Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ✿ อธิษฐานไม่ต้องไปยืดยาว ✿ [สั่งพิมพ์]

โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 10:00
ชื่อกระทู้: ✿ อธิษฐานไม่ต้องไปยืดยาว ✿
  ✿ อธิษฐานไม่ต้องไปยืดยาว ✿

                    ❖ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ❖

หลวงปู่ตอบว่า...

                    “ อธิษฐานให้พ้นทุกข์หรือ
         ขอให้พบแต่ความดีตลอดไปจนพ้นทุกข์ "

ถ้าเป็นบาลีก็ว่า....

                      " สุทินนังวะตะเม ทานัง
        อาสวะขะยาวะหัง นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ

คนเราจะพ้นทุกข์ได้ต้องพบกับความดีมีความสุขใช่ไหม
ไม่ต้องอธิษฐานให้ยืดยาวหรอก”

                   •——————•°•✿•°•——————•



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 16:53
คำชมเชยหรือยกย่อง เสมือนหนึ่งน้ำทิพย์ชะโลมใจ
ให้กระทำคุณความดีต่อเนื่อง
ให้สมกับเวลาที่เขาเสียไปกับการกล่าวถึงความดีของบุคคลอื่น
ซึ่งตัวเขาเองไม่ได้ผลประโยชน์อะไรงอกเงยขึ้นมา
นับว่าเป็นการสร้างพลังจิตให้แก่ตนด้วยความมีมุทิตา
คือพลอยยินดีไปกับความสำเร็จของผู้อื่นไปด้วย
ดังนั้นการมองเห็นการทำความดีของผู้อื่นแล้วกล่าวให้กำลังใจบ้าง


ก็จะช่วยให้คนที่ทำดีอยู่แล้วมีกำลังใจและไม่ท้อแท้ในการทำดี



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 16:55
ใครได้พบครูบาอาจารย์ดี
ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก็นับว่าเป็นโชคของเขา
ที่ได้ความศรัทธาอันมั่นคงมาเป็นที่ตั้งแห่งการดำเนินชีวิต
ส่วนใครที่ได้พบครูบาอาจารย์ดี เมื่อท่านทิ้งขันธ์ไปแล้ว
ก็ควรมั่นใจว่าองค์ท่านดีจริงสามารถยึดถือเป็นสรณะ
เป็นที่พึ่งได้ ควรดำรงความศรัทธาให้มั่นคงดุจองค์ครูบาอาจารย์ยังดำรงชีพ
อยู่ ได้ศึกษาธรรมะจากท่านที่ฝากไว้ให้ขบคิดตีความเป็นปริศนาแห่งธรรมให้ได้
จึงนับได้ว่ามิเสียแรงที่นับถือองค์ท่านเป็นครูบาอาจารย์
ส่วนคนใดที่คิดว่าได้รับพลังบารมีจากมงคลวัตถุของท่าน
ยิ่งสมควรรักษามงคลวัตถุขององค์ท่านไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
คอยรักษาตนยามที่มีภัย ขณะที่ตนเองจิตใจยังไม่มั่นคงแข็งแรงเพียงพอ
ก็ให้พึ่งพาวัตถุไปก่อน
ส่วนท่านใดที่มีจิตใจมั่นคงเข็มแข็ง พลังจิตดีแล้ว
ก็มีวัตถุไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงเล็กน้อย
ก็คิดว่าน่าจะเพียงพอแก่การยกระดับจิตให้สูงขึ้นได้โดยง่าย
ครั้นจะไปเสาะแสวงหาอยู่เรื่อยไป ใครว่าดีอย่างไรก็ลองไปตามเขา
นั่นก็สุดแท้แต่จริตของบุคคลห้ามปรามกันไม่ได้
ขอตนเองควรรักษาตนไว้ให้มั่น ไว้ให้ดีก็น่าจะเพียงพอแล้ว


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 16:56
คำอวยพรวันเกิดทั้งหลาย
มิได้เป็นประโยชน์แก่ผู้รับพร
แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ยังมี
ประโยชน์ต่อผู้ให้คือเป็นการ
ยกระดับจิตใจของผู้ที่มีความ
ปรารถนาดีต่อผู้อื่น ฝึกใจให้มี
ความเมตตา กรุณา มุทิตา
อุเบกขา ของผู้คนอีกด้วยว่า
ในขณะจิตนั้นอยู่ในขั้นตอนใด
ฉะนั้นจึงนับว่าเป็นสิ่งมีประโยชน์
เป็นอย่างมากในการทำกิจกรรมนี้
ดังนั้นคนทั่วโลก จึงนิยมร้องเพลง
และอวยพรสุขสันต์วันเกิด ให้แก่กัน
ในภาคภาษาฝรั่งว่า"แฮ๊ปปี้ เบิร์ดเดย์
ทูยู"ซึ่งเป็นที่นิยมร้องกันไปทั่วโลก


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 16:59
ขอให้รักษาจิตไว้อยู่เสมอว่า ลมหายใจเข้าก็ดี
ลมหายใจออกก็ดี
ดีด้วยพระพุทธคุณทุกลมหายใจเข้าออก
ถ้ามีผู้อื่นสูดลมหายใจที่ออกไปด้วยพระพุทธคุณ
เขาย่อมได้รับสิ่งที่ดีเข้าไปอยู่ในกาย ถึงแม้อากาศช่วงนี้จะแย่
แต่ถ้าเราเลือกเฟ้นลมหายใจเข้าอย่างมีสติ
ลมหายใจออกที่ปล่อยออกมาด้วยความมีสติ
นั้น..
ย่อมเป็นลมหายใจที่ดีมีประโยชน์ส่งผ่านไปถึง
ผู้ที่ไม่ได้ภาวนาทุกลมหายใจเข้าออก
ให้ได้รับอานิสงส์ที่ดีได้
หมายเหตุ หมั่นกำหนดลมหายใจเข้าออก
ด้วยคำบริกรรมพุทโธ
คงจะช่วยบรรเทาอากาศที่เป็นพิษในขณะนี้ได้บ้าง


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 17:02
ของในมือ มิได้อยู่กับเจ้าของตลอดไป


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 17:04
"เมื่อเห็นอะไร ฟังอะไร ได้กลิ่นอะไร
รับรสชาติอะไร สัมผัสอะไร จิตรับรู้อะไร
โดยเข้าไปยึดมั่นถือมั่นว่า...
สิ่งเหล่านั้นมันมีบทบาทมาถึงตัวตนของเราหรือ
ของเขาเข้าแล้วนั่นหมายความว่า..


ความเป็นตัวตนไปรับทุกข์เข้ามาใส่ตัวเข้าแล้ว(อัตตา)"


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 17:05
ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งหลาย
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน
ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งหลาย
ขอสรรพมงคลจงมีแด่ท่าน


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 17:11
จิตที่คิดเมตตาเขาและจิตที่อยากให้เขาคลายทุกข์กับจิตที่พลอยยินดีไปกับความสำเร็จของเขา
และจิตที่ปล่อยวาง วางเฉย ไม่ยินดียินร้ายไม่ทุกข์ไม่สุขไปกับเขา
นับว่าเข้าสู่กระแสธรรมแห่งความเป็นกลาง
สี่ข้อนี้เป็นที่ตั้งแห่งพรหมหรือพรหมวิหารธรรมที่มนุษย์ควรสนใจใฝ่ปฏิบัติ
เพราะเมื่อได้อยู่ใกล้ผู้ที่มีจิตแห่งพรหม
จะมีความรู้สึกเย็นสบายคลายทุกข์ร้อนไปได้


เม กะ มะ อุ(หัวใจพรหมวิหาร)


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 18:57
คนใดมีจิตใจดีต่อเรา
ควรรักษาน้ำใจกันไว้
รักจะคบกันยาว ๆ มีอะไร
ที่ทำให้เคืองใจกันถ้าตัดได้
ก็ให้ตัดออกไป อย่าไปต่อความ
ให้มันมากความ

"รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ"


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-18 21:49
คนเรานั้นไม่ได้ดีกันมาตั้งแต่เกิด ..เปรียบเหมือน..
เสื้อผ้าที่เปื้อนโคลน เปื้อนยางกล้วย
ก็ต้องค่อยๆขัด ค่อยๆถูออกไป ถึงจะสะอาดได้
คนเราเองก็เช่นกัน ต้องค่อยๆทำความดีสะสมไป
วันหนึ่งก็จะดีเอง ไม่ใช่ว่าเกิดมาแล้วจะดีเลย . . .



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-20 09:00
คิดอะไรไม่เกิดประโยชน์ อย่าคิด
พูดอะไรไม่เกิดประโยชน์ อย่าพูด
ทำอะไรไม่เกิดประโยชน์ อย่าทำ


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-20 09:01
ของมงคลแม้จะดีขนาดไหน อยู่ที่ของและคน
ว่าจะรักษาซึ่งกันและกันได้หรือไม่
ของรักษาคน คนก็ยิ่งเพิ่มความศรัทธา
สามารถรักษาของไว้คุ้มครองตนได้
คนไม่รักษาของ ก็จะไม่มีของไว้คุ้มครองตน


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-20 09:03
ขอให้ได้พบคนซื่อ คนตรง คนสุจริต
คิดดี พูดดี ทำดี อุปสรรคขอให้ห่างไกล
ไปไหนให้ไปดี ห่างไกลสิ่งชั่วร้าย
มีสติ รู้ตัวทั่วพร้อมอยู่เสมอ


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-20 09:04
ที่ควรขอบ่อย ๆ ควรเป็นคำขอโทษ
ที่ควรให้บ่อย ๆ ควรมีจิตให้อภัย


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-21 08:10
ถ้าจะอ่อน  อ่อนให้เป็น  ดังเส้นใหม  
เอาไว้ใช้  ผูกเสือโคร่ง  ขึ้นโยงเฆี่ยน  

แม้จะแข็ง  ก็ให้แกร่ง  ดังวิเชียร
เอาไว้เจียน  ตัดกระจก  เจียระไน


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-22 19:00
การทำบุญ “จะต้องเลือกให้”

หมายถึง ควรให้วัตถุที่สมควรให้ แก่บุคคลที่สมควรได้รับการสงเคราะห์  
เมื่อได้รับแล้วจะทำให้เขามีความสุข สิ้นความขาดแคลน

“ต้องให้ตามสมควร” ไม่ใช่เกินกำลัง และ ทำให้ตนเองเดือดร้อน
ไม่ใช่ให้ไปแล้ว ทำให้ตนเองต้องอดอยาก เป็นทุกข์
การกระทำเช่นนั้น เป็นการไม่เอื้อเฟื้อตนเอง ไม่เมตตาตนเอง



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-24 07:51
ล้ำกว่าความฉลาดคือ อ้าปากพูดแบบตกผลึกมาแล้ว
ผู้อื่นร้องอ๋อ..ทำตามได้ทันที

“ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายสิ่งใด ให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยง่าย
นั่นแปลว่า..ตัวคุณเองยังไม่เข้าใจมันดีพอ”

-อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์-


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-24 07:56
คำพูดของสุมาอี้ว่า
“สู้ได้สู้ สู้ไม่ได้ตั้งรับ
ตั้งรับไม่ได้ถอย ถอยไม่ได้ก็อ่อนน้อม
อ่อนน้อมไม่ได้ก็หนี”

แค่คำพูดง่ายๆ แต่นำไปใช้ได้จริง
นั่นจึงทำให้ สุมาอี้ไม่ต้องเหนื่อยมากเมื่อครั้งทำศึกกับขงเบ้ง
บรรดาแม่ทัพนายกองต่างก็รู้ทันทีว่า
เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ แบบนี้ควรที่จะทำเช่นไร..

อ๋อ เจอขงเบ้ง เราสู้เขาไม่ได้ก็ตั้งรับสิ รอคอยจังหวะ
ไม่ใช่ รู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ยังจะดันทุรัง
.
ต่างจากขงเบ้งในช่วงบั้นปลายที่มักจะทำอะไรที่มันขั้นเทพ
นั่นจึงทำให้ภาระหลากหลายต้องตกมาอยู่ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว

ซึ่งสุดท้ายตัวขงเบ้งเองที่ต่อให้เก่งขั้นเทพแค่ไหนก็ป่วยตายคาหน้างาน
.
สุมาอี้ตั้งรับจนได้ชัยชนะ ทั้งๆที่สุมาอี้อายุมากว่าขงเบ้ง 2ปี
เพราะว่า..

เกมการแข่งขันที่กติกาไม่ชัดเจนนั้น

ผู้ที่อยู่รอดคนสุท้ายคือผู้ชนะ


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-3-24 07:58
"ล้ำกว่าความฉลาด คือรู้เท่าทันกาลเทศะ"
“คนเราเรียนรู้ที่จะพูดใช้เวลาไม่กี่ปี
หากแต่..เรียนรู้ที่จะเงียบต้องใช้เวลานับสิบปี”


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-4 12:50
"บางคนแล้ว บุญกุศลไม่ค่อยอยากทำ
แต่ถึงคราวเข้าตาอับจน
หรือมีเหตุอะไรเกิดขึ้นก็มักจะขอร้องถึงบุญอยู่เสอมว่า..
ขอให้บุญช่วยด้วย ๆ  
ยกรูปเปรียบเหมือนกับบุคคลคนที่..
เราไม่รู้จักเขา เขาไม่รู้จักเรา
เมื่อถึงคราวจำเป็นเราจะต้องขอร้องเขาดูเหมือนว่าจะยาก"

พระธรรมเทศนา.หลวงปู่สมชาย วัดเขาสุกิม


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-4 20:32
.. ปัจจุบันนี้ก็ไม่ถึงขนาดล้มหมอนนอนเสื่อ
ยังมีโอกาสที่จะบำเพ็ญความดีได้

เพราะฉะนั้นจึงขอให้รีบเร่งซะ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง
เพราะความตายไม่สู้ที่จะแน่นัก อาจจะมาถึงวันไหนก็ได้ ....

พยายามนึกถึงเรื่องความตายให้บ่อย ๆ
ซึ่งเป็นสิ่งกระตุ้นและชวนเรานี่ให้รีบทำความดี ...


หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-4 20:40
ไม่ให้เชื่อฤกษ์ยาม ไม่ให้เชื่อว่า
แขวนเหรียญครูบาอาจารย์แล้ว
รถจะไม่ชน หรือรถไม่คว่ำ

รูปเหรียญครูบาอาจารย์มีไว้เพื่อเป็นอนุสติ
เตือนจิต สะกิดใจ ไม่ให้ทำความชั่ว พูดชั่ว คิดชั่ว
ไม่ให้ประมาทหลงระเริง..ต่างหาก ....



หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย
วัดเขาสุกิม



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-4 20:43
"การละความชั่วอย่างเดียวยังไม่พอ  
แต่ต้องรู้จักบำเพ็ญบุญกุศลด้วย  
บำเพ็ญกุศลอย่างเดียวยังไม่พอ
ต้องรู้จักชำระจิตใจของตนให้สะอาดหมดจด
นี่แหละ 3 อย่าง ที่อาตมาอยากให้ทุกคนยึดเป็นหลักในการดำเนินชีวิต"

หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย วัดเขาสุกิม



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-9 08:12
"พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราสร้าง สติ-สัมปชัญญะหรือปัญญา
เช่นดุจในที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ให้กำหนดลมหายใจเข้าออกก็ดี
หรือมีบริกรรมภาวนาก็ดี พุทโธๆๆๆ ให้จิตของเราปกติอยู่
นี่เป็นอุบายวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้สร้างสติและปัญญา"

โอวาทหลวงปู่ฯ


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-24 20:29
"หว่านสิ่งใด ได้สิ่งนั้น"

หากเธอหว่านความซื่อสัตย์ เธอจะได้ความวางใจ
หากเธอหว่านความดีงาม เธอจะได้มิตร
หากเธอหว่านความถ่อมตน เธอจะได้ความยิ่งใหญ่
หากเธอหว่านความยืนหยัด เธอจะได้ชัยชนะ
หากเธอหว่านความเห็นใจ เธอจะได้ความสมัครสมาน
หากเธอหว่านการทำงานหนัก เธอจะได้ความสำเร็จ
หากเธอหว่านการให้อภัย เธอจะได้การคืนดี
หากเธอหว่านความจริงใจ เธอจะได้ความสนิทชิดเชื้อ
หากเธอหว่านความอดทน เธอจะได้การพัฒนา
หากเธอหว่านศรัทธา เธอจะได้ปาฏิหาริย์

แต่ทว่า...

หากเธอหว่านความไม่ซื่อ เธอจะได้ความไม่วางใจ
หากเธอหว่านความเห็นแก่ตัว เธอจะได้ความเดียวดาย
หากเธอหว่านความโอหัง เธอจะได้หายนะ
หากเธอหว่านความริษยา เธอจะได้ความเดือดร้อน
หากเธอหว่านความเกียจคร้าน เธอจะได้ความความชะงักงัน
หากเธอหว่านความขมขื่น เธอจะได้ความเดียวดาย
หากเธอหว่านความละโมบ เธอจะได้ความสูญเสีย
หากเธอหว่านการซุบซิบนินทา เธอจะได้ศัตรู
หากเธอหว่านความหวาดหวั่น เธอจะได้รอยเหี่ยวย่น
หากเธอหว่านบาป เธอจะได้ความรู้สึกผิด



ดังนั้น ระวังสิ่งที่เธอจะหว่านในวันนี้

มันจะกำหนดสิ่งที่เธอได้ในวันพรุ่ง

จะหว่านเมล็ดพืชใด

เธอ เลือก ได้



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-26 09:44
เมื่อใดที่ของพัง จะมีคนบอกให้ซื้อใหม่
แต่ไม่มีใครซื้อให้หรอก

เมื่อใดที่ลำบากจะมีคนบอก
เดี๋ยวมันก็ผ่านไป แต่ไม่มีใครช่วยเหลือ

เมื่อใดที่เหนื่อยล้า จะมีคนบอกให้พักบ้าง
แต่ไม่มีใครเอาเงินให้ใช้

เมื่อใดที่เจอภัย จะมีคนบอกว่าไม่ต้องกลัว
แต่ไม่มีใครมาอยู่ข้างๆ

..เกิดมาคนเดียว จากไปคนเดียว
ใครดีไม่ดีแค่รู้ก็พอ..บางคนผ่านมาแค่ให้เรียนรู้
ให้บทเรียนก็พอ

อย่าไปคาดหวังอะไรจากเค้า
แค่อยู่ในความทรงจำก็เพียงพอ


มองต่ำเราเหลือมองเหนือเราขาด
ระดับกลางๆก็พอ
ไม่มีเงินอย่าไปไหนไกล
ไม่มีใจอย่าไปไหนเลย




โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-27 14:19
สิทธัตโถ โคตโม พุทโธ
สิปแปดศาสตร์ทุกสาขาพระแจ้งจบ
อีกไตรเภทพราหมณ์คัมภีร์ที่นอบนบ
พระเจนแจ้งปราดเปรื่องเลื่องภูธร
พระปัญญาเปรียบปานโอภากาศ
ไพศาลแผ่กว้างรับจับสิงขร
โอบกระหวัดทาบคลุมลุ่มดินดอน
จวบสาครปวงสมุทรสุดแสนไกล
ที่สุดทรงเห็นแจ้งแทงตลอด
อรหังสัมมาพาผ่องใส
ประกาศแสงธรรมมาพาเวไนย์
ไตรโลกาปกเปรียบสุดเทียบพรหม



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-27 14:57



..ปัจจุบันเท่านั้นที่ "จริง"..



"..สิ่งใดที่มันล่วงมาแล้ว เลยมาแล้ว เราไม่สามารถไปตัด ไปปลงมันได้อีกแล้ว
สิ่งที่เราทำไปนั้น ถ้ามันดี มันก็ดีไปแล้ว ผ่านไปแล้ว พ้นไปแล้ว
ถ้ามันชั่ว มันก็ชั่วไปแล้ว ผ่านไปแล้วเช่นกัน


อนาคต ยังมาไม่ถึง สิ่งที่ยังไม่มาถึง เราก็ยังไม่รู้เห็นว่ามันจะเป็นอย่างไร
อย่างมาก ก็เป็นแต่เพียงการคาดคะเนเอาเองว่า ควรจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้
ซึ่งมันอาจจะเป็น หรืออาจไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดคะเนก็ได้


ปัจจุบัน คือ สิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราได้เห็นจริง ได้สัมผัสจริง
เพราะฉะนั้น ความดี ต้องทำในปัจจุบัน
ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี ต้องทำเสียในปัจจุบันที่เรายังมีชีวิตอยู่
เราต้องการความดี ก็ต้องทำให้เป็นความดีในปัจจุบันนี้
ต้องการความสุข ต้องการความเจริญ ก็ต้องทำให้เป็นไปในปัจจุบันนี้.."


โอวาทธรรมคำสอน "หลวงปู่แหวน สุจิณโณ" วัดดอยแม่ปั๋ง จังหวัดเชียงใหม่



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-27 15:27
สมัยที่หลวงปู่ดู่อยู่ท่านมักจะเล่าให้ฟังว่า
“ข้าทำให้ 4 เวลา เช้า บ่าย เย็น ก่อนนอน “
แล้วจะมีอันตรายที่ไหนเข้ามาทำร้ายพวกแกได้
โดย 1 ใน บทสำคัญของหลวงปู่ คือ
สัพเพฯ หรือการเชิญพระเข้าตัวโดยที่ท่านจะใช้บทนี้
เพื่อแผ่ให้บรรดาลูกศิษย์ท่าน
เป็นการให้พระไปป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย เ
พื่อให้พระไปดูแลรักษา
ซึ่งหลวงตาท่านก็ได้นำคำสอนตรงนี้
ไปเผยแพร่ให้บรรดาลูกศิษย์ท่าน ว่
าเห็นใครเจ็บ ใครป่วยให้น้อมบารมีพระเข้ารักษา
โดยมีใจความสำคัญว่า
.
สัพเพพุทธา พุทธังกำลังกล้า
สัพเพธัมมา ธัมมังกำลังแกร่ง
สัพเพสังฆา สังฆังกำลังแรง
พระรับปัตตา ด้วยฤทธิ์แรงพระกำลัง
ปัจเจกานัง จะยังพะลัง ขออันเชิญพระปัจเจก
อรหันตรานัง มาช่วยเสกกับพระอรหันต์
ปัจเจเช ให้เป็นวิมานแก้ว
นะรักขัง ล้อมรอบ ครอบตัว พันพัน
พันธามิ สัพโส ค่อยป้องกันพยันต์อันตราย
.
ดูเท่านี้พอครับ รู้คำแปลเป็นใช้ได้
บทนี้ตีพิมพ์ในหนังสือนพรัตน์ ปี 2530 ก่อนหลวงตาบวช 1 ปี
อย่าว่าแต่ให้ผีเลยให้เทวดาก็ยังได้
แล้วที่สำคัญบทนี้ หลวงปู่ทวด ท่านเป็นคนนำมาให้พร้อมคำแปล โดยอรรถ
เวลาทำน้ำมนต์หลวงปู่เสกลองเสกบทนี้ดู
แล้วจบด้วยว่า
“ขอให้สิ่งไม่ดีไหลไปกับน้ำ พุทธคุณพระให้เข้ามาในตัว “

Cr. น้อง Kuntana Satterrawut



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-27 15:56
โตขึ้นจะเข้าใจประโยคที่ว่า

“เราก็มีกันอยู่แค่นี้”


ดังนั้นจงรักษาคนที่ยังอยู่กับเราไว้ให้ดีที่สุด
และเวลาที่เหลืออยู่ก็อยู่ด้วยกันให้คุ้มค่า


ไม่ว่าจะคนรัก หรือ ครอบครัว




โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-27 18:00
โลกที่เราอยู่กันนี้ มีไฟเผาเราอยู่ ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ
เราก็ยังไม่รู้ตัว ยังมีหน้ามาหัวเราะกันอยู่อีกหรือ...
ทำไมเราไม่แสวงหาความเย็นสงบ...
ออกไปเสียจากไฟเหล่านี้

  หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก วัดทุ่งสามัคคีธรรม


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-4-28 08:45
"..จงจำไว้เถิดว่า เมื่อได้ทำบุญทำกุศลแล้ว
อย่าคิดว่าจะได้รับผลนั้นทันที
จะทำให้จิตใจหดหู่ท้อถอย

แต่จงมั่นใจเถิดว่า ผลบุญนั้น ไม่สูญหายไปไหน
เพราะการให้ผลของ "กรรม" นั้น จะทำให้ผลตามกำหนด

ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่ส่งผลแล้ว..
แม้แต่เทพเจ้า หรือผู้มีฤทธิ์องค์ใด
ที่เจ้าไปขอร้องให้ช่วยเหลือ ก็ไม่สามารถให้ผลนั้นเกิดได้

แต่เมื่อถึงเวลาที่จะให้ผล..
ทั่วฟ้าดิน ก็ต้านทานผลของกรรมนั้นไว้ไม่อยู่.."


สมเด็จโต พรหมร้งษี



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-3 19:54
ผลประโยชน์ลงตัว “ถึงชั่ว..ก็ว่าดี”
ผลประโยชน์ไม่มี    “ถึงดี..ก็ว่าชั่ว”
ผลประโยชน์เข้าตัว “ทำชั่ว..ได้ทันที”
ขัดผลประโยชน์นี่ซิ “ไม่มีดี..มีแต่ชั่ว


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-5 08:39
ไม่คบหา ก็ไม่รู้ว่าใครดีใครร้าย
ไม่เกิดเรื่อง ก็ไม่รู้ว่าใครจริงใจใครเสแสร้ง
ไม่ดื่ม ก็ไม่รู้ว่าแก้วไหนร้อนแก้วไหนเย็น
ไม่หมดผลประโยชน์ ก็ไม่รู้ว่าใครยังอยู่ใครจากไป
ไม่ตกต่ำ ก็ไม่รู้ว่าใครมิตรแท้ใครมิตรเทียม
ฟ้าเปลี่ยนสี จึงแยกว่าเป็นฤดูกาลใด
สถานะเปลี่ยนไป จึงพิสูจน์ใจคน

อย่าเพิ่งกล่าวโทษ ว่าคนอื่นแล้งน้ำใจ
หยัดยืนด้วยขาของตนเองได้ ยั่งยืน!



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-7 17:04
ความจน บนโลกใบนี้ มี 4 แบบ

1. จนเงิน มีเงินไม่พอใช้เลี้ยงดูตัวเองหรือไม่พอเลี้ยงดูคนที่เรารัก

2. จนเวลา ไม่มีเวลาใช้ชีวิตไม่มีเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ บางคน มีเงิน แต่ไม่มีเวลาใช้เงิน บางคน มีเวลา แต่ไม่มีเงินใช้ บางคนหนักกว่า ไม่มีทั้งเงินและเวลา ซึ่งส่วนใหญ่ จะโทษว่าเป็นเพราะข้อ 3. นั่นคือ

3.จนโอกาส ไม่มีโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิตหลายคนบ่นว่า เราก็ขยันนะ แต่ทำไม ไม่ประสบความสำเร็จเสียที เราอาจต้องเข้าใจก่อนว่า คนสำเร็จ ทุกคนล้วนต้องขยัน แต่คนขยัน ไม่ทุกคนที่จะสำเร็จ เพราะขยันผิดที่ สิบปีก็ไม่รวย ถ้าการทำงานหนักอย่างเดียว จะทำให้ประสบความสำเร็จ
กรรมกรแบกหาม คงร่ำรวยทุกคนไม่ได้บอกว่า อาชีพนี้ไม่ดี เพียงแต่ โอกาสที่อาชีพนี้มีมันน้อยมาก

ดังนั้น เรา work hard อย่างเดียวไม่พอเราต้อง work smart ด้วย หาโอกาสที่ดีแล้วเมื่อเจอ จงอย่าลังเลที่จะคว้ามัน แต่ที่แย่กว่าจนโอกาสนั่นคือ หลายครั้ง เรามีโอกาสดีๆ เข้ามา แต่เรานั่นล่ะ ปฏิเสธโอกาสนั้นเอง แบบนี้ เราเรียกว่าจนแบบที่ 4 คือ

4. จนความคิด มัวแต่คิดดูถูกศักยภาพตัวเอง
คิดลบ คิดในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ คิดแต่สิ่งที่ทำให้ตัวเองไม่สำเร็จ คิดว่าตัวเองคงทำไม่ได้ แล้วก็ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป จนเงิน จนเวลา เจอโอกาสดีๆ ยังเปลี่ยนแปลงชีวิตแต่ถ้าจนความคิดรับรอง ชีวิตไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

วันนี้ เวลาเราเจอคนดูถูกเรา เราชอบไหม?

ถ้าเราบอกว่า เราไม่ชอบ แล้วทำไม เราชอบดูถูกศักยภาพตัวเอง?

ต่อให้คนร้อยคน บอกว่าเราทำได้ แต่ถ้าเราบอกตัวเอง ว่าเราทำไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร……



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-8 11:59
(พระไตรปิฏกเล่ม ๒๒ ข้อ ๑๘๑)ภิกษุอยู่ป่า ๕ จำพวก คือ..
๑.  อยู่ป่าเพราะโง่เขลา  เพราะงมงาย
๒.  อยู่ป่าเพราะปรารถนาลามก  ถูกความอยากครอบงำ
๓.  อยู่ป่าเพราะบ้า  เพราะจิตฟุ้งซ่าน
๔.  อยู่ป่าเพราะรู้ว่าเป็นวัตรอันพระพุทธเจ้าสรรเสริญ
๕.  อยู่ป่าเพราะปรารถนาน้อย-สันโดษ-หวังขัดเกลา(กิเลส) หวังความสงัด...
จำพวกที่
๕ นี้ ล้ำเลิศ ประเสริฐสุดกว่าภิกษุผู้อยู่ป่าจำพวกอื่น ๆ



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-10 18:01
ตอนมา : เจ้ามาคนเดียว
ตอนไป : เจ้าก็ไปคนเดียว
ตอนมา : เจ้าอ่อนแอ
ตอนไป : เจ้าก็อ่อนแอ
ตอนมา : เจ้าไม่มีเงินทองข้าวของมากมาย
ตอนไป : เจ้าก็ไม่มีเงินทองข้าวของอะไรเลย
ตอนเจ้าอาบน้ำครั้งแรก มีคนอาบให้เจ้า
ตอนเจ้าอาบน้ำครั้งสุดท้าย ก็มีคนอาบให้เจ้า
นี่คือ ความจริงของชีวิต !!!
.
แล้วทำไมมนุษย์เราจึงมีเต็มไปด้วย
ความอาฆาตพยาบาท อิจฉาริษยา
เกลียดชัง ขุ่นเคือง หยิ่งทะนง โลภ
และเห็นแก่ตัวมากมาย ขนาดนั้นไปทำไมกัน
เพราะตอนที่เราต้องจากไป
เราก็เอาอะไรไปไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
มีแต่บุญและบาปเท่านั้น ที่จะติดตัวเจ้าไปสู่ภพใหม่
.
คำสอนสุดท้ายก่อนพระพุทธองค์
จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน
พระองค์ตรัสสอนไว้ว่า "จงอย่าประมาท"
1. อย่าประมาทในชีวิตว่าจะยืนยาว
2. อย่าประมาทในวัยว่ายังหนุ่มยังสาว
3. อย่าประมาทในสุขภาพว่ายังแกร่งกร้าว
4. อย่าประมาทในเวลาว่ายังเหลือมากเกินจะกล่าว
5. อย่าประมาทในธรรมะและบุญกุศลว่า
    "เอาไว้ก่อน วันหลังค่อยทำ"
ใครก็ตามที่ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท
คนคนนั้นได้ชื่อว่า เป็นผู้ใช้ชีวิตที่คุ้มค่าที่สุด
ส่วนใครก็ตามที่ประมาท พระพุทธเจ้าตรัสว่า
เป็นคนที่ตายไปแล้วครึ่งตัว
คำถามสำคัญที่สุด
ที่เราจะถามตัวเองก่อนจากโลกนี้ไป
ก็คือ ท่านได้เตรียมตัวให้พร้อม
ต่อการจากลาโลกนี้ไปแล้วหรือยัง ?
.
มาตัวเปล่าแล้ว ก็ไปตัวเปล่า
ตายแล้ว เอาอะไรไปไม่ได้เลย
ตายแล้วไปไหน คนเราเกิดมาทำไม
จงอย่าประมาทในการใช้ชีวิตเลย !!!

เพจ ( พระสุทธิพงษ์ อภิปุญฺโญ)
ถวายเป็นธรรมทาน



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-11 21:04
เทวดารักษา

มีเรื่องเล่าในหนังสือฤาษีทัศนาจร ของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ท่านเห็นกระแสจิตของหลวงปู่คำแสน วัดสวนดอกเจิดจ้าเป็นประกายพฤกษ์
แต่มีเป็นกระแสสีแดงซึ่งมิใช่แบบมีกิเลส ท่านจึงเรียนถามครูบาศรีวิชัย
ซึ่งในวัดนี้มีเจดีย์ที่บรรจุพระอัฐิครูบาอยู่ด้วย
ครูบาท่านตอบเป็นกระแสของผู้ที่มากไปด้วยความกตัญญู
ทำให้นึกถึงพุทธสุภาษิตที่ว่า.


"นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา "
แปลโดยอรรถว่า ความกตัญญู เป็นเครื่องหมายของคนดี
ในความเป็นทิพย์แล้วผู้ที่มีแสงเช่นนี้เทวดาท่านต้องรู้
เพราะท่านมีตาทิพย์ จึงคอยปกปักรักษาบุคคลนั้นไว้เสมอ


"คงจริงดูอย่างในเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน ที่ทรพี เมื่อเทวดาไม่รักษาแล้ว
โดนฆ่าตาย ดังนั้นคนที่ไม่มีเทวดารักษาดวงก็ถึงฆาต


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-16 07:43
อริยเจ้าเป็นที่ใจมิใช่หรือ..???


“พวกมึงจะร้องทำไมกันวะ พระก็คือพระวันยังค่ำ
จะใส่อะไรก็เป็นพระ เหมือนทองจมขี้โคลน
ยังไงก็เป็นทองนั่นแหละ”

(หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา)
.
หลวงพ่อกบ ท่านเป็นพระแท้ที่”ใจ”มิได้ยึดติด
ลุ่มหลงในกิเลสลาภสักการะใดๆ หวังเพียรปฏิบัติ
เพื่อหลุดพ้นจากกิเลสเท่านั้น ทุกสิ่งอย่างเงินทอง
ข้าวของใดท่านเผาไหม้ดับสิ้นอนัตตา
ดังนั้นพระจริงพระแท้ กำเนิดเกิดที่ ”ใจ” ของตน
มิใช่นุ่งห่มผ้าสีใด มิใช่รวยหรือจน  มิใช่เรียนสูงหรือต่ำ
มิใช่กำหนดตามการเรียนหนังสือหรือยศศักดิ์ใดๆ
จะทำให้ใจตนเป็นอริยเจ้า หรือพระแท้พระเก่าได้
จะทำได้คือ ปฏิบัติที่ใจตนเอง เพียรพยายามเผากิเลส
ที่ใจตนเองเท่านั้น
.
ปฏิบัติตามแนวทางพุทธองค์บรมครู เฝ้าดูกายใจ
เกิดดับ เผากิเลสโลภโกรธหลงให้สิ้น เมื่อโลภโกรธหลง
บรรเทาลดความอยากลงไปเป็นใช้ได้ ทำใจให้เป็น
”พระจากภายใน” ยืนเดินนั่งนอนภาวนา พิจารณาใจไป
“พระในออกพระนอก”พระภายในจะแสดงผลออกมาเป็นพระนอกโดยสมบูรณ์ อริยเจ้าเกิดที่ใจ
เป็นพระจริงพระแท้
มิต้องสงสัยใดๆ มิใช่นุ่งห่ม แต่งตั้งยศศักดิ์แล้วเป็นได้
“ภายนอกงดงาม ภายในปลอมเน่าสิ้น”

ดั้งนั้นแล้ว อริยเจ้าเป็นที่ใจมิใช่หรือ?


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-19 04:45
ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ
ยอมให้คือหล่อ ดื้อต่ออาจคือพัง

พิชัยสงครามซุนวูว่าไว้..
ชนะไม่ได้ ก็รอคอยได้ อดทนได้

การไม่ทำอะไรเลยยังพอเป็นสิ่งที่ยอมรับได้
เพราะหากว่า ลงมือผิดพลาดไปแล้ว
อาจเข้าทำนอง "ไม่รนหาที่ก็ไม่ตาย"

ด้วยเหตุนี้ การรู้หยุดในเวลาที่ควรหยุด คือสิ่งที่จำเป็น
และบางครั้งสำคัญกว่าการมุ่งหน้าไปต่อเมื่อยังไม่พร้อมด้วยซ้ำเพราะอะไร?

ตามพิชัยสงครามซุนวู
คือ หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นโทษสำคัญกว่าการมุ่งหาสิ่งที่เป็นคุณ

ไม่ว่าจะทำอะไร
หนึ่ง พิจารณาความเสี่ยงก่อน
สอง พิจารณาคุณค่าที่ต้องจ่าย

คนเราพอ"เห็นประโยชน์ก็ลืมผลเสีย"
เพราะสมองชั้น Limbicทำงาน และปิดกั้นสมองส่วน Neo-cortex ที่คิด-วิเคราห์ไว้

ถอยสักหนึ่งก้าว มองหลายๆมุม
เมื่อมั่นใจว่า ได้คุ้มเสีย จึงลงมือ

มิใช่คิดเอาแต่ได้ มิคิดถึงการมองมุมกลับและมองหลากหลายมุม

เพราะเหรียญมีสองด้าน ดาบมีสองคม เสมอ



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-24 12:48
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2023-5-24 12:51

จงอย่าไปคิดสิ่งใดมากเลย โลกใบนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ

“ หลวงปู่ดู่ท่านมักบอกไว้เสมอ

เอ็งจงดูลางสังหรณ์ให้ดี ยามที่มนุษย์นั้นไม่ถูกกันเมื่อไหร่  
มนุษย์นั้น ฆ่ากันเมื่อไหร่  โลกใบนี้จะเกิดภัยธรรมชาติ ไม่จบสิ้น มันจะเกิดโรคระบาดมาก
อะไรต่างๆมักจะเกิดขึ้นอีกเยอะแยะไปหมด “

เพราะฉะนั้น แล้ว เราจงเตรียมตัว เตรียมพร้อม ในการเปลี่ยนแปลงของชีวิตอยู่เสมอ
อย่าไปคิดอะไรมาก อะไรมันจะเกิด มันก็ย่อมเกิด เป็นเรื่องธรรมดา

ขอเพียงเรา จงมีสติรู้ และไม่ประมาทในการใช้ชีวิตที่มีหมั่นกระทำความดีเอาไว้เสมอ
สวดมนต์ ภาวนา รักษาศีล ปฎิบัติบูชา และจง อยู่และทำปัจจุบันนี้ให้ดี
ทั้งด้วยการคิดดี พูดดี ปฎิบัติดี ไม่ทำร้าย หรือสร้างกรรมต่อเวรกับผู้ใด

ทำชีวิตนี้ ให้ห่างจากอารมณ์แห่งกิเลส ความต้องการ ทางโลกทั้งหลาย
เท่านี้ชีวิตที่มีอยู่ ย่อมมีความสุขแล้ว เพราะอายุเรานั้นมีแค่นี้

มนุษย์นั้น มีเกิด มีดับเป็นเรื่องธรรมดา เราจะอยู่ได้อีกสัก กี่วัน กี่ปี

ท้ายที่สุด เราทุกคนนั้นก็ต้องตายลงเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต  
เพราะฉะนั้นแล้ว หากเราทำทุกวันนี้ให้มีความสุข
ใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความหมาย เพียงเท่านี้ คือชีวิต ที่มีสุขแล้ว

โอวาทธรรม หลวงปู่ดู่







โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-26 16:16
"คู่ครองที่สมบูรณ์แบบ"

เมื่อสามีกลับถึงบ้านวันหนึ่ง
ภรรยาก็ยื่นกระดาษให้แผ่นหนึ่ง

สามี

"กระดาษเปล่านี่ เอามาให้ผมทำไม"

ภรรยา

"ฉันอ่านเจอข้อความหนึ่งในนิตยสารว่า
สามีภรรยาควรหาจุดบกพร่องของกันและกัน
แล้วนำมาปรึกษาหารือหาทางปรับเปลี่ยน
เพื่อให้ชีวิตคู่เป็นไปอย่างราบรื่น ฉันว่ามันน่าสนใจดี"

สามี

"ผมไม่เคยรู้เลยว่า ....
ชีวิตการแต่งงานของเรามีปัญหา"

ภรรยา

"ก็ไม่ได้บอกว่า เรามีปัญหา
แค่หาข้อบกพร่องของแต่ละฝ่าย
จะได้รู้ตัวและปรับปรุงให้ดีขึ้น
คุณก็แค่เขียนมาว่าฉันมีข้อเสียกี่ข้อ อะไรบ้าง
พอฉันรู้แล้ว จะได้ปรับปรุงตัวถูก"

สามี

"งั้นก็ลองดู"

วันรุ่งขึ้น ทั้งสองจึงนำกระดาษของแต่ละฝ่าย

มาอ่านให้อีกฝ่ายฟัง

ภรรยา

"ฉันเริ่มก่อนแล้วกันนะ
ฉันหาข้อเสียของคุณมาได้กว่าสิบข้อแน่ะ

1. คุณเรอไม่เกรงใจใคร
2. คุณเคี้ยวข้าวเสียงดัง
3. คุณมักจะทิ้งเสื้อผ้าที่ใส่แล้วไว้ในห้องน้ำ
4. คุณกลับบ้านไม่ตรงเวลา
5. ชอบดื่มจนเมาหัวราน้ำ
6. คุณ
7. .....
8. .......
9. .....
10. .....
11. .

ตาคุณบ้างล่ะ บอกสิว่าฉันมีข้อเสียอะไรบ้าง"

สามีก้มหน้านิ่ง ไม่พูดจาอะไร

ภรรยาจึงดึงกระดาษในมือมาดู

ภรรยา

"อะไรของคุณเนี่ย กระดาษเปล่า!
คุณไม่เคยใส่ใจอะไรฉันเลย
ฉันขอแค่เนี้ย คุณก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือ"

สามีเงยหน้าขึ้นมองภรรยา

สามี

"ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำ แต่ผมทำไม่ได้
ผมมองไม่เห็นข้อบกพร่องในตัวของคุณเลยสักข้อ
ไม่ใช่เพราะว่าคุณสมบูรณ์แบบ
แต่เพราะสิ่งที่คุณเป็นมันคือตัวคุณ
คุณพูดมากแต่นั่นก็คือคุณ
คุณจะโมโหบ้างแต่นั่นก็คือคุณ
คุณใช้เวลาแต่งตัวหลายชั่วโมง นั่นก็คือคุณ
คุณจะตลกซุ่มซ่ามนั่นก็คือเอกลักษณ์ของคุณ
ผมไม่อยากให้คุณเปลี่ยนในสิ่งที่คุณเป็น
คุณเป็นตัวของคุณมาก่อนที่ผมจะเจอคุณ
และทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่ทำให้ผมรักคุณ
สำหรับผมคุณไม่มีข้อเสียเลยสักข้อ
คุณคือคุณ คือคนที่ผมรัก"

ภรรยาถึงกับอึ้ง พูดไม่ออก

โอบกอดสามีด้วยน้ำตานองหน้า

" ฉันขอโทษ ทำไมฉันถึงได้โง่อย่างนี้
ฉันก็รักคุณที่คุณเป็นคุณ"

***ไม่มีใครสมบูรณ์แบบจนไม่มีที่ติ

ความสุขของชีวิตคู่

ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่กับคนที่ได้ดั่งใจเราทุกอย่าง

แต่อยู่ที่การเรียนรู้ ยอมรับและเข้าใจกันและกัน

ขอบคุณเจ้าของภาพและบทความ.



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-26 16:27


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-26 16:29
ครู 8 คน ในชีวิตเรา

ครูคนแรกที่สอนให้เราเป็นคนดี
คือ คนแรกที่เราเรียกได้ (แม่)

ครูคนที่สอง ที่สอนให้เราเป็นคนเก่ง
คือพ่อ

ครูคนที่สามที่สอนเราให้อ่านออกเขียนได้
คือ ครูในโรงเรียน

ครูคนที่สี่ ที่สอนให้เราใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
คือ เพื่อน

ครูคนที่ห้า ที่สอนให้เราใช้ชีวิตคู่
คือ คู่ครอง

ครูคนที่หก ที่สอนให้เรารู้จักในการให้
คือ ลูก

ครูคนที่เจ็ด ที่สอนให้เรารู้จักคำว่าอภัย
คือ ศัตรู

และครูคนสุดท้าย ที่สอนให้เราเรียนรู้ชีวิต
คือตัวเราเอง



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-26 16:32


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-26 16:36
พ่อแม่ คนที่ โ ง่ ที่สุดในโลก
1. มีของอร่อยๆ แม้อยากกิน และกินได้ ก็ไม่ยอมกิน
แต่อุตส่าห์เก็บไว้ให้ลูกได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อย
2. หาเงินได้ตั้งมากมาย ไม่ใช้เพื่อความสุขให้ตัวเอง
กลับเก็บไว้ให้ลูกๆ ได้เล่าเรียนศึกษาในโรงเรียนดี จบสูงๆ และเก็บสะสมไว้ให้เป็นสมบัติตกทอด
ลูกๆ จะได้ไม่ลำบากเหมือนตัวเอง
3. รถดีๆ หรูๆ ราคาแพง มีตั้งมากมายให้ซื้อหามาใช้สอย
ทั้งๆ ที่มีเงินที่หามาค่อนชีวิต กลับใช้รถคันเก่าผุๆ พังๆ ไม่ยอมเปลี่ยน
แต่พอลูกอยากได้รถรุ่นใหม่ ราคาเท่าไร ก็ซื้อให้ โดยไม่คิดสักนิดเดียว
4. ตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย มักพูดเสมอว่า “ป่วยนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หาย"
แต่กับลูก แค่ตัวร้อนนิดเดียว รีบตาลีตาเหลือก บึ่งรถพาไปหาหมอในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดทันที
5. ตัวเองนอนตรงไหนก็ได้ เพราะคุ้นเคยกับการนอนแบบนี้มานาน
แต่ลูกต้องนอนบ้านหลังใหญ่ๆ ห้องนอนดีๆ แอร์เย็นๆ ลูกจะได้สบาย และไม่อายใคร
6. ทรัพย์สินเงินทองที่อุตสาห์หามาทั้งชีวิต ก็มักประเคนให้ลูกๆ จนหมด
ตัวเองกลับใช้จ่ายอย่างประหยัด และมักอ้างว่า “อายุมากแล้ว ไม่ต้องใช้อะไรเยอะแยะหรอก”
7. วันหนึ่งๆ ได้แต่นั่งเป็นห่วงลูก กลัวจะเป็นอันตราย ตั้งแต่ตอนเรียน จนเข้าสู่วัยทำงาน เลยไปจนกระทั่งลูกแต่งงาน มีครอบครัว
ส่วนลูกจะห่วงพ่อแม่หรือเปล่า ท่านไม่สนใจหรอก แค่ลูกๆ มีความสุข ปลอดภัย ก็พอแล้ว
8. ทุกครั้งที่ลูก พร้อมครอบครัวมาเยี่ยมที่บ้าน พ่อแม่จะดีใจจนออกหน้าออกตา ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก มีอะไรอร่อยๆ ก็ขนมาให้กินจนหมด
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ท่านไปหาครอบครัวลูกที่บ้าน ลูกกลับไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่ไม่บอกก่อนล่วงหน้า
9. พ่อแม่หลายคน ไม่มีอำนาจใดๆ แต่กับลูก ท่านพร้อมที่จะปกป้องด้วยชีวิต โดยไม่ห่วงตัวเองแม้แต่น้อยนิด
พ่อแม่นี่ โง่จริงๆ
เรายังมีเรื่องที่ติดค้างคนโง่สองคนนี้อีกมากมาย ที่ไม่มีพื้นที่จะให้บรรยายได้หมด
หากคนโง่สองคนนี้ของเรายังมีชีวิตอยู่ หมั่นกลับไปเยี่ยม และใช้คืนบางอย่าง ที่จะทำให้พวกท่านสองคน มีความสุขบ้างนะ

Cr. ดร.พนม ปีย์เจริญ





โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-26 17:24
ในค่ำคืนนึง
หลังจากไมค์ ไทยสัน
ได้ชนะแชมป์โลก

เขาและเพื่อนสนิทไม่กี่คน
ได้ชักชวนกันไปดื่มกินที่ผับ
ไม่ไกลจากที่พักของเขา

ดื่มกินกันได้ไม่นานนัก
ขี้เมาเจ้าถิ่น เดินมาที่โต๊ะของไมค์ ไทสัน

ขี้เมาได้ประกาศท้าชกกับไมค์ ไทยสัน

ไมค์หันไปยิ้มกับขี้เมา
แล้วบอกกับเด็กเสิร์ฟว่า
เช็คบิล ฉันจะกลับแล้ว

เขาวางเงินค่าเหล้าไว้ที่โต๊ะ
แล้วเดินออกมาจากผับทันที

เพื่อนๆของเขาต่างมึนงงสงสัย
กับสิ่งที่ไมค์ ไทสันทำ

เมื่อถึงลานจอดรถ
เพื่อนๆของไมค์ถามเขาว่า

นายเป็นแชมป์โลก
นายสามารถคว่ำหมอนั่นได้
ด้วยหมัดเดียว ทำไมนายไม่สู้?

ไมค์ หันมาบอกเพื่อนว่า

“เราไม่จำเป็นต้องชนะทุกคน
โดยเฉพาะชัยชนะที่ไร้เกียรติและรางวัลใดๆ
ชนะขี้เมาคนนึงได้ก็ไม่ได้ทำให้ฉันภูมิใจ
ฉันเป็นแชมป์โลกได้สำเร็จแล้ว
ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว”

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เราไม่จำเป็นต้องเอาชนะทุกคน
ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องกับทุกคน
ที่เข้ามาพยายามก่อกวนเรา

ในชีวิตจริงๆ
เราทุกคน ล้วนมีคนพยายามทำลาย
อิจฉาริษยา หาเรื่อง

เราไม่จำเป็นต้องลงไปทะเลาะด้วย
หรือไม่ต้องไปให้ราคากับทุกคน

หากคุณมีชีวิตที่ดีๆแล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรแบบนี้

และที่สำคัญ
การชัยชนะที่ไม่มีรางวัลไม่มีเกียรติ
ไม่มีความหมาย

เดินออกมา มาใช้ชีวิตดีๆของคุณ

เถียงชนะคนในโซเชี่ยล
ก็ไม่ทำให้เงินเดือนคุณขึ้น

เถียงชนะคนที่ขับรถปาดหน้าคุณ
ก็ไม่ทำให้คุณมีชีวิตที่ดีขึ้น

เถียงชนะเพื่อนร่วมงานแย่ๆ
ก็ไม่ได้แก้ไขอะไรให้ดีกว่าเดิม

ใช้ชีวิตดีๆ กับคนดีๆ
กับครอบครัวดีๆของคุณไปเถอะ

อย่าลงจากรถไปกัดกับหมา!

เปิดเพลงเพราะๆเปิดแอร์เย็นๆ
แล้วไปหาของอร่อยๆกิน
แล้วปล่อยให้หมาตัวนั้นโดนรถชนตายไปเอง

นั่นแหละที่คุณต้องทำ

สิริทัศน์ สมเสงี่ยม
เรื่องเล่าในวงธุรกิจ
(ขอบคุณผู้เขียนและ ภาพ)



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-26 17:26
"เคล็ดลับของชีวิต"

      จงดื่มน้ำจากแหล่งน้ำที่ม้าดื่ม เพราะม้าจะไม่ดื่มน้ำที่ไม่สะอาด

      จัดที่นอนแบบที่แมวชอบ (เพราะจะนอนสบาย)

     กินผลไม้ที่มีแมลงเจาะ (ปลอดภัยไร้สารพิษ)

     เลือกเห็ดที่แมลงตอม (เค้าว่าไม่เป็นพิษ)

      เพาะปลูกตรงที่ตัวตุ่นขุดหลุม (เพราะดินจะอุดมสมบูรณ์)

      ขุดบ่อน้ำในที่ๆมีนกบินในหน้าแล้ง (จะมีน้ำตลอดปี)

     เข้านอนและตื่นขึ้นมาพร้อมกับไก่แล้วคุณจะได้เก็บเกี่ยวสิ่งดีๆทั้งวัน

     กินผักสีเขียวให้มากขึ้นจะได้มีร่างกายแข็งแรงและมีหัวใจที่ยืนยง

      มองท้องฟ้าให้บ่อยขึ้น อย่ามัวแต่ก้มหน้ามองดิน แล้วความคิดของคุณจะกระจ่างใสชัดเจนขึ้น

     เงียบให้บ่อยขึ้นพูดให้น้อยลงแล้วความเงียบจะครอบงำจิตวิญญาณของคุณและจิตวิญญาณของคุณจะสงบเยือกเย็น



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-28 07:08
"จุดยืนของความเป็นจริง"

เมื่อคุณมีเงินมาก
      คุณจะรู้สึกอยู่สูงจนมองไม่เห็นใคร
เมื่อคุณมีความรู้ แต่ไม่มีเงิน
      คุณจะมองตัวเองว่าต่ำต้อย
เมื่อคุณมีความรู้และมีเงิน
      คุณจะมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน
แต่เมื่อคุณไม่มีเงินและไม่มีความรู้เลย
      คุณก็จะมองไม่เห็นอะไรเลย

" แล้วเราจะเลือกจุดยืนแบบไหน ในชีวิตปัจจุบัน"







โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-5-30 04:33
. ☉ “ ศรต้องมีพิษ ศิษย์ต้องมีครู " ⊙ . . .
       คำว่า “ ครู ” มีค่าความหมาย ความศักดิ์สิทธิ์ไปใน คุณพระรัตนตรัย เทพเจ้า
ครูบาอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้วสืบๆกันมา ถึงท่านที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน การร่วมพิธีไหว้
ครูก็ เพื่อแสดงกตัญญู กตเวทีเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เพื่อเป็นการระลึกถึงพระคุณ
และเพื่อเป็นการขอขมาลาโทษในสิ่งที่ได้ล่วงเกินไปแล้ว ซึ่งเมื่อได้ทำพิธีไหว้ครูแล้ว
จะทำให้ศิษย์มีความสบายใจ และมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
ตั้งใจมั่นคงที่จะประกอบคุณความดี ประกอบสัมมาอาชีพ
บรรลุตามจุดมุ่งหมายต่อไปโบราณท่านกล่าวว่า
“ ศรต้องมีพิษ ศิษย์ต้องมีครู ( วิชาความรู้ ) ศิษย์มีครูเหมือนงูมีพิษ ( คุณธรรมจริยธรรม ) ”
คำเปรียบศิษย์ดังรวงข้าวรวงใดสมบูรณ์ จะหนักน้อมถ่วงรวงยอดลง
ดุจแสดงคารวะแม่พระธรณีผู้ให้กำเนิด เปรียบกับคนมีความกตัญญู
อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนมีคุณภาพเป็นผู้มีคุณธรรม
ต่างจากข้าวรวงเม็ดลีบที่ชูช่อชี้ฟ้า ไร้ค่าห่างจากคุณความดี


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-6 04:33
       “ วิ บาก กรรม “

:อย่างเบา สำหรับผู้ผิดศีล๕

:ฆ่าสัตว์ อายุสั้น !
:ลักทรัพย์ เสื่อมจากโภคะ
:ประพฤติผิดในกาม ศัตรูมาก
:พูดโกหก จะถูกใส่ร้าย
:ดื่มสุรา สติวิปลาส

•ดังนี้สตรีไร้ศีลก็สิ้นสวย
•บุรุษด้วยไร้ศีลก็สิ้นศรี



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-10 17:46
1. ยอดพระกรรมฐาน
ในบรรดาพระกรรมฐานทั้ง 40 กรรมฐานกองหนึ่ง
ซึ่งถือเป็นยอดกรรมฐานคือมรณสติ
หรือการระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์
มรณสติ ภิกขเว ภาวิตาพระหุลีกตา มหปฺผลา โหติ
มหานิสสา อมโตคธา อมตปริโยสานา ติ
แปลความว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลายมรณสติอันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว
ย่อมมีธรรมเป็นผลมีอานิสงส์อันใหญ่หลวงยังถึงอมตธรรมมีอมตธรรม
คือ ความบริสุทธิ์ของจิตเป็นที่สุด

หลวงปู่มักอบรมลูกศิษย์เสมอว่า
"ตัวตายน่ะ ตัวสำเร็จ"
นักปฏิบัติต้องไม่ลืมตาย ทำให้ถึงตัวตาย
แล้วจะไม่ตาย

นิปฺผนฺนโสภิโน อตฺถา
ประโยชน์งามตรงที่สำเร็จ



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-14 19:04
"..ทานเป็นเครื่องสะเบียงของเรา เมื่อเราได้ทำไว้พอแล้ว
เราจะเดินทางไกล เราก็ไม่ต้องกลัวอดกลัวอยาก
กลัวทุกข์กลัวยาก ของเก่าเราได้ทำมาไว้
ถ้าอะไรเราไม่ได้ทำไว้ อยากได้ มันก็ไม่ได้
ถ้าได้ทำไว้แล้ว สร้างไว้แล้ว
ไม่อยากได้ มันก็ได้ นี่แหละทานบารมี.."



โอวาทธรรม หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-15 13:35
ถ้าหากคุณเป็น

“ผู้ให้”

จงเรียนรู้ ที่จะกำหนด “ขอบเขต”ของคุณไว้

เพราะ “ผู้รับ”บางคน ก็ไม่เคยรู้จัก

คำว่า..

พอ!


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-15 13:41
"บุญ" ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา
"ใส่บาตรพระ" ก็ได้บุญ
แบ่งปัน "คนตกทุกข์ยาก" ก็ได้บุญ
ให้อาหารกับ "สัตว์ผู้หิวโหย" ก็ได้บุญ

และ...คิดดี พูดดี ทำดี..ก็ได้บุญ

หากไม่มีโอกาสไปวัดก็ไม่เป็นไร
ทำบุญตรงนี้ "ที่ใจ"
คิดดี  พูดดี  ทำดี ก็เป็น "บุญ"



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-15 13:42
คนเราจะมีโอกาสเห็น “ธาตุแท้” กันก็เมื่อ..

• ได้เดินทางด้วยกัน 3 วันเป็นอย่างต่ำ

• ได้เห็นเวลาเขาโกรธ

• ได้เห็นการปฏิบัติตัวต่อคนที่ไม่มีประโยชน์กับเขา

• เมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้ว

• เมื่อเราหมดประโยชน์ต่อเขา

• เมื่อเราหยุดเป็นฝ่ายยอม หยุดตามใจ หยุด”อำนวยความสะดวก” ให้แก่เขา

• เมื่อเราขอความช่วยเหลือ

• เมื่อต้องรับผิดชอบร่วม

• เมื่อมีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง

• เมื่อเรามองเขาด้วย “สติ” ไม่ใช่ “กิเลส”



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-15 13:44
จงอย่าได้ตำหนิใคร
ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเลย

คนดี ให้ความสุข
คนเลว ให้ประสบการณ์
คนที่แย่ที่สุด ให้บทเรียน
คนที่ดีที่สุด ให้ชีวิตสมบูรณ์แบบ

แค่คิดบวก ชีวิตก็สุขได้ทุกวัน
เพราะชีวิตวนเวียนไปมา
พร้อมทั้งน้ำตา และรอยยิ้ม
ชีวิตเรามัน ก็เท่านี้แหละ !!

สุขได้ไม่ทันไร เดี๋ยวก็ทุกข์
ทุกข์ได้ไม่ทันไร เดี๋ยวก็สุข
ดังนั้น เรียนรู้เพื่อที่จะอยู่ให้ได้
กับทุกๆ ความรู้สึกที่แวะเวียนมา



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-15 13:46
ดูใจดี แต่ไม่เคยเสียสละแม้แต่เรื่องเล็กน้อย
ดูใจร้าย แต่มีอะไรพึ่งได้เสมอ

ดูเก่ง แต่ไม่เคยเริ่มต้นอะไรใหม่
ดูไม่เก่ง แต่ลงมือแล้วสำเร็จทุกเรื่อง

ดูน่ารัก แต่ได้ตลอดไม่เคยเสีย
ดูไม่น่ารัก แต่ให้ตลอดไม่เคยได้

ดูน่าไว้ใจ แต่ไม่มีใจ
ดูไม่น่าไว้ใจ แต่ช่วยเหลือเต็มที่

ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่อารมณ์เสียง่าย
ดูเป็นเด็ก แต่คุมกิริยาได้ดี

ดูเป็นมิตร แต่คิดเฉือนใจ
ดูเป็นภัย แต่ได้ใจทุกที

ดูได้หลายที ดูได้หลายเรื่อง
แต่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เห็น ที่เป็นจริงๆ



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-15 13:47
อย่าไปอธิบายตัวเราให้ใครเข้าใจเลย
เพราะบางคน เขาไม่ได้อยากฟัง

อย่าพยายามหาความสุขจากคนอื่น
แต่พยายามมีความสุขในแบบที่เราเป็น

ใครดี ก็หมั่นรักษาน้ำใจแล้วคบไว้
ใครไม่ดี ก็ตัดทิ้งอย่าให้ค่าหรือความสำคัญ
ที่สำคัญอย่าทำให้ชีวิตใครเดือดร้อนพอ

ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะ
ถ้ามีความสุขได้ด้วยตัวเอง
จำนวนเพื่อน ก็ไม่มีผลต่อความสุข

ความสุขจากตัวเราดีที่สุดแล้ว
เพราะไม่มีใครที่จะอยู่กับเราไปตลอด



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-15 13:56
เป็นคนไม่ชอบเข้าสังคม
ไม่ชอบผู้คนมากๆ
ไม่ชอบขี้โม้โอ้อวด
ไม่ชอบแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร
ไม่ยึดติดกับสิ่งของภายนอก
ไม่ชอบสะสมแค่พอมีพอใช้

ชอบอยู่แบบง่ายๆ สบายๆ
เข้าใจแค่ว่า..เกิดมาชาตินี้
เพื่อ.. "สะสาง"
ไม่ได้เกิดมาเพื่อ.."สะสม"

อาจไม่ได้มากมีเหมือนใครๆ
เพียงแค่ชอบอยู่ในมุม
ความสุขเล็กๆ ของตัวเอง
มีชีวิตที่อิสระ ได้ไปเที่ยว
ได้ไปทำบุญ สร้างสาธารณะกุศลต่างๆ
เสพธรรมชาติบ้างตามความเหมาะสม

ไม่ก้าวก่ายชีวิตใคร ปล่อยเขา
ใครจะเป็นยังไงก็เรื่องของเขา

ขออย่างเดียวอย่ามาเบียดเบียนกันก็พอ
ที่เหลือขออยู่ในมุมธรรมดาๆ
ของตัวเอง..ก็พอ



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-20 17:57
◉ หั ว โ ข น ◉
.
หัวโขน เป็นสิ่งสมมุติในสังคม
เพื่อกำหนดให้คนรู้จักหน้าที่
รู้จักสถานะ จะได้ไม่เกิดปัญหา

เพื่อแต่ละคนที่ได้รู้สถานะ
และรู้บทบาทหน้าที่ของตัวเอง
จะได้ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

เมื่อทำงานตามหน้าที่แล้ว
ก็ต้องรู้จักวาง ต้องรู้จักถอดหัวโขน
ที่สวมใส่ลงเสียบ้าง

ไม่ใช่จะยึดติดในหัวโขน
ที่สวมใส่นั้นอยู่ตลอดเวลา
จะทำให้เกิดการยึดมั่นถือมั่น
หลงในตัวตน ข้าดี ข้าเก่ง
ใครก็ทำอย่างข้าไม่ได้

ขาดข้าไปคนแล้วจะรู้สึก
เกิดความยึดติดในอำนาจ
หรือคนที่อยู่ใต้หัวโขนนั้น
จนกระทั่งไม่ยอมฟังใคร

เป็นรามลักษณ์ยักษ์ลิงแน่จริงหรือ
แท้ก็คือ "หัวโขน" เขาโยนใส่
เมื่อตายไป เขาก็หาคนใหม่มาแทน



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-21 09:17
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหลายคนถามอาตมาว่า หลวงพ่อชาสื่อสารกับลูกศิษย์ต่างชาติอย่างไรในเมื่อท่านพูดภาษาต่างประเทศไม่ได้ และลูกศิษย์ต่างชาติ โดยเฉพาะช่วงมาใหม่ๆ ก็ยังพูดภาษาไทยไม่ได้  เวลามีคนถามหลวงพ่อชาแบบนี้ ท่านมักจะตอบให้ชวนขัน ว่า “เหมือนการเลี้ยงควายนั่นแหละ”  จากนั้นท่านก็อธิบายด้วยสายตาเป็นประกายว่า “ถึงจะไม่รู้ว่าเราพูดอะไร แต่ถ้าจูงไปจูงมา เดี๋ยวมันก็เป็นเอง”  ในเวลาเช่นนี้ ดูเหมือนว่าหลวงพ่อจะเห็นว่าท่านเป็นผู้ฝึกมากกว่าเป็นผู้สอน

ในปีแรกๆ ที่อาตมาอยู่กับหลวงพ่อชา มีคำพูดของท่านที่จำได้แม่นยำ ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกับธรรมะเลย  จนถึงทุกวันนี้ อาตมายังระลึกถึงคุณค่าของคำพูดนั้นได้อยู่  ตอนนั้น อาตมาเดินตามท่านไปตรวจความเรียบร้อยของกุฏิในวัดพร้อมกับพระรูปอื่นๆ  อาตมานึกอยากอวดท่านว่า มาอยู่เพียงไม่นานก็พูดภาษาไทยได้แล้ว จึงชี้ไปที่กรอบหน้าต่างบานที่ชำรุดแล้วเอ่ยชื่อเป็นภาษาไทย  หลวงพ่อตอบกลับมาช้าๆ ว่า “หน้า-ต่าง” เพื่อแก้การออกเสียงของอาตมา  อาตมารู้สึกเหมือนถูกท่านเตะปากเข้าจังๆ  เราออกเสียงผิด! น่าอายจริงๆ!  แต่ในขณะเดียวกัน อาตมาก็รู้สึกปลื้มใจอย่างน่าประหลาด

ความคิดที่ว่า มีครูบาอาจารย์ระดับหลวงพ่อชาคอยใส่ใจแก้ไขการออกเสียงให้ แม้จะเป็นคำเล็กๆ น้อยๆ ทำให้อาตมารู้สึกตื้นตัน  ตอนนั้นเกิดความมุ่งมั่นในใจว่าจะเป็นพระที่ดีต่อไปและทำให้ท่านภูมิใจ  เรื่องนี้สร้างกำลังใจให้กับอาตมามากกว่าสิ่งอื่นๆ  แม้ท่านจะนั่งลงตรงหน้า แล้วแสดงธรรมในหัวข้อปฏิจจสมุปบาทให้ฟังอย่างลึกซึ้งเป็นเวลาสองชั่วโมงด้วยภาษาอังกฤษดีเลิศก็ตาม

ดังนั้น อาตมาจึงบอกทุกคนว่าภาษาสำคัญก็จริง แต่มีสิ่งอื่นที่อยู่เหนือภาษา

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ศิษย์ทีมสื่อดิจิทัลฯ





โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-27 12:02
อย่าลืมคนที่เป็น "บันได"
อย่าลืมใครที่เป็น "สะพาน"

ให้เรา "ก้าวข้ามผ่าน"
มาจนถึงทุกวันนี้…

อย่าลืมคนที่ "เติมกำลังใจ"
ให้ทุกที

จำไว้ให้ดี ว่าเรามีวันนี้
เพราะใคร!!




โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-27 12:10
"เผชิญหน้ากับอดีต
ต้องรู้จักการลืมและปล่อยวาง"
"เผชิญหน้ากับปัจจุบัน
ต้องรู้จักการสำนึกคุณ และถนอมรักษา"
"เผชิญหน้ากับอนาคต
ต้องรู้จักเชื่อมั่น และมองโลกในแง่ดี"


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-6-28 15:27
" ผู้ที่ตกในสภาวะอับจน
ก็ไม่ควรหมดอาลัยตายอยาก
ควรทําจิตใจให้สงบระงับตั้งมั่นอยู่
ก็จะค่อยๆหาทางออกให้แก่ตนได้
เพราะปัญหาทุกอย่าง ที่ไม่มีทางออกทางแก้
ย่อมไม่มีในโลก
ดูเอาเถอะว่า แม้แต่ปัญหาเรื่องความทุกข์
อันเกิดจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย
พระพุทธองค์ก็ยังหาคําตอบไว้ให้ได้
สําหรับปัญหาอื่นๆ อันเล็กน้อยจะไม่มีคําตอบได้อย่างไร " ...


หลวงปู่ดูลย์ อตุโล



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-9 15:22
"การตักบาตร"

"ประเพณี" ที่ชาวพุทธถือกันว่าเป็นการสร้างกุศล และถือว่าเป็นการแผ่ส่วนกุศลให้กับญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว (โดยเชื่อกันว่า อาหารที่ถวายไปนั้น จะส่งถึงญาติผู้ล่วงลับด้วยเช่นกัน)

"พระธรรมสิงหบุราจารย์" (หลวงพ่อจรัญ) ท่านได้แนะนำว่า..
ก่อนใส่บาตร ให้จุดธูป ๓ ดอก (กลางแจ้ง) เพื่อขอขมากรรมโดยตั้ง "นะโม" (๓ จบ) แล้วกล่าวว่า..
"..ข้าพเจ้าขอขมากรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ศัตรูหมู่มาร หมู่พาลทุกภพทุกชาติ ขอให้อโหสิกรรมให้ขาดจากกัน.."

โดยหลังจากที่ใส่บาตรเสร็จแล้วทุกครั้ง ให้ตั้ง "นะโม" (๓ จบ) แล้วกล่าวว่า..
"..กุศลที่ลูกได้ทำแล้ว ขอถวายแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๕ พระองค์
ขอให้ทุกพระองค์นำส่งบุญให้ข้าพเจ้ามีเดชปัญญา โภคะ
ขอให้สมหวังสมปรารถนาทุกเรื่อง
ขอให้มีบุญบารมี เกิดสภาวะธรรม ตามบุญวาสนาที่ได้ทำมาจากทุกภพทุกชาติโดยเร็วด้วยเทอญ
และขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในทุกภพทุกชาติวิญญาณ ศัตรูหมู่มาร หมู่พาล เช่น มนุษย์ หุ้นส่วน เพื่อน ครอบครัว ทุกภพทุกชาติ (เอ่ยชื่อได้ยิ่งดี)
ขอให้อโหสิกรรม ขอให้ขาดจากกัน ณ เดี๋ยวนี้เทอญ ขอให้อุปถัมภ์ค้ำจุนข้าพเจ้า.."

(*กรณีที่ "ดวงตกมาก" ขอให้ "แผ่บุญให้ตนเอง" ให้มากๆ บางท่านแผ่ให้ผู้อื่น จนลืมให้ตัวเอง ตัวเราเองต้องมีบุญบารมีเเก่กล้าจริงๆ จึงจะช่วย หรือให้ผู้อื่นได้)

"..ควรสวด "อิติปิโสฯ" (เลยอายุ ๑ จบ) หากมีเวลา ขอให้ไปปฏิบัติธรรมฝึกวิปัสสนาด้วย.."



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-14 19:22
"..การปล่อยวาง.."

"..สมมุติว่าถ้าเราจะปลูกต้นไม้
อันดับแรก เราต้องเตรียมดินให้ดี ขุดหลุมกว้างเมตร ลึกเมตร
คลุกดินด้วยปุ๋ยคอกอย่างดี แล้วจึงปลูกต้นไม้ลงไป
เมื่อปลูกแล้ว เราต้องคอยดูแล โดยหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ดายหญ้า และล้อมรั้วกันอันตรายให้

หน้าที่ของเรามีเพียงแค่นี้ ทำให้ครบ ทำให้ดีที่สุด
ส่วนผลที่ต้นไม้จะให้นั้น
บางชนิด ๑ ปีให้ผล
บางชนิด ๓ ปี ๕ ปี ๑๐ ปี
นั่นเป็นเรื่องของเขา เป็นเรื่องของต้นไม้เขาเอง

โยม อย่าลืมนะ หน้าที่ของเรานั้น
ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของเขา
ถ้าเราดำเนินชีวิต โดยมีการปล่อยวางเช่นนี้แล้ว ทุกข์ก็ไม่รุมล้อมเรา

ธรรมะอย่างนี้...ใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้
ปฏิบัติที่ไหนก็ได้ ปฏิบัติเมื่อไรก็ได้.."

เพราะโพธิญาณเถระ (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี (๒๔๖๑-๒๕๓๕)





โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-15 10:45
“ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้า
ชาติหลังหรือนรกสวรรค์อะไรก็ได้ ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรง
ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ ถ้าสวรรค์มีจริงถึง 16 ชั้นตามตำรา
ผู้ปฏิบัติดีแล้ว ก็ย่อมได้เลื่อนฐานะของตนเองโดยลำดับ
หรือถ้าสวรรค์นิพพานไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีแล้วในขณะนี้ก็ย่อมไม่ไร้ประโยชน์
ย่อมอยู่เป็นสุข เป็นมนุษย์ชั้นเลิศ การฟังจากคนอื่น

การค้นคว้าจากตำรานั้น ไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้ ต้องเพียรปฏิบัติ
ทำวิปัสสนาญาณให้แจ้งความสงสัยก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง”


พระธรรมคำสอนโดย


พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์



โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-15 10:47


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 10:41
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2023-7-17 10:43

อนึ่ง ตามสภาพที่แท้จริงของจิต
ย่อมส่งออกนอกเพื่อรับอารมณ์นั้น ๆ
โดยธรรมชาติของมันเอง

ก็แต่ว่าถ้าจิตส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว

จิตเกิดหวั่นไหวหรือกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น

เป็นสมุทัย


ผลอันเกิดจากจิตหวั่นไหวหรือกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น ๆ

เป็นทุกข์


ถ้าจิตที่ส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว

แต่ไม่หวั่นไหว

หรือไม่กระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น ๆ

มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์

เป็นมรรคผลอันเกิดจากจิตไม่หวั่นไหว

หรือไม่กระเพื่อม

เพราะมีสติอยู่อย่างสมบูรณ์

เป็นนิโรธ


พระอริยเจ้าทั้งหลายมีจิตไม่ส่งออกนอก

จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม เป็นวิหารธรรม

จบอริยสัจจ์ ๔”

ลป.ดุลย์ อตุโล


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 10:54
มี แต่ไม่เอา

ปี ๒๕๒๒ หลวงปู่ไปพักผ่อนและเยี่ยมพระอาจารย์สมชายที่วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี ขณะเดียวกันก็มีพระเถระอาวุโสรูปหนึ่งจากกรุงเทพฯ คือ พระธรรมวราลังการ วัดบุปผาราม เจ้าคณะภาคทางใต้ไปอยู่ฝึกกัมมัฏฐานเมื่อวัยชราแล้ว เพราะมีอายุอ่อนกว่าหลวงปู่เพียงปีเดียว

เมื่อท่านทราบว่าหลวงปู่เป็นพระฝ่ายกัมมัฏฐานอยู่แล้ว ท่านจึงสนใจและศึกษาถามถึงผลของการปฏิบัติ ทำนองสนทนาธรรมกันเป็นเวลานาน และกล่าวถึงภาระของท่านว่า มัวแต่ศึกษาและบริหารงานการคณะสงฆ์มาตลอดวัยชรา แล้วก็สนทนาข้อกัมมัฏฐานกับหลวงปู่เป็นเวลานาน

ลงท้ายถามหลวงปู่สั้นๆ ว่า ท่านยังมีโกรธอยู่ไหม

หลวงปู่ตอบเร็วว่า

“มี แต่ไม่เอา”


.............................................................................................

รู้ให้พร้อม

ระหว่างที่หลวงปู่อยู่รักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์นั้น มีผู้ไปกราบนมัสการและฟังธรรมเป็นจำนวนมาก คุณบำรุงศักดิ์ กองสุข เป็นผู้หนึ่งที่สนใจในการปฏิบัติสมาธิภาวนา นัยว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ แห่งวัดสังฆทาน จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นวัดปฏิบัติที่เคร่งครัดฝ่ายธุดงค์กัมมัฏฐานในยุคปัจจุบัน ได้ปรารภการปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ถึงเรื่องการละกิเลสว่า

“หลวงปู่ครับ ทำอย่างไรจึงจะตัดความโกรธให้ขาดได้”

หลวงปู่ตอบว่า

“ไม่มีใครตัดให้ขาดได้หรอก มีแต่รู้ทัน เมื่อรู้ทันมันก็ดับไปเอง”



หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 11:06
คิดไม่ถึง

สำนักปฏิบัติแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสาขาของหลวงปู่นั่นเอง อยู่ด้วยกันเฉพาะพระประมาณห้าหกรูป อยากจะเคร่งครัดเป็นพิเศษ ถึงขั้นสมาทานไม่พูดจากันตลอดพรรษา คือ ไม่ให้มีเสียงเป็นคำพูดออกจากปากใคร ยกเว้นการสวดมนต์ทำวัตร หรือสวดปาฏิโมกข์ เท่านั้น

ครั้นออกพรรษาแล้ว พากันไปกราบหลวงปู่ เล่าถึงการปฏิบัติอย่างเคร่งของพวกตนว่า นอกจากปฏิบัติข้อวัตรอย่างอื่นแล้ว สามารถหยุดพูดได้ตลอดพรรษาอีกด้วย

หลวงปู่ฟังแล้วยิ้มหน่อยหนึ่ง พูดว่า

“ดีเหมือนกัน เมื่อไม่พูดก็ไม่มีโทษทางวาจา แต่ที่ว่าหยุดพูดได้นั้น เป็นไปไม่ได้หรอก นอกจากพระอริยบุคคลผู้เข้านิโรธสมาบัติขั้นละเอียด ดับสัญญาเวทนาเท่านั้นแหละ ที่ไม่พูดได้ นอกนั้นพูดทั้งวันทั้งคืน ยิ่งพวกที่ตั้งปฏิญาณว่าไม่พูดนั่นแหละ ยิ่งพูดมากกว่าคนอื่น เพียงแต่ไม่ออกเสียงให้คนอื่นได้ยินเท่านั้นเอง”





หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 11:13
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2023-7-17 11:14

ดีเหมือนกัน.....แต่

นักปฏิบัติที่ตื่นอาจารย์ ตื่นสำนักใหม่ๆ ในปัจจุบันนี้มีอยู่มาก นักนิยมหวยก็ตื่นอาจารย์บอกใบ้หวย นักนิยมความศักดิ์สิทธิ์ยังมีอยู่ฉันใด นักวิปัสสนาก็ย่อมตื่นอาจารย์วิปัสสนาฉันนั้น ดังนั้น กลุ่มชนเหล่านั้นจึงมีอยู่มิใช่น้อย เมื่อเขาชอบใจอาจารย์องค์ไหนเขาก็กล่าวยกย่ององค์นั้น ตลอดถึงชักชวนคนอื่นให้ช่วยนับถือหรือเห็นด้วยกับตน ยิ่งปัจจุบันนี้มีพระเทศน์ดังๆ มากที่อัดเทปขายเผยแพร่ได้อย่างมากมาย

มีอุบาสิกานักฟังผู้หนึ่งนำเทปนักเทศน์ดังไปถวายให้หลวงปู่ฟังหลายม้วน แต่หลวงปู่ไม่ได้ฟัง เพราะตั้งแต่ท่านเกิดมายังไม่เคยมีวิทยุ มีเทปกับเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว หรือสมมติว่าถ้ามี ท่านก็คงเปิดฟังไม่เป็น ต่อมามีผู้เอาเครื่องเทปไปเปิดให้หลวงปู่ฟังจบหลายม้วน แล้วถามท่านว่าฟังแล้วเป็นอย่างไรบ้าง

หลวงปู่ว่า

“ดีเหมือนกัน สำนวนโวหารสละสลวยน่าฟัง ทั้งรวยด้วยคำพูด แต่หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้ การฟังแต่ละครั้งนั้น ควรให้ได้อรรถรสของ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ จึงจะเป็นสาระแก่นสาร”


.............................................................................................


นักปฏิบัติลังเลใจ

ปัจจุบันนี้ ศาสนิกชนผู้สนใจในการปฏิบัติฝ่ายวิปัสสนามีความงงงวย สงสัยอย่างยิ่งในแนวทางปฏิบัติ โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นสนใจ เนื่องจากคณาจารย์ฝ่ายวิปัสสนาแนะแนวปฏิบัติไม่ตรงกัน

ยิ่งกว่านั้นแทนที่จะอธิบายให้เขาเข้าใจโดยความเป็นธรรม ก็กลับทำเหมือนไม่อยากจะยอมรับคณาจารย์อื่น สำนักอื่น ว่าเป็นการถูกต้อง หรือถึงขั้นดูหมิ่นสำนักอื่นไปแล้วก็เคยมีไม่น้อย ดังนั้น เมื่อมีผู้สงสัยทำนองนี้มากและเรียนถามหลวงปู่อยู่บ่อยๆ จึงได้ยินหลวงปู่อธิบายให้ฟังอยู่เสมอว่า

“การเริ่มต้นปฏิบัติวิปัสสนาภาวนานั้น จะเริ่มต้นโดยวิธีไหนก็ได้ เพราะผลมันเป็นอันเดียวกันอยู่แล้ว ที่ท่านสอนแนวปฏิบัติไว้หลายแนวนั้น เพราะจริตของคนไม่เหมือนกัน จึงต้องมีวัตถุ สี แสง และคำ สำหรับบริกรรม เช่น พุทโธ อรหัง เป็นต้น เพื่อหาจุดใดจุดหนึ่งให้จิตรวมกันอยู่ก่อน เมื่อจิตรวมสงบแล้ว คำบริกรรมนั้นก็หลุดหายไปเอง แล้วก็ถึงรอยเดียวกัน รสเดียวกัน คือมีวิมุติเป็นแก่น มีปัญญาเป็นยิ่ง


หลวงปู่ดุลย์ อตุโล






โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 11:23
ตื่นอาจารย์

นักปฏิบัติธรรมสมัยนี้มีสองประเภท ประเภทหนึ่งเมื่อได้รับข้อปฏิบัติหรือข้อแนะนำจากอาจารย์พอเข้าใจแนวทางแล้ว ก็ตั้งใจเพียรพยายามปฏิบัติไปจนสุดความสามารถ อีกประเภทหนึ่งทั้งที่มีอาจารย์แนะนำดีแล้ว ได้ข้อปฏิบัติถูกต้องดีแล้ว แต่ก็ไม่ตั้งใจทำอย่างจริงจัง มีความเพียรต่ำ ขณะเดียวกันก็ชอบเที่ยวแสวงหาอาจารย์ไปในสำนักต่างๆ ได้ยินว่าสำนักไหนดีก็ไปทุกแห่ง ซึ่งลักษณะนี้มีอยู่มากมาย

หลวงปู่เคยแนะนำลูกศิษย์ว่า

“การไปหลายสำนักหลายอาจารย์ การปฏิบัติจะไม่ได้ผล เพราะการเดินหลายสำนักนี้ คล้ายกับการเริ่มต้นปฏิบัติใหม่ไปเรื่อย เราก็ไม่ได้หลักธรรมที่แน่นอน บางทีก็เกิดความลังเล งวยงง จิตก็ไม่มั่นคง การปฏิบัติก็เสื่อมไม่เจริญคืบหน้าต่อไป”


.............................................................................................

จับกับวาง

นักศึกษาธรรมะหรือนักปฏิบัติธรรมะมีสองประเภท

ประเภทหนึ่ง ศึกษาปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง

ประเภทสอง ศึกษาปฏิบัติเพื่อจะอวดภูมิกัน ถกเถียงกันไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น ใครจำตำราหรืออ้างครูบาอาจารย์ได้มาก ก็ถือว่าตนเป็นคนสำคัญ บางทีเข้าหาหลวงปู่ แทนที่จะถามธรรมะข้อปฏิบัติจากท่าน ก็กลับพ่นความรู้ความจำของตนให้ท่านฟังอย่างวิจิตรพิสดารก็เคยมีไม่น้อย

แต่สำหรับหลวงปู่นั้นทนฟังได้เสมอ เมื่อเขาจบลงแล้วยังช่วยต่อให้หน่อยหนึ่งว่า

“ผู้ใดหลงใหลในตำราและอาจารย์ ผู้นั้นไม่อาจพ้นทุกข์ได้ แต่ผู้ที่จะพ้นทุกข์ได้ต้องอาศัยตำราและอาจารย์เหมือนกัน”



หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 17:27
ทำจิตให้สงบได้ยาก

การปฏิบัติภาวนาสมาธินั้น จะให้ได้ผลเร็วช้าเท่าเทียมกันเป็นไปไม่ได้ บางคนได้ผลเร็ว บางคนก็ช้าหรือยังไม่ได้ผลลิ้มรสแห่งความสงบเลยก็มี แต่ก็ไม่ควรท้อถอย ก็ชื่อว่าเป็นผู้ได้ประกอบความเพียรทางใจ ย่อมเป็นบุญเป็นกุศลขั้นสูงต่อจากการบริจาคทาน รักษาศีล

เคยมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมากเรียนถามหลวงปู่ว่า อุตส่าห์พยายามภาวนาสมาธินานมาแล้ว แต่จิตไม่เคยสงบเลย แส่ออกไปข้างนอกอยู่เรื่อย มีวิธีอื่นใดบ้างที่พอจะปฏิบัติได้

หลวงปู่เคยแนะนำวิธีอีกอย่างหนึ่งว่า

“ถึงจิตไม่สงบก็ไม่ควรให้มันออกไปไกล ใช้สติระลึกไปแต่ในกายนี้ ดูให้เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อสุภสัญญา หาสาระแก่นสารไม่ได้ เมื่อจิตมองเห็นชัดแล้ว จิตก็เกิดความสลดสังเวช เกิดนิพพิทา ความหน่ายคลายกำหนัด ย่อมตัดอุปทานขันธ์ได้เช่นเดียวกัน”


.............................................................................................

หลักธรรมแท้

มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผู้ปฏิบัติธรรมชอบพูดถึง คือชอบโจษขานกันว่า นั่งภาวนาแล้วเห็นอะไรบ้าง ปรากฏอะไรมาบ้าง หรือไม่ก็ว่าตนนั่งภาวนามานานแล้วไม่เคยเห็นปรากฏอะไรออกมาบ้างเลย หรือไม่บางคนก็ว่า ตนได้เห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่เสมอ ทำให้บางคนเข้าใจผิดคิดว่า ภาวนาแล้วตนจะได้สิ่งที่ต้องการ เป็นต้น

หลวงปู่เคยเตือนว่า การปรารถนาเช่นนั้นผิดทั้งหมด เพราะการภาวนานั้นเพื่อให้เข้าถึงหลักธรรมที่แท้จริง

“หลักธรรมที่แท้จริงนั้น คือจิต ให้กำหนดดูจิต ให้เข้าใจจิตตัวเองให้ลึกซึ้ง เมื่อเข้าใจจิตตัวเองได้ลึกซึ้งแล้ว นั่นแหละได้แล้วซึ่งหลักธรรม”


.............................................................................................

เตือนศิษย์ไม่ให้ประมาท

เพื่อป้องกันความประมาทหรือมักง่ายต่อการประพฤติปฏิบัติของพระเณร หลวงปู่จึงสรรหาคำสอนตักเตือนไว้อย่างลึกซึ้งว่า

“คฤหัสถ์ชน ญาติโยมทั่วไป เขาประกอบอาชีพการงานด้วยความยากลำบาก เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุข้าวของเงินทอง มาเลี้ยงครอบครัวลูกหลานของตน

แม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอย่างไรเขาก็ต้องต่อสู้ ขณะเดียวกันเขาก็อยากได้บุญได้กุศลด้วย จึงพยายามเสียสละทำบุญ ลุกขึ้นแต่เช้า หุงหาอาหารอย่างดีคอยใส่บาตร ก่อนใส่เขายกอาหารขึ้นท่วมหัวแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ครั้นใส่แล้วก็ถอยไปย่อตัวยกมือไหว้อีกครั้ง ที่เขาทำเช่นนั้นก็เพื่อต้องการบุญต้องการกุศลจากเรานั่นเอง

แล้วเราเล่า มีบุญกุศลอะไรบ้างที่จะให้เขา ได้ประพฤติตนให้สมควรที่จะรับเอาของเขามากินแล้วหรือ”


.............................................................................................

หนักๆ ก็มีบ้าง

พระอาจารย์สำเร็จ บวชมาแต่วัยเด็กจนอายุใกล้หกสิบปีแล้ว เป็นพระฝ่ายวิปัสสนา ปฏิบัติเคร่งครัด ชื่อเสียงดี มีคนเคารพนับถือมาก แต่ในที่สุดก็ไปไม่รอด จิตใจเสื่อมลง เนื่องจากไปหลงรักลูกสาวของโยมอุปัฏฐาก ถึงขั้นมาขอลาหลวงปู่สึกไปแต่งงาน

ทุกคนตกตะลึกกับข่าวนี้มาก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะปฏิปทาของท่านเป็นที่ยอมรับว่าจะต้องอยู่สมณวิสัยจนตลอดชีวิต หากเป็นเช่นนั้นไป ก็จะเป็นการเสื่อมเสียแก่วงการฝ่ายวิปัสสนาอย่างยิ่ง พระเถระคณะสงฆ์และสานุศิษย์ของท่านจึงช่วยกันป้องกันทุกวิถีทางเพื่อให้ท่านเปลี่ยนใจที่จะคิดสึกเสีย โดยเฉพาะหลวงปู่ เรียกมาตักเตือนแก้ไขอย่างไรก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายอาจารย์สำเร็จกล่าวต่อหลวงปู่ว่า กระผมอยู่ไม่ได้เพราะนั่งภาวนาทีไร เห็นใบหน้าเขามาล่องลอยปรากฏต่อหน้าอยู่ตลอดเวลา

หลวงปู่ตอบเสียงดังว่า

“ก็ไม่ภาวนาดูจิตของตัวเอง ไปภาวนาดูก้นของเขา มันก็เห็นแต่ก้นเขาอยู่ร่ำไปนั่นแหละ ไป อยากไปไหนก็ไปตามสบาย ไปเถอะ”



หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 17:28
แนะนำตามวิทยฐานะ

พระอาจารย์สุจินต์ สุจิณโณ จบนิติฯ จากธรรมศาสตร์นานแล้ว มีความเลื่อมใสในทางปฏิบัติธรรม เคยไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่หลุยเป็นเวลาหลายปี

ต่อมาเมื่อได้ยินกิตติศัพท์หลวงปู่ดูลย์ จึงลาหลวงปู่หลุยมาปฏิบัติกับหลวงปู่ ตลอดถึงขอบรรพชาอุปสมบทอยู่ตลอดมา อยู่กับหลวงปู่พอสมควรแก่ความต้องการแล้ว จึงกราบลาเพื่อเดินทางธุดงค์วิเวกต่อไป

หลวงปู่แนะนำว่า

“เรื่องของพระวินัยนั้น ให้ศึกษาอ่านตำรับตำราให้เข้าใจ ให้ถูกต้องทุกข้อมูล เพื่อปฏิบัติไม่ให้ผิด ส่วนธรรมะนั้นถ้าอ่านมากก็จะมีวิตกวิจารณ์มาก จึงไม่ต้องอ่านก็ได้ ขอให้ตั้งใจปฏิบัติเอาเพียงอย่างเดียวก็พอ”



หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 17:33
ปรารภธรรมะให้ฟัง

หลวงปู่สรงน้ำวันละหนึ่งครั้ง เวลาบ่ายห้าโมง เฉพาะน้ำร้อนที่ผสมให้อุ่นแล้ว กระทำอยู่อย่างนี้จนตลอดอายุขัยของท่าน โดยมีพระเณรผู้อยู่รับใช้ช่วยสรงถวายท่าน

หลังจากเช็ดตัวแห้งดี จิตใจปลอดโปร่งแล้ว ท่านมักจะปรารภธรรมะให้ฟัง แล้วแต่จะมีธรรมะข้อใดปรากฏขึ้นในขณะนั้น เช่น ครั้งหนึ่งท่านปรารภว่า

“ภิกษุเรา ถ้าปลูกความยินดีในเพศภาวะของตนได้แล้ว ก็จะมีแต่ความสุข เยือกเย็น ถ้าตัวเองอยู่ในเพศภิกษุ แต่กลับไปยินดีในเพศอื่น ภาวะอื่น ความทุกข์ก็จะทับถมอยู่ร่ำไป หยุดกระหาย หยุดแสวงหาได้ นั่นคือภิกษุภาวะโดยแท้ ความเป็นพระนั้น ยิ่งจน ยิ่งมีความสุข”



หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 17:36
ไม่เบียดเบียนแม้ทางวาจา

หลวงปู่กล่าววาจาบริสุทธิ์ เพราะท่านกล่าวเฉพาะวาจาที่เป็นประโยชน์ และไม่ทำให้ตนและผู้อื่นเดือดร้อนเพราะคำพูดของท่าน แม้จะมีผู้ใดมาพูดเป็นเหตุที่จะชวนให้ท่านวิพากษ์วิจารณ์ใครๆ ให้เขาฟังสักอย่าง ท่านก็ไม่เคยคล้อยตาม

หลายครั้งที่มีผู้ถามท่านว่า

“หลวงปู่ ทำไมพระนักพูดนักเผยแผ่ระดับประเทศบางองค์ เวลาพูดหรือเทศน์ชอบพูดโจมตีคนอื่น พูดเสียดสีสังคม หรือพูดกระทบกระแทกพระเถระด้วยกัน เป็นต้น พระพูดในลักษณะนี้จ้างผมก็ไม่นับถือดอก”

หลวงปู่ว่า

“ก็ท่านมีภูมิรู้ ภูมิธรรมอยู่อย่างนั้น ท่านก็พูดไปตามความรู้ความถนัดของท่านนั่นแหละ การจ้างให้นับถือไม่มีใครเขาจ้างหรอก เมื่อไม่อยากนับถือก็อย่าไปนับถือซิ ท่านคงไม่ว่าอะไรหรอก”


.............................................................................................

พระหลอกผี

ส่วนมากหลวงปู่ชอบแนะนำส่งเสริมพระเณรให้ใสใจเรื่องธุดงคกัมมัฏฐานเป็นพิเศษ

มีอยู่ครั้งหนึ่งพระสานุศิษย์มาชุมนุมกันจำนวนมาก ทั้งแก่พรรษาและอ่อนพรรษา หลวงปู่ชี้แนวทางว่า ให้พากันไปอยู่ป่าหาทางวิเวก หรืออยู่ตามเขาตามถ้ำ เพื่อเร่งความเพียร จะได้พ้นจากภาวะตกต่ำทางจิตบ้าง ก็มีพระรูปหนึ่งพูดออกมาพล่อยๆ ว่า

“ผมไม่กล้าไปครับเพราะผมกลัวผีหลอก”

หลวงปู่ตอบเร็วว่า

“ผีที่ไหนเคยหลอกพระ มีแต่พระนั่นแหละหลอกผีและตั้งขบวนการหลอกผีเป็นการใหญ่เสียด้วย คิดดูให้ดีนะ วัตถุสิ่งของที่ชาวบ้านเขาเอามาบริจาคทำบุญนั้น แทบทั้งหมดล้วนทำเพื่ออุทิศส่งไปให้ผีทั้งนั้น ผีพ่อแม่ปู่ย่าตายายญาติพี่น้องเขา แล้วพระเราเล่า ประพฤติตนเหมาะสมแล้วหรือ มีคุณธรรมอะไรบ้าง ที่จะส่งผลให้ถึงผีได้ ระวังอย่ามาเป็นพระหลอกผี”

หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 17:38
เตือนศิษย์ไม่ให้ประมาท

เพื่อป้องกันความประมาทหรือมักง่ายต่อการประพฤติปฏิบัติของพระเณร หลวงปู่จึงสรรหาคำสอนตักเตือนไว้อย่างลึกซึ้งว่า

“คฤหัสถ์ชน ญาติโยมทั่วไป เขาประกอบอาชีพการงานด้วยความยากลำบาก เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุข้าวของเงินทอง มาเลี้ยงครอบครัวลูกหลานของตน

แม้จะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอย่างไรเขาก็ต้องต่อสู้ ขณะเดียวกันเขาก็อยากได้บุญได้กุศลด้วย จึงพยายามเสียสละทำบุญ ลุกขึ้นแต่เช้า หุงหาอาหารอย่างดีคอยใส่บาตร ก่อนใส่เขายกอาหารขึ้นท่วมหัวแล้วตั้งจิตอธิษฐาน ครั้นใส่แล้วก็ถอยไปย่อตัวยกมือไหว้อีกครั้ง ที่เขาทำเช่นนั้นก็เพื่อต้องการบุญต้องการกุศลจากเรานั่นเอง

แล้วเราเล่า มีบุญกุศลอะไรบ้างที่จะให้เขา ได้ประพฤติตนให้สมควรที่จะรับเอาของเขามากินแล้วหรือ”

หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 18:00
ต้องปฏิบัติจึงหมดความสงสัย

เมื่อมีผู้ถามถึง การตาย การเกิดใหม่ หรือถามถึงชาติหน้า ชาติหลัง หลวงปู่ไม่เคยสนใจที่จะตอบ หรือมีผู้กล่าวค้านว่า เชื่อหรือไม่เชื่อ นรกสวรรค์มีจริงหรือไม่จริงประการใด หลวงปู่ไม่เคยค้นคว้าหาเหตุผลเพื่อจะเอาค้านใคร หรือไม่เคยหาหลักฐานเพื่อยืนยัน เพื่อให้ใครยอมจำนนแต่ประการใด ท่านกลับแนะนำว่า

“ผู้ปฏิบัติที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงชาติหน้า ชาติหลัง หรือนรกสวรรค์อะไรก็ได้ ให้ตั้งใจปฏิบัติให้ตรง ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างแน่วแน่ก็พอ ถ้าสวรรค์มีจริงถึง ๑๖ ชั้นตามตำรา ผู้ปฏิบัติดีแล้วก็ย่อมได้เลื่อนฐานะของตนเองโดยลำดับ หรือถ้าสวรรค์นิพพานไม่มีเลย ผู้ปฏิบัติดีแล้วในขณะนี้ก็ย่อมไม่ไร้ประโยชน์ ย่อมอยู่เป็นสุขเป็นมนุษย์ชั้นเลิศ การฟังจากคนอื่น การค้นคว้าจากตำรานั้น ไม่อาจแก้ข้อสงสัยได้ ต้องเพียรปฏิบัติ ทำวิปัสสนาญาณให้แจ้ง ความสงสัยก็หมดไปเองโดยสิ้นเชิง”


.............................................................................................

เขาต้องการอย่างนั้นเอง

แม้จะมีคนเป็นกลุ่ม อยากฟังความคิดเห็นของหลวงปู่เรื่องเวียนว่ายตายเกิด ยกบุคคลมาอ้างว่า ท่านผู้นั้นผู้นี้สามารถระลึกชาติย้อนหลังได้หลายชาติว่า ตนเคยเกิดเป็นอะไรบ้าง และใครเคยเป็นแม่เป็นญาติกันบ้าง

หลวงปู่ว่า

“เราไม่เคยสนใจเรื่องอย่างนี้ แค่อุปจารสมาธิก็เป็นได้แล้ว ทุกอย่างมันออกไปจากจิตทั้งหมด อยากรู้อยากเห็นอะไร จิตมันบันดาลให้รู้ให้เห็นได้ทั้งนั้น และรู้ได้เร็วเสียด้วย หากพอใจเพียงแค่นี้ ผลดีที่ได้ก็คือ ทำให้กลัวการเวียนว่ายตายเกิดในภพที่ตกต่ำ แล้วก็ตั้งใจทำดี บริจาคทาน รักษาศีล แล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน พากันกระหยิ่มยิ้มย่องในผลบุญของตน ส่วนการที่จะขจัดกิเลสเพื่อทำลายอวิชชา ตัณหา อุปาทาน เข้าถึงความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงนั้น อีกอย่างหนึ่งต่างหาก”

หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 18:04
แปลกดี

หลังจากงานเปิดพิพิธภัณฑ์ท่านอาจารย์มั่นแล้ว หลวงปู่เดินทางต่อไปเพื่อเยี่ยมท่านอาจารย์ฝั้น ที่ถ้ำขาม

สมัยนั้นรถใหญ่ไปได้แค่เชิงเขา หลวงปู่ต้องปีนเขาจากที่ไกลด้วยความเหนื่อยยากอย่างยิ่ง ท่านต้องหยุดพักเหนื่อยหอบเป็นระยะหลายครั้ง อาตมาทุกข์ใจมากที่มีส่วนทำให้หลวงปู่ต้องทรมานสังขารถึงปานนั้น ในที่สุดเมื่อไปถึงศาลาใหญ่บนยอดถ้ำขามแล้ว ท่านอาจารย์ฝั้นกราบหลวงปู่เสร็จ ท่านอาจารย์เทสก์ก็ขึ้นไปถึงพอดี

เมื่อเห็นพระเถระสำคัญทั้งสามรูปไปได้พบกันโดยบังเอิญเช่นนี้ และท่านสนทนาวิสาสะกันด้วยบรรยากาศที่สงบเยือกเย็น ยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นนั้น ความทุกข์หายไปหมด ความปลื้มปีติก็เข้ามาแทนที่

ท่านอาจารย์ฝั้นกล่าวแสดงความยินดีกับหลวงปู่ว่า ท่านอาจารย์สุขภาพแข็งแรงดีแท้ อายุปูนนี้แล้วยังสามารถขึ้นถ้ำขามได้

หลวงปู่กล่าวว่า

“ก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรหรอก ผมตริตรองดูแล้ว เห็นว่าไม่มีวิบากของสังขาร เมื่ออาศัยไม่ได้ ปล่อยทิ้งไปเลยเท่านั้นแหละ”



ยิ่งแปลกอีก

ไม่ต้องสงสัยว่าญาติโยมที่นั่งห้อมล้อมจำนวนมากนั้นจะตื่นเต้นดีใจขนาดไหน ที่เห็นพระเถระสำคัญนั่งอยู่ด้วยกันโดยบังเอิญ คือ หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่เทสก์ โอกาสเช่นนี้หาได้ง่ายที่ไหน ตากล้องจากสุรินทร์สองคนตั้งหน้าถ่ายรูปเอาอย่างเต็มที่

ขากลับบนรถบัสใหญ่นั่นเอง ช่างถ่ายรูปเห็นว่าทุกคนกระหายที่จะได้รูป เขาจึงพูดว่า จะขยาย ๑๒ นิ้ว จำหน่ายเอาเงินบำรุงวัดป่าจอมพระ อาตมาคิดแต่ในใจว่า การเอารูปครูบาอาจารย์ไปตีราคาจำหน่ายเช่านี้ดูไม่ค่อยงามเท่าไรนัก แต่เขาก็สั่งจองกันเกือบทุกคน

เมื่อช่างเอาฟิล์มไปล้างแล้ว ปรากฏว่าฟิล์มที่อุตส่าห์ถ่ายไม่ต่ำกว่า ๒๐ ครั้งนั้น มีลักษณะใสสะอาดเหมือนหนึ่งท้องฟ้าที่ปราศจากหมอกเมฆ ฉะนั้น ความหวังที่จะได้รูปก็สิ้นสุดลงโดยสิ้นเชิง ยิ่งกว่านั้น การพบกันของพระเถระสำคัญทั้งสามท่านนั้น เป็นการพบกันครั้งสุดท้ายแล้ว



หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 18:36
ปฏิปุจฉา

ด้วยความคุ้นเคยและอยู่ใกล้ชิดหลวงปู่มาเป็นเวลานาน เมื่ออาตมาถามปัญหาอะไรท่าน หลวงปู่ท่านมักจะตอบด้วยการย้อนถามกลับคืน ทำนองให้คิดหาคำตอบเอาเอง

เช่น ถามว่า พระอรหันต์ท่านมีใจสะอาด สว่างแล้ว ท่านอาจรู้เลขหวยได้อย่างแม่นยำหรือครับ

ท่านตอบว่า “พระอรหันต์ท่านใส่ใจเพื่อจะรู้สิ่งเหล่านั้นเองหรือ”

ถามว่า พระอรหันต์ท่านเคยนอนหลับฝันเหมือนคนธรรมดาด้วยหรือเปล่าครับ

ท่านตอบว่า “การหลับแล้วเกิดฝัน เป็นเรื่องของสังขารขันธ์มิใช่หรือ”

ถามว่า พระปุถุชนธรรมดายังหนาด้วยกิเลส แต่มีความสามารถสอนคนอื่นให้เขาบรรลุถึงพระอรหันต์ เคยมีบ้างไหมครับหลวงปู่

ท่านตอบว่า “หมอบางคน ทั้งที่ตนเองยังมีโรคอยู่ แต่ก็เคยรักษาคนอื่นให้หายจากโรคได้ มีอยู่ทั่วไปมิใช่หรือ”



เดินทางลัดที่ปลอดภัย

เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๒๖ ก่อนที่หลวงปู่จะกลับจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ได้ชักชวนกันทำบุญถวายสังฆทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่บรรพชนที่สร้างโรงพยาบาล ที่ล่วงลับไปแล้ว

เมื่อพิธีถวายสังฆทานผ่านไปแล้ว มีนายแพทย์และนางพยาบาลจำนวนหนึ่งเข้าไปกราบนมัสการหลวงปู่ แสดงความดีใจที่หลวงปู่หายจากอาพาธครั้งนี้ พร้อมทั้งกล่าวปิยวาจาว่า หลวงปู่มีสุขภาพอนามัยแข็งแรงดี หน้าตาสดใสเหมือนกับไม่ได้ผ่านการอาพาธมา คงจะเป็นผลจากที่หลวงปู่มีภาวนาสมาธิจิตดี พวกกระผมมีเวลาน้อย หาโอกาสเพียรภาวนาสมาธิได้ยาก มีวิธีใดบ้างที่จะปฏิบัติได้ง่ายๆ หรือโดยย่อที่สุด

หลวงปู่ตอบว่า

“มีเวลาเมื่อไร ให้ปฏิบัติเมื่อนั้น การฝึกจิต การพิจารณาจิตเป็นวิธีลัดที่สุด”


.............................................................................................

ทั้งหมดอยู่ที่ความประพฤติ

ตลอดชีวิตของหลวงปู่ ท่านไม่เคยยอมรับกับการถือฤกษ์งามยามดีอะไรเลย แม้จะถูกถามหรือถูกขอให้บอกเพียงว่า จะบวชวันไหน จะสึกวันไหน หรือวันเดือนปีไหนดีเสียอย่างไร หลวงปู่ก็ไม่เคยเผลอเอออวยด้วย มักจะพูดว่า วันไหนเดือนไหนก็ดีทั้งนั้นแหละ คือถ้ามีผู้ขอเช่นนั้น ท่านมักให้เขาหาเอาเอง หรือมักบอกว่า วันไหนก็ได้ ถ้าสะดวกดีแล้วเป็นฤกษ์ดีทั้งหมด

หลวงปู่สรุปลงว่า

“ทุกอย่างรวมอยู่ที่ความประพฤติ คือ ฤกษ์ดี ฤกษ์ร้าย โชคดี โชคร้าย เรื่องเคราะห์กรรม บาป บุญ อะไรทั้งหมดนี้ ล้วนออกไปจากความประพฤติของมนุษย์ทั้งนั้น”



หลวงปู่ดุลย์ อตุโล

โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 18:38

สิ้นชาติขาดภพ

พระมหาเถระผู้ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐาน สนทนาธรรมะขั้นปรมัตถ์กับหลวงปู่หลายข้อ แล้วลงท้ายด้วยคำถามว่า พระเถระนักปฏิบัติบางท่าน มีปฏิปทาดี น่าเชื่อถือ แม้พระด้วยกันก็ยอมรับว่าท่านเป็นผู้มั่นคงในพระศาสนาแต่ในที่สุดก็ไปไม่รอด ถึงขั้นต้องสึกหาลาเพศไปก็มี หรือไม่ก็ทำไขว้เขว ประพฤติตัวมัวหมองอยู่ในพระธรรมวินัยก็มี จึงไม่ทราบว่าจะปฏิบัติถึงขั้นไหนอีก จึงจะตัดวัฏสงสารให้สิ้นภพสิ้นชาติได้

หลวงปู่กล่าวว่า

“การสำรวจสำเหนียกในพระวินัยอย่างเคร่งครัดและสมาทานถือธุดงค์นั้น เป็นปฏิปทาที่ดีงามอย่างยิ่งน่าเลื่อมใส แต่ถ้าเจริญจิตไม่ถึงอธิจิต อธิปัญญาแล้ว ย่อมเสื่อมลงได้เสมอ เพราะยังไม่ถึงโลกุตตรภูมิ ที่จริงพระอรหันต์ทั้งหลายท่านไม่ได้รู้อะไรมากมายเลย เพียงแต่เจริญจิตให้รู้แจ้งในขันธ์ห้า แทงตลอดในปฏิจจสมุปบาท หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาจิต มันก็จบแค่นี้ เหลือแต่บริสุทธิ์ สะอาด สว่าง ว่าง มหาสุญญตา ว่างมหาศาล”


.............................................................................................

อยู่อย่างไรปลอดภัยที่สุด

จำได้ว่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๙ มีพระเถระ ๒ รูป เป็นพระฝ่ายวิปัสสนากัมมัฏฐานจากทางอีสานเหนือ แวะไปกราบนมัสการหลวงปู่ แล้วสนทนาธรรมเรื่องการปฏิบัติ เป็นที่เกิดศรัทธาปสาทะและดื่มด่ำในรสพระธรรมอย่างยิ่ง

ท่านเหล่านั้นกล่าวย้อนถึงคุณงามความดี ตลอดจนถึงภูมิธรรมของครูบาอาจารย์ที่ตนเคยไปพำนักศึกษาปฏิบัติมาด้วยเป็นเวลานานว่า หลวงปู่องค์โน้นมีวิหารธรรมคืออยู่กับสมาธิตลอดเวลา อาจารย์องค์นี้อยู่กับพรหมวิหารเป็นปกติ คนจึงนับถือท่านมาก หลวงปู่องค์นั้นอยู่กับอัปปมัญญาพรหมวิหาร ลูกศิษย์ของท่านจึงมากมายทั่วสารทิศไม่มีประมาณ ดังนี้เป็นต้น ท่านจึงมีแต่ความปลอดภัยจากอันตรายตลอดมา

หลวงปู่กล่าวว่า

“เออ ท่านองค์ไหนมีภูมิธรรมแค่ไหน ก็อยู่กับภูมิธรรมนั้นเถอะ เราอยู่กับ ‘รู้’ ”


.............................................................................................

สนทนาต่อมา

ครั้นเมื่อพระเถระทั้งสองรูป ได้ฟังคำพูดของหลวงปู่ว่า หลวงปู่ท่านอยู่กับ “รู้” ต่างองค์ก็นิ่งสงบชั่วระยะหนึ่ง แล้วก็เรียนถามหลวงปู่ต่อไปว่า อาการที่ว่าอยู่กับรู้ มีลักษณะเป็นอย่างไร

หลวงปู่ตอบอธิบายว่า

‘รู้’ (อัญญา) เป็นปกติจิตที่ “ว่าง สว่าง บริสุทธิ์ หยุดการปรุงแต่ง หยุดการแสวงหา หยุดกิริยาของจิต ไม่มีอะไรเลย ไม่ยึดถืออะไรสักอย่าง”


.............................................................................................

ถึงที่สุดแห่งทุกข์

หลวงปู่เป็นผู้มีวาจาบริสุทธิ์ เพราะท่านชอบกล่าวแต่สิ่งที่เป็นสัจธรรมแท้ กล่าวแต่จุดมุ่งหมายอันสูงสุดของพระพุทธศาสนา กล่าวแต่พระกระแสธรรมที่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์โดยส่วนเดียว สังเกตจากพุทธดำรัสที่หลวงปู่ชอบหยิบยกมาพูดให้ฟังบ่อยที่สุด คือหลวงปู่ว่า

พระพุทธเจ้าตรัสเตือนว่า

“ภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ เหล่านี้ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราไม่ได้กล่าวถึงอายตนะนั้นว่าเป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยไม่ได้ ไม่ได้เป็นไป หาอารมณ์ไม่ได้ นั่นแลเป็นที่สุดแห่งทุกข์”

หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-17 18:41
ลักษณาการเข้าสู่มรณภาพ

วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๖ ตั้งแต่เวลาบ่ายโมงผ่านไปแล้ว อาการป่วยก็ทรงๆ อยู่ แต่สีผิวพรรณวรรณะสดใสเปล่งปลั่งอย่างผิดปกติ ทั้งพระและคฤหัสถ์ก็มาร่วมงานจำนวนมาก ทั้งพระบ้านและพระป่า

เวลา ๑๕.๐๐ น. พระเถระฝ่ายป่าได้เข้าไปถวายสักการะที่กุฏิหลวงปู่จำนวนมาก ท่านลุกขึ้นสนทนาธรรมะและแนะแนวข้อปฏิบัติธรรมให้ท่านสานุศิษย์เหล่านั้นฟังด้วยถ้อยคำที่ชัดเจน และลำดับกระแสธรรมข้อปฏิบัติไปตลอดสาย เหมือนหนึ่งแก้ข้อข้องใจให้ท่านเหล่านั้นฟัง เป็นการทบทวนข้อปฏิบัติที่ท่านเคยสอนมา

เวลาดึกใกล้สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว หลวงปู่จึงให้พาท่านออกมาข้างนอกกุฏิ แล้วใช้สายตามองไปรอบๆ บริเวณวัดอย่างละเอียดอ่อน ซึ่งหามีใครทราบไม่ว่า นั่นเป็นการมองดูอะไรๆ ครั้งสุดท้ายแล้ว


.............................................................................................

ทบทวนธรรมานุสติครั้งสุดท้าย

เวลาสี่ทุ่มผ่านไป หลวงปู่ให้พาท่านเข้าห้องนอนเหมือนเดิม ท่านอยู่ในอิริยาบถนอนหงาย หนุนหมอนสูง ให้พระที่อยู่ในห้องแปดเก้ารูปสวดมนต์เจ็ดตำนานย่อให้ฟัง จบแล้วสั่งให้สวดสติสัมโพชฌงค์ ๓ จบ แล้วให้สวดปฏิจจสมุปบาทอีก ๓ รอบ

หลังจากนั้นหลวงปู่ให้สวดมหาสติปัฏฐานสูตรให้ฟัง พระในที่นั้นไม่มีองค์ไหนสวดได้สักองค์ ท่านบอกให้เปิดหนังสือสวด เผอิญหนังสือก็ไม่มีอีก เดชะบุญที่ท่านอาจารย์พูนศักดิ์ซึ่งอยู่เฝ้ารักษาพยาบาลหลวงปู่ตลอดมา มีหนังสือสวดมนต์ฉบับหลวงติดมาด้วย จึงหยิบมาเปิดหาพระสูตรนั้น

มัวพลิกหาอยู่เป็นเวลานาน หลวงปู่สั่งว่า เอามานี่ ท่านหยิบเอามาเปิดเองโดยไม่ต้องดู แล้วบอกว่าสวดตรงนี้ ทำให้พระทุกองค์แปลกใจมาก เพราะตรงกับมหาสติปัฏฐานสูตรพอดี คือหน้า ๑๗๒ พระสูตรนี้ยาวมาก ใช้เวลาสวดให้หลวงปู่ฟังถึง ๒ ชั่วโมงกว่าจึงจบ ท่านฟังโดยอาการอันสงบ


.............................................................................................

ปัจฉิมพจน์ของหลวงปู่

เมื่อหลวงปู่ฟังพระสวดมหาสติปัฏฐานจบลงแล้ว สักครู่หนึ่งต่อมา ท่านกล่าวปรารภถึงลักษณาการที่พระพุทธเจ้าเข้าสู่ปรินิพพานตั้งแต่เริ่มต้นมาจนตลอด ซึ่งจะขอจับเอาใจความตอนท้ายไว้ในที่นี้ว่า

“พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้เข้าสู่นิพพานในฌานสมาบัติอะไรที่ไหนหรอก เมื่อพระองค์ออกจากจตุตถฌานแล้ว จิตขันธ์ หรือนามขันธ์ ก็ดับพร้อม ไม่มีอะไรเหลือ นั่นคือพระองค์ดับเวทนาขันธ์ในภาวะจิตตื่น หรือวิถีจิตอันปกติของมนุษย์ ครบพร้อมทั้งสติและสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดมาครอบงำอำพรางให้หลงใหลใดๆ ทั้งสิ้น เป็นภาวะแห่งตนเองอย่างบริบูรณ์ ภาวะอันนั้นจะเรียกว่า มหาสุญญตา หรือจักวาฬเดิม หรือเรียกว่าพระนิพพานอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เราปฏิบัติมาก็เพื่อเข้าถึงภาวะอันนั้นเอง”

วจีสังขารคือ วาจาของหลวงปู่ก็สิ้นสุดลงเพียงแค่นี้


.............................................................................................

ป่าดงเกิดขึ้นในเมือง

โปรดย้อนหลังไปดูเหตุการณ์เมื่อสมัยใกล้ร้อยปีที่ผ่านมา

สมัยนั้นแล คณะธุดงค์ของหลวงปู่ได้แยกทางจากคณะท่านพระอาจารย์มั่น รวมสี่รูปด้วยกัน ออกไปทางอำเภอท่าคันโท กาฬสินธุ์ พากันธุดงค์ไปอยู่ ณ ป่าทึบแห่งหนึ่ง คณะของหลวงปู่ได้รับความยากลำบากอย่างยิ่ง ต้องต่อสู้กับป่าดงพงไพร สิงสาราสัตว์ทุกชนิด ตลอดถึงต่อสู้กับไข้ป่าอย่างร้ายแรง ในที่สุดพระเพื่อนธุดงค์รูปหนึ่งทนต่อไข้ป่าไม่ไหว ได้ถึงแก่มรณภาพไปต่อหน้าหมู่คณะอย่างน่าเวทนา ยิ่งกว่านั้น เมื่อหลวงปู่แยกจากคณะพาเณรน้อยธุดงค์ไปอยู่ด้วยกันเพียงสองรูปที่ป่าอีกแห่งหนึ่งใกล้บ้านกุดก้อม ไข้ป่ายังตามไปรังควาญชีวิตของเณรน้อยจนถึงแก่ความตายไปต่อหน้าหลวงปู่ อย่างน่าสงสารสลดใจยิ่งนัก สาเหตุก็เพราะขาดหยูกยาที่จะรักษาพยาบาลนั่นเอง

แล้วก็โปรดย้อนกลับมาดูเหตุการณ์เมื่อเวลาตี ๔ ของวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๖ สภาพป่าในสมัยนั้นได้ย้อนมาเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ณ ห้องนอนของหลวงปู่ เพราะขณะที่หลวงปู่กำลังอาพาธหนักอยู่นั้น พยาบาลสักคนหนึ่งก็ไม่มี น้ำเกลือสักหยดหนึ่งก็ไม่มี จะมีก็แต่ศิษย์ฝ่ายสงฆ์นั่งห้อมล้อมอยู่อย่างสงบ เหมือนหนึ่งพร้อมใจกันถวายเสรีภาพ ให้หลวงปู่มีอิสระอย่างเต็มที่ในการปล่อยวางสังขารขันธ์ โดยการมรณภาพที่ไม่ปรากฏร่องรอยและบริสุทธิ์สงบเยือกเย็นอย่างสิ้นเชิง


.............................................................................................

แม้กาลเวลาก็เหมาะสม

พระพุทธองค์ท่านทรงบำเพ็ญเพียรค้นคว้าสัจธรรมตลอดเวลาถึง ๖ ปี ครั้นได้ตรัสรู้ ก็ตรัสรู้เมื่อเวลาใกล้รุ่ง คือ ตี ๔ ล่วงไปแล้ว ครั้นตรัสรู้แล้ว ทรงบำเพ็ญพุทธกิจตลอด ๔๕ ปี ก็ใช้เวลาตี ๔ กว่านี้ แผ่พระญาณสอดส่องดูหมู่สัตว์ผู้ควรได้รับการเสด็จไปโปรด ถึงคราวพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน ก็เป็นเวลาเดียวกันนั้นอีก

อันสังขารธรรมหนึ่ง ซึ่งอุบัติขึ้นเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๔๓๑ ณ บ้านปราสาท อำเภอเมือง สุรินทร์ ได้เจริญเติบโตและรุ่งเรืองมาโดยลำดับกาล ดำเนินชีวิตของตนอย่างถูกต้องงดงาม อยู่ภายใต้ผ้ากาสาวพัสตร์จนตลอดอายุขัย ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีงาม สมเป็นเนื้อนาบุญอันเอกของโลก ได้บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นอย่างสมบูรณ์ตลอดมา ตราบเท่าถึงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๒๖ หลวงปู่ก็ปล่อยวางสังขารขันธ์ให้ดับลงแล้ว เมื่อเวลา ๐๔.๑๓ น. เหมือนอย่างนั้นนั่นเอง

สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ วันนั้นเป็นวันที่คณะศิษย์ทั้งหลาย ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ทั้งฝ่ายคามวาสีและอรัญวาสี มาประชุมพร้อมเพรียงกันทำบุญฉลองอายุครบรอบ ๙๖ ปี คือ ๘ รอบถวายท่านเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเท่ากับเตรียมพร้อมอยู่แล้ว


.............................................................................................

ผู้ไม่มีวิบากของสังขาร

เพิ่งจะเข้าใจได้ตอนนี้เองที่หลวงปู่เคยพูดว่า ท่านไม่มีวิบากของสังขาร

เพราะแม้ท่านมีอายุผ่าน ๙๖ ปีล่วงแล้วก็จริง แต่ร่างกายท่านแข็งแรง ว่องไว สะอาด สงบ เยือกเย็น รุ่งเรืองด้วยสติสัมปชัญญะอย่างสมบูรณ์ ไม่หลงลืม เผอเรอใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อถึงคราวดับสังขาร ก็ดับลงอย่างสงบ ไม่มีร่องรอยในการลำบากขันธ์ ทรมานตน ไม่ให้ผู้อยู่ใกล้ชิดต้องลำบากกายใจในการรักษาพยาบาล ไม่เปลืองหมอ ไม่เปลืองยา ไม่เปลืองเวลาของท่านผู้ใด

ท่ามกลางความสงบเงียบของเวลาตี ๔ กว่า ปราศจากผู้คนและยวดยานพาหนะทุกชนิด แม้ต้นไม้ใบหญ้าก็สงบเงียบ อากาศเย็นยะเยียบพร้อมกับมีละอองฝน ลงมาโปรยปรายคล้ายหิมะลง หลวงปู่ผู้วิสุทธิสงฆ์ก็ปลงเสียแล้วซึ่งสังขารธรรม คงทิ้งไว้แต่โดยพระคุณทั้งหลายให้รำลึกและอาลัยอาวรณ์อย่างมิรู้แล้ว


หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-26 14:38
อานิสงส์ของการภาวนา
หลวงปู่ได้ให้ความสำคัญ ในเรื่องของการปฏิบัติบูชามาก เนื่องจากประโยชน์ที่จะได้รับในขณะที่ปฏิบัติสมาธินั้น
ได้บุญพร้อมถึงองค์ ๓ คือ ทาน ศีล และภาวนา
เกี่ยวกับทานมีกล่าวไว้ในพระสูตร ว่าด้วยเรื่องของการให้ทานนับตั้งแต่...
การให้ทานกับเดรัจฉานร้อยครั้ง ไม่เท่ากับการให้ทานกับคนธรรดาหนึ่งครั้ง
ให้ทานคนธรรมดาร้อยครั้ง ไม่เท่ากับการให้ทานคนที่มีศีลหนึ่งครั้ง
ให้ทานผู้มีศีลร้อยครั้ง ไม่เท่ากับให้ทานพระอริยบุคคลขั้นโสดาบันหนึ่งครั้ง
เรื่อยมาจนถึงให้ทานพระสัมมาสัมพุทธเจ้าร้อยครั้ง ไม่เท่ากับถวายสังฆทานหนึ่งครั้ง

โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานและการถวายสังฆทานร้อยครั้งไม่เท่ากับถวายวิหารทาน
ได้แก่ โบสถ์ วิหาร ฯลฯแต่ถึงจะถวายวิหารทานไว้มากมายถึงร้อยครั้ง

อานิสงส์ก็ยังไม่เท่ากับการเจริญเมตตาจิต หรือการภาวนาได้แสงสว่างเพียงเท่าช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น เพียงครั้งเดียว

ถ้าจะมีผู้แย้งว่า ขณะนั่งสมาธิไม่มีการให้ทาน ขอตอบว่าทานในขณะปฏิบัติเป็นทานอันยิ่ง คืออภัยทาน
เพราะในเวลานี้ถ้าเราโกรธ อาฆาต พยาบาทใครก็ตามเราต้องให้อภัยมิเช่นนั้นแล้วสมาธิจะไม่เกิดขึ้น
ดังนั้นเราต้องมีเมตตาธรรมบังเกิดขึ้นจุดประสงค์ของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับการให้ทานนี้
ก็เพื่อลดความเห็นแก่ตัวนั่นเองมิใช่เป็นการให้ทานเพื่อหวังผลตอบแทนอย่างเลอเลิศ
เพราะจะกลายเป็นผู้โลภบุญหลวงปู่ทวดเคยให้คำจำกัดความของบุญกับอาจารย์ศุภรัตน์ว่า

"บุญ คือความสบายใจ ก่อนทำสบายใจ ขณะทำสบายใจ ทำแล้วสบายใจ คิดถึงทีไรสบายใจทุกที"

เรื่องของศีลนั้น ในขณะที่ปฏิบัติ เราจะเป็นผู้ที่มีศีลอย่างสมบูรณ์เนื่องจากได้สมาทานและมีเจตนาที่รักษาศีลเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้บางท่านจะภาวนาเลยก็ย่อมมีศีลอยู่กับใจ(ศีลโดยแท้ คือ ภาวะปกติของใจที่ไม่กระเพื่อมไปตามอำนาจกิเลสเรียกว่า ศีลใจก็ไม่ผิด) เพราะว่าเราไม่ได้ไปผิดศีลข้อใดในขณะนั้น ตั้งแต่การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม เป็นต้น เมื่อเรามีศีลบังเกิดขึ้น อานิสงส์ของศีลย่อมทำให้เรามีความสุข มีชีวิตอยู่ก็มีความสุข ตายไปแล้วก็มีสุคติเป็นที่หวังอย่างแน่นอน สำหรับการภาวนามีจุดประสงค์เพื่อให้จิตเกิดความสงบมีสมาธิ การบริกรรมภาวนา ไม่ว่าสัมมาอรหัง พุทโธ หรือพุทธังฯ ธัมมังฯ สังฆังฯต่างก็มุ่งหวังให้จิตเป็นสิ่งเหนี่ยวนำหรือได้ทำงานในสิ่งที่ดี เนื่องจากสภาพของจิตมักจะอยู่ไม่นิ่งเหมือนลิงมีอาการซุกซนคิดโน่นคิดนี่ไม่มีสมาธิ ผู้ปฏิบัติจึงต้องอาศัยคำภาวนา ผูกจิตเอาไว้ไม่ให้วอกแวกไปทางอื่น เมื่อมีสติอยู่กับคำภาวนาจนจิตเกิดความสงบ หรือบังเกิดแสงสว่างขึ้น จึงมีอานิสงส์พร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน เป็นการรวมตัวของบุญที่กระทำขึ้นจึงมีอานิสงส์มากกว่าการตักบาตร หรือการทำทานเพียงอย่างเดียว
ดังนั้นการปฏิบัติสมาธิหรือการภาวนา ดังที่หลวงปู่กล่าวไว้จึงเป็นการสร้างบารมีอย่างดียิ่ง อันให้ประโยชน์กับตนเองทั้งปัจจุบัน และภายภาคหน้าด้วยประการนี้
กายสิทธ์


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-27 10:09



ไม่มีหนังสือเล่มไหน ที่ทำให้เราเก่ง
เท่าประสบการณ์ ที่เราลงมือทำเอง


.. วิ ช า ชี วิ ต ...


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-7-30 04:34
ผู้ใดมีสติผู้นั้นก็ได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา


เรื่องของศาสนานี้ก็คือเรื่องให้ปล่อยวางตัวออกจากกรงนั่นเอง ที่เรามาปฏิบัตินี้ก็เพื่อแก้ปัญหา หัวใจพระพุทธศาสนาสอนว่า ไม่ให้ทำความผิด แล้วก็ทำจิตให้เป็นกุศล แล้วก็จะเกิดปัญญา แต่ทุกวันนี้ทำบุญกันมาก แต่การละบาปนั้นไม่มีใครทำ ความจริงต้องละบาปก่อนจึงจะบำเพ็ญบุญ ถ้าบาปไม่ละจะเอาบุญไปไว้ที่ไหน ไม่มีที่จะอยู่หรอกบุญนั้น

ทุกวันนี้พวกเราขาดการภาวนา ขาดการพิจารณาจึงไม่ได้ข้อประพฤติปฏิบัติ เมื่อไม่ได้ปฏิบัติมันจึงแก้ปัญหาไม่ได้ ที่พระพุทธศาสนาจะมีอำนาจช่วยได้ นั่นก็เพราะเราเอาธรรมะนั้นมาปฏิบัติให้ถูกต้อง

ผู้ใดมีสติอยู่ทุกเวลา ผู้นั้นก็ได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเมื่อตามองเห็นรูป ก็เป็นธรรมะ หูได้ฟังเสียง ก็เป็นธรรมะ
จมูกได้กลิ่น ก็เป็นธรรมะ ลิ้นได้รส ก็เป็นธรรมะ
ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ นึกขึ้นได้เมื่อใดเป็นธรรมะเมื่อนั้น

ฉะนั้น ผู้มีสติจึงได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มันมีอยู่ทุกเวลา  เพราะอะไร ? เพราะเรามีความรู้อยู่

ในเวลานี้ เราจึงเรียนอยู่กลางธรรมะ จะเดินไปข้างหน้า...ก็ถูกธรรมะ จะถอยไปข้างหลัง...ก็ถูกธรรมะ

ท่านจึงให้มี “สติ” ถ้ามีสติแล้ว มันจะเห็นกำลังใจของตน เห็นจิตของตน ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเป็นอย่างไร ก็ต้องรู้ รู้ถึงที่แล้ว ก็รู้แจ้งแทงตลอด

เมื่อมันรอบรู้อยู่เช่นนี้ การประพฤติปฏิบัติมันก็ถูกต้องดีงามเท่านั้นแหละ
.

โอวาทธรรมของหลวงพ่อชา สุภัทโท


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-8-2 09:36
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2023-8-2 09:37

ครูบาอาจารย์ท่านชมก็นับว่าสิริมงคลดี

"... อย่าว่าแต่ชมเลย แม้ท่านติ ก็นับว่าเป็น
สิริมงคลดี เพราะทั้งการชม การตำหนิ
ล้วนเป็นไปด้วยเหตุผลอันประกอบด้วยธรรมทั้งนั้น ..."

หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท

วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม​ จ.ปทุมธานี




โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-8-8 04:33
ในชีวิตคนเรา
ไม่จำเป็นต้องทะเลาะกัน
เพื่อให้เรื่องราวกระจ่างแจ้ง ชัดในทุกเรื่อง
เพราะน้ำที่ใสสะอาดเกินไปไร้ปลา
คนที่ใสสะอาดเกินไปไร้เพื่อน
ทะเลาะกับคนในครอบครัว
ต่อให้ชนะความผูกพันก็หมดไป
ทะเลาะกับคนรัก ต่อให้ชนะ ความรักก็จืดจางไป
ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ มิตรภาพก็สูญหายไป
ทะเลาะกันเพราะเหตุผล ที่เสียหายคือความสัมพันธ์
ที่เจ็บปวดคือตนเอง
สีดำก็คือสีดำ สีขาวก็คือสีขาว ให้โลกเป็นผู้พิสูจน์เถอะ
วางอคติและความยึดติดของตนลงเสีย
คุณก็จะกลายเป็นคนใจกว้างขึ้นมาในทันที?


ถอยสักก้าว คลื่นลมจะสงบ


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-8-18 05:58
โลกนี้ 'น่าขำ' !!!!!
คนที่ 'รู้จัก' คุณน้อยที่สุด
คือคนที่ 'พูด' ถึงคุณมากที่สุด
คนที่บอกว่าคุณ 'ไม่ดี' อย่างงั้นอย่างงี้
คือคนที่ 'อิจฉา' คุณอยู่ลึกๆ
คนที่บอกว่าคุณ 'ทำไม่ได้'
คือคนที่ตัวเองก็ 'ไม่ได้ทำ'
คนที่ 'วิจารณ์' ผลงานคุณหนักที่สุด
คือคนที่ไม่มี 'ผลงาน' ที่จับต้องได้
คนที่ 'ดูถูก' ว่าคุณไม่เก่ง
คือคนที่ 'ทำไม่ได้' อย่างที่คุณทำ
คนที่บอกว่าคุณ 'บ้า'
คือคนที่โคตรธรรมดาและถูก 'มองข้าม'
คนที่บอกว่าคุณรวยแล้ว 'อวด'
คือคนที่ถ้ารวยแล้วจะ 'อวด' ยิ่งกว่าคุณ
คนที่ 'หมั่นไส้' ในความมั่นใจของคุณ
คือคนที่ 'รู้สึกแย่' กับตัวเขาเอง


โดย: รามเทพ    เวลา: 2023-9-21 10:16
เราเป็นเพียงแขกมาเยือนบนโลกนี้
สักวันเราก็ต้องไป ..

อย่าไปคิดเยอะกับชีวิต
ว่าจะต้องได้อะไร
ว่าจะเป็นแบบไหน
ว่าจะต้องเป็นเหมือนใคร

อะไรคว้ามาได้ "ก็ยินดี"
อะไรสุดมือสอย "ก็ปล่อยไป"

อยู่กับปัจจุบันให้ได้
ทำทุกวินาทีให้มีความหมาย
เพียงเท่านี้ ก็พอแล้ว

อยู่เป็นกำลังใจให้กัน
แล้วเราจะจากกัน อย่างมีความสุข

อย่าจริงจังกับชีวิตนัก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
แบ่งปันความสุขกัน ให้อภัยกันมากๆ
แล้วเราจะจากไปอย่างสง่างาม
.... .... .... ....
Fwd line















ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://www.baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2