล่าวถึงพ่อเที่ยง อยู่มากมาย แต่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงประวัติท่านนัก ทั้งที่ประวัติท่านเป็นที่น่าสนใจนัก ท่านเรียนไสยศาสตร์ตั้งแต่เป็นเณร หัดลบผงตั้งแต่เด็กๆ เดินทางไปเรียนไสยศาสตร์ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า บางครั้งกว่าจะได้วิชาหนึ่ง ต้องไปช่วยครูบาอาจารย์ทำไร่ไถนา กว่าจะได้วิชามา พอดีไปเจอลูกศิษย์ท่าน ลงประวัติเกี่ยวกับครูบาอาจารย์ท่าน จึงขอนำมาลงไว้ในที่นี้

ท่านอาจารย์เที่ยงท่านนี้พูดได้แต่ไทยกลางกับอีสาน มอญบ้างเท่านั้นครับใต้พ่อเที่ยงแกพูดไม่เป็นครับ เป็นลูกศิษย์ปู่ทอง อาจารย์แดงวัดบัวแก้วอายุ104 ปี อาจารย์ชิต (ฆราวาส)ภายหลังพ่อเที่ยงรับมาอุปการะที่บ้านจนมรณะกรรมไป

เรียนวิชากับท่านอาจารย์แสง บางลำภูตรอกไก่แจ้ เรียนวิชากับหลวงปู่จันทร์วัดนางหนูอาจารย์นิลวัดตึก อาจจารย์แหล่ม อาจารย์ลิปทุมธานี เรียนหมูทองแดงจากอาจารย์ม่องครูพม่า เรียนกัมฐานจากท่านอาจารย์ชุ่ม วัดอัมรินทร์ เรียนวิชากับพ่อสุ่น พญาไม้ ปู่เทียนวัดโบสถ์ เคยไปพบพ่อเหลือวัดสาวชโงกเรียนอะไรหรือไม่ไม่ทราบแต่พ่อเหลือเคยมอบปลัดตัวครูมาให้ตัวหนึ่งเลื้อยส่ายไปมาขณะพ่อเที่ยงสักให้ลูกศิษย์

เรียนวิชาสักหนุมานสามหน้าแปดกรแผลงฤทธิจากครูจรัญเอาพอทำเนา นะครับ เป็นคนวัดราชบพิตรมาโตแถวบ้านขมิ้นได้ภรรยาเป็นชาวอาจสามารถ เลยเว้าอีสานบ่อยบางคนเข้าใจว่าแกเป็นคนร้อยเอ็ดด้วยซ้ำไป เรียนอะไรมาเยอะแต่ที่สำคัญมากกว่านั้น พ่อเที่ยงยามมีชีวิตอยู่เป็นคนจริง คนดีมีศีลธรรม ขนาดป่วยอยู่ยังคิดแต่ทำบุญสุนทาน ไม่เคยพูดจาหลอกลวงคนเคารพคุณพ่อแม่

อาจารย์มากที่สุดเคยพลัดตกจากหิ้งบูชาที่บ้านเป็นชั้น ๆลงมากระแทกเข็มสักเข้าที่แขนซ้าย ปลายเหล็กเยินยู่ต้องมานั่งดัดปรับปลายเข็ม แต่หนังพ่อเที่ยงเพียงมีรอยเนื้อยู่ ๆไม่มีแม้รอยเลือดยางบอน แกยังไม่คุยโอ้อวดเพียงบอกว่าหนังคนแก่มันย่นเองเลยไม่เข้าวิชาสำคัญมียันต์บัวคู่ หมูทองแดง ตะกรุดมหารูดพิชัยสงคราม ยันต์ผ้าเช็ดหน้าอื่น ๆ

เมื่อตอนจะตายได้บอกล่วงหน้าไว้หนึ่งปีว่าไหว้ครูปีหน้า(ปี2531)อายุ76ปี ถ้ารอดก็อยู่เกือบร้อยถ้าไม่ก็ตาย ที่สุดก็ตายในวันถัดจากวันไหว้ครูในปี2531 ไปสามวันคือวันที่ 5 พฤศจิกายน 2531 ประสบการณ์วิชาพ่อเที่ยงมีมากมายจนไม่อาจสาธยายหมดในวันนี้ได้แต่เหนือกว่าอื่นใด ท่านเป็นอาจารย์จริง ๆไม่ยกตนข่มท่าน สั่งสอนให้ประพฤติตนในศีลในสัตย์เคารพคุณพ่อแม่ครูอาจารย์
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-18 21:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
◎ลองดีกับใครไม่ลอง มาลองกับปรมาจารย์ใหญ่ได้◎

ความอวดตัวของคนไม่ใช่มีแต่ฆราวาสเท่านั้น พระสงฆ์องคเจ้าก็ไม่เว้นเหมือนกัน เช่นดังตัวอย่างที่จะเล่าให้ฟัง ถึงความอวดดีของพระ ที่คิดจะดันให้ตัวเองมีชื่อเสียง โดยการทำลายผู้อื่น แต่สุดท้ายแพ้ภัยตัวเอง

สมััยคุณพ่อชุม ไชยคีรี ยังมีชีวิตอยู่ ทางวัดต่างๆ มักมาเชิญท่านไปเป็นเจ้าพิธี ตอนนั้นชื่อเสียงท่านหอมหวลนัก ไปเป็นเจ้าพิธีงานไหน ของจะจำหน่ายดีมาก คงเพราะชื่อของท่าน เป็นเครื่องการันตีว่า ว่าของนั้นมีพุทธานุภาพ สามารถคุ้มครองบุคคลที่นำไปใช้ได้แน่นอน แต่เมื่อมีชื่อเสียงโด่งดัง ย่อมมีคนอิจฉาคิดทำลาย

ในพิธีพุทธาภิเศกงานหนึ่ง มีพระองค์หนึ่ง ไม่ได้รับนิมนต์มาเสก แต่มาขอเข้าพิธีเสกด้วย ทางกรรมการก็ไม่ยอม จึงเกิดการโต้เถียงกันล้งเล้ง คุณพ่อชุมได้ยิน จึงเดินไปดู พอเห็นพระองค์นั้นก็ทราบว่าไม่ได้มาดี แต่พอเห็นสีหน้าท้าทายของพระองค์นั้น คุณพ่อชุมจึงจัดให้ บอกกรรมการว่าให้ท่านเข้ามาเสกเถอะ

เมื่อพระองค์นั้นไปนั่งประจำที่แล้ว คุณพ่อชุมได้เข้าไปผูกปมสายสิญน์ด้วยวิชาอาถรรพ์ของสำนัก ก่อนที่จะมาต่อเข้าสายสิญน์พิธี เมื่อเริ่มพุทธาภิเศก พระองค์นั้นเดินจิตส่งวิชาเพื่อทำลายของในพิธี แต่พลังจิตพระองค์นั้น ส่งไม่ผ่านปมที่คุณพ่อชุมผูกไว้ ผ่านไปประมาณสิบนาที พระองค์นั้นเหงื่อแตกชุ่มไปทั้งตัว แต่ยังไม่ยอมเลิก ยังพยายามจะอัดต่อไป เวลาผ่านไปอีกประมาณสิบนาที พระองค์นั้นโดนของตัวเองย้อนใส่ตัว กระอักเลือดออกจากปาก และเป็นลมพับไป ต้องเดือดร้อนคนนำไปส่งโรงพยาบาลอีก

พ่อเที่ยง น่วมมานา ก็โดนพระมาลองดีเหมือนกัน เลือกวันมาดีด้วย เอาวันคนเยอะๆวันไหว้ครู มีไหว้ครูอยู่ปีหนึ่ง หลังจากเสร็จพิธีบวงสรวงแล้ว มีพระองค์หนึ่งเข้ามาสนทนากับพ่อเที่ยง พ่อเที่ยงจึงให้ลูกศิษย์นำน้ำชามาถวาย พระองค์นั้นไม่ยอมฉัน แต่กับเอาฝ่ามือตบแก้วนั้นแตก แล้วถามพ่อเที่ยงว่า”อย่างนี้ท่านทำได้ไหม” พ่อเที่ยงก็ไม่ว่าอะไร ให้ลูกศิษย์เก็บกวาดเศษแก้วไปทิ้ง และให้นำน้ำชามาถวายใหม่ พระองค์นั้นก็เอาฝ่ามือตบแก้วแตกกระจายอีก และก็ถามคำเดิมว่า”อย่างนี้ท่านทำได้ไหม”

พ่อเที่ยงก็ไม่ว่าอะไร ให้เด็กมาเก็บกวาดไป และให้นำน้ำชามาอีก คราวนี้พ่อเที่ยงถวายเองเลย พร้อมกับพูดว่า”อัปปมาโณ ท่านยั้งไว้ซึ่งความประมาท” พระองค์นั้นไม่ฟังอีล้าว่าคารม เอามือตบไปดังเปรี้ยง สองครั้งแรกไม่เป็นไร แต่คราวนี้เลือดทะลักถูกแก้วบาดไปหลายแผล เลือดไหลโกรกเลย พ่อเที่ยงจึงให้ลูกศิษย์พาไปเย็บโรงพยาบาลศิริราช
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-18 21:42 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
◎พ่อเที่ยง น่วมมานา◎

1ใน4 จตุรเทพ อ.ฆราวาส ในยุคหลัง 2500

จตุรเทพ อ.ฆราวาส ในยุคหลังสองพันห้าร้อย

อาจารย์ทั้งสี่ท่าน จะมีชื่อเสียงมาก หลังปีสองพันห้าร้อย มีลูกศิษย์เป็นหมื่นขึ้น ศิษย์ของทั้งสี่ท่านนี้ เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปว่า เหนียวจริงของจริง วัตถุมงคลของท่านทั้งสี่ เป็นที่ยอมรับของผู้คน เพราะสมัยนั้นคนไม่ค่อยนิยมของฆราวาส จะนิยมของแต่หลวงพ่อหลวงปู่ การที่วัตถุมงคลของท่าน สามารถเบียดแทรกขึ้นมาได้ ก็ด้วยประสบการณ์และความขลัง แอดมินจึงมีความภูมิใจที่จะนำเรื่องของท่านทั้งสี่มาเสนอ

๑.อ.ชุม ไชยคีรี เจ้าสำนักกุญแจไสยศาสตร์ ท่านเป็นศิษย์เขาอ้อ เรียนวิชาเขาอ้อจากต้นตระกูล และมาฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา เป็นอาจารย์เพียงท่านเดียว ที่พระอาจารย์เอียด อนุญาตให้ลองของได้ ท่านไม่ได้เป็นอาจารย์สัก แต่ใครได้ลงกระหม่อมด้วยเหล็กจารกับท่าน จะเหนียวยันตลอดชีวิต สัญลักษณ์ของสำนักท่าน คือไม้เท้ากายสิทธิ์ ที่ลูกศิษย์มักจะเหน็บติดตัว

๒.อ.เที่ยง น่วมมานา เจ้าสำนักบ้านมีดี ท่านเรียนวิชาจากหลายสำนัก วิชาที่ขึ้นชื่อของท่านคือ หมูทองแดง บัวคู่ ผ้าเช็ดหน้า ศิษย์สายนี้ถือว่าเหนียวจริง สัญลักษณ์ของสำนักนี้ ท่านจะสักรูปตัวเทาะว์และตัวทอ ที่มือใต้นิ้วโป้ง

๓.อ.เจ็ก สามแยกไฟฉาย ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ท่านจะไม่สักหมึก แต่จะลงด้วยน้ำมันที่หลัง ถ้าใครได้ลงทั้งเก้าครั้ง จะเหนียวยันกระดูก สายนี้ถือว่าเป็นสายเหนียวอีกสำนักหนึ่ง สัญลักษณ์ของสำนักนี้ จะเป็นธนูมือ ยุคแรกท่านจะสักเป็นลูกศร แต่ตอนหลังสักเหลือแค่จุดเดียว ตรงที่เดียวกับสายอ.เที่ยง

๔.อ.บุญรอด สุขแสงจันทร์ หรืออ.รอด บางกระปิ ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ปาน คลองด่าน ในแถวคลองด่านจะเรียกอ.รอดว่า อาจารย์เสือใหญ่ สำนักนี้จะดังมากเรื่องจิ้งจก ว่ากันว่า เสน่ห์แรงนัก แต่เรื่องทางคงก็ถือว่าเหนียวนัก สัญลักษณ์ของสำนักนี้ จะเป็นยันต์นะที่กระเดือก
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-18 21:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
1อาจารย์แก้ว ค้ำวิบูลย์ ท่านนับว่าเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่ทองเลยทีเดียว และท่านอาจารย์แก้วท่านนี้เป็นผู้สร้างเหรียญหลวงปู่ทอง รุ่นแรกด้วย ( 117 ปี) ศิษยฺของอาจารย์แก้วส่วนใหญ่จะอยู่ย่าน วรจักร เทเวศน์ เป็นส่วนใหญ่

2 อาจารย์แถว ท่านเป็นคนละแวกวัดราชโยธานี้เอง อาวุโสนับเป็นรองมาจากอาจารย์แก้ว

3 อาจารย์เจ็ก สามแยกไฟฉาย เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร อาจารย์เจ็กท่านนี้เป็นลูกชาวสวน พระประแดง วัยเยาว์ท่านไม่ได้ศึกษาตำราเรียน จึงไม่รู้หนังสือ แต่ด้วยความเป็นคนที่ชอบวิชา คาถาอาคมจึงฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์แก้ว ต่อมาท่านอาจารย์แก้วได้พาท่านไปฝากให้เรียนกับหลวงปู่ทอง ด้วยความเพียรพยายามบวกกับสติปัญญาความจำของท่านเป็นเลิศ จึงได้รับการถ่ายทอดวิชามามาก นับเป็นศิษย์ของหลวงปู่ทองท่านสุดท้ายที่ทันในสมัยชีวิตหลวงปู่ทอง

4 หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ วัดม่วง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง (ละสังขารแล้ว) หลวงพ่อเกษมท่านเรียนมาจากศิษย์ของศิษย์หลวงปู่ทองอีกทีหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดคือ อาจารย์สีลา จารแสง หลวงพ่อเกษมท่านนี้สมัยก่อนคนไปรับการสักจากท่านกันมาก สักเสร็จลองฟันให้ดูกันเลยทีเดียว

หลวงพ่อยอด อินทรส วัดดอนหวาย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

หลวงพ่อยอดท่านนี้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 2400 กลางฯ และละสังขารไปก่อน ปี 2500 ลายสักของท่านนั้นเป็นวิชามาจากทางพม่า เรียกว่าสักมอม แต่ไม่มีชื่อเสียงไปไกล จะทราบกันแถบจังหวัดมากกว่า ศิษย์เอกของหลวงพ่อยอดคือ หลวงพ่อเท้ โกวิโท วัดดอนหวาย แต่ไม่มีข้อมูลว่าท่านทำการสักต่อจากหลวงพ่อยอด
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-18 21:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่จำปา นารโท – หลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ

วัดสาลีโขภิตาราม อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

สายวิชาของวัดสาลีโขนี้ เน้นสักตรงกระหม่อมเป็นสำคัญ ถึงจะสักที่อื่นไล่ลงมา หลวงปู่จำปาท่านนี้ เรียนวิชามาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท วิชาสำคัญคือเสือ สิงห์ และพญาหงส์ทอง ข้อห้ามสำคัญของวัดสาลีโขนี้ คือสักจากที่นี่ไปแล้ว ห้าม ไปสักสำนักอื่นอีกเป็นอันขาด จะทำให้เป็นบ้าใด้

ส่วนท่านหลวงพ่อสมภพนี้เป็นพระอาจารย์ที่เรียนมาจากจากนิมิตของหลวงปู่เผือก อดีตเจ้าอาวาสวัดสาลีโขนี้ เมื่อ สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับสรรพวิชามาครบถ้วน ท่านละสังขารไปเมื่อปีที่แล้วแต่ยังมีศิษย์ที่ได้ครอบวิชาไว้คือ พระอาจารย์ขาว วัดบางพูดนอก อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

สายหลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา มีนบุรี กรุงเทพมหานคร

หลวงปู่ทองท่านนี้ เป็นพระเถระในยุคเดียวกับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆษิตาราม บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร และยังเป็นสหธรรมมิกกับ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท ศิษย์ในท่านหลวงปู่ทอง (ที่เป็นอาจารย์สัก)ท่านนี้มีหลายท่านด้วยกันที่บันทึกไว้แน่ชัดคือ
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-18 21:39 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่หนู ฉินนะกาโม วัดทุ่งแหลม อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

ย้อนไปเมื่อ 20-30 ปีก่อน ทหารในค่ายภาณุรังษี และ ชายฉกรรจ์ในแถบราชบุรี – กาญจนบุรี ต่างพากันไปกราบขอรอยสักจากหลวงปู่หนู วิชาที่โดดเด่นสุดของท่านคือ หนุมานเชิญธง ว่ากันว่า เหนียวสุดๆ สรรพวิชาของหลวงปู่หนูทั้งหมดตกไปอยู่ที่ หลวงพ่อดัด เจ้าอาวาสรูปต่อมา(หลวงพ่อดัดมรณภาพไปแล้ว) เป็นที่น่าเสียดายว่าไม่มีผู้ใดสืบทอดไว้

หลวงปู่แล ทิตตัพโพ วัดพระทรง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี

แน่นอนครับ ถ้าพูดถึงพระเกจิที่เป็นอาจารย์สักในเมืองไทย ไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่แล วัดพระทรงแน่นอน หลวงปู่แลท่านนี้ท่านเรียนมาเยอะ ครูบาอาจารย์ท่านมีหลายท่านมาก ยันต์ของท่านที่ขึ้นชื่อลือชา คือหนุมานองค์ที่ 8 (เต็มกลางหลัง) ศิษย์ในสายเดียวกับท่านมีหลายรูปเช่น หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม(มรณภาพแล้ว) หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง (ยังทรงสังขารอยู่)

และเป็นที่น่าเสียดายเช่นกันว่าไม่มีใครใด้รับวิชาการสักจากท่านนี้ไว้เลยซักคน

พระครูตุ๋ย วัดอนงคาราม เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร

พระครูตุ๋ยท่านนี้มีชื่อเสียงในการสักอยู่ในยุคเดียวกับ อาจารย์เที่ยง วัดทอง หรืออาจจะหลังกว่านั้นเล็กน้อย ประวัติยังไม่ชัดเจนเท่าใหร่นัก ต้องลองถามคนฝั่งธนรุ่นเก่าๆดูว่ารู้จัก พ่อตุ๋ย วัดอนงค์ หรือปล่าว คำตอบคงชัดเจนครับ

หลวงพ่อสุด สิริธโร วัดกาหลง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

หลวงพ่อสุดเจ้าท่านเป็นเจ้าตำหรับยันต์ตะกร้อ และเสือเผ่น ยันต์ตะกร้อของท่านนี้ว่ากันว่า เหนียวชนิด ตีไม่มีแตก ส่วนเสือเผ่นท่านสักไปให้แค่ 2-3 คนเท่านั้นในประวัติ

ศิษย์ที่สืบทอดวิชาของท่านไปมีพระอาจารย์พยนต์ ศุภกาแก้ว ซึ่งละสังขารไปแล้วเช่นกัน

หลวงปู่จำปา นารโท – หลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ

วัดสาลีโขภิตาราม อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-7-18 21:38 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ส่วนสายบรรพชิต ในอดีตกาลมีพระเกจิที่เป็นอาจารย์สักลงอักขระเลขยันต์อยู่ไม่น้อยครับ ดังจะยกตัวอย่างประมาณนี้

หลวงปู่หน่าย อินทสีโล วัดบ้านแจ้ง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

หลวงปู่หน่ายท่านเป็นศิษย์ที่เรียนวิชาโดยตรงมาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท และอีกหลายๆท่านด้วยกัน ยันต์ที่ลูกศิษย์ชอบให้ท่านสักก็คือ จิ้งจก ซึ่งขลังมากในเรื่องเสน่ห์ ส่วนเรื่องคงกระพันนั้น เชื่อถือได้เช่นกัน ภายหลังท่านวางเข็มจึงได้ครอบวิชาให้ท่านอาจารย์ประเวทย์ คงเอียดเป็นผู้ลงเข็มและท่านจะครอบให้อีกทีหนึ่ง ปัจุบันทราบว่าอาจารย์เวทย์ท่านเลิกสักแล้วแต่ยังมีอาจารย์กบซึ่งเป็นผู้ช่วยอาจารย์เวทย์สักยุคหลังฯ ยังทำการสักอยู่ครับ

หลวงพ่อพรหม ติสสเทโว วัดขนอนเหนือ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

หลวงพ่อพรหมท่านนี้เป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ พระนครศรีอยุธยา (หลวงพ่อขันท่านเป็นพระอาจารย์ของเสด็จกรมหลวงชุมพรฯอีกรูปหนึ่งด้วย) ยันต์ที่ท่านสักคือพระบุตร-พระลบ (บุตรชายพระราม) ที่ไหล่ซ้าย-ขวา ว่ากันว่าเหนียวชนิดแมลงวันไม่ใด้กินเลือด และยันต์พระนารายณ์-พระพรหม บัวแก้ว เป็นต้น

ปัจุบัน ศิษย์ซึ่งเป็นหลานชายแท้ฯของหลวงพ่อพรหม รับวิชาการสักนี้มาคือพระอาจารย์โมกข์ แต่ไม่ได้สักบ่อยเนื่องจากสังขารไม่อำนวย จะพิจารณาเป็นบุคคลไป

หลวงปู่หรุ่น ใจภารา (หลวงพ่อหรุ่น เก้ายอด)

วัดอัมพวัน ราชวัตร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

หลวงปู่หรุ่นท่านนี้ประวัติเป็นเสือเก่าออกปล้นแถว ปทุมธานี อยุธยา จนทางการต้องตามปราบแต่ปราบไม่ได้ซักที สุดท้ายท่านได้มอบตัวกับทางการ และได้รับตำแหน่งเป็นกำนัน มียศว่า ขุนภาวิจล ใจภารา จนเมื่อท่านเริ่มเบื่อทางโลกจึงออกบวชและมาจำพรรษาอยู่ที่วัดอัมพวัน ราชวัตร เป็นพระอาจารย์สักที่มีชื่อเสียง มีศิษย์เอกที่ช่วยสักคือ อาจารย์ภู่ สมัยนั้นนักเลงก๊กเก้ายอดนั้นมีถิ่นพำนักตั้งแต่ สะพานขาว โบ๊เบ๊ ไปถึงเกียกกาย และมีศิย์ที่เป็นทหารม้าอัศวรักษ์มากมาย เนื่องจากลูกชายของหลวงปู่หรุ่นคือ นายเสงี่ยม ใจภารา ก้อเป็นทหารม้าเช่นกัน (แฟนเพจหลายคนคงจะได้ยินในเรื่องของอาจารย์ไพฑูรย์มาไม่น้อย)

พูดถึงหลวงปู่หรุ่นแล้วสมัยก่อนนั้น ในเมืองหลวงมีก๊กนักเลงเยอะมาก เช่นก๊กแก้วไฝ วรจักร (ศิษย์อาจารย์แก้ว ค้ำวิบูลย์ อาจารย์แก้วเป็นศิษย์ของหลวงปู่ทอง วัดราชโยธ่า) ส่วนบางขุนพรหม ก้อเป็นก๊กของศิษย์หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร ศิษย์หลวงปู่ภูท่านจะมีไม้ตะพดพกกันทุกคนเรียกว่า นิ้วเพชรพระอิศวร ซึ่งเชือกันว่า ไม้ตะพดนี้ โคนชี้ตาย ปลายชี้เป็น หลวงปู่ภูท่านจะบอกศิษย์ว่า อย่าเอาโคนไม้ตีใคร “มันจะตาย กูจะบาป”
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้