ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 6550
ตอบกลับ: 13
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เป็นพระโสดาบัน ไม่ยากเลย??

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2013-6-6 05:22






เป็นพระโสดาบัน ไม่ยากเลย ที่ยากคือความที่ไม่ทราบ เมื่อทราบแล้วจึงได้รู้ว่าง่าย
ก่อนตายเราต้องแตะอริยบุคคล ขั้นโสดาบันให้ได้ เพราะสิ่งที่จะได้รับคือ
ปิดกั้นการลง อบายภูมิแน่นอน และที่สำคัญคือ ...จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
ในกาลเบื้องหน้า.





อารมณ์พระโสดาบัน


            ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย เวลานี้ท่านทั้งหลายได้สมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐานแล้ว ต่อไปนี้ขอได้โปรดฟังคำแนะนำ

อารมณ์ของพระโสดาบัน


            สำหรับวันนี้จะได้พูดถึงอารมณ์ของท่านที่ทรงความเป็นพระโสดาบัน ท่านทั้งหลายจะได้ทราบไว้ว่า คนที่เป็นพระโสดาบันแล้วมีอารมณ์เป็นยังไง ส่วนใหญ่คนทั้งหลายมักจะมีความรู้สึกว่า คนที่เข้ามาเจริญพระกรรมฐาน หรือสมถภาวนา หรือ วิปัสสนาญาณ และเริ่มเข้ามาเจริญแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องตัดหมดนั้นเป็นความรู้สึกผิดของท่านผู้มีความคิดอย่างนั้น


            ความจริงการเจริญพระสมณธรรมมีอารมณ์เป็นขั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่ทรงจิตเป็น..

ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิหรือ อัปปนาสมาธิ



เด็กก็สามารถเป็นพระโสดาบันได้


สำหรับอัปปนาสมาธินี้หมายถึงอารมณ์ฌาน ตั้งแต่ฌานที่ 1 ถึงฌานที่ 8 อารมณ์ประเภทนี้จะระงับได้เพียงนิวรณ์ 5 ประการ แต่ก็เป็นเพียงระงับเท่านั้นไม่ใช่ตัด ถ้ายังมีความประมาทจิตคิดชั่ว ฌานก็สลายตัว เป็นอันว่าผู้ทรงฌานโดยเฉพาะอย่างยิ่งฌานโลกีย์ ยังไม่มีความหมาย ในการเจริญสมณธรรมในพระพุทธศาสนา ถึงแม้ว่าท่านผู้นั้นจะได้มโนมยิทธิก็ดี ได้อภิญญา 5 ในอภิญญา 6 ก็ดี ได้ 2 ในวิชชาสามก็ดี ก็ยังไม่มีความหมายในการตัดอบายภูมิ ท่านที่จะตัดอบายภูมิได้จริง ๆ ก็คือ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป..



            คำว่า พระโสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน



            ฉะนั้นพระโสดาบันก็ยังตัดอะไรไม่ได้หมด เป็นแต่เพียงว่ามีอารมณ์ชนะสังโยชน์ 3 ประการเบื้องต้น แต่เพียงอย่างอยาบเท่านั้น อารมณ์ชนะสังโยชน์ 3 ประการเบื้องต้นก็คือ..
            

1. สักกายทิฏฐิ
ที่มีความรู้สึกว่าสภาพร่างกายหรือว่าขันธ์ 5 เป็นเรา เป็นของเรา เรามีในขันธ์ 5 ขันธ์ 5 มีในเรา เฉพาะอย่างยิ่งในด้านสักกายทิฏฐินี้ พระโสดาบันลดลงมาได้เพียงเล็กน้อย ยังมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเราอยู่ แต่ทว่ามีอารมณ์ไม่ประมาท มีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย..


ที่ท่านกล่าวว่าบรรดาพระโสดาบันกับพระสกิทาคามี
เป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์ มีสมาธิเล็กน้อย คำว่าสมาธิเล็กน้อย


คือ อารมณ์สมาธิของท่านผู้เจริญฌานสมาบัติ มีอารมณ์ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป..


ยังไม่ถึงฌาน 4 ก็สามารถจะเป็นพระโสดาบันได้


            สำหรับที่ว่ามีปัญญาเล็กน้อย ก็เพราะว่ายังไม่สามารถตัดขันธ์ 5 ได้เด็ดขาดด้วยกำลังของจิต ยังมีความรู้สึกว่าร่างกายเป็นเรา เป็นของเรา แต่ทว่าความรู้สึกของท่านมีความดีอยู่หน่อยหนึ่งว่าเราจะต้องตาย ยังไง ๆ ก็ต้องตายแน่ เหมือนกับที่เปสการีมีอารมณ์คิดถึงคำสั่งสอนของสมเด็จพระธรรมสามิสร ที่ทรงตรัสว่า

Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-6-8 08:56
การไปวัด ไปไหว้พระ ตลอดจนการสนทนาธรรมกับท่าน สมควรท ...

กราบนมัสการหลวงปู่ครับ
...ต่างกรรมต่างวาระ...


แม้ว่าจะต่างกรรมต่างวาระแต่สุดท้ายทุกคนก็ย่อมที่จะได้รับผลจากการกระทำของตนเองด้วยกันทั้งสิ้น


         เรื่องของกรรมนี่เป็นเรื่องที่พูดยากอยู่เหมือนกันนะครับ กรรมคือผลของการกระทำ มีทั้งกรรมเดี่ยว ๆ และกรรมของกลุ่ม มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว มีทั้งกรรมที่ให้ผลทันตาเห็นและกรรมที่ต้องใช้เวลาผลของกรรมนั้นถึงจะปรากฏ...
         บางครั้งการกระทำสองอย่างเกิดขึ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ผลของการกระทำนั้นจึงคาบเกี่ยวกันระหว่างกรรมของการกระทำทั้งสอง ซึ่งทำให้หลายคนสับสนว่าอันไหนคือผลของการกระทำอันแรกและอันไหนคือผลของการกระทำอันที่สอง...
         แต่ถึงจะอย่างไร ทุกอย่างก็ย่อมจะเป็นไปตามกฏของมัน กฏของธรรมชาติ กฏแห่งความจริง  กฏของความเป็นมนุษย์ และกฏแห่งกรรม ผมว่าไม่ใครหนีพ้นกฏเหล่านี้ได้หรอกครับ เพราะผลของมันจะปรากฏชัดเจนขึ้นเองเมื่อมันถึงเวลา...
         ...แม้ว่าจะต่างกรรมต่างวาระแต่สุดท้ายทุกคนก็ย่อมที่จะได้รับผลจากการกระทำของตนเองด้วยกันทั้งสิ้น..






http://www.gotoknow.org





สีลัพพตปรามาส พระโสดาบันย่อมทรงศีลบริสุทธิ์ตามฐานะของตัว คำว่า ฐานะของตัวก็หมายความว่า ถ้าเป็นฆราวาสก็มีศีล 5 เป็นปกติ มีศีล 5 บริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลา ไม่มีเจตนาในการทำลายศีล รักษาศีลบริสุทธิ์ ไม่ทำลายศีลด้วยตนเอง ไม่ยุให้บุคคลอื่นทำลายศีล แล้วก็ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว เป็นอันว่าพระโสดาบันเป็นผู้มีความทรงอารมณ์อยู่ในศีลเป็นสำคัญ หนักหน่วงในเรื่องของศีล ยอมตัวตายดีกว่าศีลขาด

Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-6-8 08:56
การไปวัด ไปไหว้พระ ตลอดจนการสนทนาธรรมกับท่าน สมควรท ...

Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2013-6-8 08:56
การไปวัด ไปไหว้พระ ตลอดจนการสนทนาธรรมกับท่าน สมควรท ...

ขอบคุณครับ

สาธุ สาธุ สาธุ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-6-8 09:03



แม้นกระทั่งฆารวาสธรรมทั้งหลายก็อย่าได้ ประมาท

เพราะท่านอาจเป็นพระโสดาบันก็ได้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-6-8 08:59

การไปวัด ไปไหว้พระ ตลอดจนการสนทนาธรรมกับท่าน สมควรที่จะต้องมีความตั้งใจ และเตรียมให้พร้อมที่จะรับธรรมจากท่าน มิฉะนั้นแล้วอาจเกิดเป็นโทษได้ดังเรื่องต่อไปนี้

ปกติหลวงปู่ท่านมีความเมตตา อบรมสั่งสอนศิษย์ และสนทนาธรรมกับผู้สนใจตลอดมา วันหนึ่ง มีผู้มากราบนมัสการท่าน และเรียนถามปัญหาต่างๆ จากนั้นจึงกลับไป

หลวงปู่ท่านได้ยกเป็นคติเตือนใจให้ผู้เขียนฟังว่า

"คนที่มาหาเมื่อกี้ หากไปเจอะพระดีละก็ลงนรก ไม่ไปสวรรค์นิพพานหรอก"

ผู้เขียนจึงเรียนถามท่านว่า "เพราะเหตุไรครับ"

ท่านตอบว่า

"ก็จะไปปรามาสพระนั่นนะซิ ไม่ได้ไปเอาธรรมจากท่าน"

หลวงปู่เคยเตือนพวกเราไว้ว่า

"การไปอยู่กับพระอรหันต์ อย่าอยู่กับท่านนาน เพราะเมื่อเกิดความมักคุ้นแล้ว มักทำให้ลืมตัว เห็นท่านเป็นเพื่อนเล่น คุยเล่นหัวท่านบ้าง ให้ท่านเหาะให้ดูบ้าง ถึงกับออกปากใช้ท่านเลยก็มี การกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการปรามาสพระ ลบหลู่ครูอาจารย์และเป็นบาปมาก ปิดกั้นทางมรรคผลนิพพานได้ จึงขอให้พวกเราสำรวมระวังให้ดี"






หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้