ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

~ พระมงคลวิสุทธิ์ หลวงปู่สุภา กนฺตสีโล วัดสีลสุภาราม ~

[คัดลอกลิงก์]
21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-9 22:04 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ทักษิณถิ่นแดนธรรม



หลวงปู่สุภา หันมาธุดงค์ทางใต้ หลังจากปลดภาระจากบ้านเกิดแล้ว และสถานที่ที่ หลวงปู่สุภา ไปก็คือภาคใต้ เลยเข้าไปมาเลเซีย สิงคโปร์ และแถบหมู่บ้านในแหลมมลายู ท่านนิยาชมชอบสถานที่ใน จ.ภูเก็ต ก็เมื่อท่านมาปักกลดอยู่ที่เขารัง และเมื่อมีญาติโยมมาอุปัฏฐากท่าน ท่านก็ได้เกริ่นที่จะสร้างวัดที่เขารัง ญาติโยมก็มีจิตศรัทธา จึงได้ติดต่อเจ้าของที่เพื่อจะขอซื้อ แต่เจ้าของที่ดินปฏิเสธ หลวงปู่สุภา จึงตกลงใจถอนกลดธุดงค์เพื่อเดินทางต่อไป ในราตรีก่อนที่จะถอนกลดนั้น หลวงปู่สุภา ก็ได้นิมิตประหลาด มีพระภิกษุชราภาพมากรูปหนึ่งมาปรากฏร่างที่ข้างกลดธุดงค์ของท่าน เมื่อท่านออกมาพบ พระภิกษุชรารูปนั้นก็ได้บอก หลวงปู่สุภา ว่า
“ อย่าได้เสียใจเลย ยังมีสถานที่ที่เขาต้องการให้ท่านไปสร้างวัด ชาวบ้านเขารอกันเป็นเวลานาน แต่ไม่มีใครไปสร้างให้ จงข้ามทะเลไปยังเกาะสิเหร่ ที่นั่นคือที่ที่ท่านจะสมปรารถนา ”
จากภูเก็ต หลวงปู่สุภา ลงเรือที่ทางญาติโยมจัดให้ เพื่อเดินทางไปเกาะสิเหร่ แล้ว หลวงปู่สุภา ก็ปักกลด แสวงหาวิเวกบนเกาะสิเหร่ ละมาพบที่ดินที่ถูกใจแปลงหนึ่ง จึงสอบถามหาเจ้าของที่ ปรากฏว่าเจ้าของที่คือแป๊ะหลี มีความเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของหลวงปู่สุภา จึงปวารณาตัวอุทิศที่ให้สร้างเป็นวัดขึ้นเป็นวัดแรกของเกาะ เรียกว่า “ วัดเกาะสิเหร่ ”
เนื่องจากภาระในการสร้างวัดเกาะสิเหร่ เป็นภาระที่หนักมาก และต้องหาทุนทรัพย์จากภายนอกมาเกื้อหนุน หลวงปู่สุภา จึงต้องเดินทางไปมาระหว่าง กทม. กับเกาะสิเหร่ บ่อยมาก และได้พบกับฆราวาส จอมอาคม จากสำนักเขาอ้อ คืออาจารย์ชุม ไชยคีรี และอาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ เพื่อร่วมกันสร้างวัตถุมงคลครั้งแรกเรียกว่า “ พระเสด็จกลับ ”
หลังจากที่สร้างวัดเกาะสิเหร่แล้ว หลวงปู่สุภา ได้นิมิตถึงพระพุทธไสยาสน์ จึงนำมาสร้างเป็นพระพุทธไสยาสน์ประจำวัดเกาะสิเหร่ รวมเวลาการสร้างวัดเกาะสิเหร่และพระพุทธไสยาสน์ เป็นเวลา ๖ ปี เต็ม โดยถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งการนี้ได้โปรดเกล้าพระราชทานแววพระเนตรมาประดิษฐานไว้ที่พระเนตรของพระพุทธไสยาสน์
พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ ได้ก่ออภินิหารมากมาย และที่เล่าลือในหมู่ชาวเกาะสิเหร่ก็คือ เรื่องราวของการที่ขโมยได้ลอบเข้ามาจะสกัดเอาแววพระเนตรของพระพุทธไสยาสน์ในตอนกลางคืน ได้ของมาแล้วก็จะนำออกไปจากวัด ปรากฏว่า เดินวนอยู่ในวัด หาทางออกไม่ถูก จนชาวบ้านมาพบและพระเห็นเข้า จึงเรียกตำรวจมาจับพร้อมของกลาง โดยรับสารภาพทำไปเพื่อจะนำแววพระเนตรไปขาย แต่ก็หาทางออกไม่ได้ เดินวนไปมาจนถูกจับ
เมื่อ หลวงปู่สุภา ตั้งใจสร้างวัดบนเกาะสิเหร่นั้น ชาวบ้านก็วิตกกังวลว่า ท่านจะหาทุนมาจากไหน เพราะการคมนาคมไม่สะดวก ทำให้การขนส่งวัสดุก่อสร้างนั้นเสียเวลานาน รวมทั้งค่าใช้จ่ายก็สูงอีกด้วย แต่ก็ปรากฏว่า หลวงปู่สุภา ได้แรงศรัทธาจากทั้งคนบนเกาะสิเหร่และคนที่ภูเก็ต ตลอดจนญาติโยมจากนครปฐม และทุกแห่งที่ท่านเคยไปสร้างความเจริญมาร่วมช่วยกันอย่างเต็มที่และเต็มแรงกายแรงใจ หลวงปู่สุภา ลำดับวัดที่เคยไปสร้างความเจริญไว้ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า ๓๓ วัด แต่ละวัดล้วนมีความเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของท่าน

22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-9 22:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เมื่อวัดได้ทำการสร้างสำเร็จแล้ว หลวงปู่สุภา ก็แบกกลดขึ้นไปทางเหนืออีกครั้ง เพื่อแสวงหาความวิเวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ค่ายทหารที่เขาค้อ อันเป็นค่ายที่ต้องประจันหน้ากับพวก ผกค. ที่มียุทธวิธีการรบแบบกองโจร ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างมากกับกำลังทหาร หลวงปู่สุภา ได้เข้าไปพักในค่ายทหาร คอยเป็นขวัญกำลังใจ ตลอดจนสร้างพระเครื่อง - เครื่องรางของขลังแจกทหารในค่ายที่ออกไปลาดตระเวน ทำลายที่ตั้งของค่ายพักฝ่าย ผกค.   ปรากกว่าทหารที่มีเครื่องรางของท่านล้วนแคล้วคลาดทุกคน
ออกจากเขาค้อ ท่านกลับไปเยี่ยมบ้านอีกครั้ง คราวนี้อาพาธหนักด้วยไข้ป่า เพราะท่านไปอยู่บนเขาค้อ จนได้รับเชื้อมาลาเรียอย่างรุนแรง แต่ด้วยอำนาจแห่งศีล สมาธิ ปัญญา และบารมีธรรม ทำให้ หลวงปู่สุภา เพียงอาพาธหนัก ต้องรักษาอยู่นาน ซึ่งลูกหลานต่างก็ยินดีที่หลวงปู่มาพักอยู่ด้วยอย่างเนิ่นนาน
หลวงปู่สุภา ธุดงค์ไปตามที่ต่าง ๆ จนลืมไปว่าท่านเคยมาพักอยู่ที่ภูเก็ต เมื่อท่านระลึกได้จึงเดินทางกลับมาที่เขารังที่ท่านเคยปักกลดและขอซื้อที่ดินทำวัด แต่เจ้าของปฏิเสธ มาคราวนี้กาลเวลาเปลี่ยนไป หลวงปู่สุภา ในวัย ๘๔ ปี รู้สึกว่าเขารังที่เคยเป็นดินแดนสงบ ถูกความเจริญรุกไล่จนกลายเป็นสวนสาธารณะแล้ว ทางเหนือได้กลายเป็นโรงพยาบาลวชิระ โรงพยาบาลประจำเกาะภูเก็ต ด้านหลังของโรงพยาบาล ที่ติดกับเขารังทางด้านเหนือได้ทำเป็นสถานที่เก็บศพ เล่าลือว่าผีดุ หลวงปู่สุภา จึงไปปักกลดที่นั่น มีศิษย์ที่เคยรู้จักท่านพบเข้าจึงเล่าลือกันปากต่อปาก มีศรัทธาสาธุชนเพิ่มมากขึ้น และทุกคนเห็นพ้องว่าท่านอายุ ๘๔ แล้ว สังขารมีแต่ชราและอาพาธบ่อย ๆ เกรงว่าหากแบกกลดธุดงค์ ตะลอนไปเรื่อย ๆ ก็คงมรณภาพกลางทางเข้าสักวัน จึงนิมนต์ให้หลวงปู่อยู่กับที่ โดยได้ขอซื้อที่ดินจากเจ้าของที่จะขายให้ ๑ ไร่เศษ นอกจากนั้น เจ้าของไม่ยินดีให้ความร่วมมือ จึงทำการสร้างวัดไม่ได้ เพราะ พ.ร.บ. การปกครองคณะสงฆ์ระบุไว้ชัดว่า จะสร้างวัดต้องมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า ๖ ไร่ จึงต้องสร้างสำนักสงฆ์ขึ้น และตั้งชื่อตามนามของท่านเจ้าของที่ดินดั้งเดิม คือ “ สำนักสงฆ์เทพขจรจิตร ” โดยได้มาจากส่วนหนึ่งของบรรดาศักดิ์ท่านเจ้าของคือ “ หมื่นขจรจิตรพงษ์ประดิษฐ์ ” และ หลวงปู่สุภา เล็งเห็นว่า หากต้องการสร้างความสงบให้แก่เขารังและแก่จังหวัดภูเก็ต ต้องสร้างพระพุทธรูปปางประทานพรไว้บนยอดเขารัง โดยออกแบบให้มีส่วนฐานขององค์พระขึ้นไปจากหลังคาสำนักสงฆ์ โดยช่างรับเหมาระบุราคาไว้ ๒๐ ล้านบาท แต่ด้วยท่านอาศัยบารมีธรรมและการสงเคราะห์จากลูกศิษย์ จนในที่สุด จึงสร้างพระพุทธรูปนั่งที่ใหญ่ที่สุดในเกาะภูเก็ต มองเห็นได้แต่ไกลได้สำเร็จ
เนื่องจากท่านได้อาพาธจนเข้าโรงพยาบาลวชิระอยู่บ่อยครั้ง และท่านเห็นว่า ไม่มีตึกสงฆ์ ทำให้พระต้องไปอยู่รวมกับคนป่วยอื่น จึงดำริที่จะสร้างตึกสงฆ์ จึงเข้าพบ ผอ. โรงพยาบาลวชิระ ออกปากขอที่ดินพร้อมทั้งแบบก่อสร้างเพื่อเป็นแนวทางในการหาทุนมาสร้าง นับเป็นผลงานในขณะที่ท่านอายุเข้าถึง หนึ่งศตวรรษ หรือ ๑๐๐ ปีของท่าน แต่ท่านไม่เคยย่อท้อในชีวิตของท่าน มีแต่คำว่า ให้ และ สร้างทุกอย่าง สำเร็จด้วยเมตตาบารมีธรรมของท่าน
ถึงแม้ปัจจุบันท่านจะไม่ได้แบกกลดออกท่องธุดงค์ เพื่อแสวงหาความวิเวกตามเขาลำเนาไพรอีกแล้ว ด้วยความจำกัดแห่งสังขาร แต่ท่านก็ทำหน้าที่สงเคราะห์ญาติโยมที่ได้รับความเดือดร้อนไม่ว่าจะทางจิตใจ หรือแม้แต่ผู้ถูกคุณไสย ทั้งยังทำหน้าที่เป็นวิปัสสนาจารย์ ท่านจะคอยแนะนำข้อปฏิบัติ และให้โอวาททุกวันหลังจากพระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา มาไหว้พระสวดมนต์เย็นเสร็จแล้ว เท่าที่ได้สัมผัสมา หลวงปู่สุภา มีศิษย์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศไปมาหาสู่ท่านมิได้ขาด โดยเฉพาะชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ด้วยแล้ว มากันเป็นคันรถ เพราะท่านเคยไปธุดงค์ช่วยเขาในอดีต ส่วนทั้งศิษย์เก่าและใหม่ ต่างพากันไปนมัสการท่าน ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า
“ ได้รับเมตตา ได้เห็นรอยยิ้มท่าน ได้รับพร และได้รับวัตถุมงคล ทำให้มีขวัญและกำลังใจเพิ่มพูนขึ้น และทำมาค้าขายคล่อง มีรายได้เพิ่มเป็นกอบเป็นกำ พ้นจากทุกข์ได้ก็ด้วยบารมีของหลวงปู่สุภาเป็นที่พึ่ง "

ที่มา http://www.luangpusupa.com/index ... id=2&Itemid=103

23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-9-9 22:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
หลวงปู่สุภา กันตสีโล มรณภาพ
เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556
พิธีสวดพระอภิธรรมศพบำเพ็ญกุศล
วัดคอนสวรรค์ ต.บ้านค้อเขียว อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร


















ที่มา http://www.luangpusupa.com/


ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้