Baan Jompra

ชื่อกระทู้: >>> พระศรีราม <<< [สั่งพิมพ์]

โดย: Metha    เวลา: 2014-12-13 23:41
ชื่อกระทู้: >>> พระศรีราม <<<

หากเปรียบ พระร่วงหลังรางปืน เป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน


พระศรีราม
ก็เป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน ศรีติคญาโณ เช่นเดียวกัน

[attach]9707[/attach]

ทุกเนื้อมีผสมชนวนเก่าของหลวงปู่ชื่น อาทิ ชนวนหล่อจากพิธีชัยมหานาถ สำริดโบราณสมัยหลวงปู่ ฯลฯ

[attach]9971[/attach]

[attach]9952[/attach]


ทำไมที่ผนังปราสาทนครวัด
            

...ถึงมีภาพสลักเรื่องรามเกียรติ์ ??

... คิดว่าเป็นเพียงศิลปะ วัฒนธรรม เพื่อความสวยงามเมื่อครั้นก่อนแค่นั้นหรือ ??

[attach]9951[/attach]


คาถาบูชาพระศรีราม

อิติปิโสภะคะวา ยามตรายามดี พระอาทิตย์ไชยศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ

ให้สวดตามกำลังวัน เดินทางไปไหน มีลาภแล


โดย: Metha    เวลา: 2014-12-13 23:42
๔ ธันวาคม ๗๓๒๓/๖๗๘๐
....โอม นารายณ์ นารายณ์ จุติ จุติ พระราม...


ประวัติพระราม (โดยสังเขป)

          พระราม คือ พระนารายณ์อวตารปางที่ 7 (รามาวตารหรือรามจันทราวตาร)

แบ่งภาคลงมา ถือกำเนิดเป็นพระราชโอรสของท้าวทศรถ กับ นางเกาสุริยา เพื่อจะปราบทศกัณฐ์

พระรามมีพระอนุชาต่างพระมารดา ๓ พระองค์ คือ พระพรต พระลักษมณ์ และพระสัตรุต

ซึ่งต่างก็มีความรักใคร่กันอย่างมาก พระมเหสีของพระราม คือ นางสีดา พระรามมีกายสีเขียว

สามารถปรากฏร่างเป็นพระนารายณ์มีสี่กรได้ อาวุธประจำพระองค์ คือ ศร

ซึ่งเป็นอาวุธวิเศษ ที่ได้ประทานมาจากพระอิศวร

บทบาทที่สำคัญในเรื่องรามเกียรติ์ ได้แก่

- เมื่อเยาว์วัยพระรามได้รับการศึกษาศิลปศาสตร์ กับสำนักฤาษีสวามิตร หรือวิศวามิตร มีความเก่งกล้า ถึงกับฆ่ากากนาสูร และสวาหุ ซึ่งมารบกวนเหล่า ฤาษีชีไพร

- ท้าวชนกจักรวรรดิ์(ฤาษีชนก) ได้ให้หมู่กษัตริย์มาประลองยกศรรัตนธนู เพื่ออภิเษกกับนางสีดา พระรามก็สามารถยกรัตนธนูได้สำเร็จ และได้อภิเษกกับนางสีดา

ระหว่างเดินทางกลับกรุงอโยธยา สามารถปราบรามสูร(ยักษ์ผู้ถือขวาน) และได้รับศรจากรามสูร

- ได้ฆ่าพระยาขร และพระยาทูษณ์ พี่ชายของนางสำมนักขา

- ระหว่างออกเดินป่า ได้ปราบพิราบยักษ์

- ได้ช่วยสุครีพปราบพาลี

- ไปรบกับทศกัณฐ์ และได้ฆ่าทศกัณฐ์ได้สำเร็จ

- สถาปนาพิเภกให้ครองกรุงลงกา


โดย: Metha    เวลา: 2014-12-13 23:44
๖ ธันวาคม ๗๒๗๒/๖๗๒๙ ปี
พระราม เสด็จกลับมาปกครองกรุงศรีอยุธยา
พระรามหรือนารายณ์อวตาร เป็นโอรสของท้าวทศรถและ
นางเกาสุริยา มีมเหสีคือนางสีดา ด้วยท้าวทศรถจำต้องยก ราชสมบัติให้แก่พระพรต พระรามจึงต้องเดินดงเป็นเวลา ๑๔ ปี ซึ่งระหว่างเ
ดินดงนั้น ทศกัณฐ์ได้ลักนางสีดาไป พระองค์จึงต้องทำสงครามกับยักษ์ เพื่อชิงนางสีดาคืนมา และด้วยศักดานุภาพ พระรามสามารถ เอาชนะทศกัณฐ์และเสด็จกลับมาปกครองกรุงศรีอยุธยา อย่างร่มเย็นเป็นสุขสืบไป



โดย: Metha    เวลา: 2014-12-13 23:45
>>> พระศรราม <<<
หล่อโบราณ จำนวนสร้าง ดังนี้
1.เนื้อสำริดโบราณ สร้างบูชาครู 9 องค์ (ไม่เปิดให้บูชา)
2.เนื้อเงิน จำนวน 12 องค์ น้ำหนักเงินประมาณ 2 บาทต่อองค์
3.เนื้อชนวน จำนวน 23 องค์ สร้างจากก้านชนวน รูปหล่อพระเจ้าชัยวรมัน รุ่น 1 และรุ่น 2 ก้านชนวนรูปหล่อพิธีชัยมหานาถ
4.เนื้อสำริด จำนวน 460 องค์ ทองแดงผสมก้านเนื้อเงิน สำริด และเนื้อชนวน
5.เนื้อดินเผา


โดย: Metha    เวลา: 2014-12-13 23:55
หลวงปู่ผาด หลวงปู่เคน พลวงพ่อสมบุญ หลวงพ่อโทน
อธิฐานจิตพุทธาภิเษก...พระศรีราม สำนักติคญาโณ


โดย: Metha    เวลา: 2014-12-13 23:58
๖ ธันวา อาจารย์สรายุทธ ทำพิธีพระราม ชุปตัว
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-12-14 11:26
สวยงามทุกเนื้อเลยครับ
โดย: toywater    เวลา: 2014-12-14 16:09
สวยทุกเนื้อ เลยครับ

โดย: oustayutt    เวลา: 2014-12-14 21:13
บูชาคู่หนุมานน่าจะเเจ่มจัดครับ
โดย: MorPie    เวลา: 2014-12-14 22:21
ผมประทับใจพระชุดนี้มากครับ

โดย: MorPie    เวลา: 2014-12-14 22:24
แต่ยังไม่ได้มีโอกาสสอบถามอาจารย์เลยว่า จริงๆแล้วพระนี้ดีทางไหนหรือประยุกต์ใช้อะไรได้บ้างเลยครับ
โดย: Metha    เวลา: 2014-12-15 00:20
จากซ้ายไปขวา  เนื้อเงิน เนื้อชนวน เนื้อสำริด


วันที่เข้าร่วมพิธีเสก ณ วัดดอนทอง มีหลวงพ่อรวย หลวงพ่อเพิ่ม หลวงพ่อพูน เมตตาอธิฐานจิตให้ด้วยครับ

เพิ่มเติมข้อมูลอีกหน่อยครับ
เนื้อชนวน สร้างจากกิ่งชนวนพิธีชัยมหานาถ ซึ่งมี กิ่งหล่อพระเจ้าชัยวรมัน พระกริ่งปทุมสุริยวงศ์ หนุมาน ท้าวเวสสุวรรณ และกิ่งหล่อพระเจ้าชัยวรมัน รุ่น 2 และเนื้อสำริดโบราณ สมัยหลวงปู่ ซึ่งมองเห็นสนิมสีเขียวๆๆที่จับอยู่ในองค์พระ



โดย: Metha    เวลา: 2014-12-15 00:50
เนื้อสำริดโบราณ


โดย: majoy    เวลา: 2014-12-15 06:37
สวยงามมาก รอไปรับกลับมาครับ
โดย: Metha    เวลา: 2014-12-15 08:53
majoy ตอบกลับเมื่อ 2014-12-15 06:37
สวยงามมาก รอไปรับกลับมาครับ

จองแล้วจ่ายแล้ว..รับกลับแล้วสบายใจ
โดย: majoy    เวลา: 2014-12-15 10:12
metha ตอบกลับเมื่อ 2014-12-15 08:53
จองแล้วจ่ายแล้ว..รับกลับแล้วสบายใจ ...

แจ้งพี่จ๊อในรายละเอียดไว้แล้วครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-12-15 10:52
รอวันรับกลับไปบูชา
โดย: Metha    เวลา: 2014-12-15 13:26
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2014-12-15 10:52
รอวันรับกลับไปบูชา

เมื่อวานไม่ได้เหลือกไว้หรอ
โดย: Nujeab    เวลา: 2014-12-15 15:24
metha ตอบกลับเมื่อ 2014-12-15 13:26
เมื่อวานไม่ได้เหลือกไว้หรอ

ยังเลยครับพี่เมธ
โดย: wee    เวลา: 2014-12-15 18:37
เปิดให้จองแล้วหรือครับศิษย์พี่
โดย: ตถตา    เวลา: 2014-12-15 19:22
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตถตา เมื่อ 2014-12-15 19:42

มองในแง่มุมของงานศิลปะแล้ว นี่เป็นเหรียญที่ออกแบบได้สวยงามมีเสน่ห์มาก ยิ่งผ่านมืออาจารย์สรายุทธด้วยแล้ว ผมไม่ลังเลที่จะบูชาเนื้อชนวนมาเป็นของตัวเอง ก่อนที่ต่อไปจะหาไม่ได้อีก เหรียญที่ครบทั้งศิลป์และนารายณ์คุณ
โดย: bigbird    เวลา: 2014-12-15 22:56
เมคมันนี่เตรียมไปรับกลับก๊าบ
โดย: จ๊อ    เวลา: 2014-12-15 23:17
wee ตอบกลับเมื่อ 2014-12-15 18:37
เปิดให้จองแล้วหรือครับศิษย์พี่

ไม่ต้องจอง บูชาได้เลยค่ะ เนื้อเงินหมดแล้ว เนื้อชนวนเหลือ2องค์สุดท้าย. ส่วนเนื้อสำริดให้ไว!!!
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-12-16 05:51
mail ตอบกลับเมื่อ 2014-12-15 15:02
สอบถามอาจารย์  พระรามดีไหม ได้ความว่า จริงๆแล้ว คือ พ ...

พระรามะสัมมาสัมพุทธเจ้า



ปรากฏในเรื่อง อนาคตวงศ์ กล่าวถึงว่า หลังจากที่หมดยุคศาสนาของ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า แผ่นดินถูกทำลาย และได้เกิดแผ่นดินใหม่จนนับไม่ถ้วนแล้ว

จนถึงแผ่นดินใหม่เรียกว่า มัณฑกัปป์มีพระพุทธเจ้า บังเกิดขึ้นมา 2 พระองค์ได้แก่

พระรามะสัมพุทธเจ้า และพระธรรมราชาสัมพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้นต้องบำเพ็ญบารมี อย่างยิ่งยวด

โดยพระรามะสัมพุทเจ้า พระองค์นี้ ครั้งหนึ่งย้อนกลับไปในสมัย พระกัสสปะพุทธเจ้า

พระองค์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อว่า นารทมาณพ วันหนึ่งได้พบกับ พระกัสสปะพุทธเจ้า

เกิดความยินดี เลื่อมใสเป็นอย่างมาก จึงทำการสักการบูชาด้วยการใช้ผ้า 2 ผืนชุบน้ำมันพันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง และจุดไฟ ถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถึงเวลาเช้ามืด ครั้นนารทมาณพดับจิตแล้วได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตและจุดที่ทำการเผาร่างกายนั้นบังเกิดดอกบัวผุดขึ้น


ครั้งนั้น พระกัสสปะพุทธเจ้า จึงตรัสพยากรณ์ว่า มาณพนี้จะได้เป็น...


พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในมัณฑกัปป์นี้ ด้วยอนิสงส์ที่บูชาร่างกายเป็นปรมัตถบารมีนี้จึงทำให้พระองค์มีพระวรกายสูง 80 ศอกและมีพระชนมายุ 9 หมื่นปี




โดย: majoy    เวลา: 2014-12-16 19:04
เตรียมไปอัญเชิญเนื้อชนวนกลับ เย้ๆๆ
โดย: taka_jipata    เวลา: 2014-12-17 00:22
พระศรีราม
โดย: majoy    เวลา: 2014-12-17 06:38
เนื้อเงินและชนวนหมดแล้วนะครับ ใครยังไม่มีเนื้อสำริดยังพอได้ ให้ไวนะครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-12-17 06:56
พระอนาคตวงศ์ กัณฑ์ที่ ๒  



(ภควา “เมตฺเตยฺยสฺส สาสนฺกาเล อติกฺกนฺเต ตสฺส สทฺธมฺมปชฺโชโต อนฺตรธายิ มณฺฑกปฺเป ราโมจ ธมฺมราชา จ เทฺว พุทธา อุปฺปชฺชิสฺสนฺตีติ อิมํ สทฺธมฺมเทสนํ กเถสีติ ฯ)

(อนุสนธิพระสัทธรรมเทศนา มีปุพพาปรสืบเนื่องมาโดยลำดับ บัดนี้จะได้วิสัชนาในประวัติกาลแห่งสมเด็จพระสัพพัญญูบรมครูพระพุทธเจ้าสามพระองค์ ทรงพระนามว่า พระราม, พระธรรมราชา, พระธรรมสามี เป็นลำดับต่อไป ดำเนินเนื้อความว่า)




พระรามโพธิสัตย์



  

ภควา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเทศนาแก่พระสารีบุตรสืบต่อไปว่า ในกาลเมื่อพระพุทธศาสนา แห่งองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเสื่อมสูญสิ้นแล้ว อันว่าประทีปแก้ว คือพระสัทธรรมนั้นก็สูญสิ้น ฝูงสัตว์ทั้งหลายก็มืดมัวไม่รู้จักบาปและบุญ คุณและโทษ ประโยชน์และไม่ประโยชน์ ประการใด จนถึงไฟประลัยโลกล้างวินาศฉิบหายสิ้นทั้งแสนโกฏิจักรวาล เพลิงประลัยกัลป์เกิดขึ้นไหม้แผ่นดินภัทรกัปอันนี้ฉิบหายหมดแล้ว สิ้นกาลช้านาน จึงบังเกิดแผ่นดินใหม่ขึ้นมา มีมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายบังเกิดมีมาสำหรับแผ่นดิน ก็มีมาเสียเปล่า กัปป์แผ่นดินที่มีมาในเบื้องหน้านั้นเป็นสุญญกัปนับได้อสงไขยแผ่นดิน

จะได้มีสมเด็จพระพุทธเจ้า ปัจเจกพุทธเจ้า และพระยาจักรผู้ประเสริฐบังเกิดมีมานั้นหามิได้ จึงมีนามว่า สุญญกัปป์ เกิดมีแต่มนุษย์ทั้งหลายหาบุณหาวาสนาบารมีมิได้ ฯ เมื่อแผ่นดินเกิดขึ้นมา สูญเสียจากท่านผู้ทรงพระคุณแล้ว ฉิบหายไปด้วยไฟ ด้วยน้ำ ด้วยลม แล้วเกิดขึ้นใหม่อีกเล่าจนถ้วนอสงไขย แผ่นดินล่วงลับไปนับด้วยอสงไขยแผ่นดินแล้ว ฯ

ในกาลนั้น บังเกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่เรียกชื่อว่า มัณฑกัปป์ พระพุทธเจ้าจักได้บังเกิด ๒ พระองค์ คือ ..


พระรามโพธิสัตว์ ๑ พระเจ้าปเสนทิโกศล ๑




แรกปฐมกัปป์เกิดก็มีอายุยืนได้อสงไขยหนึ่ง แล้วลดน้อยถอยลงมาอยู่เพียง ๙ หมื่นปี ฯ ครั้งนั้นพระรามโพธิสัตว์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าก่อนพระเจ้าปเสนทิโกศล พระองค์มีพระชนม์อายุได้ ๙ หมื่นปี พระสรีรกายสูงประมาณ ๘๐ ศอก ไม้จันทร์เป็นไม้พระศรีมหาโพธิ มีพระรัศมีส่องสว่างไปในอากาศอยู่เป็นนิจจกาล ปรากฏงามเปรียบด้วยรัศมีของพระจันทร์สว่างทั่วโลกธาตุ ด้วยเดชะพระพุทธานุภาพนั้น โลกทั้งปวงบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ มหาชนได้อาศัยไม้ทิพย์นั้นประพฤติเลี้ยงชีวิต เป็นบรมสุขทุกเมื่อมิได้ขาด

ครั้งเมื่อพระพุทธศาสนาพระรามโพธิสัตว์สัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ฝูงสัตว์ทั้งหลายได้บังเกิดในสวรรค์เป็นอันมาก ดูก่อนสารีบุตร พระรามโพธิสัตว์เจ้าได้บำเพ็ญกองบารมีทั้งหลายมาช้านานเป็นอันมากแล้ว แต่กองบารมีธรรมครั้งหนึ่งนั้น ปรากฏเป็นยอดปรมัตถบารมีอันประเสริฐ เพราะเหตุดังนั้นพระรามสัพพัญญูเจ้า จึงได้พระพุทธสมบัติเห็นปานดังนี้

สมเด็จพระศรีสรรเพ็ชญ์จึงตรัสพระสัทธรรมเทศนาแก่พระสารีบุตรว่า ในเมื่อครั้งพระศาสนาพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระรามองค์นี้เป็นบรมโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีนามว่านารทมาณพ วันหนึ่งนารทมาณพได้ทัศนาการเห็นองค์พระพุทธกัสสปสัพพัญญูบรมครูเจ้าครั้งนั้น ก็มีความโสมนัสยินดีปรีดา คิดว่าจะกระทำสักการบูชาแก่พระองค์ให้เห็นศรัทธาของอาตมา มิได้คิดแก่ชีวิตอินทรีย์

คิดแล้วจึงเอาผ้า ๒ ผืนชุบน้ำมัน พันสรีรกายตั้งแต่เศียรเกล้าตลอดปลายเท้าทั้ง ๒ แล้วก็จุดไฟขึ้นบนศีรษะเป็นประทีปกระทำสักการบูชา ถวายแก่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้า แล้วตั้งปณิธานความปรารถนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคเป็นอันงาม อันว่าองค์อวัยวะน้อยใหญ่ในสรีรกายของข้าพระพุทธเจ้า คือเลือดเนื้อเป็นอาทิ กระทำเป็นทานถวายแก่พระองค์ในกาลบัดนี้ ปัจจโย โหตุ จงบังเกิดมีเป็นปัจจัย ให้อุปการคุณอุปถัมภกยกชูข้าพระพุทธเจ้าให้ได้สำเร็จแก่พระสร้อยสรรเพชุดาญาณ ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเถิด

ครั้งนั้นองค์สมเด็จพระพุทธกัสสปเจ้า จึงตรัสพยากรณ์ทำนายนารทมาณพนั้นในท่ามกลางบริษัททั้ง ๔ มีพระพุทธฎีกาว่า ดูก่อนมาณพผู้เจริญ ในเมื่อภัทรกัปนี้ฉิบหายไปแล้ว บังเกิดมีกัปป์ตั้งขึ้นมาใหม่ เป็นสุญญกัปอยู่สิ้นกาลช้านาน นับได้อสงไขยแผ่นดินล่วงไปแล้ว ครั้งนั้นจึงบังเกิดมัณฑกัปป์ ในกาลเบื้องหน้าคือตัวของมาณพนี้จะได้บังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระรามสัพพัญญูในมัณฑกัปป์อันนั้น พระองค์ทรงพยากรณ์ทำนายมาณพดังนี้แล้ว

ครั้นเวลาราตรียังรุ่ง ก็กระทำกายของมาณพเป็นประทีปถวายต่างเครื่องสักการบูชาสมเด็จพระพุทธเจ้าเป็นอันดี ครั้นนารทมาณพดับจิต ก็ได้ไปบังเกิดในดุสิตาสวรรค์เทวโลก ในที่เผาสรีรกายกระทำสักการบูชาแห่งมาณพนั้น ก็บังเกิดดอกบัวผุดขึ้นมา มหาชนเห็นเป็นอัศจรรย์จึงกล่าวสรรเสริญชมว่า จะหามนุษย์ผู้ใดเปรียบเสมอสองหามิได้ นานไปจะได้บังเกิดเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง มั่นคงนักหนา ฝูงมหาชนก็ชวนกันมากระทำสักการบูชาในที่เผาสรีรกายแห่งมาณพ ฯ

ดูก่อนสำแดงสารีบุตร พระรามโพธสัตว์นั้นนานไปก็จะได้บังเกิดเป็นสมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ด้วยผลอานิสงส์ที่ท่านมิได้เอื้อเฟื้อแก่สรีรกายและชีวิตของอาตมา กระทำเป็นมหาบริจาค เจตนาอันใหญ่ยิ่งกว่าบารมีทั้งหลายทั้งปวง เป็นยอดปรมัตถบารมี ด้วยเดชะอานิสงส์ที่บูชาสรีรกายของอาตมานั้น

เมื่อได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า มีสรีรกายสูง ๘๐ ศอก สละชีวิตเป็นทาน เป็นปรมัตถบารมีอันอุดมอุกฤษฏ์นั้น จะมีพระชนมายุได้ ๙ หมื่นปีเป็นกำหนด เวลาราตรียังรุ่งตามประทีปแล้ว คือ สรีรกายของอาตมากระทำสักการบูชานั้น จะบังเกิดพระรัศมีรุ่งเรืองงามสว่างไปทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นนิจจกาล อาจปกปิดเสียซึ่งแสงพระจันทร์และพระอาทิตย์ กระทำให้อัปภาคย์แพ้พระรัศมีของพระองค์ ฯ

สำแดงมาด้วยเรื่องราวพระรามโพธิสัตว์คำรบ ๒ ก็ยุติแต่เพียงนี้ ฯ



โดย: Nujeab    เวลา: 2014-12-17 11:47
กิ่งชนวนที่นำมาหล่อนี่ก็สุดๆแล้วครับ กิ่งหล่อวัตถุมงคลในพิธีชัยมหานาถ กิ่งหล่อพระเจ้าชัยวรมันรุ่น 2 เป็นการรวบรวมของสุดยอดชนวนมวลสารทั้งนั้น มีผสมอยู่ในทุกเนื้อที่จัดสร้างครับ

โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-12-18 07:51
              หากใครที่ได้ลองอ่านเรื่องนี้ดูอย่างจริงจังและคิดเรื่องราวต่างๆในเทพนิยายเรื่องนี้

ตามหลักความจริงโดยตัดเอาสิ่งเหนือธรรมชาติและอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ทั้งหลายออกไปแล้ว

อาจจะมองเห็นเหมือนที่ผมเห็นอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือแท้จริงแล้ว

รามเกียรติ์และรามายณะก็คือบันทึกประวัติศาสตร์สงคราม

และการเมืองของชนชาติโบราณสองชนชาติที่มีอยู่จริงในโลก

นั่นคืออารยันและดราวิเดียน


  
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-12-18 07:52


                เรื่องรามเกียรติ์นั้นหากจะกล่าวเนื้อหาโดยสรุปแล้วก็คือบันทึกการสงครามระหว่างฝ่ายธรรมและอธรรม
โดยตัวแทนฝ่ายธรรมนั้นก็คือมนุษย์ ลิง และเทวดา ส่วนตัวแทนฝ่ายอธรรมก็คือยักษ์

















                แต่จะมีใครรู้บ้างว่า มันคือสงครามที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์อันไกลโพ้น

ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ นั่นคืออารยัน(อินโด-ยูโรเปียน)และดราวิเดียน(ทมิฬ)

   เพียงแต่บันทึกของสงครามนี้ไม่ได้ถูกบันทึกเก็บมาในรูปแบบของเอกสารทั่วไป  

แต่กลายมาเป็นบทร้อยกรองอันสละสลวยและมีการแต่งเติมความพิสดารพันลึก

และแทนเรื่องราวหรือผู้คนหลายสิ่งด้วยสัญลักษณ์ต่างๆเช่น เทพ อสูร คนธรรพ์

ซึ่งหากเราลองตีความกันจริงๆแล้ว จะพบอะไรๆหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในเนื้อหา

และเรื่องราวของรามเกียรติ์มากมายอย่างไม่น่าเชื่อ


ทำไม..????

จึงเชื่อได้แน่นอนว่าการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ เทพ ลิงและยักษ์ในรามเกียรติ์คือ...

บันทึกสงครามระหว่างชาวอารยันและดราวิเดียน นั่นเพราะเดิมทีชมพูทวีปโดยเฉพาะพื้นที่ตอนใต้นั้น

เป็นดินแดนที่มีชนเผ่าดราวิเดียนตั้งรกรากอยู่ ชนเผ่าดราวิเดียนนั้นเป็นพวกที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวดำคล้ำ ผมหยิก

ซึ่งจะเห็นได้ว่ายักษ์ในเรื่องรามเกียรติ์กับชนเผ่าดราวิเดียนมีลักษณะไม่แตกต่างกันเลย ในขณะที่ชนเผ่าอารยันนั้น

ไม่ใช่ชนชาติที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้มาแต่แรก แต่เป็นชนชาติที่อพยพมาจากทางตอนเหนือ

พวกนี้มีผิวกายขาว รูปร่างหน้าตาคมสันกว่าพวกดราวิเดียน ซึ่งจะว่าไปก็คือพวกมนุษย์และเทพใน


รามเกียรติ์นั่นเอง
โดย: Sornpraram    เวลา: 2014-12-18 07:53
พระราม เป็น ชนชาวเผ่าอารยัน



การมาของชาวอารยัน (The Aryans)

       ต่อมาพวกมิลักขะ หรือ ดราวิเดียน (Dravidian) ที่มีความเจริญมากกว่าเผ่าเดิมก็ได้อพยพเข้ามาสู่อินเดีย ชนพวกนี้ได้ขยายตัวสู่ภาคใต้กลายเป็น พวกทมิฬ (Tamil) เตุลุคุุ (Teluku) มาลาบาร์ (Malabar) และ กนะริส (Kanarise) เป็นต้น คำว่ามิลักขะ แปลว่า เศร้าหมอง หรือมีผิวดำ และต่อมาเมื่อประมาณ ๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว ชนชาติอารยัน (Aryans) ซึ่งเดิมกล่าวกันว่ามาจากเอเซียกลาง ก็อพยพเข้าสู่อินเดีย การย้ายถิ่นของชาวอารยันแบ่งออกเป็น ๒ สาย คือ

       สายแรกไปสู่ยุโรปกลายเป็นชาวอารยันยุโรปในปัจจุบัน
       สายที่สองมุ่งสู่ทิสตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งรกรากแถวทะเลสาบแคชเบี้ยนในปัจจุบัน ต่อมาพวกเขาจึงแยกออกเป็นสองสาย คือสายหนึ่งไปสู่ตะวันออกกลางกลายเป็นชาวอารยันเปอร์เซีย และอีกเผ่ามุ่งตรงสู่อินเดียตั้งรกรากแถวแม่น้ำสิทธุตอนบน ลักษณะทั่วไป ของชาวอารยันคือผิวขาว ร่างกายสูงใหญ่ จมูกโด่งศรีษะค่อนข้างยาว ผมสีอ่อน หน้าตาได้สัดส่วน หน้าตาจึงออกไปทางฝรั่งชาวยุโรป สังคมชาวอารยันยุคแรก ๆ ประกอบด้วยนักรบ สามัญชน พ่อค้า นักบวช ทาส

      เนื่องจากอารยันซึ่งแปลว่าเจริญรุ่งเรืองเป็นชนชาติที่เจริญมากกว่า มีความชำนาญในการขี่ม้า ใช้หอกและดาบ เป็นอาวุธสำหรับทำการรบมากกว่า จึงเอาชนะชนพื้นเมืองสองเผ่าเบื้องต้นได้ และพลักดันพวกเขาสู่ภาคใต้ ต่อมาพวกเขาจึงเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันอย่างฉันมิตรและมีการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์ กลายมาเป็นชนส่วนมากของอินเดียปัจจุบัน

      แม้ในด้านการปกครองระยะนี้จะตกอยู่ในอำนาจของชาวอารยันผู้มาใหม่ แต่ด้านวัฒนธรรมด้านศาสนากับมีการผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่นพวกมิลักขะเป็นชนเผ่าที่เคารพบูชาธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ ภูเขา ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นต้น โดยถือว่ามีเทพสิงสถิตย์อยู่ทุกแห่งหน สามารถให้คุณให้โทษแก่ผู้อ้อนวอนบวงสรวงได้ พวกอารยัน ก็มีความเชื่อถือในธรรมชาติ เช่นกัน เช่นพระอาทิตย์ ดวงจันทร์ดวงดาว ท้องฟ้า เมฆหมอก พายุ เป็นต้น โดยถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพระเจ้าของตน เมื่อพวกอารยันเข้ามาตั้งรกราก ชนทั้งสอง จึงมีการผสมผสานเข้ากันกลายมาเป็นศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูดังเช่นปัจจุบัน



โดย: Metha    เวลา: 2014-12-23 00:49


พระเครื่องของอาจารย์ รุ่นนี้คงเป็นตำนานกล่าวขานไปอีกนานครับ


โดย: morntanti    เวลา: 2014-12-23 08:03
องค์พระราม รุ่นนี้ น่าจะเป็นรุ่นแรกที่ด้านหลังมีชื่ออาจารย์สรายุทธด้านหลัง...( ถ้ายังไม่แก่ คงจำไม่ผิด )
โดย: taka_jipata    เวลา: 2014-12-23 20:54
พระรามพุทธเจ้า


ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ผู้เจริญ   ในสมัยที่ศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรเสื่อมไปแล้วในภัทรกัปนี้ ไฟจะไหม้ปฐพีผืนนี้ ฯ
เมื่อภัทรกัป ล่วงไปแล้วเกิด สุญญกัปมีอายุหนึ่งอสงไขยแล้ว ฯ     เมื่อสุญญกัป ล่วงไปแล้ว ก็เกิด มัณฑกัปขึ้น หนึ่งกัป  ฯ ในมัณฑกัป นั้น
มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์ เสด็จอุบัติ คือ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ารามะ พระองค์หนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ปัสเสนทิโกศล (ธรรมราชา)
พระองค์หนึ่งในกาลนั้น สรรพสัตว์ จะมีอายุกำหนด 1 อสงไขย ฯ เมื่อใดคนทั้งหลาย เสื่อมจากอายุ 1 อสงไขย ได้มีอายุ 9 หมื่นปี
เมื่อนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า  รามราช  จะเสด็จ อุบัติในโลกก่อน ฯ พระผู้ มีพระภาคเจ้า ทรงมีพระชนมายุ 90,000 ปี
ทรงมีพระวรกายสูง 80 ศอก มีต้นจันทน์เป็นต้นไม้ตรัสรู้ แสงสว่างพระพุทธรัศมีครุวนาดั่งธงชัยสว่างไสวในอากาศ ทั้งมวล ตลอดกาล เป็นนิตย์ ฯ
ครั้งนั้น ด้วยพุทธานุภาพ ได้บังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ต้น 1 แล้ว ฯ มหาชนทั้งปวงอาศัย ต้นกัลปพฤกษ์เลี้ยงตนตลอดกาลเป็นนิตย์ ฯ ในศาสนา
ของพระสัมมา สัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า รามะ สรรพสัตว์พากันไปสู่สวรรค์

ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารี บุตรผู้เจริญ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า รามราช ทรงบำเพ็ญบารมี 10 ประการ บารมีข้อหนึ่งปรากฏชัดแล้ว
จึงทรงได้สมบัติด้วยประการฉะนี้ ฯ ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้เจริญ ในกาลแห่งพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า   พระโพธิสัตว์ทรงพระนาม
ว่า รามราช ได้มาณพนามว่า  นารทะ ฯในกาลนั้น นารทมาณพ ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมบูรณ์ด้วยพระอนุพยัญชนะ 80 อันเหล่าเทวดามี
พระอินทร์และพระพรหม เป็นต้น แวดล้อมแล้วคิดว่า  

“พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้าเราได้พบยากแสนยาก เราจะมีประโยชน์อะไรด้วยอัตภาพที่น่ารังเกียจ เราจะกระทำตน
ให้เป็นประหนึ่งประทีปทองบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า”ครั้นคิดแล้ว ถือเอาผ้า 2 ผืนชุบน้ำมันให้ชุ่มแล้วพัน
ตั้งแต่ศรีษะจนถึงฝ่าเท้าจุดไฟบนศรีษะบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ฯ เขาได้ตั้งความปรารถนาไว้ว่า

“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เจริญ ด้วยการถวายร่างกาย และชีวิตนี้ขอจงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณเถิด” ฯ

ในกาลนั้นพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์นารทมาณพในท่ามกลางบริษัท 4 ฯ พระศาสดา ทรงพยากรณ์ว่า

“ดูก่อนนารทมาณพผู้เจริญ เมื่อไฟไหม้ภัทรกัปแล้ว ได้มีสุญญกัป มีอายุ 1 อสงไขย เมื่อสุญญกัปล่วงไปแล้ว
เกิดมีมัณฑกัปขึ้นแล้ว ในอนาคตในกัปนั้น ท่านนั้นจักบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า รามะ ฯ
ในกาลนั้น นารทมาณพ มีไฟลุกโพลงแล้วตลอด 1 คืน จุติแล้วบังเกิดในสวรรค์ชั้น ดุสิต ฯ วันหนึ่ง เขาเก็บดอกปทุม 2 ดอก
เดินไปขายตามทางขณะนั้น พระโกนาคมนพุทธเจ้า เสด็จไปบิณฑบาตยังหมู่บ้านทอดพระเนตรเห็นสุทธมาณพ
ทรงพิจารณาสุทธมาณพนี้ ด้วยพระสัพพัญญุตญาณ ทรงดำริว่า

“สุทธมาณพนี้ เป็นพุทธวงศ์ ครั้นบำเพ็ญบารมีแล้ว ก็จักเป็นพระพุทธเจ้า บัดนี้ เราจักพยากรณ์หน่อแห่งพระพุทธเจ้านี้”

ครั้งนี้ทรงดำริดังนี้ แล้วจึงได้ทรงยิ้มแล้ว ฯ มาณพได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงยิ้มแย้มให้ปรากฏ จึงทูลถามพระพุทธเจ้าว่า


“ข้าแต่พระโลกนาถผู้เจริญ ข้าพระองค์ มิใช่ญาติ มิใช่สหาย เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงยิ้มแย้มให้ปรากฏเล่า” ฯ

พระบรมศาสดา ได้ตรัสพระดำรัสว่า

“ดูก่อนสุทธมาณพ ผู้เจริญเจ้าคนเดียว เป็นน้องชายร่วมมารดา ร่วมบิดาเดียวกับเรา”

มาณพได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็นน้องชายของพระองค์เมื่อไหร่”

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า


“ดูก่อนมาณพผู้เจริญ เมื่อภัทรกัปนี้ ล่วงไปแล้วมัณฑกัปเกิดขึ้น แล้ว ในกัปนั้น มีพระพุทธเจ้า 2 พระองค์เสด็จ
บังเกิดขึ้น รามราช จักเป็นพระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่แรกเมื่อ พระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า ล่วงไปแล้ว ผู้เจริญจักเป็นพระ
พุทธเจ้าทรง พระนามว่า ธรรมราช เราจักเป็นพระพุทธเจ้าก่อน ท่านจักเป็นพระพุทธเจ้าในภายหลัง เพราะฉะนั้น เราจึงกล่าวว่า
ท่านจักเป็นน้องชายของเรา ด้วยประการฉะนี้” ฯ


สุทธมาณพ สดับพระพุทธพจน์ ทำจิตให้เลื่อมใส ดำริว่า

“ธรรมดาว่า พระพุทธพจน์นี้ไม่มีเป็นสอง เป็นจริงแท้ สม่ำเสมอ เราใช้ค่าขายดอกปทุม 2 ดอกเลี้ยงชีพ บัดนี้
จักถวายดอกปทุม 2 ดอก เป็นทานแก่พระพุทธเจ้า”

จึงน้อมนำดอกปทุม 2 ดอก เข้าไปถวายพระพุทธเจ้าแล้ว ฯ พระพุทธเจ้าทรงรับเอาดอกปทุม ประทับนั่งเหนือดอกปทุม 2 ดอกแล้ว ฯ
สุทธมาณพเห็นพระพุทธเจ้าประทับนั่งบนดอกปทุม คิดอย่างนี้ว่า


“ขอแสงดวงอาทิตย์ อย่าแผดเผาพระผู้มีพระภาคเจ้าเลย”


ครั้นแล้ว จึงถือเอาต้นอ้อ 4 ต้นมา ยกขึ้นไว้ทั้ง 4 ทิศ ถือเอาผ้า 2 ผืนมากาง ปิดกั้นแดดถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้ว ตั้งความปรารถนาว่า

“ข้าแต่พระโกนาคมนสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอการถวายดอกไม้และผ้านี้ จงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณเถิด” ฯ


ในกาลนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงพยากรณ์ว่า

“ขอความปรารถนาจักพลันสำเร็จแก่ท่านเหมือนอย่างที่ท่านมีความดำริเถิด” ฯ


ในกาลนั้น เสียงนั้น ดังกระฉ่อนไปเบื้องต่ำลงไปจนถึงนาคพิภพเบื้องบนขึ้นไปจนถึงพรหมโลก ฯ ในกาลนั้นพระยา
นาคราช ขึ้นมาจากนาคพิภพ ฯ ท้าวมหาพรหมลงมาจากพรหมโลก ฯ ท้าวมหาพรหมและพระยานาคราช เข้าไปเฝ้าพระ
ศาสดา ถวายบังคมทูลถามพระศาสดาว่า


“ความปรารถนาของสุทธมาณพ จะสำเร็จหรือไม่ พระเจ้าข้า” ฯ


พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า

“ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลายสุทธมาณพ ใช้ผ้ากางกั้นหมอกและแดดให้เราทั้งกลางคืนและกลางวันเพราะฉะนั้นเขาจะ
สำเร็จความปรารถนา”


เทวดาทั้งหลายทูลถามว่า


“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรเป็นความสำเร็จ อะไรเป็นเหตุ ปัจจัยอะไร พึงสำเร็จแก่สุทธมาณพ”


พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสบอกเทวดาทั้งหลาย ถึงความสำเร็จแห่งสุทธมาณพนั้นว่า


“ดูก่อนเทวดาทั้งหลายผู้เจริญ เมื่อภัทรกัป ล่วงไปแล้ว เกิดมีมัณฑกัป ขึ้นในกัปนั้น พระรามราชจักเป็นพระราม
สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์ปฐมมาณพนี้ จักเป็นพระพุทธเจ้าในภายหลัง” ฯ


ในกาลนั้น เทวดาทุกหมู่เหล่า นาคราชทุกหมู่เหล่า มหาพรหมทุกหมู่เหล่า พากันสาธุการ บูชามาณพนั้น เป็นการบูชาวิเศษยิ่งใหญ่แล้ว ฯ


ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้เจริญ ด้วยผลที่สุทธมาณพถวายดอกปทุม 2 ดอกจึงเกิดดอกปทุม 2 ดอกเท่าล้อรถ
ในเวลาเสด็จ พระราชดำเนินด้วยพระบาท ฯ ด้วยผลที่มีขันติธรรม จึงบังเกิดต้นกัลปพฤกษ์ ฯ ด้วยผลที่ใช้ผ้ากั้นแดด
ถวาย จึงบังเกิดมีห้องน่ารื่นรมย์แล้ว ด้วยการ 7 ประการ ณ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับนั่ง (และ) บรรทมนั้น ๆ ฯ ด้วยผล
ที่ถวาย ดอกปทุม 2 ดอกและชีวิต (อายุ) พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีพระชนมายุ 5 หมื่นปี ฯ


ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้เจริญ ณ สถานที่ที่พระโกนาคมนพุทธเจ้าพยากรณ์แล้วนั้น ได้เกิดมีต้น
กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่งแล้ว ฯ มหาชนทั้งหมดอาศัยต้นกัลปพฤกษ์
เลี้ยงชีวิต ฯ

ดูก่อนพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้เจริญมหาชนทั้งปวงต้องการพบพระศาสนาของพระศรีอริยเมตไตร หากไม่ได้
พบไซร้ ก็ย่อมต้องการพบพระศาสนาของพระรามสัมมาสัมพุทธเจ้า หากไม่ได้พบ (ศาสนา) พระรามสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นไซร้
ก็ย่อมต้องการยิ่งที่จะได้พบ (ศาสนา) พระปัสเสนทิโกศลธรรมราชสัมมาสัมพุทธเจ้า ฯ


โดย: Metha    เวลา: 2014-12-24 07:14
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2014-12-23 08:03
องค์พระราม รุ่นนี้ น่าจะเป็นรุ่นแรกที่ด้านหลังมีชื่ ...

ใช่แล้วครับ....เค้าบอกว่ารุ่นแรกมักจะเป็นตำนาน
โดย: MarcoReus    เวลา: 2014-12-24 12:14
เนื้อสำริด มีมวลสารอะไรบ้างครับ มีชนวนผสมเยอะไหมครับ
โดย: taka_jipata    เวลา: 2014-12-24 19:10
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย taka_jipata เมื่อ 2014-12-24 19:14

เท่าที่ผมทราบ มีชนวนเก่าที่หล่อในพิธีชัยมหานาถ (น่าจะเป็นก้านช่อองค์พ่อชัยวรมันรุ่นแรก พระกริ่ง และท้าวเวสสุวรรณ)
ชนวนหล่อองค์พ่อชัยวรมันรุ่น 2  โลหะอาถรรพ์ต่างๆ รวมทั้งเครื่องสัมฤทธิ์โบราณที่หลวงปู่ท่านเสกเอาไว้ครับ (ขุดได้จาก
กรุแหล่งโบราณสถานและตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเคยเป็นเมื่องโบราณมาก่อนและหลวงปู่ท่านนำมาเสกไว้เวลาท่านเสกวัตถุมงคล
เพื่อเป็นชนวนในการสร้างวัตถุมงคล แต่ยังไม่ได้นำไปใช้) ซึ่งจริงๆ แล้วมีผสมอยู่ในทุกเนื้อครับแตกต่างกันในเรื่องความเข้มข้น
ของมวลสารเท่านั้น โดยที่เนื้อชนวนล้วนนั้นไม่ได้ผสมโลหะอื่นเป็นการนำชนวนเก่าที่กล่าวมาเอามาหลอมหล่อทั้งหมดครับ

ผิดถููกประการใดรบกวนผู้รู้มาเกลาแต่งให้สมบูรณ์ด้วยครับ
โดย: taka_jipata    เวลา: 2014-12-24 19:54
mail ตอบกลับเมื่อ 2014-12-24 19:19
มีก้านช่อหนุมานด้วยมั้ง  และเนื้อเงิน ก็มิใช่เงินให ...



เนื้อชนวนก็ผสมก้อนช่อของเนื้อเงินด้วยนะครับ และตาที่บอกเลยเนื้อเงินเป็นโลหะเงินของจตุคามรุ่นดังๆ
ในอดีตทั้งสิ้น เรียกได้ว่า แต่ละองค์ที่นำมาหล่อนั้นบอกชื่อไปต้องร้อง wow แน่นอน นี่ใส่หลายองค์
ล้วนๆ แค่ไม่ได้แจงว่ารุ่นไหนบ้างเท่านั้นเอง แต่รับรองว่ามูลค่ารวมแล้ว ...
โดย: orisis    เวลา: 2014-12-24 21:27
รอเนื้อดินเผา  เพราะไม่ฉโลกกับเนื้อโลหะครับ อิอิ
โดย: chakpetch    เวลา: 2014-12-26 16:56
หากเปรียบ พระร่วงหลังรางปืน

เป็น จักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน


พระศรีราม ก็เป็น

จักรพรรดิแห่งพระเครื่องเนื้อชิน

ศรีติคญาโณ เช่นเดียวกัน



[attach]9904[/attach]



โดย: chakpetch    เวลา: 2014-12-26 17:06
ทำไมที่ผนังปราสาทนครวัด
            

                    ...ถึงมีภาพสลักเรื่องรามเกียรติ์ ??

                             ... คิดว่าเป็นเพียงศิลปะ วัฒนธรรม เพื่อความสวยงามเมื่อครั้นก่อนแค่นั้นหรือ ??

[attach]9905[/attach]



โดย: kruangbin    เวลา: 2014-12-27 08:03
ได้เนื้อสำริดมาก็ดีใจแล้ว
โดย: taka_jipata    เวลา: 2014-12-27 23:50
พระนารายณ์ (สันสกฤต: नारायण; อังกฤษ: Narayana; ความหมาย: ผู้ที่ได้เคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ[1])

เป็นเทพเจ้าสูงสุดหนึ่งในสามพระองค์ (ตรีมูรติ) ในความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยมากถือว่าเป็นองค์เดียวกันกับ
พระวิษณุ แต่ทว่าชาวไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับพระนาม พระนารายณ์ มากกว่าเหตุที่มีพระนามแตกต่างกัน เนื่องจากมีบางคัมภีร์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูเล่าว่า เดิมทีมีเทพเจ้าเพียงองค์เดียว คือ

"พระนารายณ์" ซึ่งเรียกว่า "ปรพรหม" ซึ่งเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง

เมื่อพระนารายณ์รำพึงถึงการสร้างโลก ก็ทรงคำนึงถึงการปกปักรักษาแต่พระปรพรหมนั้นเป็นอกรูปกเทพ คือ ไม่มีตัวตน
จึงไม่สามารถที่จะสร้างโลกได้ จึงแบ่งภาคแยกร่างออกมาเป็น พระวิษณุ ซึ่งทรงประทานพระนามให้ และเมื่อพระวิษณุ
บรรเทาหลับในเกษียรสมุทร ก็ทรงสุบินถึงการสร้างทุกสรรพสิ่ง ซึ่งพระวิษณุเป็นเทพผู้สร้างโลก สิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์
และที่พระนาภีของพระองค์ก็บังเกิดมีดอกบัวหลวงผุดขึ้นมา และภายในดอกบัวนั้นก็มี พระพรหม ซึ่งเป็นหนึ่งในตรีมูรติอยู่
ภายใน ซึ่งพระวิษณุก็เป็นผู้ให้กำเนิดพระพรหมด้วย


โดย: majoy    เวลา: 2014-12-28 22:05
อาทิตย์หน้าไปรับกลับแล้ว
โดย: รามเทพ    เวลา: 2014-12-30 09:46
kruangbin ตอบกลับเมื่อ 2014-12-27 08:03
ได้เนื้อสำริดมาก็ดีใจแล้ว

ดีทุกเนื้อล่ะครับ
โดย: bigbird    เวลา: 2014-12-30 11:11
เด๋วรีบไปรับกลับวันท้ายปีเลยก๊าบ

เข้าไปสวดมนต์ข้ามปีด้วยก๊าบปีใหม่จะได้ดีๆรวยๆ


โดย: taka_jipata    เวลา: 2014-12-30 19:57
mail ตอบกลับเมื่อ 2014-12-30 18:08
อาจารย์จัดสวดมนต์ข้ามปีด้วยเหรอครับ ...

มามั้ยครับ
โดย: taka_jipata    เวลา: 2014-12-30 21:04
สวดข้ามปีครับมาเตรียมตัว นั่งคุนก่อนตอนบ่ายๆ เย็นๆ ก็ดีครับผม
เผื่อมีงานบุญให้ร่วมกันทำครับ
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-2 07:10
taka_jipata ตอบกลับเมื่อ 2014-12-30 21:04
สวดข้ามปีครับมาเตรียมตัว นั่งคุนก่อนตอนบ่ายๆ เย็นๆ  ...

อนุโมทนาบุญครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-6 10:41
คาถาบูชาพระศรีราม

อิติปิโสภะคะวา ยามตรายามดี พระอาทิตย์ไชยศรี สวัสดีลาโภ นะโมพุทธายะ

ให้สวดตามกำลังวัน เดินทางไปไหน มีลาภแล
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-6 11:07
พระศรีราม เป็นปางที่ 7 ของพระนารายณ์ที่อวตารมาเป็นพระมหากษัตริย์ มหาราชผู้ยิ่งใหญ่

ชาวไทยมีคติความเชื่อว่า พระมหากษัตริย์ ถือเป็นพระนารายณ์อวตาร พระนามของกษัตริย์ไทยหลายๆพระองค์จึงมีคำว่า ราม อยู่ด้วยเสมอ เช่น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) หรือแม้กระทั่งในสมัยกรุงสุโขทัย ก็มีพระมหากษัตริย์ทรงพระนามว่า รามคำแหง

อนึ่งนาม “รามาธิบดี” นั้นหมายถึงพระรามผู้เป็นใหญ่ ตามคติความเชื่อของชาวฮินดูนั้นพระวิษณุจะอวตารลงมาโลกมนุษย์เพื่อปราบยุคเข็ญอย่างกรณีของพระรามในมหากาพย์รามายณะก็เรียกว่า “รามาวตาร” ซึ่งคติความเชื่อนี้ก็ได้รับความนิยมแพร่หลายในดินแดนสุวรรณภูมิรวมถึงสยามประเทศเองด้วย ดังจะเห็นได้จากพระเจ้าอู่ทองจารึกพระนามในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑” ทรงตั้งนามพระนครแห่งใหม่ว่า “กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา” และทรงส่งพระราเมศวร(ราม+อิศวร)พระโอรสองค์โตไปครองเมืองละโว้(ลพบุรี) ล้วนเป็นไปตามคติของมหากาพย์รามายณะทั้งสิ้น





โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-6 12:22
ทำไมถึงใช้คำว่า Rama 1-9 ในภาษาอังกฤษแทนการเรียกพระนามของกษัตริย์ไทย คำว่ารามานี้หมายถึง รามเกียรติ์หรือไม่?

ราชวงศ์จักรี เป็นราชวงศ์ที่ปกครองประเทศไทย ต่อจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (พระนามเดิม ทองด้วง ทรงสืบเชื้อสายมาจากตระกูลขุนนางในสมัยกรุงศรีอยุธยา) ทรงสถาปนาราชวงศ์โดยการปราบดาภิเษกเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 ยุคของราชวงศ์นี้เรียกว่า "ยุครัตนโกสินทร์"          

ที่มาของชื่อราชวงศ์จักรีมีที่มาจากบรรดาศักดิ์ "เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์" ตำแหน่งสมุหนายก ซึ่งเป็นตำแหน่งทางราชการที่พระองค์เคยทรงดำรงตำแหน่งมาก่อนในสมัยกรุงธนบุรี

คำว่า "จักรี" นี้พ้องเสียงกับคำว่า "จักร" และ "ตรี" ซึ่งเป็นเทพศาสตราวุธคู่กายขององค์พระนารายณ์ ตามคติความเชื่อที่มาแต่โบราณกาลของไทยเรา พระบาทสมเด็จพระพุธทยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระแสงจักร และพระแสงตรีไว้ 1 สำรับ และกำหนดให้ใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำราชงวศ์จักรีสืบมาจนถึงปัจุบัน

และด้วยเพราะพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ยังทรงมีอีกพระนามหนึ่งหลังขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติด้วยว่า “สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1” ที่ทำให้พระมหากษัตริย์พระองค์ต่อมาทุกพระองค์จึงจะต้องมีอีกพระนามหนึ่ง ด้วยเช่นเดียวกันว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ไปตามลำดับต่อเนื่องกันมาในราชวงศ์จักรีนับตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งได้มีการเรียกขานกันแบบสั้นๆขึ้น เพื่อเป็นการกล่าวแสดงถึงยุคสมัยของแต่ละพระองค์ไว้ว่า พระรามที่ 1 พระรามที่ 2 พระรามที่ 3 ตามลำดับ และก็ได้ใช้ในภาษาอังกฤษตามที่นิยมเรียกขานกันนั้นมาด้วยว่า Rama 1 Rama 2 หรือ Rama 3 ตามลำดับด้วยเช่นกัน ดังนั้น ที่มาของคำว่า "Rama" (รามา) ในภาษาอังกฤษจึงมีที่มาจากคำว่า "พระราม" (King Rama) ที่ย่อมาจากคำเต็มว่า "สมเด็จพระรามาธิบดี" ซึ่งก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับ "พระราม" องค์อวตารมาจาก "พระนารายณ์" ในตำนาน "รามายณะ" นั่นเอง

จากประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๕๙ จะพบว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับนาม “รามาธิบดี” มาก ดังนี้

“...ในพระบรมราชวงศ์มหาจักรีนี้ จำเดิมแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้เสวยราชสมบัติเป็นปฐมบรมกษัตริย์ในพระบรมราชวงศ์นี้แล้ว ต่อแต่นั้นมาก็ได้สืบสันตติวงศ์โดยตรงลงมาจนปัตยุบันนี้หาได้มีการยักเยื้องผันแปรอย่างใดไม่ ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 2 แลที่ 3 ก็ได้ทรงพระนามสมเด็จพระรามาธิบดีต่อเนื่องกันมา พึ่งมาเปลี่ยนพระราชประเพณีใช้คำอื่นนำพระนามเมื่อในรัชกาลที่ 4 อาไศรยเหตุนี้ จึงควรเฉลิมพระปรมาภิไธย ให้ทรงพระนามสมเด็จพระรามาธิบดีทุกรัชกาลด้วย...”

ทำให้พระองค์ทรงเปลี่ยนพระปรมาภิไธยจาก “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ...พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว” เถลิงพระปรมาภิไธยใหม่เป็น “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ...พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว”(โดยคงสร้อยท้ายเดิมไว้) หรือ “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๖”(Rama VI) ทรงเปลี่ยนพระปรมาภิไธยย่อจาก “ว.ป.ร.” เป็น “ร.ร.๖”  


โดย: chakpetch    เวลา: 2015-1-6 16:27
[attach]9955[/attach]

โดย: JimMoriarty    เวลา: 2015-1-6 18:46
มนต์อาถรรพ์พระเวท นารายณ์คุณ สุดยอดเลยทั้ง 3 ชิ้น
โดย: morntanti    เวลา: 2015-1-7 00:19
chakpetch ตอบกลับเมื่อ 2015-1-6 16:27

โชคดี หลวงปู่และอาจารย์เมตตา มีครบทั้ง ๓  ครับ...สาธุ
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-7 11:18
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2015-1-7 00:19
โชคดี หลวงปู่และอาจารย์เมตตา มีครบทั้ง ๓  ครับ...สาธุ ...

พี่มรมีครบ 3 ชิ้นเลยเหรอ
โดย: chakpetch    เวลา: 2015-1-7 18:20
[attach]9970[/attach]

โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-7 18:46
สุดยอดมวลสารทั้งนั้นเลย
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-9 17:17
[attach]9975[/attach]

โดย: majoy    เวลา: 2015-1-10 06:51
คิดไปเองหรือเปล่าหนอ ใส่นั่งสมาธิได้ดีจัง อาจเพราะปลื้มในองค์ท่านอยู่แล้ว ลองดูกันนะครับ
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-10 07:07
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-10 06:51
คิดไปเองหรือเปล่าหนอ ใส่นั่งสมาธิได้ดีจัง อาจเพราะป ...

ไม่ได้คิดไปเองหรอกครับ
โดย: majoy    เวลา: 2015-1-10 07:20
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-10 07:07
ไม่ได้คิดไปเองหรอกครับ

นั่นแน่ แสดงว่ารู้สึกเหมือนกัน ดีจังๆ มีคนรู้สึกแบบเดียวกัน
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-10 07:43
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-10 07:20
นั่นแน่ แสดงว่ารู้สึกเหมือนกัน ดีจังๆ มีคนรู้สึกแบ ...

ไม่หรอกครับ.....พระเครื่อง หรือคาถาบูชา ครูบาอาจารย์ท่านทำไว้เป็นกุศโลบายในการทำให้เรามีสติมีสมาธิ
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-11 09:52

โดย: Metha    เวลา: 2015-1-13 07:20


โดย: majoy    เวลา: 2015-1-17 18:49
ใช้ดีจริงๆ ครับ บารมีพ่อพระรามจัดการอุปสรรค์การงานให้เบาบางลงมาก
โดย: thegaalettt33    เวลา: 2015-1-18 17:19
หมดยังอ่ะครับ
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-19 07:40
thegaalettt33 ตอบกลับเมื่อ 2015-1-18 17:19
หมดยังอ่ะครับ

เหลือเนื้อสำริดอย่างเดียว
ส่วนเนื้อเงิน กับเนื้อชนวนมวลสาร หมดก่อนจะพุทธาภิเษกครับ

โดย: majoy    เวลา: 2015-1-19 08:36
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-19 07:40
เหลือเนื้อสำริดอย่างเดียว
ส่วนเนื้อเงิน กับเนื้อชน ...

เนื้อสำริดก็ผสมก้านชนวนไม่ต่างจากเนื้ออื่นเลย
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-19 09:34
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-19 08:36
เนื้อสำริดก็ผสมก้านชนวนไม่ต่างจากเนื้ออื่นเลย  ...



โดย: majoy    เวลา: 2015-1-19 10:54
สุดยอดมวลสารชนวน โดยเฉพาะพิธีชัยมหานาถที่1 ซึ่งรวมเอาก้านชนวนของพระที่หลวงปู่ท่านเสกไว้เช่น พระกริ่งปทุมฯ องค์พ่อรุ่นแรก ท้าวเวสสุวรรณ หนุมานลอยองค์ฯ มาไว้ในองค์ราม

สาธุๆ
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-20 06:54
ต้องบูชาคู่หนุมาน
โดย: majoy    เวลา: 2015-1-21 07:11
ทหารเอกกับองค์ราม สุดยอดคู่ดูโอ้
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-21 17:56
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-21 07:11
ทหารเอกกับองค์ราม สุดยอดคู่ดูโอ้ ...

เหรียญหนุมานแบบกลม เลี่ยมเป็นสามห่วงน่าจะเข้ากันสุดๆๆ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-22 06:48
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-21 17:56
เหรียญหนุมานแบบกลม เลี่ยมเป็นสามห่วงน่าจะเข้ากันส ...

โชว์หน่อยครับ เสี่ย
โดย: morntanti    เวลา: 2015-1-22 07:52
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-20 06:54
ต้องบูชาคู่หนุมาน

ถูกต้องแล้วครับชุดนี้ต้องคู่กัน....ผมว่าอาจารย์สรายุทธท่านจัดชุดไว้ในใจแล้วว่าวัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างมาชิ้นไหนคู่กับชิ้นไหน?
[attach]10030[/attach][attach]10031[/attach]

โดย: จ๊อ    เวลา: 2015-1-22 08:41
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2015-1-22 07:52
ถูกต้องแล้วครับชุดนี้ต้องคู่กัน....ผมว่าอาจารย์สราย ...

สุดยอดค่ะพี่มร
โดย: majoy    เวลา: 2015-1-26 06:49
ประสบการณ์ล่าสุดของหมอพาย ตอกย้ำความศักดิ์สิทธิ์ขององค์รามมาก

หาอ่านได้ที่ห้องประสบการณ์ครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-26 10:53
รับองค์ท่านมาบูชาแล้วครับ วันนี้
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-26 11:06
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2015-1-26 10:53
รับองค์ท่านมาบูชาแล้วครับ วันนี้

นึกว่าจะสละสิทธิ
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-26 11:16
metha ตอบกลับเมื่อ 2015-1-26 11:06
นึกว่าจะสละสิทธิ

ไม่มีทาง มีแต่จะเก็บเพิ่ม เด๋วจะไปเก็บเนื้อสำริดแก่ชนวนเพิ่มอีก
โดย: Metha    เวลา: 2015-1-26 11:29

ดีใจด้วยครับ
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-28 07:20
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-26 06:49
ประสบการณ์ล่าสุดของหมอพาย ตอกย้ำความศักดิ์สิทธิ์ขอ ...

เห็นเป็นจริงตามนั้นครับ
โดย: kruangbin    เวลา: 2015-1-28 19:40
วันนี้ท่องคาถาอยู่ดีๆๆก็ปวดต้นคอยิ่งท่องยิ่งปวดครับ
โดย: majoy    เวลา: 2015-1-30 06:52
kruangbin ตอบกลับเมื่อ 2015-1-28 19:40
วันนี้ท่องคาถาอยู่ดีๆๆก็ปวดต้นคอยิ่งท่องยิ่งปวดครั ...

สุดยอดเลย
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-1-30 06:54
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 06:52
สุดยอดเลย

พระรามแรงจริงครับ มีคนมารายงานว่า.

เห็นเป็นตัวเป็นตน เลยล่ะ


โดย: majoy    เวลา: 2015-1-30 07:00
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 06:54
พระรามแรงจริงครับ มีคนมารายงานว่า.

เห็นเป็นตัวเป็น ...

โอววว บุญของจอยแท้ๆ ทที่บูชากับเค้าไว้ด้วย
ของสำนักนี้สร้าง ไม่ผิดหวังจริงๆ ทั้งรูปทรงและมวลสาร แถมพิธีเสกอีก


เย.....ศรีราม
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-30 11:44
พระศรีราม สาธุ
โดย: majoy    เวลา: 2015-1-30 11:56
ไว้รอพี่สุริยา มาเล่าประสบการณ์ศิษย์มีครูกัน
โดย: chakpetch    เวลา: 2015-1-30 14:25
พระศรีราม...แรงตั้งแต่เททองหล่อ ....

[attach]10084[/attach]

ครั้นเมื่อ..พระจันทร์เกาะเทวีฤกษ์...
อาจารย์ตั้งใจจะเททองหล่อในฤกษ์วันนั้น   
เพื่อให้ได้ผลงานสำเร็จ สวยงาม ต้องตาต้องใจลูกศิษย์ทุกคน

แต่แล้ว... ช่วงหลอมมวลสาร ... ก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น....
สายแก๊ซที่ใช้พ่นหลอมมวลสารเกิดระเบิด ขึ้นดังลั่นโรงหล่อ
เดชะบุญ ที่ไม่มีใครได้รับอันตรายใดๆร้ายแรง
แต่นี่เอง ก็เหมือนสัญญาณจากองค์ท่านว่าฤกษ์นี้ยังไม่เป็นที่ต้องการ...

ช่างเลยต้องยกเลิกงาน...
เพื่อไปหล่อในวันถัดไป...
ซึ่งพระจันทร์ได้โคจรไปเกาะที่เพชฌฆาตฤกษ์ ซึ่งเป็นฤกษ์ขาด
หรือที่เรียกกันว่า ฉินทฤกษ์ เป็นฤกษ์แรงที่โบราณห้ามใช้กันสักเท่าไหร่
เพราะ ผลที่เกิดขึ้นของฤกษ์อาจทำให้ผู้ใช้ฤกษ์มีอันตรายได้
และ ในที่สุดพระศรีรามก็ถือกำเนิดในฤกษ์นี้ แล้วออกมาสวยงดงามทุกองค์ !!








โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-30 14:59
เพชฌฆาตฤกษ์ พระรามจึงได้แรงมากๆ
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-30 16:19
chakpetch ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 14:25
พระศรีราม...แรงตั้งแต่เททองหล่อ ....

คุณ chakpetch ครับ อยากฟังเรื่องเล่ากำเนิดพระศรีรามครับ พอจะทราบไหมครับ
โดย: รามเทพ    เวลา: 2015-1-30 17:02
ฉินทฤกษ์ (ฤกษ์ตัดจุก).

โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-2-2 07:43
Nujeab ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 16:19
คุณ chakpetch ครับ อยากฟังเรื่องเล่ากำเนิดพระศรีรามครับ ...

ซื้อตั๋วหรือยัง เจ้
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-2-2 10:37
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-2-2 07:43
ซื้อตั๋วหรือยัง เจ้

ซื้อๆๆ ครับ ทราบมาว่าช่วงที่สายแก๊ชระเบิดนั้น มีแสงวาบเป็นรูปศรเลยทีเดียว สุดยอดไปเลย ยิ่งทำให้อยากฟัง อยากทราบถึงมูลเหตุของที่มาในการจัดสร้างและก่อกำเนิดพระศรีรามอันลือลั่น

หรือว่าท่านรอมาโปรดพวกเราอยู่ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนประจวบเหมาะพอดี
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-2-3 06:23
majoy ตอบกลับเมื่อ 2015-1-30 07:00
โอววว บุญของจอยแท้ๆ ทที่บูชากับเค้าไว้ด้วย
ของสำนั ...

ประสบการณ์กำลังร้อนแรง
โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-2-3 07:42
คาถาพระนารายณ์แผลงฤทธิ์

  

ภะคะวาติ พุทโธ มะนุสสานัง สัตถา เทวะสาระถิ

ปุริสะทัมมะอะนุตตะโร โลกะวิทู สุคะโตสัมปันโน

จะระณะวิชชา สัมมาสัมพุธโธ อะระหัง ภะคะวา ปิโสติอิ ฯ


  

คาถาพระนารายณ์แผลงฤทธิ์บทนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งนัก สารพัดที่จะใช้ได้ทุกประการ

ภาวนาไว้แล้วคนเห็นเป็น ๔ มือ เป็นคาถาของสมเด็จพระนารายณ์แล ฯ





  

โดย: Metha    เวลา: 2015-2-3 08:16
Sornpraram ตอบกลับเมื่อ 2015-2-3 07:42
คาถาพระนารายณ์แผลงฤทธิ์

  



โดย: Sornpraram    เวลา: 2015-2-4 11:56
ธรรมะแห่งราชา


[youtube]HcX_LZ7UdSY[/youtube]




ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://www.baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2