Baan Jompra

ชื่อกระทู้: ท้าวมหาพรหม ชินนะปัญจะระ [สั่งพิมพ์]

โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-10-16 07:40
ชื่อกระทู้: ท้าวมหาพรหม ชินนะปัญจะระ



รูปถ่าย ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ สำนักปู่สวรรค์ กทม สร้างพ.ศ.2515-2519 โดยประมาณ


ท่านท้าวมหาพรหม ชินนะปัญจะระ ท่านเกิดในสมัยพุทธกาล ในครอบครัวตระกูลพราหมณ์ บิดาของท่านชื่อ มะติโตะ และมารดาของท่าน ชื่อยะถานา ในวัยเด็กท่านสังเกตเห็นนักบวชในสำนักองค์สมณโคดมท่านหนึ่งออกบิณฑบาตร ด้วยกิริยาสงบน่าเลื่อมใส ต่อมาจึงทราบว่าท่านผู้นั้นคือ พระโมขคัลลานะ อัครสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านชินนะจึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ออกบวชเป็นสามเณร ลูกศิษย์ของพระโมคคัลลานะ ตามประวัติกล่าวว่าท่านสำเร็จจิตเป็นพระอรหันต์ ตั้งแต่อยู่ในช่วงอายุ 7 ขวบ ต่อมาเมื่อท่านเจริญวัยขึ้นมีลักษณะรูปงามน่าศรัทธาทำให้หญิงสาวทั้งหลายเกิดขาดสติหลงใหล จนกระทั่งเมื่อท่านอายุ 23 ปี เกิดเหตุไม่คาดฝันขณะที่ท่านเดินบิณฑบาตรได้มีสตรีกระโดดเข้ากอดท่าน เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ท่านชินนะเกิดความสังเวชใจยิ่ง และเป็นเหตุให้ท่านอธิษฐานถอดจิต ละสังขารสู่พรหมโลก โดยไม่ได้เข้าสู่แดนอรหันต์ คุณลักษณะตามคำบอกเล่าของสมเด็จหลวงพ่อโต เมื่อสมัยที่ท่านมาทำงานโปรดมนุษย์ ณ สำนักปู่สวรรค์กล่าวว่า คุณลักษณะ ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระยิ่งใหญ่ เทพพรหมนั้นมีมากมายกว่าเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทร แต่มีพรหมที่มีตบะแรง พรหมที่มีอวุโส มีตำแหน่งในพหรมโลกนั้นมีไม่กี่องค์ ในพรหมโลกมีพระพรหม ๔ องค์ที่เป็นใหญ่ในพรหมโลก มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับพรหมโลก คือ ท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ ท้าวอัปราพรหม ท้าวจตุรพรหม ท้าวมหาพรหมสามภพ พระพรหมชินนะนี้ เป็นผู้พร้อมทุกอย่าง เขาเรียกว่าเป็นผู้สำเร็จสมัยองค์สมณโคดม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นพรหมที่ไม่ขึ้นต่อพรหมโลก

เขาเรียกว่าเป็นพรหมเอกเทศในพรหมโลกและมีบารมีแห่งฌานสมาบัติอันแก่กล้า พรหมองค์นี้ไม่ใช่พรหมที่จะติดสินบนกับมนุษย์ ทรงไว้ด้วยความยุติธรรม และเป็นผู้รอบรู้สรรพสิ่ง เรียกว่าเจ้าพิธีการของโลกวิญญาณ เป็นหัวหน้ารูปพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น เป็นพระพรหมที่เรียกว่าเทวดาผู้หญิงหล พรหมผู้หญิงที่ฝึกยังไม่ถึงชั้น ๕ พรหมชั้น ๔ ยังติดกาเม ก็ยังหล แต่มีกฎว่าผู้ใดถูกแม้แต่เท้าพระพหรมชินนะ ผู้นั้นจะต้องถูสาปมาเป็นเกิด เพราะว่าเป็นพรหมที่เกลียดสตรีเพศ

พรหมองค์นี้เป็นพรหมที่มติสามโลกเอื้อมไปไม่ถึง ท่านเป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นคนมีวินัย รักความสะอาด สงบเสงี่ยม สุขุมคัมภีรภาพ มีความเฉลียวฉลาด เป็นพรหมยิ่งใหญ่ของพรหมโลกที่ขจัดมารได้ทั่วภิภพ... ตอนออกรบจะพิชิตมาร หมายความว่าพรหมโลกเกิดเรื่องยุ่งก็ดี เทวโลกเกิดยุ่งก็ดี ยมโลกเกิดยุ่งก็ดี มารโลกเกิดมาเรื่องมาก เขาช่วยกันไม่ได้ เขาก็ต้องมาเชิญองค์พระพหรมชินนะ พระพหรมชินนะจะออกศึกก็มีพาหนะ พาหนะ เท้าขวาเหยียบเต่า ท้ายซ้ายเหยีบพญานาค เป็นพาหนะประจำตำแหน่ง พาหนะเหล่านี้เป็นวิญญาณทิพย์เป็นวิญญาณที่จำศีล เตรียมตัวเกิดเป็นสาวกในยุคพระศรีอริยเมตไตรย เต่ามีอายุยืนนานและแข็งแกร่ง ท้าวขวาท่านหนักมาก ถ้าเหยียบพยานาครับรองว่าแบน ก็เอาเต่ามารอง เท้าซ้ายไม่ค่อยหนักก็เอาพญานาคเหยียบ เต่านั้นถือว่าเป็นสัตว์บก พญานาคเป็นสัญลักษณ์ของน้ำ เหยีบพญานาคหมายถึงเหยียบสมุทร แสดงว่าทั้งบกทั้งน้ำอยู่ใต้ตีนข้า เวลาท่านประทานน้ำมนต์อาบคนใข้ สองหน่อนี้ก็มาช่วยอยู่ วรกาย พระวรกายมีแสงดั่งพระอาทิตย์ จิตใจงามเหมือนพระจันทร์ คิ้วโก่งเหมือนคันศร นัยน์ตางามและคมเหมือนเหยี่ยว ผิวกายละเอียดเหมือนหยกขาว ผมเกล้าจุกขมวดไว้บนพระเศียร เศียรมีปิ่นเพชร ปิ่นเพชรมีสีทอง พระพรหมชินะ ไม่ยอมอธิษฐานแปลงกายแห่งกายทิพย์ของตนให้เป็นแปดหน้าสี่กร หรือสี่หน้าแปดกรการที่พระพหรมมีหลายๆหน้า เพราว่าท่านมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของพรหมโลก และต้องดูแลในการจัดการที่จะมาต้านของเหล่ามาร ที่จะมารังควานในการนั่งสมาธิของพรหม อันนี้อาจจะถามว่า แล้วเหตุไฉนพระพรหมชินนะจึงไม่ต้องมีหลายหน้า

เพราะว่าพระพหรมชินนะนั้นมีรังสีแห่งวรกายของแก้ว ๗ ชั้นคลุมอยู่ จึงไม่ต้องใช้หน้ามาก เพียงแต่เปล่งรัศมีแผ่ไป พรหมเขาก็รู้พวกมารหรืออะไรเขาก็รู้นี่พรหมองค์นี้มา ก็คือสัญลักษณ์ของท้าวมหาพรหรหมองค์นี้มา ท่านจึงไม่ได้เนรมิตในร่างกายให้ผิดแปลกกว่าเขา กายนั้นเปล่งรัศมีรอบวรกายเป็นพระอาทิตย์ขาวขึ้น ในภาวการณ์ที่เรียกว่า ถ้าพระพหรมองค์นี้ไปไหน เทวดาเห็นเป็นพระอาทิตย์เคลื่อนที่มีรัศมี ๕๐๐ เส้น เทพพรหมจะรู้ว่าท้าวมหาพรหมชินนะมา แต่พวกอมรมนุษย์ เทพ พวกรุขเทวดาเหล่านี้ยังไม่รู้จัก เพียงแต่คิดว่า เอ๊ะ พรหมองค์นี้มีรัศมีมากเพียงพอหนอ เครื่องแต่งกาย การแต่งกายของโลกวิญญาณนั้น เสื้อผ้าที่แต่งนั้นเป็นของทิพย์ พอใจก็นุ่งชุดนี้ตลอดกาล ทีนี้การแต่งตัวของท้าวมหาพรหมชินนะเขาเรียกว่าแต่งแบบครึ่งกึ่งพระกึ่งพรหมคือ ทั้งชุดที่นุ่งนั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เพราะว่ากายเนื้อทิพย์ของพระพรหมชินนะเป็นเนื้อหยกขาว

ชุดที่นุ่งนั้นก็เป็นชุดขาวละเอียด พระวรกายก็เป็นสีที่เรียกว่าขาวอย่างมีสีนวล เปล่งรัศมีไกลถึง ๕๐๐ เส้น คฑา มือขวาถือคทาเรียกว่า “คฑาพรหม” เป็นจามจุรีทิพย์หัวคทามีแสงพุ่งออกมาเป็นรัศมีเป็นรุ้ง ๓ สี วิมาน วิมานท่านอยู่พรหมโลกชั้นที่ ๑๓ วิมานนั้นเนรมิตสร้างขึ้นด้วยแก้วมรกต พื้นวิมานปูด้วยทองคำบริสุทธิ์รอบในหลังคามุงด้วยเพชร บรรทมด้วยสิงห์ ไม่มีคนใช้ไม่มีบริวาร ส่วนมากอยู่เอกเทศเพียงองค์เดียว ไม่ชอบพูดกับใคร ไม่มีใครกล้าเหยียบวิมานโดยพลการ พหรมเอกเทศหมายความว่า ไม่ขึ้นกับพหรมโลก จะอยู่ในพรหมโลกก็ได้ ไม่อยู่ก็ได้ แล้วแต่ความพอใจ วิมานมีหลายแห่ง ผู้พิชิตมารทั่วพิภพ ท้าวมหาพรหมชินนะ ท่านเป็นพระพรหมที่มีฤทธิ์เดช ที่เรียกว่าพญามารหรือมารทั้งหลายกลัว ในด้านของมารโลเก โลกของมารของพวกวิญญาณ ดังนั้นก็เรียกว่า ท่านมีรูปของท้าวมหาพรหมชินนะอยู่ในบ้านก็คิดว่าอุปสรรคในการกลั่นแกล้งของวิญญาณ พวกที่เรียกว่ารุกขเทพก็ดี พวกอมรมนุษย์ก็ดี พวกผีเปรตอสุรกายก็ดี คิดว่าไม่กล้าย่างกราย เมื่อจะระลึกถึงท่าน กล่าวพระคาถาบูชา ชินนะ ปัญจะระ ๓ จบ

โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-10-16 07:42


โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-10-16 07:43


โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-10-16 07:44
ในอดีตกาลครั้งองค์สมณะโคดมเจ้า ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ครานั้นอัครสาวกเบื้องซ้ายและเบื้องขวาของพระพุทธองค์         คือ พระโมคคัลลานะ ผู้เลิศในอิทธิฤทธิ์ และพระสารีบุตรผู้เลิศในปัญญา ณ แคว้นพาราณสี         ปรากฏเด็กน้อยนามว่า ชินนะ บุตรของมะติโตพราหมณ์ และนางยะถานาพราหมณ์ โคตรบัญจะระ         เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแห่งองค์พระศาสดาแต่ครั้งเยาว์วัย ได้บวชเป็นสามเณร         และเป็นศิษย์ของพระโมคคัลลานะ สามเณรชินนะ ทรงภูมิปัญญาเป็นที่เฉลียดฉลาดเป็นยิ่ง         ศรัทธาในการบิณฑบาตอย่างสงบขยันหมั่นเพียรเป็นนิจ ครั้นอายุได้เพียง 7 ขวบก็สำเร็จอรหันต์

        สามเณร ชินนะ บัญชะระ นับว่ามีรูปงาม เสียงไพเราะ รู้พิธี เจ้าระเบียบ รอบคอบด้วยความสะอาด         ตั้งอยู่ในศีลาจาวัตรอันงดงาม
        ครั้นย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม รูปร่างของท่านชินนะ บัญจะระ ยิ่งสวยสดงดงาม ผิวขาวละเอียดประดุจหยก         หน้าแดงระเรื่อสีชมพู คิ้วโก่งดังคันศร ไว้เกษาเกล้าจุก เยื้องย่างสง่างามประดุจราชสีห์         ด้วยรูปงามเป็นที่ต้องตาต้องใจของสตรีเพศ จึงมีสตรีเพศต่างหลงใหลในตัวของท่านชินนะเป็นอย่างยิ่ง         ด้วยท่านชินนะนั้นยึดพรหมจรรย์เป็นสรณะจึงมีแต่ความสงบ

        แล้ววันหนึ่ง ขณะที่ท่านชินนะได้ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ได้มีหญิงผู้หนึ่งซึ่งแอบหลงรักท่านชินนะ         มิอาจยับยั้งใจเอาไว้ได้จึงได้โผผวาเข้ากอดท่านชินนะอย่างลืมตัว ท่านชินนะ         เห็นอาการของผู้หญิงคนนั้นกระทำแก่ท่านดังนี้ก็บังเกิดความสังเวชอย่างใหญ่         หลวง อันพรหมจรรย์ของท่านต้องมาแปดเปื้อนเสียดังนี้ ความยึดมั่นในพรหมจรรย์ของท่านต้องมาสะบั้นลง         ท่านจึงดำริขึ้นว่า "ตัวท่านนี้มีรูปงามเช่นนี้ย่อมก่อให้เกิดอกุศลกรรมแก่อิตถีเพศ         เป็นการสร้างบาปให้เกิดขึ้นด้วยมีกายรูปนี้เป็นเหตุ จะมีสักเท่าใดกันหนอที่ปรารถนาล่วงพรหมจรรย์ของท่านเช่นผู้หญิงคนนี้.."

ท่านชินนะ คิดดังนี้ เห็นกายเป็นเหตุ กายทำให้พรหมจรรย์จิตเสื่อมสลาย กายก่ออกุศลจิตให้เกิดเป็นบาปกับอิตถีเพศผู้ยังมัวเมาในรูป         ท่านจึงถอดกายทิพย์ออกจากร่าง ทิ้งสังขารไว้เมื่อยังไม่ถึงกาล เมื่ออายุท่านเพียง          23 ปี 6 เดือน กายทิพย์ของท่านจึงไปได้แค่ชั้นพรหมโลก ท่านชินนะ นับว่าเป็นผู้รอบรู้พิธีการต่างๆของโลกวิญญาณ         ท่านสามารถสวดพระคาถาคลายพระเวทย์ได้อย่างเยี่ยมยอดยามท่านสวดพระคาถาไม่ว่า         บนโลกหรือบนสวรรค์เสียงของท่านจะก้องกังวานไปทั่วนรกภูมิ และสวรรค์สามสิบสามชั้นเทพพรหมได้ยินจะสะเทือนจิตออกจากสมาบัติหมดสิ้น         เพื่อรับทราบพิธีการที่ท่านชินนะจัดขึ้น

        ท่านชินนะบัญจะระ มีกายละเอียดอยู่ในชั้นพรหม ขณะนี้เป็นชั้นหัวหน้ารูปพรหม          16 ชั้น ควบคุมทั้งหมด ดังด้วยว่าสตรีเพศเป็นผู้ทำลายความบริสุทธิ์ของท่านเสียก่อนดังนี้         ทำให้ท่านละสังขารก่อนถึงกาลเวลาแห่งอายุดังนี้ จึงทำให้ท่านมีกำลังบุญอยู่ในแค่ชั้นพรหม         ดังนั้นท่านจึงต้องสร้างบุญในโลกมนุษย์เพื่อสร้างบุญบารมีนำท่านขึ้นไปสู่         แดนอรหันต์ ดังนั้น ชินบัญชรคาถา หากท่านได้ภาวนาเป็นประจำสม่ำเสมอจักก่อให้เกิดผลดียิ่งแก่ผู้ภาวนา         เพราะท่านท้าวมหาพรหม ชินนะบัญจะระ จะทรงแผ่อำนาจลงมาช่วยท่านตลอดเวลาคิดหวังอะไรย่อมสมหวังยิ่ง

โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-10-16 07:45
คุณลักษณะท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ

ยิงใหญ่... เทพพรหมนั้นมีมากมายกว่าเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทร           แต่มีพรหมที่มีตบะแรง พรหมที่มีอวุโส มีตำแหน่งในพหรมโลกนั้นมีไม่กี่องค์
          ในพรหมโลกมีพระพรหม ๔ องค์ที่เป็นใหญ่ในพรหมโลก มีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับพรหมโลก           คือ
1. ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ
2. ท้าวอัปราพรหม
3. ท้าวจตุรพรหม
4. ท้าวมหาพรหมสามภพ
พระพรหมชินนะนี้ เป็นผู้พร้อมทุกอย่าง เขาเรียกว่าเป็นผู้สำเร็จสมัยองค์สมณโคดม           และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นพรหมที่ไม่ขึ้นต่อพรหมโลก เขาเรียกว่าเป็นพรหมเอกเทศในพรหมโลกและมีบารมีแห่งฌานสมาบัติอันแก่กล้า           พรหมองค์นี้ไม่ใช่พรหมที่จะติดสินบนกับมนุษย์ ทรงไว้ด้วยความยุติธรรม และเป็นผู้รอบรู้สรรพสิ่ง           เรียกว่าเจ้าพิธีการของโลกวิญญาณ เป็นหัวหน้ารูปพรหมทั้ง ๑๖ ชั้น เป็นพระพรหมที่เรียกว่าเทวดาผู้หญิงหล           พรหมผู้หญิงที่ฝึกยังไม่ถึงชั้น ๕ พรหมชั้น ๔ ยังติดกาเม ก็ยังหล แต่มีกฎว่าผู้ใดถูกแม้แต่เท้าพระพหรมชินนะ           ผู้นั้นจะต้องถูสาปมาเป็นเกิด พรหมองค์นี้เป็นพรหมที่มติสามโลกเอื้อมไปไม่ถึง           ท่านเป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นคนมีวินัย รักความสะอาด สงบเสงี่ยม สุขุมคัมภีรภาพ           มีความเฉลียวฉลาด เป็นพรหมยิ่งใหญ่ของพรหมโลกที่ขจัดมารได้ทั่วภิภพ...            ตอนออกรบจะพิชิตมาร หมายความว่าพรหมโลกเกิดเรื่องยุ่งก็ดี เทวโลกเกิดยุ่งก็ดี           ยมโลกเกิดยุ่งก็ดี มารโลกเกิดมาเรื่องมาก เขาช่วยกันไม่ได้ เขาก็ต้องมาเชิญองค์พระพหรมชินนะ           พระพหรมชินนะจะออกศึกก็มีพาหนะ
พาหนะ... เท้าขวาเหยียบเต่า ท้ายซ้ายเหยีบพญานาค           เป็นพาหนะประจำตำแหน่ง พาหนะเหล่านี้เป็นวิญญาณทิพย์เป็นวิญญาณที่จำศีล           เตรียมตัวเกิดเป็นสาวกในยุคพระศรีอริยเมตไตรย เต่ามีอายุยืนนานและแข็งแกร่ง           ท้าวขวาท่านหนักมาก ถ้าเหยียบพยานาครับรองว่าแบน ก็เอาเต่ามารอง เท้าซ้ายไม่ค่อยหนักก็เอาพญานาคเหยียบ           เต่านั้นถือว่าเป็นสัตว์บก พญานาคเป็นสัญลักษณ์ของน้ำ เหยีบพญานาคหมายถึงเหยียบสมุทร           แสดงว่าทั้งบกทั้งน้ำอยู่ใต้ตีนข้า เวลาท่านประทานน้ำมนต์อาบคนใข้ สองหน่อนี้ก็มาช่วยอยู่
วรกาย... พระวรกายมีแสงดั่งพระอาทิตย์ จิตใจงามเหมือนพระจันทร์           คิ้วโก่งเหมือนคันศร นัยน์ตางามและคมเหมือนเหยี่ยว ผิวกายละเอียดเหมือนหยกขาว           ผมเกล้าจุกขมวดไว้บนพระเศียร เศียรมีปิ่นเพชร ปิ่นเพชรมีสีทอง พระพรหมชินะ           ไม่ยอมอธิษฐานแปลงกายแห่งกายทิพย์ของตนให้เป็นแปดหน้าสี่กร หรือสี่หน้าแปดกร           การที่พระพหรมมีหลายๆหน้า เพราว่าท่านมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของพรหมโลก           และต้องดูแลในการจัดการที่จะมาต้านของเหล่ามาร ที่จะมารังควานในการนั่งสมาธิของพรหม           อันนี้อาจจะถามว่า แล้วเหตุไฉนพระพรหมชินนะจึงไม่ต้องมีหลายหน้า เพราะว่าพระพหรมชินนะนั้นมีรังสีแห่งวรกายของแก้ว           ๗ ชั้นคลุมอยู่ จึง ไม่ต้องใช้หน้ามาก เพียงแต่เปล่งรัศมีแผ่ไป พรหมเขาก็รู้พวกมารหรืออะไรเขาก็รู้นี่พรหมองค์นี้มา           ก็คือสัญลักษณ์ของท้าวมหาพรหรหมองค์นี้มา ท่านจึงไม่ได้เนรมิตในร่างกายให้ผิดแปลกกว่าเขา            
          กายนั้นเปล่งรัศมีรอบวรกายเป็นพระอาทิตย์ขาวขึ้น ในภาวการณ์ที่เรียกว่า           ถ้าพระพหรมองค์นี้ไปไหน เทวดาเห็นเป็นพระอาทิตย์เคลื่อนที่มีรัศมี ๕๐๐           เส้น เทพพรหมจะรู้ว่าท้าวมหาพรหมชินนะมา แต่พวกอมรมนุษย์ เทพ พวกรุขเทวดาเหล่านี้ยังไม่รู้จัก           เพียงแต่คิดว่า เอ๊ะ พรหมองค์นี้มีรัศมีมากเพียงพอหนอ
เครื่องแต่งกาย... การแต่งกายของโลกวิญญาณนั้น           เสื้อผ้าที่แต่งนั้นเป็นของทิพย์ พอใจก็นุ่งชุดนี้ตลอดกาล ทีนี้การแต่งตัวของท้าวมหาพรหมชินนะเขาเรียกว่าแต่งแบบครึ่งกึ่งพระกึ่งพรหม           คือ ทั้งชุดที่นุ่งนั้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เพราะว่ากายเนื้อทิพย์ของพระพรหมชินนะเป็นเนื้อหยกขาว           ชุดที่นุ่งนั้นก็เป็นชุดขาวละเอียด พระวรกายก็เป็นสีที่เรียกว่าขาวอย่างมีสีนวล           เปล่งรัศมีไกลถึง ๕๐๐ เส้น

คฑา... มือขวาถือคทาเรียกว่า “คฑาพรหม” เป็นจามจุรีทิพย์หัวคทามีแสงพุ่งออกมาเป็นรัศมีเป็นรุ้ง           ๓ สี
วิมาน... วิมาน ท่านอยู่พรหมโลกชั้นที่           ๑๓ วิมานนั้นเนรมิตสร้างขึ้นด้วยแก้วมรกต พื้นวิมานปูด้วยทองคำบริสุทธิ์รอบในหลังคามุงด้วยเพชร           บรรทมด้วยสิงห์ ไม่มีคนใช้ไม่มีบริวาร ส่วนมากอยู่เอกเทศเพียงองค์เดียว           ไม่ชอบพูดกับใคร ไม่มีใครกล้าเหยียบวิมานโดยพลการ
          พหรมเอกเทศหมายความว่า ไม่ขึ้นกับพหรมโลก จะอยู่ในพรหมโลกก็ได้ ไม่อยู่ก็ได้           แล้วแต่ความพอใจ วิมานมีหลายแห่ง
ลัทธิชินโตโนะ... ในประเทศญี่ปุ่นนับถือท้าวมหาพรหมชินนะปัญชะระมาก           เขานับเป็นพระอรหันต์ในตำราของเขา แล้วชินนะปัญจะระชินศรีเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง           เพราะฉะนั้นในญี่ปุ่นเขานับถือท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระมาก แต่เขาเรียกเป็น            “ชินโตโนะ” หรือ ศาสนาชินโตโนะ คือบูชาพระอาทิตย์ ที่เขาบูชาพระอาทิตย์เพราะ           ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระก่อนจะปรากฏร่าง จะต้องเป็นแสงอาทิตย์ เรียกว่ารัศมีพุ่งเป็นรุ้ง           ฉะนั้นในญี่ปุ่นเขานับถือเป็นลัทธิหนึ่ง คือ ลัทธิชินโตโนะ
ผู้พิชิตมารทั่วพิภพ... ท้าวมหาพรหมชินนะ           ท่านเป็นพระพรหมที่มีฤทธิ์เดช ที่เรียกว่าพญามารหรือมารทั้งหลายกลัว ในด้านของมารโลเก           โลกของมารของพวกวิญญาณ ดังนั้นก็เรียกว่า ท่านมีรูปของท้าวมหาพรหมชินนะอยู่ในบ้านก็คิดว่าอุปสรรคในการกลั่นแกล้งของ           วิญญาณ พวกที่เรียกว่ารุกขเทพก็ดี พวกอมรมนุษย์ก็ดี พวกผีเปรตอสุรกายก็ดี           คิดว่าไม่กล้าย่างกราย


โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-10-16 07:46



สถานที่กราบนมัสการท้าวมหาพรหมชินปัญชะระ...
ตั้งอยู่ภายในอาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
          เบื้องหน้ามีบ่อน้ำพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์
          ที่ได้นำมาจากสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ 108 แห่ง

คาถาบูชาท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ
          ชินะ ปัญชะริตตัง สะมังกาโย มหาพรหมโม
          พุทโธ วิโสธายิ อิติอะระหัง พรหมะโลกัง ปะสิทธิเต
          หุลุ หุลู สวาหายะ นะมะพะธะ จะพะกะสะ
          นะมะระอะ ศะศิพุทโธ พุทธนัง ธัมมนัง สังฆนัง
          ฮะ พิงค์ พิงค์ พิงค์ ฯ

โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-10-16 07:47

[size=+2]กำเนิดพระคาถาชินบัญชร

          เรียบเรียงโดยคุณปัญญา นี้ได้คัดลอกมาจากหนังสือ พระคาถาชินบัญชร
          จากรายการชินบัญชรทางวิทยุ นานแล้ว ก็ขอจะเล่าประวัติดังนี้

          เมื่อครั้งนั้น สมเด็จ (โต) ได้มีโอกาสเดิทางไปยัง จังหวัดกำแพงเพชร ท่านได้เดินทางไปที่วัดเก่าแห่งหนึ่งซึ่งมีกรุโบราณ           ที่นั่นท่านได้พบคัมภีร์โบราณผูกหนึ่งฝังอยู่ในเจดีย์หัก สมเด็จจึงนำคัมภีร์ผูกนั้นมาเก็บไว้ที่กุฏิ           ขณะนั้นสมเด็จ (โต) ท่านมีจิตดำริที่จะสร้างพระเครื่องเพื่อมอบให้แก่เจ้าปิยะ            (ร.5) หรือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นสมบัติในยุคสมัยครองราชย์

          ระหว่างครุ่นคิดสมเด็จ (โต) ท่านก็ได้จำวัดหลับไป ในคืนนั้นราวๆประมาณตี            3 สมเด็จ (โต) ได้นิมิตว่าท่านได้ตื่นขึ้น เห็นชายหนุ่มรูปงามรูปหนึ่งมายืนอยู่ที่หัวนอนในชุดนุ่งขาวห่มขาว           มีรูปลักษณ์งดงามหาที่ติมิได้เลย สมเด็จ(โต) ท่านก็มองขึ้นตามกำหนดของจิต           ทราบว่าหนุ่มรูปงามนี้คงจะไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน

          สมเด็จ (โต) จึงถามว่า "ท่านผู้เจริญ การที่อาตมาได้มีโอกาสชมท่านนับว่าเป็นขวัญตาเหลือเกิน           ท่านมาในสถานที่แห่งนี้ มีสิ่งใดที่อาตมาปฏิบัติผิดพลาดในหลักพระพุทธศาสนาเล่า            ? ขอให้ท่านจงประสาทประทานการสอนให้อาตมาแจ่มแจ้งในพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธ           เจ้าเถิด" ชายหนุ่มผู้นั้นจึงกล่าวขึ้นด้วยคำพูดที่เย็นกังวาน "ท่านโต           วิธีการที่ท่านดำเนินงานอยู่นี้คล้ายกับองค์สมณะโคดมอยู่ แต่การที่ท่านคิดจะสร้างพระให้เป็นสิ่งที่ระลึกของมนุษย์นั้น           สร้างแล้วสิ่งนั้นจะต้องดี ท่านโตเชื่อในเรื่องวิญญาณ เพราะฉะนั้นควรจะปฏิบัติตามกฏของโลกวิญญาณ           คือวิธีการตั้งให้ถูกหลักการในการปลุกเสก"

สมเด็จ(โต) ท่านจึงกล่าวว่า "ท่านผู้เจริญ ขรัวโตนี้รับฟังความคิดเห็นของทุกคนหากแม้นท่านโปรดข้านี้           ขอได้โปรดบอกมาเถิด จะด่าว่าตักเตือนเราก็ไม่ว่า" หนุ่มรูปงามผู้มีความสงบแลดูเป็นที่เลื่อมใส           จึงได้แนะวิธีการต่างๆในเรื่องทิศทางว่าทิศใดเป็นทิศมงคล ในการวาง เทียน           ธูป ดอกไม้ เทียนชัย ให้ตรงตามหลักของกฏระเบียบแห่งโลกวิญญาณ เรียกว่าเทวบัญญัติ           หรือพรหมบัญญัติ

          ระหว่างนั้นสมเด็จ (โต) ยังคุมสติสัมปชัญญะอยู่ทุกเมื่อ จึงได้ถามหนุ่มรูปงามนั้นว่า            "ท่านผู้รูปงามท่านนี้มีนามว่ากระไรหรอ?"
          "หม่อมฉันนี้คือลูกศิษย์องค์พระโมคคัลลานะ หม่อมฉันสำเร็จเป็นอรหันต์เมื่ออายุ            7 ขวบ แต่ด้วยทิ้งสังขารก่อนอายุขัยจึงมิได้สู่แดนอรหันต์ คงยังอยู่ในแดนพรหมโลก           เพราะหม่อมฉันไม่อยากติดสตรีมิชอบสตรี เพราะสตรีทำลายพรหมจารีย์ของหม่อมฉัน           หม่อมฉันจึงทิ้งสังขารก่อนอายุขัย ทางโลกวิญญาณถือว่าสิ้นก่อนอายุขัย จึงอยู่รูปพรหม            

          ถ้าท่านโตต้องการปรึกษาจากหม่อมฉัน ก็จงระลึกถึง"ชินนะบัญชะระ"            มานพหนุ่มรูปงามกล่าวต่อสมเด็จ (โต) อย่างสำรวม
          ต่อมาไม่ว่าสมเด็จ (โต) จะทำงานสิ่งใด จึงมักระลึกถึง ท่านท้าวมหาพรหมชินนะบัญจะระทีไร           ท่านก็ปรากฎร่างทันที ช่วยเหลือสมเด็จ (โต) ประกอบพิธีต่างๆ จึงทำให้เครื่องรางของขลังของสมเด็จ            (โต) มีความศักดิ์สิทธิ์มาก

          สมเด็จ (โต) ท่านปลุกเสกพระสมเด็จรุ่นสุดท้าย 84,000 องค์ เรียกว่าสมเด็จอิทธิเจ           ท่านได้แปลคาถาจากคัมภีร์ ซึ่งท่านพบจากกรุวัดที่กำแพงเพชร ซึ่งคัมภร์นั้นเขียนด้วยภาษาสิงหลได้ความบ้าง           มิได้ความบ้าง จับใจความได้ว่าเป็นชื่ออรหันต์แปดสิบองค์ จึงได้ตัดต่อแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อง่ายต่อการสวด           จึงแปลใหม่ได้ความว่า "คาถาชินบัญชร" ซึ่งตรงกับชื่อท่านท้าวมหาพรหมชินนะบัญชะระ           สมเด็จ (โต) ท่านจึงถือคาถาบทนี้เป็นการเทิดทูนท่านท้าวมหาพรหมชินนะบัญชะระ           ที่ท่านได้ช่วยเหลือตลอดมา และพระคาถาบทนี้เป็นบทสวดในการนั่งปลุกเสกพระอิทธิเจรุ่นสุดท้าย           ซึ่งสมเด็จ (โต) ท่านนั่งปลุกเสกอยู่เพียงผู้เดียว

โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-10-16 07:47
เมื่อ โลกมนุษย์จะเกิดกลียุคหลังพุทธศาสนาผ่านไปแล้ว             ๒,๕๐๐ ปี ต่อมาดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ๓ พระองค์
            ได้รับการอาราธนาให้มาเป็นท่านบรมครูในการร่วมทำงานช่วยมนุษย์ คือ


หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
            ในอดีตทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชคูรูปาจารย์แห่งกรุงอโยธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่             ๒ แต่ได้หลีกเร้นไปปฎิบัติธรรมที่น้ำตกทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี             และสถานที่แห่งอื่น เช่น เกาะแก้วพิสดาร จังหวัดภูเก็ต จนบรรลุอนาคตังสาญาณ              (ความหยั่งรู้ผลที่จะเกิดสืบต่อไปได้) ครั้นทิ้งสังขารจากโลกมนษย์ได้ไปบำเพ็ญโพธิสัตวบารมีที่โลกวิญญาณ             เพราะได้ตั้ง ปณิธานเป็นสัมมาสัมพระพุทธเจ้า สืบต่อจากพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย             ปัจจุบันดวงพระวิญญาณสถิตบนสวรรค์ชั้นดุสิต

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี
          อดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม ได้รับการยกย่องเป็นพระอมตเถระแห่งกรุงรัตนโกสินทร์           เมื่อทิ้งสังขารจากโลกมนุษย์ได้สถิตอยู่พรหมโลกชั้น ๑ ปัจจุบันเป็นพรหมชั้น           ๑๖ บำเพ็ญโพธิสัตว์บารมีเพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สืบต่อหลวงปู่ทวด           เหยี่ยบน้ำทะเลจืด

ท้าวมหาพรหมชินะปัญชะระ
          เป็นศิษย์ของพระโมคัลลานะ (อัครสาวกเบื้องซ้าย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า           เอตทัคคะทางมีฤทธิ์มาก) ได้สำเร็จอรหันต์ผลเมื่ออายุ ๗ ขวบ แต่ได้ทิ้งสังขารไปอยู่พรหมโลกเมื่ออายุ           ๒๓ ปี ๖ เดือน ปัจจุบันเป็นหัวหน้ารูปพรหม ๑๖ ชั้น เจ้าพิธีการแห่งโลกวิญญาณ           ผู้พิชิตมาร

โดย: Sornpraram    เวลา: 2019-10-16 07:56
ขอขอบคุณ และขออนุโมทนา
          สำหรับข้อมูลทั้งหลายที่ทุกท่านได้จัดทำขึ้น
          ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

http://www.luangputo.com/Menu02/Menu01.htm

โดย: รามเทพ    เวลา: 2019-11-27 06:20

โดย: รามเทพ    เวลา: 2019-12-30 17:57


โดย: Sornpraram    เวลา: 2020-3-4 09:52






ยินดีต้อนรับสู่ Baan Jompra (http://www.baanjompra.com/webboard/) Powered by Discuz! X3.2