Baan Jompra

ชื่อกระทู้: >> พระแก้ว พระกาฬ พญายมราช ท้าวเวสสุวรรณ เทพหลังความตาย << [สั่งพิมพ์]

โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-30 11:31
ชื่อกระทู้: >> พระแก้ว พระกาฬ พญายมราช ท้าวเวสสุวรรณ เทพหลังความตาย <<
[attach]2661[/attach]


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-30 11:56
...พระกาฬ...

[attach]2664[/attach]

ในความหมายดั้งเดิมของคนไทยสมัยก่อน
เปรียบเทียบได้กับเจ้าแห่งความตาย
คล้ายๆกับเมื่อได้ยินชื่อของพระยามัจจุราช หรือ พระยายม


ในปัจจุบันรูปเคารพ ...พระกาฬชัยศรี..
ถูกประดิษฐานอยู่บริเวณศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ
ท่านถือว่าเป็นเทพารักษ์ประจำเมืองที่มีคนมาเคารพบูชาอยู่มิน้อย
         ศาลเดิมอยู่ใกล้เจ้าพ่อหอกลองหน้าวัดพระเชตุพน แต่ถูกรื้อลงในคราวเดียวกัน
เพื่อทำกรมทหารหรือกรมรักษาดินแดนในปัจจุบัน



คำว่า กาฬ แปลว่า สีดำ มึด
(หรืออาจจะหมายถึง ความตาย ,สิ่งที่น่ากลัว)


ซึ่งคนไทยโบราณมักจะเกรงกลัวพระกาฬมาก
จนพูดติดปากเป็นคำสบถสาบานว่า


" ให้พระแก้ว พระกาฬ มาหักคอซิเอ้า"

(พระแก้วในที่นี้น่าจะหมายถึง เจ้าพ่อเจตคุปต์
ท่านเป็นสมุห์บัญชีของพระยายมนั่นเอง )

ถ้าเอ่ยถึงพระกาฬเมื่อไรก็หมายถึง

" เทพแห่งความตายนั่นเอง "

แล้วเมื่อย้อนไปสมัย...ยุค 70-80 ปีก่อน
บรรดานักประพันธ์ นักข่าวหนังสือพิมพ์อาวุโส
มักจะพาดหัวข่าวว่า เรียกบรรดามือปืนรับจ้างฝีมือดี
ที่ปลิดชีวิตใครไม่เคยพลาด
ว่าเป็น "มือพระกาฬ" หรือ "ระดับพระกาฬ"


ทำให้คำนี้ถูกใช้จนติดหูในปัจจุบัน
แต่ความหมายก็ดูจะผิดแปลกไปกว่าเดิม
ประมาณว่า .....

เก่งไร้เทียมทาน  ไม่มีใครสู้ได้


เช่น นักกีฬาระดับพระกาฬ สินค้าที่ยิ่งใหญ่ระดับพระกาฬ
เมนูอาหารพิเศษสุดระดับพระกาฬ
รวมไปถึงใช้เรียกผู้ที่มีฝีมือด้านต่างๆ ว่าเก่งระดับ "พระกาฬ"


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-30 20:41
เจ้าพ่อเจตคุปต์

[attach]2671[/attach]

เป็นรูปเทพารักษ์ที่จาหลักด้วยเครื่องไม้ปิดทองทั้งองค์ สูง ๑๓๓ ซม.
ประทับยืนบนแท่น พระเศียรทรงมงกุฎยอดชัย
สวมสนับเพลามีเชิง นุ่งภูษาทับด้วยห้อยหน้า
ประดับด้วย สุวรรณกระถอบ คาดปั้นเหน่งทับรัดพัสตร์
ต้นพระพาหารัดด้วยพาหุรัด ใส่สังวาลตาบทิศ ทับทรวง
สวมทองพระกร ทองพระบาท ฉลองพระบาท
มีรูปนาครัดที่ข้อพระพาหาไพล่ไปเบื้องหลัง
พระหัตถ์ทั้งสองยกเสมอระดับพระอุระ
พระหัตถ์ขวาถือเหล็กจาร พระหัตถ์ซ้ายถือใบลานอัครสันธานา
สำหรับจดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไป
เจ้าเจตคุปต์เป็นเทพารักษ์ที่เป็นบริวารพระยม
มีหน้าที่จด บันทึกความชั่วร้ายของมนุษย์ที่ตายไปแล้วนาเสนอต่อพระยม


         รูปเคารพเจ้าพ่อเจตคุปต์ เดิมอยู่ที่ศาลหน้าหับเผยข้างคุกมหันตโทษ
ชาวบ้านจึงเรียกเพี้ยนว่า "เจ้าพ่อเจตคุก"




โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-30 20:57


ประวัติพญายมราช
ตำนานท้าวพญายมราช (พระยม)

    ท้าว พญายมราช หรือ พระยม ในเทวตำนานยุคต้น ท้าวจตุโลกบาลแห่งทิศทักษิณ กล่าวไว้คือพระยม เป็นองค์เดียวกัน มีลักษณะใบหน้าดุดัน พระวรกายสีแดงทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ พระหัตถ์ขวาถือบ่วงยมบาศก์(บ่วงบาศก์ที่ใช้จับมัดวิญญาณทั้งหลาย) พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้ท้าวยมทัณฑ์ ทรงกระบือเป็นพาหนะ มีอิทธิฤิทธิ์มากทำหน้าที่พิพากษาและปกครองดวงวิญญาณทั้งหลายในนรกภูมิ มีบริวารคือ ยมฑูต หรือ นายนิรยบาล มีหน้าที่นำวิญญาณทั้งหลายไปยังสำนักพญายม และลงโทษแก่ดวงวิญญาณในนรก

ซึ่ง บริวารท้าวพญายมราชที่คนไทยรู้จักดีมีด้วยกัน ๒ องค์ ได้แก่ พระกาฬไชยศรี และ เจ้าพ่อเจตตคุปต์ ซึ่งมีรูปเคารพอยู่ที่ศาลหลักเมือง ทำหน้าที่จดชื่อและจับวิญญาณชั่วร้ายที่จะมารบกวนบ้านเมือง ท้าว พญายมราช เป็นเทวดาที่มีการกล่าวถึงในตำนานของทุกชาติพันธุ์ภาษา ของทุกวัฒนธรรมทั่วโลก ต่างกันเพียงการเรียกนามที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละภาษาเท่านั้น ส่วนหน้าที่และอำนาจนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ตำนานลัทธิข้างจีนฝ่าย มหาญาน กล่าวว่า พญายมเป็นพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่ง

      ตำนานท้าวพญายมราช มีการกล่าวถึงกำเนิดไว้หลากหลาย อาจเป็นเพราะพญายมเป็นตำแหน่งเทวราชผู้ปกครองยมโลก มีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามมติของเทวสภา หรือบารมีที่สั่งสมมาอย่างเหมาะสมทำให้ไปเกิดเป็นท้าวพญายมราช จากเทวตำนานในยุคต้นที่กล่าวว่าท้าวจตุโลกบาลทิศทักษิณ คือ พระยม

ด้วย ในยุคต้นที่ยังไม่มีวิญญาณใดที่เหมาะสม ท้าวจตุโลกบาลทิศทักษิณ คือ ท้าววิรุฬหก ทรงเป็นเทวกำเนิดจึงต้องรับภาระในตำแหน่งพญายม หรือ พระยม ซึ่งก็มีตำนานได้กล่าวไว้ว่า บริวารของพญายมคือ ยมฑูต ก็ คือกุมภัณฑ์ พวกหนึ่งนั่นเอง แต่เมื่อมีมนุษย์มากขึ้นสั่งสมบารมีหรือมีความเหมาะสมย่อมได้รับการสถาปนา ให้ดำรงตำแหน่ง

      ท้าวพญายมราช องค์ปัจจุบันในอดีตชาติก่อนที่ท่านจะได้รับสถาปนาเป็นท้าวพญายมราชนั้น ท่านเป็นมนุษย์ในครั้งก่อนพุทธกาล ในยุคที่ยังมนุษย์อยู่กันเป็นชุมชนยังไม่ใหญ่นัก ซึ่งท่านเป็นหัวหน้าชุมชนในหมู่บ้านเป็นผู้มีวิชาความรู้ เมื่อเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในชุมชนหมู่บ้านท่านเป็นผู้นำปราบปรามแก้ไข และต้องตัดสินพิพากษา

ครั้งหนึ่งเกิดเหตุการณ์ฆ่ากันตายในหมู่บ้าน ที่ท่านดูแลอยู่ แต่ไม่มีผู้ใดยอมรับว่าเป็นผู้กระทำด้วยเกรงกลัวความผิด เพราะโทษนั้นหนักถึงกับต้องประหารให้ตายตกตามกันคือชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต ท่านในฐานะผู้ปกครองดูแลเมื่อสอบสวนแล้วไม่มีผู้ยอมรับผิด จึงได้ใช้วิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาเสกแป้งฝุ่นแล้วซัดออกไปก็จะปรากฎรอยเท้า ผู้กระทำผิด

http://www.oknation.net/blog/sulfa/2011/05/08/entry-1


โดย: chakpetch    เวลา: 2013-4-30 21:09

ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ
เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี
เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์
สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุ ทรงอิทธิฤทธิ์อานุภาพมาก
ประทับ ณ โลกบาลทิศเหนือ มียักษ์เป็นบริวาร


[attach]2673[/attach]


          คนไทยโบราณนิยมนำผ้ายันต์รูปยักษ์ผูกไว้ที่หัวเตียงเด็กเพื่อป้องกันวิญญาณชั่วร้ายไม่ให้มารังควานแก่เด็ก ท้าวกุเวรองค์นี้มีกล่าวถึงในอาฏานาฏิยปริตว่านำเทวดาในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา มาเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้ถวายสัตย์ที่จะดูแลพระพุทธเจ้าและเหล่าสาวกไม่ให้ยักษ์หรือบริวารอื่น ๆ ของท้าวจตุโลกบาลไปรังควาน


           ท้าวกุเวรหรือท่านท้าวเวสสุวรรณนั้น ส่วนมากเราจะพบเห็นในรูปลักษณ์ของยักษ์ยืนถือกระบองยาวหรือคทา (ไม้เท้าเป็นรูปกระบอง) กันซะส่วนใหญ่ แต่แท้ที่จริงแล้ว ยังมีรูปเคารพของท่านในรูปของชายนั่งในท่า มหาราชลีลา มีลักษณะอันโดดเด่นคือ พระอุระพลุ้ยอีกด้วย กล่าวกันว่าผู้มีอาชีพสัปเหร่อ หรือมีอาชีพประหารชีวิตนักโทษ มักพกพารูปท้าวเวสสุวรรณ สำหรับคล้องคอเพื่อเป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันภัยจากวิญญาณร้ายที่จะเข้ามาเบียดเบียน ในภายหลังภาพลักษณ์ของท้าวกุเวรที่ปรากฏในรูปของชายพุงพลุ้ยเป็นที่เคารพนับถือ ในความเชื่อว่าเป็นเทพแห่งความร่ำรวย แต่ท้าวกุเวรในรูปของท้าวเวสสุวรรณซึ่งมาในรูปของยักษ์เป็นที่เคารพนับถือว่า เป็นเครื่องรางของขลังป้องกันภูติผีปีศาจ


โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-5-1 00:05

โดย: suandhon08    เวลา: 2013-5-1 06:06
  จาไมท่านยมถึงได้แม้น ๆ กะ  ท่านเทพวันอังคารรุยเนอะ  
โดย: sriyan3    เวลา: 2013-5-3 10:14
ขอบคุณครับ
โดย: oustayutt    เวลา: 2013-5-3 19:24
ชอบๆครับ
โดย: chakpetch    เวลา: 2013-5-8 09:03
คาถาบูชาพระกาฬ

โอม   ทักขิณทิส   ยมเทวตา    สหคณปริวารา    อาคัจฉันตุ   ปริภุญชันตุ   สวาสหาย ฯ
โอม    สัพพอุปาทว   สัพพทุกข   สัพพโศก   สัพพโรค  สัพพภัย สัพพเคราะห์เสนียดจัญไร วินาสาย สัพพศัตรู  ปมุจจติฯ      
โอม.....ยมเทวตา    สทารักขันตุ   สวาห    สวาห   สวาหายฯ

โดย: Sornpraram    เวลา: 2013-5-20 21:22
ขอกราบสักการะพระแก้วพระกาฬขอให้กาลนี้
สำเร็จ สัมฤทธิ์. สมหวัง
ดั่งตั้งจิตด้วย เทอญ


โดย: นาคปรก    เวลา: 2013-5-22 16:34
กาลกำเนิดตะกรุดมหากาฬครั้งนี้รับรองได้ว่ามหากาฬสมชื่อแน่

.ซิกเซ้นส์ บอกว่ามาครบกันทุกพระองค์แน่นอน



โดย: chakpetch    เวลา: 2013-5-22 17:09
พร้อมทั้งท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ทิศ
ด้วยหรือเปล่าครับ คุณ นาคปรก

[attach]3041[/attach]




โดย: oustayutt    เวลา: 2013-5-23 19:33
ขอบารมีทุกๆพระองค์ช่วยให้สำเร็จด้วยนะครับ
โดย: Nujeab    เวลา: 2013-5-25 09:08
สาธุ สาธุ สาธุ
โดย: Metha    เวลา: 2014-12-21 09:48

โดย: morntanti    เวลา: 2014-12-23 23:15
5 จุดสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใน ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร [ไหว้พระ]

ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร หรือบ้างก็เรียกว่า  ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง, หลักเมือง เป็นอีกหนึ่งจุด ที่ประชาชนคนไทย ไหว้พระ 9 วัด มักจะมาสักการะกันในช่วงปีใหม่  การไหว้ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ ก็เพื่ออธิษฐานขอพระ เสริมหลักชัยให้ชีวิต นั่นเอง ตัวศาลหลักเมือง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดพระแก้ว เดินข้ามฝั่งก็ถึงแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งไป บูชาสักการะองค์พระหลักเมือง เพิ่งรู้ว่า จริงๆ แล้วการไหว้ที่นี่นั้น ต้องไหว้ถึง 5 จุด ด้วยกัน โดยตรงลำดับกันไป ดังนั้นเลยนำวิธีการไหว์หลักเมืองมาฝาก เผื่อใครที่กำลังจะไปไหว้ในช่วงปีใหม่นี้ จะได้ไม่สับสน ไหว้ผิดไหว้ถูก เรียงลำดับได้ถูกต้องครบถ้วนกัน

ลำดับขั้นตอนการสักการะ ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร

จุดที่ 1 หอพระพุทธรูป
มาถึงให้ไปกราบไหว้พระพุทธรูป ในหอพระพุทธรูปกันก่อน ถวายดอกบัวด้วยก็ได้ หรือจะใส่บาตรพระประจำวันเกิดก็ตามสะดวก


จุดที่ 2 องค์พระหลักเมืองจำลอง

เสร็จจากหอพระพุทธรูปแล้วค่อยเดินไปซื้อ ชุดสักการะ ธูป เทียน พวงมาลัย ผ้าแพรสี ที่จุดจำหน่าย ครบชุดก็ราคา 60 บาท

จุด ธูป เทียน ไหว้พระหลักเมืองจำลอง

ตามคำกล่าวบูชาตามรูปด้านล่าง ซึ่งป้ายนี้ส่วนใหญ่จะโดนคนมาสักการะบัง เซพรูปด้านบนนี้ไว้ในมือถือ แทบเล็ต เพื่อจะได้ไม่ต้องชะเง้อป้าย ก็สะดวกดีนะ ไหว้เสร็จก็ไปปิดทอง ส่วนพวงมาลัยดาวเรืองให้เก็บไว้ถวายที่จุดที่ 3

จากนั้นก็ผูกผ้าแพรสี 3 สี ที่ องค์พระหลักเมืองจำลอง หลักไหนก็ได้ตามสะดวก วิธีผูกให้ผูกผ้าแพรสี 3 สีพร้อมกันไปเลย ไม่ต้องแยกทีละสี

จุดที่ 3 องค์พระหลักเมืององค์จริง

ภายในเราจะไม่สามารถจุดธูป เทียนได้ ให้นำพวงมาลัยไปถวายแทน 1 พวง

จุดที่ 4 หอเทพารักษ์ทั้ง 5


กราบไหว้ด้วยการถวายพวงมาลัย 5 พวง

จุดที่ 5 เติมน้ำมันพระประจำวันเกิด และสะเดาะเคราะห์

วันที่ไปไหว้ เห็นทางศาลหลักเมือง เขาจัดไว้สองจุด น่าจะเพื่อความสะดวก ให้เทน้ำมัน เพียงครึ่งขวด ตามพระประจำวันเกิดของเราก่อน แล้วอีกครึ่งขวดที่เหลือ เทที่ตะเกียงสะเดาะเคราะห์




โดย: morntanti    เวลา: 2014-12-23 23:15
ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ (Bangkok City Pillar Shrine)

เป็นศาลที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 พร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ร.1 ได้โปรดเกล้าให้กระทำพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 เวลา 6.45 นาฬิกา การฝังเสาหลักเมืองมีพิธีรีตองตามพระตำราที่เรียกว่าพ ระราชพิธีนครฐานใช้ไม้ชัยพฤกษ์ทำเป็นเสาหลักเมือง ประกับด้านนอกด้วย ไม้แก่นจันทน์ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางวัดที่โคนเสา 29 เซนติเมตร สูง 187 นิ้ว กำหนดให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดิน 108 นิ้ว ฝังลงในดินลึก 79 นิ้ว มีเม็ดยอดรูปบัวตูม สวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ล้วงภายในไว้เป็นช่องสำหรับบรรจุดวงชะตาเมืองตามธรรมเนียมพิธีพราหมณ์ ซึ่งเชื่อว่าก่อนที่จะสร้างเมืองจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองในที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้น

ปัจจุบันมีประชาชนจากทั่วทิศหลั่งไหลกันไปสักการะบูชา และไหว้เพื่อ เสริมสิริมงคลกับชีวิต ขอพรให้เป็นหลักชัยของชีวิต ให้มีหน้าที่การงานที่มั่นคงดังหลักชัย และขอพรให้สมหวังในสิ่งที่ตนปรารถนา หรือมาบนบาลกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สมปรารถนา

สิ่งของหลักๆ ที่ใช้ไหว้พระศาลหลักเมืองก็คือ ธูป เทียน แผ่นทอง พวงมาลัย ดอกบัว และผ้าสี สำหรับผู้ที่บนบาลสำเร็จมักจะจัดแสดงการรำแก้บนหรือลิเกแก้บน ซึ่งคณะลิเก หรือนางรำก็จะแสดงประจำอยู่ภายในบริเวณศาลหลักเมืองด้วย

เกร็ด : หลักเมืองทำไมมี  2 เสา ?

เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชดำริว่า “เสาหลักเมือง” ทรุดโทรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำขึ้นใหม่ เนื่องจากพระองค์ทรงเชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ จึงทรงแก้ไขดวงเมือง โดยทรงประกอบพิธีจารึกดวงพระชันษาพระนครลงบนแผ่นทองคำหนัก 1 บาท ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และให้สร้างศาลขึ้นใหม่ โดยก่อสร้างเป็นยอดปรางค์ตามอย่างศาลาที่กรุงศรีอยุธยา จากนั้นบรรจุดวงพระชันษาพระนครไว้ที่ “เสาหลักเมือง” แล้วจัดให้มีการสมโภชฉลองด้วย

ด้วยเหตุนี้ภายในศาลหลักเมืองจึงมีเสาหลักเมืองอยู่ 2 ต้น โดยเสาต้นสูงคือครั้งรัชกาลที่ 1 ซึ่งได้ทำพิธีถอนเสาแล้ว ส่วนเสาต้นที่สูงทอนลงมาเป็นเสาหลักเมืองครั้งรัชกาลที่ 4 นั่นเอง

เกร็ด : เทพารักษ์ทั้ง ๕การเดินทางไป ศาลหลักเมืองกทม.

ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของท้องสนามหลวง ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดเวลา 05.30 – 19.30 น. ทุกวัน
การเดินทางด้วยรถประจำทาง สาย 2, 3, 6,82, 59, 201, 91,60, 512, 25, 32, 33, 70, 203 รถปรับอากาศ สาย ปอ.3,6,82,59,201,91,60,512,2,25,32,33,70,203

Share and Enjoy

โดย: morntanti    เวลา: 2014-12-23 23:18
ใครไปไหว้ศาลหลักเมือง ควรเช่าบูชาเหรียญชุดนี้นะครับ


โดย: ธี    เวลา: 2014-12-24 21:14
ขอบคุณครับ นอกจากพระภิกษุและฤาษีและเทพแล้ว พระกาฬเป็นชื่อหนึ่งที่ยายผมนับถือ ทุกครั้งที่ทำบุญ ผมต้องเอยชื่ออุทิศให้ท่านทุกครั้ง เพราะได้รับสืบทอดความเชื่อว่า ท่านดูแลอยู่และปกปักษาอยู่  
โดย: pininnan30834    เวลา: 2015-1-21 11:10
ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดีๆ
โดย: Nujeab    เวลา: 2015-1-30 16:43
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
โดย: majoy    เวลา: 2015-6-11 01:01

โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-6-27 06:06
ธี ตอบกลับเมื่อ 2014-12-24 21:14
ขอบคุณครับ นอกจากพระภิกษุและฤาษีและเทพแล้ว พระ ...




โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-7-9 10:39

โดย: Sornpraram    เวลา: 2018-10-29 08:54

โดย: Metha    เวลา: 2018-10-30 03:44

โดย: อีผี    เวลา: 2018-10-30 14:27
ะะพีพี
โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-11-25 06:37

โดย: oustayutt    เวลา: 2019-12-10 09:08





ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://www.baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2