ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 1474
ตอบกลับ: 0

“ธรรมชอบ โลกชัง” เรื่องเล่าของ หลวงปู่เจี๊ยะ

[คัดลอกลิงก์]
“ธรรมชอบ โลกชัง”
เรื่องเล่าของ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท
พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น















หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม จังหวัดปทุมธานีหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท มีปฏิปทาแตกต่างจากสมณะทั่วไป เรียกได้ว่าเป็นผู้มีกิริยาที่ธรรมชอบ แต่โลกชัง เพราะท่านไม่ยึดติดพิธีรีตองซึ่งเป็นของสมมติในทางโลก
เล่ากันว่า คราวหนึ่งท่านรับนิมนต์ไปเจริญพระพุทธมนต์ในพิธีมงคลสมรส เมื่อเดินทางไปถึงบ้านเจ้าภาพ แทนที่หลวงปู่จะขึ้นบันไดตามปกติ ท่านกลับโหนตัวปีนขึ้นทางลูกกรง เพราะเห็นว่ามีคนถอดรองเท้าวางระเกะระกะขวางบันได พอขึ้นไปนั่งบนอาสนะเรียบร้อย แทนที่จะเริ่มพิธีสงฆ์ตามปกติ ท่านกลับถามเจ้าภาพหน้าตาเฉยว่า
“จะสวดไหม ไม่สวดให้ยกมาประเคนกินกันเลย พระมากินให้เป็นมงคลแล้วเนี่ย”

หลังจากเจริญพระพุทธมนต์เสร็จ ท่านก็โหนตัวกลับลงไปทางลูกกรงตามเดิม สร้างเสียงฮือฮาแก่แขกเหรื่อในงาน ลูกศิษย์ผู้ติดตามต่างเก้อเขินกับกิริยาของพระอาจารย์ แต่ตัวท่านเองกลับไม่หวั่นไหวว่าโลกจะวิจารณ์ท่านอย่างไร
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ขาเจ็บ เดินบิณฑบาตไม่สะดวกนัก แต่แทนที่จะอยู่วัดคอยให้คนนำเอาอาหารมาถวาย ท่านกลับนั่งรถออกมาบิณฑบาตที่บ้านลูกศิษย์ เมื่อมาถึงก็วางบาตรแล้วกางหนังสือพิมพ์อ่าน พลางออกปากสั่งว่า

“เอ้า เอาข้าวมาให้กูกิน” เมื่อลูกศิษย์ทักท้วงจึงอธิบายสั้น ๆ ว่า “ขากูเจ็บนี่หว่า”
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องมาบิณฑบาตเลย นอนอยู่เฉย ๆ เลย จะจัดไปถวายที่วัดเอง”
“ไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะด่า หาว่าขี้เกียจบิณฑบาต”

ลูกศิษย์จึงติงท่านทีเล่นทีจริงว่า “นั่นละ เขาจะด่าหนักละ ไปอย่างนั้น”





เวลาบิณฑบาตไปบ้านญาติโยมที่คุ้นเคย ท่านจะถือวิสาสะเดินเข้าไปบอกเจ้าของบ้านว่า “เฮ้ย ชงกาแฟถ้วยซิ”

ว่าแล้วท่านก็นั่งไขว่ห้าง จิบกาแฟพลางสูบบุหรี่ วันดีคืนดีก็ตะโกนบอกซ้ำอีกว่า “เฮ้ย ตำน้ำพริกกุ้งแห้งเกลือให้กูหน่อย”

ลูกศิษย์ลูกหาต่างทราบดีว่า ปกติวิสัยของพระอาจารย์เป็นเช่นนี้เอง


การเดินทางไปไหนมาไหนของหลวงปู่เจี๊ยะ ซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่ ก็ไม่ใช้พาหนะหรูหราเพื่อประกาศยศถาบารมี แต่ท่านมักประคองจีวรออกไปดักโบกรถสิบล้อขออาศัยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ลักษณะการโบกรถของท่านเป็นที่น่าหวาดเสียว เพราะท่านไม่ได้ยืนโบกอยู่ริมถนนอย่างคนปกติ แต่ก้าวออกไปโบกรถกลางถนน รถทุกคันที่ท่านหมายตาจะต้องเบรกตัวโก่ง แล้วจอดรับท่านด้วยความระทึกขวัญทุกคันไป บางครั้งโชคไม่ดี รถสิบล้อคันที่โบกมีผู้หญิงนั่งคู่กับคนขับมาด้วย หลวงปู่เจี๊ยะต้องปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคา นั่งตากลมหนาวสั่นอยู่เช่นนั้นจนกว่าจะถึงที่หมาย การเดินทางของท่านนั้นเรียกว่า “เป็นผู้ไปง่ายมาง่าย” อย่างแท้จริง
ความไม่ยึดติดในลาภยศปรากฏชัดเจนในเหตุการณ์ที่หลวงปู่เจี๊ยะมีกิจนิมนต์เข้าวัง ครั้งนั้นท่านเข้ามาพักอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร โดยไม่ได้เอาพัดยศจากจังหวัดจันทบุรีติดมาด้วย ท่านจึงถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายศาสนพิธีว่าต้องใช้พัดยศหรือไม่

ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่าไม่ต้องใช้ แต่พอสวดเจริญพระพุทธมนต์เสร็จ กำลังจะลงมือฉันอาหาร ฝ่ายพิธีในวังกลับถามขึ้นว่า “ทำไมพระองค์นั้นไม่เอาพัดยศมา” เท่านั้นเอง ทุกคนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหลวงปู่เจี๊ยะ “โวย” ขึ้นว่า

“เฮ้ย! หยุดกินเดี๋ยวนี้นะ หยุดกินเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวอาตมาจะไปเอาพัดยศที่จันทบุรีก่อน กูถามมึงแล้วว่ามึงจะเอาหรือเปล่าพัดยศน่ะ มึงบอกไม่เอา กูก็ไม่เอามา มึงหยุดเลย เดี๋ยวรอพัดยศจากจันทบุรี”
พิธีในวันนั้นดำเนินต่อไปโดยไม่มีใครต้องรอพัดยศจากจันทบุรี แต่ทุกคนต่างตระหนักดีว่า หลวงปู่ท่านไม่เอาธุระในทางโลกอย่างสิ้นเชิง ท่านประพฤติธรรมเพื่อธรรมเท่านั้น ไม่ยึดติดตำแหน่งลาภยศ แม้มีวาจาขวานผ่าซาก ไม่น่าฟัง แต่ท่านนอบน้อมในธรรม ยามท่านเทศน์สอนเรื่องการปฏิบัติจะสัมผัสได้ว่าท่านเข้าถึงธรรมอันเป็นที่สุด
ปฏิปทาของหลวงปู่เจี๊ยะเป็นไปในลักษณะ “เน้นธรรม แต่ไม่เน้นพิธีกรรม” อย่างไรอย่างนั้น

ที่มา   ชุดสุดยอดสงฆ์ 1 : หลวงปู่เจี๊ยะ  สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
ภาพ  ลานธรรมจักร


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้