ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 9215
ตอบกลับ: 37
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

พระคาถาพาหุง

[คัดลอกลิงก์]
พระคาถาพาหุง




     
พระคาถาพาหุง

        
คำนำ
           ปัจจุบันมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นในโลกทำให้ประชาชนต่างเกิดความวิตกกังวล  และกลัวภยันตรายจะมาถึงตัวเอง  ทำให้เสียขวัญและหมดกำลังใจในการดำเนินชีวิต

          การสวดมนต์  ถือเป็นทางออกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไทย  และเป็นกิจวัตรประจำวันของชาวพุทธเพื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย  และบำเพ็ญสมาธิไปพร้อมกัน ดังข้อความที่ปรากฏใน วิมุตตายนสูตร ว่า

           “บางคนหมั่นสวดมนต์หรือสาธยายข้อธรรมที่ได้เรียนมา  และขณะที่สวดมนต์ด้วยจิตเป็นสมาธินั้น  เขาน้อมข้อธรรมมาปฏิบัติจนบรรลุถึงความพ้นทุกข์ได้”
อง. ปญ์จก. ๒๒/๒๖/๒๒
ความนำ
          ในคราวประชุมอนุกรรมการในคณะกรรมการจัดงานเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ  ๘๔ พรรษา ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งกำหนดใน  วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ มีการเสนอให้สวดมนต์ถวายพระพร ทางฝ่ายสงฆ์กำหนดจะ  สวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร  ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเมื่อมีงานทำบุญอายุของผู้ใหญ่ฝ่ายคฤหัสถ์จะระดม  (คำนี้น่าจะเหมาะกว่ารณรงค์) ให้มีการทำวัตรสวดมนต์  บทสวดบทหนึ่งที่คิดว่าควรสวดต่อท้ายทำวัตรเช้า – เย็น ก็คือ พาหุง ว่ากันอย่างนั้น  พาหุง คือ บทสวดว่าด้วยชัยชนะ ๘ ประการของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์ทรงผจญกับผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ทั้งมนุษย์และอมนุษย์ แต่พระองค์  ก็ทรงเอาชนะได้อย่างราบคาบ วิธีการชนะของพระพุทะองค์เป็นชัยชนะที่ถูกต้องชอบธรรม  ทรงใช้ ธรรมาวุธ มิใช่ศาสตราวุธ

          บางท่านปรารภว่า  บทสวดมนต์น่าจะสวดเป็นภาษาไทย จะได้ฟังรู้เรื่อง หลายท่านก็ว่า  สวดเป็นบาลีน่ะดีแล้วจะได้ “ขลัง” ถ้าอยากรู้ว่าที่สวดๆ นั้นหมายความอย่างไร  ก็ให้ไปหาอ่านเอาเอง จะดีกว่า

         ถามว่า “จะหาอ่านที่ไหนล่ะ”  นั่นสิครับ

         ความจริง มีหนังสือสวดมนต์แปลฉบับหลวงเล่มหนึ่ง  แต่ไม่ได้พิมพ์แพร่หลาย และ สำนวนแปลก็ต้อง “แปลไทยเป็นไทย” อีกที  จึงพออ่านรู้เรื่องสำหรับชาวบ้านทั่วไป

         เรื่องทำนองนี้  มิใช่เพิ่งจะมาคิดกันหลายต่อหลายท่านคิดกันมาแล้ว  ขณะที่พวกเรากำลังนั่งฟังพระเจริญพระพุทะมนต์อยู่นั้น คุณขรรค์ชัย บุนปาน  หันมากระซิบกับผมว่า “หลวงพี่น่าจะแปลบทสวดเหล่านี้ให้คนอ่านนะ  จะได้รู้ว่าพระท่านสวดว่าอย่างไรบ้าง เอาตั้งแต่เริ่มพิธีจนจบเลย”  ผมก็พยักหน้าตอบว่า “ก็ดีเหมือนกัน ว่างๆ จะขยับเสียที”

          จนป่านนี้  ผม ก็ ยังไม่มีโอกาสขยับ เมื่อยังไม่ถึงขั้นนั้น  วันนี้ขอแปลคาถาพาหุงและให้อรรถาธิบายประกอบมาลงให้อ่านไปพลางก่อน

           เรื่องคาถาพาหุงนี้ ผมเคยแปลรวมพิมพ์เป็นเล่มมาก่อนแล้ว  คราวนี้ขอแก้ไขดัดแปลงให้เป็นเรื่องเป็นราวกว่าเดิม เรียกว่าเป็น version  ใหม่ก็แล้วกัน

          คาถาพาหุง เรียกเป็นทางการว่า ชยมังคลอัฏฐกคาถา  อ่านว่า “ชะยะมังคะละอัตถะกะคาถา” แปลว่า “คาถาว่าด้วยชัยชนะ ๘ ประการ  อันเป็นมงคลของพระพุทะเจ้า” ที่เรียกกันติดปากว่า “คาถาพาหุง”  เพราะขึ้นต้นด้วยคำว่า “พาหุง”

           ความเป็นมาของคาถาพาหุงค่อนข้างสับสน บางท่านว่าน่าจะแต่งโดยนักปราชญ์ศรีลังกา  เพราะพระลังกาสวดกันได้ทุกรูป บทสวดมนต์บางบทที่สวดกันแพร่หลายในเมืองไทยเช่น  นโมการอัฏฐกคาถา หรือนโมแปดบท พระลังกาสวดไม่ได้ เพราะแต่งที่เมืองไทย  ใช้สวดเฉพาะพระไทย (ไม่สากล) เมื่อคาถาพาหุงค่อนข้างจะ “สากล”  จึงน่าจะแต่งโดยพระลังกา ว่ากันอย่างนั้น

          เหตุผลนี้ฟังดู “หลวม”  คือไม่จำเป็นต้องสรุปว่าแต่งที่ลังกาก็ได้  แต่งที่เมืองไทยนี่เองเมื่อแต่งดีและแต่งได้ไพเราะ  พระลังกามาคัดลอกไปสวดย่อมเป็นไปได้ ทีอะไรๆ ก็มักจะอ้างลังกา อ้างพม่า ก็  เพราะไม่เชื่อว่า ปราชญ์ไทยจะมีปัญญาแต่งฉันท์ที่ไพเราะอย่างน  ี้ด้วยเหตุนี้คัมภีร์ศาสนาหลายเล่มจึงมอบให้เป็นผลงานของพระลังกาและพระพม่าไป

           มังคลัตถทีปนี ที่ พระสิริมังคลาจารย์ชาวเชียงใหม่แต่ง ก็ยังว่า  เป็นฝีมือของพระพม่าเลยครับ คือกล่าวว่า พระสิริมังคลาจารย์  เป็นพระพม่ามาอยู่ที่ล้านนา อะไรทำนองนี้

          บางท่านบอกว่า คาถาพาหุง  แต่งที่เมืองไทย และแต่งมานานแล้วด้วย ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โน่นแน่ะ  ท่านผู้นั้นขยายความว่า เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรบชนะพระมหาอุปราชา  แห่งพม่าแล้วพระนพรัตน์ วัดป่าแก้ว ได้ประพันธ์คาถาพาหุงนี้ถวายพระเกียรติ  ในชัยชนะอันยิ่งใหญ่คราวนั้นว่าอย่างนั้น

          ครั้นถามว่า  “มีหลักฐานอะไรไหม” ท่านบอกว่า  “เห็นในนิมิตตอนนั่งสมาธิ” เมื่อท่านว่าอย่างนี้ เราทำได้ก็แค่  “ฟัง” ไว้เท่านั้น จะเถียงว่าไม่จริง หรือรับว่าจริงก็คงไม่ได้  มีคำพูดฮิตอยู่ในปัจจุบันคือ “ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่”  วางท่าทีอย่างนี้ น่าจะเหมาะกว่ากระมังครับ

           ท่านอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ เล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า  รัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงประกาศสงครามกับประเทศเยอรมนี ออสเตรีย  และฮังการี เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๑ โดยเข้าร่วมกับ ฝ่ายสัมพันธมิตร  เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ และทรงได้ส่งทหารไปสู่สงครามเมื่อวันที่ ๑๖  มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๑นั้นพระองค์ทรงนำกองทัพสวดคาถาพาหุง  พร้อมทั้งคำแปลที่ทรงพระราชนิพนธ์ เป็นวสันตดิลกเพื่อชัยชนะแห่งกองทัพไทย  และฝ่ายพันธมิตร

ขอบคุณครับ

จอยจำได้บทเดียว คือบทแรก ของพาหุงฯ
36#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-27 07:58 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
พาหุงมหาการุณิโก คืออะไร                                                                       

พาหุงมหากา คือ บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ  พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วก็ พรพาหุงอันเริ่มด้วย พาหุงสะหัส จนไปถึง ทุคคาหะทิฏฐิ  แล้วเรื่อยไปจนถึง มหาการุณิโกนาโถหิตายะ และจบลงด้วย "ภะวะตุสัพพะมังคะลัง  สัพพะพุทธา สัพพะธรรมา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต"  อาตมาเรียกรวมกันว่า "พาหุงมหากาฯ"
อาตมาจึงเข้าใจในบัดนั้นเองว่า  บทพาหุงนี้คือ บทสวดมนต์ที่ สมเด็จพระพนรัตน์ วัด ป่าแก้ว  ได้ถวายให้พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไว้สวดเป็นประจำ เวลาอยู่กับพระบรมราชวัง  และในระหว่างศึกสงคราม จึงปรากฎว่า พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ทรงรบ ณ  ที่ใดทรงมีชัยชนะอยู่ตลอดมา มิได้ทรงเพลี่ยงพล้ำเลย  แม้จะเพียงลำพังสองพระองค์กับสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า ท่ามกลางกองทัพพม่า  ด้วยการกระทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา ณ ดอนเจดีย์ปูชนียสถาน  แม้ข้าศึกจะยิงปืนไฟเข้าใส่พระองค์ในตอนที่เข้ากันพระศพของพระมหาอุปราชาออกไปราวกับห่าฝนก็มิปาน  แต่ก็มิได้ต้องพระองค์ ด้วยเดชะพาหุงมหากา ที่ทรงเจริญอยู่เป็นประจำนั่นเอง  อาตมาได้พบตามที่นิมิตแล้วก็ไต่ขึ้นมาด้วยความสบายใจ ถึงปากปล่องที่ลงไป  เนื้อตัวมีแต่หยากไย่ เดินลงมาแม่ชีเห็นเข้ายังร้องว่า  หลวงพ่อเข้าไปในโพรงนั่นมาหรือ แต่อาตมาไม่ตอบ
ตั้งแต่นั้นมา  อาตมาจึงสอนการสวดพาหุงมหากาฯ ให้แก่ญาติโยมเป็นต้นมา เพราะอะไร  เพราะพาหุงมหากานั้น เป็นบทสวดมนต์ที่มีค่ามากที่สุด มีผลดีที่สุด  เพราะเป็นชัยชนะอย่างสูงสุดของพระบรมศาสดา จากพญาวัสดีมาร จากอาฬาวกะยักษ์  จากช้างนาฬาคีรี จากองคุลิมาล จากนางจิญมานวิกา จากสัจจะกะนิครนธ์  จากพญานันโทปนันทนาคราช และท่านท้าวผกาพรหม เป็นชัยชนะที่พระพุทธองค์ทรงได้มา  ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ และด้วยอำนาจแห่งบารมีธรรมโดยแท้  ผู้ใดได้สวดไว้เป็นประจำทุกวัน จะมีชัยชนะ มีความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนาน  มีสติระลึกได้จะตายก็ไปสู่สุคติภูมิ
ขอให้คุณโยมช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วยนะ  ว่าให้สวดพาหุงมหากากันให้ถ้วนหน้า นอกจากจะคุ้มตัวแล้วยังคุ้มครอบครัวได้ สวดมาก ๆ  เข้า สวดกันทั้งหลายประเทศ ก็ทำให้ประเทศมีแต่ความรุ่งเรือง  พวกคนพาลสันดานหยาบก็แพ้ภัยไปอย่างถ้วนหน้า
ไม่เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้น  ที่พบความมหัศจรรย์ของพบพาหุงมหากา แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ได้ทรงพบเช่นกัน โดยมีบันทึกโบราณบอกไว้ดังนี้
"เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองจันทบุรีได้แล้วก็ทรงเล็งเห็นว่า  สงครามกู้ชาติต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาว  จึงทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระยอดธงแบบศรีอยุธยาขึ้น  แล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลายมาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้ในองค์พระ  และพระองค์ก็ทรงเจริญรอยตาม พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยการเจริญพาหุงมหากา  จึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ"



35#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-26 06:44 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คำแปล

พระผู้มีกรุณาต่อชาวโลก
เป็นที่พึ่งคลายโศกมหาศาล
ทรงบำเพ็ญบารมีมาช้านาน
จนบรรลุโพธิญาณอันเลิศล้ำ
ด้วยสัจจะวาจาที่กล่าวขาน
ขอให้ชำนะมารสันดานต่ำ
ขอให้สบมิ่งมงคลกุศลนำ
ดุจพระสัมพุทธเจ้าของเรานี้

พระทรงเป็นที่เคารพสักการะ
ของเหล่าศากยะบุรีศรี
ประทับใต้โพธิ์ใหญ่ใกล้วารี
ละกิเลสเหตุอัปรีย์ที่มีมา

เหนือบัลลังก์ปฐพีที่พิชิต
สยบมารเรืองฤทธิ์ผู้หาญกล้า
ถึงสุดยอดแห่งพุทธะศาสดา
ศายวงศ์พงศาปลื้มเปรมใจ

ขอให้ท่านทั้งหลายได้ฟังสวด
ชัยมงคลแปดหมวดอันยิ่งใหญ่
จงบรรลุกุศลมงคลชัย
ดุจจอมไตรโลกนาถศาสดา

ฤกษ์จะงามมิใช่งามที่ตัวฤกษ์
อรุณเบิกแสงสว่างกระจ่างหล้า
ก็เพียงบอกขณะผันวันเวลา
จะบ่งค่าชั่วดีเห็นไม่เป็นจริง

อันกรรมดีกรรมชั่วเป็นตัวชี้
ถ้าละชั่วทำดีพร้อมทุกสิ่ง
ทั้งกายวาจาใจไม่ประวิง
คือยอดยิ่งมิ่งขวัญมงคลชัย

ถ้าทำดีเมื่อไรได้ดีแท้
ถ้าทำชั่วชั่วแน่อย่าสงสัย
ทำเมื่อใดได้เมื่อนั้นได้ทันใจ
ฤกษ์พานาทีใดไม่สำคัญ

ผู้ทำดีด้วยกายวาจาใจ
ปณิธานตั้งไว้อย่างคงมั่น
ย่อมได้บุญกุศลผลอนันต์
เพราะดีนั้นบันดาลดีทุกทีไป

ขอพุทธานุภาพจงนำผล
ให้เกิดสรรพมงคลยิ่งใหญ่
ขอเหล่าเทพารักษ์พิทักษ์ภัย
บันดาลให้พิพัฒน์สวัสดี

ขอธรรมานุภาพจงนำผล
ให้เกิดสรรพมงคลสุขี
ขอเทพไท้ทั้งผองป้องไพรี
ให้เกิดศรีสุขสวัสดิ์พิพัฒน์ชัย

ขอสังฆานุภาพจงนำผล
ให้เกิดสรรพมงคลยิ่งใหญ่
ขอเหล่าเทพรักษ์พิทักษภัย
บันดาลให้สุขสวัสดิ์พิพัฒน์  เทอญ


ที่มา
http://www.dhammajak.net/chaiya/13.html

34#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-26 06:43 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
บทสวดต่อคาถาพาหุง       

คำสวดบาลี

มหาการุณิโก นาโถ
หิตายะ สัพพะปาณินัง
ปูเรตวา ปาระมี  สัพพา
ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
โหตุ เต ชะยะมังคะลัง ฯ  ชะยันโต โพธิยา มูเล
สัก์ยานัง นันทิวัฑฒะโน
เอวัง ตะวัง วิชะโย  โหหิ
ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะปัลลังเก
สีเส  ปะฐะวิโปกขะเร
อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง
อัคคัปปัตโต ปะโมทะติ ฯ
สุนักขัตตัง สุมังคะลัง
สุปะภาตัง สุหุฏฐิตัง
สุขะโณ สุมุหุตโต  จะ
สุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ
ปะทักขิณัง กายะกัมมัง
วาจากัมมัง  ปะทักขิณัง
ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง
ปะณิธี เต ปะทักขิณา
ปะทักขิณานิ  กัตวานะ
ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะพุทธานุภาเวนะ
สะทา  โสตถี ภะวันตุ เต
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะธัมมานุภาเวนะ
สะทา  โสตถี ภะวันตุ เต
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง
รักขันตุ สัพพะเทวะตา
สัพพะสังฆานุภาเวนะ
สะทา  โสตถี ภะวันตุ เต ฯ


ไม่เคยสวดบทแปลเลย มีความรู้สึกว่ายาวมาก
32#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-25 05:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
คำแปลมหาการุณิโก

ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย  ประกอบแล้วด้วยพระมหากรุณา ยังบารมีทั้งหลายทั้งปวงให้เต็ม  เพื่อประโยชน์แก่สรรพ
สัตว์ทั้งหลาย ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดมแล้ว  ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ ขอชัยมงคลจงมีแก่ท่าน
ขอท่านจงมีชัยชนะ  ดุจพระจอมมุนีที่ทรงชนะมาร ที่โคนโพธิพฤกษ์ ถึงความเป็นผู้เลิศในสรรพพุทธาภิเษก  ทรงปราโมทย์อยู่บนอปราชิตบัลลังก์อันสูง เป็นจอมมหาปฐพี ทรงเพิ่มพูนความยินดีแก่  เหล่าประยูรญาติศากยวงศ์ฉะนั้นเทอญ
เวลาที่ “สัตว์”  (หมายถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เช่น มนุษย์และสรรพสัตว์) ประพฤติชอบ ชื่อว่า ฤกษ์ดี  มงคลดี สว่างดี รุ่งดี และขณะดี ครู่ดี บูชาดีแล้ว ในพรหมจารีบุคคลทั้งหลาย กายกรรม  เป็นประทักษิณ วจีกรรม เป็นประทักษิณ มโนกรรม เป็นประทักษิณ  ความปรารถนาของท่านเป็นประทักษิณ สัตว์ทั้งหลายทำกรรม อันเป็นประทักษิณแล้ว  ย่อมได้ประโยชน์ทั้งหลาย อันเป็น ประทักษิณ*
ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน  ขอเหล่าเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า  ขอความสวัสดีทั้งหลาย จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
ขอสรรพมงคลจงมีแก่ท่าน  ขอเหล่าเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ขอความสวัสดีทั้งหลาย  จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ
ขอสรรพมงคลจงมีแกท่าน  ขอเหล่าเทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน
ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอความสวัสดีทั้งหลาย  จงมีแก่ท่านทุกเมื่อ

หมายเหตุ ประทักษิณ หมายถึง การกระทำความดีด้วย  ความเคารพ โดยใช้มือขวาหรือแขนด้านขวา หรือที่หลายท่าน เรียกว่า “ส่วนเบื้องขวา”  ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่มีมาช้านานแล้ว ซึ่งพวกพราหมณ์ถือว่า การประทักษิณ คือ  การเดินเวียนขวารอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบุคคลที่ตนเคารพนั้น เป็นการให้เกียรติ  และเป็นการแสดงความเคารพสูงสุด เป็นมงคลสูงสุด เพราะฉะนั้นบาลีที่แสดงไว้ว่า  กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ความปรารถนาและการที่กระทำกรรมทั้งหลาย เป็นประทักษิณ  อันเป็นส่วนเบื้องขวาหรือเวียนขวานั้น จึงหมายถึงการทำการพูดการคิดที่เป็นมงคล  และผลที่ได้รับก็เป็นประทักษิณ อันเป็นส่วนเบื้องขวาหรือเวียนขวา  ก็หมายถึงได้รับผลที่เป็นมงคลอันสูงสุดนั่นแลฯ

***
อ้างอิงข้อมูล
http://www.jarun.org
http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-pray.html

......................................................

ที่มา
http://www.dhammajak.net/chaiya/15.html

31#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-25 05:32 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๘.  พระจอมมุนีได้ทรงชนะพรหมผู้มีนามว่าพกาพรหม ผู้มีฤทธิ์  สำคัญตนว่าเป็นผู้รุ่งเรืองด้วยคุณอันบริสุทธิ์  มีความเห็นผิดประดุจถูกงูรัดมือไว้อย่างแน่นแฟ้นแล้ว
ด้วยวิธีวางยาอันพิเศษ คือ  เทศนาญาณ
ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ท่าน ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น
นรชนใดมีปัญญา ไม่เกียจคร้าน สวดก็ดี  ระลึกก็ดี ซึ่งพระพุทธชัยมงคล ๘ บทนี้ทุก ๆ วัน
นรชนนั้นจะพึงละเสียได้  ซึ่งอุปัทวันตรายทั้งหลายมีประการต่าง ๆ
เป็นอเนกและถึงซึ่งวิโมกข์ (คือ  ความหลุดพ้น) อันเป็นบรมสุขแล

30#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-4-25 05:31 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
๗.  พระจอมมุนีทรงโปรดให้พระโมคคัลลานะเถระพุทธชิโนรส  นิรมิตกายเป็นนาคราชไปทรมานพญานาคราช ชื่อ นันโทปนันทะ  ผู้มีความหลงผิดมีฤทธิ์มาก
ด้วยวิธีให้ฤทธิ์ที่เหนือกว่าแก่พระเถระ
ขอชัยมงคลทั้งหลายจงมีแก่ท่าน  ด้วยเดชแห่งพระพุทธชัยมงคลนั้น
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้