ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 837
ตอบกลับ: 0

จิตศาสตร์

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2022-8-13 07:42

จิตศาสตร์

       ...อีกส่วนหนึ่งที่ทางวิทยาศาสตร์พยายามจะตามมาก็คือ ในเรื่องของน้ำมนต์โดยมีการเอาน้ำจากแหล่งเดียวกัน จำนวนเท่ากัน บรรจุภาชนะชนิดเดียวกัน ส่วนแรกเอาไปให้ผู้ปฏิบัติธรรมหรือว่าผู้มีสมาธิภาวนา อธิษฐานจิตในลักษณะเสกน้ำมนต์ อีกส่วนหนึ่งที่มีจำนวนเท่ากัน อยู่ในภาชนะแบบเดียวกัน แยกเอาไว้เฉย ๆ

       ถึงเวลาแล้วนำทั้ง ๒ ส่วนมาแช่แข็งแล้วส่องดูสภาพโมเลกุล ก็จะเห็นว่าโมเลกุลของน้ำมนต์นั้นจับตัวเรียงรายกันเป็นรูปร่างที่สวยงามมาก ส่วนโมเลกุลของน้ำธรรมชาตินั้น มีขาดมีแหว่งบ้างตามปกติ แล้วพอไปเปิดเพลงประเภทเฮฟวี่เมตัลอยู่ใกล้ ๆ น้ำ เมื่อเอามาแช่แข็งแล้วส่องดู จะเห็นว่าโมเลกุลแตกกระจัดกระจายไปหมด

แม้กระทั่งในเรื่องของกำเนิดมนุษย์ พระพุทธเจ้าก็อธิบายไว้อย่างชัดเจน แต่ว่าทุกวันนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถจะหาข้อกลางได้จากการสันนิษฐานว่าคนมาจากลิง เพราะว่าลิงมีโครโมโซม ๓๖ คู่ คนมีโครโมโซม ๓๘ คู่ แล้วช่วง ๓๗ คู่อยู่ที่ไหน ?

       แต่พระพุทธเจ้าระบุไว้ชัดเจนเลยว่า คนเราเกิดมาจากพรหมที่ลงมากิน"ง้วนดิน" เสร็จแล้วเกิดกายหยาบขึ้นมา ไม่สามารถที่จะเหาะกลับไปยังที่สถิตของตนได้ แล้วท้ายที่สุดก็กลายเป็นต้นกำเนิดมนุษย์ขึ้นมา

       หรือไม่ก็การเกิดของคน ที่อยู่ในลักษณะเชื้อของพ่อผสมกับไข่ของแม่ พระพุทธเจ้าอธิบายในลักษณะ ๗ วัน ๗ วัน ๗ วันไปเรื่อย จนกระทั่งถึงคลอดออกจากท้องแม่มา ทุกวันนี้บรรดาหมอและนักวิทยาศาสตร์งงมากว่า สมัยนั้นไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมืออะไร ทำไมพระพุทธเจ้าอธิบายได้ตรงตามการศึกษาของวิชาการแพทย์ ที่เขาใช้เวลาหลายร้อยปีในการศึกษาและผ่าดูมานับไม่ถ้วน ทุกอย่างเป็นไปตามนั้นหมดเลย

       ดังนั้น...ในเรื่องของจิตศาสตร์ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดว่า คาดว่า เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำเพื่อให้เกิดผลจริง

       อย่างที่กระผม/อาตมภาพบรรยายให้กับพระใหม่ฟังวันนี้ว่า สิ่งต่างๆสำเร็จได้ด้วยใจ ทำไมหลวงปู่ท่านหนึ่ง คนไปขอรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ก็ใช้คาถาบทนั้น ไปขอรดน้ำมนต์เพื่อให้พ้นจากทหารก็คาถาบทนั้น ไปรดน้ำมนต์ขอให้สาวรักสาวหลงก็คาถาบทนั้น ไปรดน้ำมนต์ให้อยู่ยงคงกระพันก็คาถาบทนั้น ไปรดน้ำมนต์ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัยก็คาถาบทนั้น สรุปว่าทำอะไร ๑๐๘ ใช้คาถาแค่บทเดียว

ก็เพราะว่าคาถาเป็นเพียงเครื่องโยงจิตให้เป็นสมาธิเมื่อจิตเป็นสมาธิ มีกำลังเพียงพอ เราต้องการให้เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น อย่างที่บาลีใช้คำว่า มโนมยา สำเร็จด้วยใจ

       เรื่องของวิทยาศาสตร์และจิตศาสตร์จึงไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ส่วนใหญ่แล้วคนสมัยนี้เชื่อในเรื่องของวิทยาศาสตร์ เพราะว่ามีบทพิสูจน์ที่จับต้องได้ เพียงแต่คุณต้องเข้ามาปฏิบัติจริง พระพุทธเจ้าท่านกล่าวเอาไว้ชัดเจนว่า เอหิปัสสิโก ขอเธอทั้งหลายจงมาดูเองเถิด ก็คือมาทดลองดู มาทดสอบดู รับประกันว่าถ้าทำดีทำถูก ต้องได้ผลแน่นอน

       ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ถ้าจะอธิบายให้ชัดเจน พวกท่านต้องศึกษาในทุกศาสตร์ให้ชัดเจน แล้วจะมีคำอธิบายที่บอกได้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าคลำเอามุมใดมุมหนึ่ง แบบเดียวกับตาบอดคลำช้าง แล้วก็ไปสรุปว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ซึ่งโอกาสผิดมีมากเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์..!

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้