ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 3081
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เมืองหลวงพญานาค

[คัดลอกลิงก์]
เมืองหลวงพญานาค
เมืองหลวงพญานาค “แก่งอาฮง” (สะดือแม่น้ำโขง) อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ




ในฤดูน้ำหลาก บริเวณ แก่งอาฮงจะปรากฏกระแสน้ำไหลวนเป็นรูปกรวยอย่างเห็นได้ชัดสร้างความประหลาดใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อจุดที่เกิดน้ำวนนี้ว่า “สะดือแม่น้ำโขง”

แม้ในช่วงน้ำลดก็สามารถมองเห็นแอ่งตรงนั้นได้อย่างชัดเจนชาวบ้านจึงลองเอาเชือกไปผูกติดกับก้อนหินแล้วหย่อนลงตรงสะดือแม่น้ำโขงจนสุดวัดความลึกได้ถึง 98 วา บ้างก็ว่าลึกถึง 99 วาถือว่าจุดนี้เป็นจุดที่ลึกที่สุดของแม่น้ำโขงก็ว่าได้

นอกจากนี้ชาวบ้านยังมีความเชื่อกันว่าที่ใต้สะดือแม่น้ำโขงนั้นมีถ้ำขนาดใหญ่และเป็นเมืองหลวงของพญานาคเป็นสถานที่อยู่ของราชาพญานค เป็นจุดศูนย์กลางการปกครองนาคพิภพ โดยถ้ำแห่งนี้สามารถใช้สัญจรไปฝั่งลาวได้ซึ่งจะไปทะลุที่ ภูงูส่วนทางออกอีกด้านคือเมืองคำชะโนด จ.อุดรธานี เป็นหนึ่งในสามทางออกที่พญานาคนามว่าพญาศรีสุทโธนาคราช ขอพระอินทร์เอาไว้และนี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เคยเหือดแห้งไปก็เพราะบ่อน้ำนี้ได้เชื่อมกับสะดือแม่น้ำโขง เมืองหลวงพญานาคนั่นเอง

พิภพพญานาคนั้น ประกอบด้วยชนชั้นปกครอง ชนชั้นใต้ปกครองและแบ่งเป็นเมืองต่างๆ เหมือนกับโลกมนุษย์ดังปรากฏในเรื่องพญนาคแปลงเป็นหมูสะกดหญิงสาวพาไปเมืองบาดาล ว่า “ที่นี่เป็นเมืองบาดาลและเป็นเมืองหน้าด่านส่วนตัวเมืองหลวงนั้นยังอยู่อีกไกล” กล่าวได้ว่าความเชื่อเรื่อง เมืองหลวงพยานาคนั้นน่าจะมีอยู่จริงไม่ได้กล่าวขึ้นมาเล่นๆ อย่างหลักลอยแต่อย่างใด

เมื่อมีเมืองหลวงพญานาคก็ย่อมต้องมีพญานาคอาศัยอยู่เป็นธรรมดาดังใจความในตำนานพญานาคสองฝั่งโขงตอนหนึ่งว่า...ราชา พญานาคโอฆินทรอาศัยอยู่ที่สะดือแม่น้ำโขง หรือ เมืองหลวงพยานาคซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางการปรครองของนาคพิภพ มีบุตรนามว่า มธุรนาคราช เมื่อเจริญวัยเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นได้ติดตามบิดาขึ้นไปบนพื้นดินและทั้งคู่ก็ได้แลเห้นเหตุการณ์วันเทโวโรหนะขณะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเปิดโลกครั้งนั้น ทั้งพญานาคและมนุษย์ เมื่อได้ยลพุทธลักษณะต่างก็บังเกิดความศรัทาเคารพเลื่อมใสเป็นอย่างมากจึงต่างตั้งใจบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามสติปัญญาและอนุภาพของตนซึ่งด้วยฤทธานุภาพของพญานาคทำให้สามารถกลั่นดวงประทีปหรือบั้งไฟเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาได้

จากตำนานดังกล่าว นับได้ว่านี่เป็น ครั้งแรกที่พญานาคพ่นไฟเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและเกิดขึ้นที่ สะดือแม่น้ำโขง แสดงให้เห็นว่าพยานาคที่อาศัยในเมืองหลวงพยานาคนั้นต้องเป็นพยานาคที่มีบุญบารมีมากอีกทั้งหมั่นบำเพ็ญศีลภาวนาอบ่างสม่ำเสมอจึงทำให้เกิดแรงปิติมากจนสามารถพ่นบั้งไฟพยานาคได้

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเล่าว่าเมื่อหลายปีก่อนมัคนเคยเห็นบั้งไฟพญนาคโตเท่ากับแทงค์น้ำสีเขียวสว่างพุ่งขึ้นจากใต้น้ำ สูงขึ้นไปประมาณ 20 เมตร จนบริเวณใกล้เคียงสว่างไสวราวกับว่าเป็นเวลากลางวันเลยทีเดียวจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมบั้งไฟพญานาคที่ขึ้นจากสะดือแม่น้ำโขงถึงมีสีเขียวนวลทั้งๆ ที่บั้งไฟพญานาคที่พบเห็นทั่วไปจะมีสีแดงอมชมพู

วันออกพรรษามาถึงเมื่อไหร่สะดือแม่น้ำโขง เป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด เพื่อพิสูจน์ว่า บั้งไฟพญานาคจากเมืองหลวงพญานาคนั้น...พิเศษอย่างไร


ที่มา - http://payanakara.blogspot.com/2012/06/blog-post_1427.html

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขอบคุณครับ
ขอบคุณค่ะ น่าไปจังเลย   
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้