ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ

๐oOแรกพบประสบพักตร์Oo๐

[คัดลอกลิงก์]
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-18 09:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เห็นแต่ชาวบ้านมารุมดูกันมาก ถ้าล้อมผ้าเก็บเงินคงจะได้มาก! ฝรั่งมันยังมาดูเลย   หลวงปู่ท่านตอบ       โอ้..โห.. ดังไปไกลถึงเมืองนอกเลย..หรือ..ครับ ?  ไม่ใช่ด๊อก...ฝรั่งมันมาได้เมียแถวนี้ เมียมันพามาดู!  แล้วชาวบ้านเขาเห็นเป็นอะไรหรือครับ หลวงปู่?  เห็นเขาว่าเป็นงูใหญ่ๆบ้างเห็นเป็นปลาตัวใหญ่ๆบ้าง  

      เอ๊า...ไป!...เดี๋ยวหลวงปู่จะพาไปดูที่สระน้ำ หลวงปู่ท่านลุกขึ้น และเดินนำหน้า ซึ่งผมก็ลุกตามและได้เดินไปติดกับหลวงปู่ ไม่ถึง 2 นาที  หลวงปู่กับผม ก็มายืนที่ขอบสระ ในวันเวลานั้น น้ำในสระ "ใส...สงบ...นิ่ง"  กว่าปกติที่เคยเป็น จนสามารถมองทะลุลงไปเห็น ปลาแหวกว่ายในวารีได้อย่างถนัดตา เมื่อผมเห็นโอกาส ที่จะได้คำตอบมาเฉลยความใคร่รู้อยู่แค่เอื้อม ก็  "รุก"  ต่อทันที    หลวงปู่ครับ.....ที่ชาวบ้านเขาเห็นกัน เป็นงูโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำเลยเหรอ...ครับ?  ไม่...ด๊อก  เขาเห็นอยู่ใต้ผิวน้ำ เป็นเงาลางๆ  แล้วสรุปว่าสิ่งนี้มีมานานแล้ว หรือว่ามีคนทำไว้ ครับ? (เป็นที่สุดแห่งคำถาม) และผมก็รอลุ้นคำตอบจากหลวงปู่  ท่านหันมามองหน้าผม อยู่สักพักก่อนที่จะย้อนถามผมขึ้นมาว่า  "แล้ว...โยมว่าเกิดขึ้นเอง หรือ ทำขึ้นมาล่ะ? ผมก็เลยรีบตอบหลวงปู่ไปว่า  ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นเอง แสดงว่า เขามีบารมีมากพอ ที่สามารถแสดงฤทธิ์ได้อย่างน่า...ทึ่ง ครับ!   แต่ถ้าเป็นฝีมือมนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา ต้องถือว่า คนๆ นั้น  ต้องไม่ธรรมดา ต้องเป็น  "คนเหนือเทวดา"  อย่างแน่นอน  ใช่..ไหมครับหลวงปู่!

         เมื่อหลวงปู่ท่านเห็นผมตอบเช่นนี้  ท่านหัวเราะชอบใจใหญ่  ก่อนที่จะถามผม อย่างผู้รู้แจ่มแจ้งในฌานวิสัยอีกว่า "ในเมื่อเองรู้เรื่องทั้งหมดดีแล้วแต่ต้น แล้วจะมาถามหลวงปู่...ทำไม...อีก"  หมายความว่าหลวงปู่เป็นคนทำขึ้น หรือครับ?  หลวงปู่ท่านพยักหน้า แทนคำตอบ  ผมก็เลยโล่งอก ที่ความสงสัยได้ลดลงไปอีกข้อ  หลวงปู่ชื่นท่านได้มองลงไปในน้ำที่ใส สะอาด สงบ นิ่ง  ก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า  "จิตกับน้ำ  ก็คล้ายๆกัน  จิตที่ยังไม่ได้ฝึก ก็เหมือนน้ำขุ่นที่เต็มไปด้วยคลื่น กำหนดดูอะไรก็มืดมัว  ส่วนจิตที่ฝึกมาดีแล้ว มันเหมือนน้ำใสในเวลานี้  จะกำหนดดูอะไร ก็รู้ ก็เห็น"  เป็นคำพูดลอยๆ ที่ออกมาจากปากหลวงปู่ แต่มิใช่คำพูดลอยๆ ที่ไร้สาระ มันแฝงธรรม ให้ผมรับรู้ และน้อมนำไปพิจารณา   หลวงปู่ท่านได้พูดขึ้นมาอีกว่า "เมื่อคืน  แปล๊ก...แปลก...เห็นเด็กใส่ชุดขาวมันนั่งสมาธิ โดนยุ่งเจ้ากรรม นายเวร มารุ่มกัด หลวงปู่สงสารมัน เลยเอาพัดไล่ยุ่งให้"

         หลวงปู่ท่านหันมามองหน้าผม พร้อมกับอมยิ้ม   ผมได้แต่ยืนนิ่งเงียบ ไร้คำพูด ใดๆ ในเวลานั้น   หลวงปู่กับผมสบตาอย่างรู้กัน "มันเป็นดั่งภาษาสวรรค์ ที่สองเรานั้นรู้กันก็พอ"
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-3-18 09:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หลวงปู่ครับ....วันนั้น  หลวงปู่จะทราบไหมครับ ว่าหลวงปู่ได้ "ตอกตรึง ตะปู แห่งศรัทธาไว้กลางใจผม สะจนมิดเล่ม"  และผมยังเชื่อสนิทใจว่า  "ตะปูแห่งศรัทธา" ของหลวงปู่ชื่น ยังไม่สิ้นมนต์ขลัง ยังคงความศักดิ์สิทธิ์

          ปัจจุบัน  ตะปูยังคงแผลงฤทธิ์ ลุกลามใหญ่โต ตอกตรึงดวงใจศิษย์อีกมากมาย ไปอีกนานแสนนานครับ ถึงแม้ ไม่เคยเห็นหน้าหลวงปู่ก็เถอะ ก็ไม่อาจหลีกหนี  ตะปูแห่งศรัทธา   นี้ไปได้  สักพักท่านก็ชักชวนผม กลับไปยังห้องรับแขก วี ไอ พี   ณ จุดเดิม   ระหว่างเดินกลับ  หลวงปู่ได้พูดขึ้นมาว่า   อีกไม่ถึง 10 นาที เดี๋ยวจะมีคนมาหา  มาอย่างไรครับ?   ผมถาม...มารถกะบะ...หลวงปู่ตอบ...สีอะไรครับ?  สีเขียว...หลวงปู่ตอบ   มากี่คนครับ...หลวงปู่มองหน้าผม  ท่านคงจะรำคาญ  ตอนนี้ท่านตอบเสียชุดใหญ่ไม่ต้องให้ผมถามอีก   มา 5 คน  ผู้หญิง 2  ชาย 3  หมายเลขทะเบียนรถ...........(จำไม่ได้)   จังหวัดนครราชสีมา   เมื่อมาถึงที่รับแขก หลวงปู่ท่านได้เดินขึ้นไปบนกุฏิ   ส่วนตัวผมก็นั่งรอลุ้นด้วยใจระทึกว่า  อีกไม่ถึง 10 นาทีข้างหน้า  คำพูดของหลวงปู่ชื่นจะเป็นความจริงไหมหนอ?  

         ครู่เดียว   รถ...ตามคำที่หลวงปู่ได้ทำนายไว้ ก็วิ่งเข้ามาในวัด ซึ่งก็เป็นดั่งที่หลวงปู่พูดไว้จริงๆ ครับ!   ผมก็เลยเดินเลี่ยง  เพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ และให้โอกาส  ศิษย์ที่เดินทางมาไกล ได้กราบนมัสการหลวงปู่ได้อย่างเต็มที่  พักหนึ่ง  ชายคนขับรถก็ได้เดิน มาเพื่อจะเข้าห้องน้ำ  เมื่อออกจากห้องน้ำ ผมกับเขา  เลยได้พบปะพูดคุยกัน ถึงเรื่องราวต่างๆนาๆ   และทราบต่อมา  จากปากชายดังกล่าวว่า การมากราบนมัสการหลวงปู่ในครั้งนี้ ไม่ได้มีการนัดหมายกับหลวงปู่ชื่นไว้ล้วงหน้า    คุยกันสักพักเขาก็ขอตัวขึ้นไปหาหลวงปู่บนกุฏิ  ผมเดินมาหยุดที่ใต้ร่มไม้ ห่างจากประตูกุฏิประมาณ 10 เมตร ผมแอบมองดูหลวงปู่ด้วยความชื่นชม  ในความยิ่งใหญ่แห่งบารมีธรรมและบารมีแห่งความเมตตาซึ่งมีแก่เหล่าศิษย์  หวนคิดถึงคำสอนริมสระ  "จิตที่ฝึกดีแล้ว เหมือนน้ำใส กำหนดดูอะไร ก็รู้ ก็เห็น"
โพสต์ 2013-5-7 18:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อ่านไปยิ้มไป มันลึกซึ้งดีแท้ สาธุ
โพสต์ 2013-5-18 11:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อ่านแล้วปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูกเลยอ่ะ
โพสต์ 2013-5-18 13:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ปลื้มใจแทนจังค่ะ _/\_
โพสต์ 2013-8-3 23:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
metha ตอบกลับเมื่อ 2013-7-4 04:49
จะมีภาคต่อหรือเปล่าครับ

ใน หนังสือสวดมนต์ เลยจ้า...อิอิ
โพสต์ 2013-8-8 18:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
morntanti ตอบกลับเมื่อ 2013-8-3 23:31
ใน หนังสือสวดมนต์ เลยจ้า...อิอิ

ร้องไห้ทำไมคร้าบพี่น้อง
โพสต์ 2013-9-18 00:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พระกับผี


บ่อยครั้งเหลือเกินสำหรับทุกท่านที่นิยมชมชอบเรื่องลึกลับ วิญญาณ ไสยศาสตร์ลี้ลับ ที่จะรับรู้เรื่องราวระหว่าง
"พระกับผี "ร้อยเรื่องราวชวนพิศวงพันลึกพิศดาร จนสมองซีกขวาของหลายๆท่านต้องทำงานหนักกับเรื่องที่

"เขาเล่าว่า"

เมื่อฟังเรื่องราวระหว่างพระกับผีจบแล้ว สมองซีกขวาก็ต้องทำงานหนักอีกครั้งเพื่อหาบทสรุปและ

หาคำตอบให้ตนเองตามหลักการและกำลังความสามารถกับพื้นฐานที่ตนเองถุกปลูกฝังมาเช่นไร


มากคนปลงใจเชื่อ

หลาย คนเชื่อครึ่งๆกลางๆ

และก็อีกไม่น้อยที่ไม่เชื่อเลย

ผมไม่มีเจตนา ที่จะชี้ชัดว่าให้เชื่อหรือไม่ให้เชื่อ แต่เห็นว่าเป็นประสบการณ์ตรงจากศิษย์ที่ศรัทธาในวัตถุมงคล


ของหลวงปู่ชื่นที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้ผมฟังเมื่อครั้งหลวงปู่ชื่นท่านยังมีชีวิตอยู่

และเห็นว่าสมควรที่จะถ่ายทอดให้ชนรุ่นหลังได้รับรู้และรับทราบ

เรื่องราวพระกับผีไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในอดีตที่เรารับรู้และรับทราบมาก็มีอยู่อีกมากโข


จึงขอยกตัวอย่างเพื่อรำลึกถึงเรื่องราว"พระกับผี" พอเป็นกษัย  


ก่อนที่จะรับทราบเรื่องราวของหลวงปู่ชื่น

เรื่องที่โด่งดังและเป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วกัน คงหนีไม่พ้นเรื่อง


สมเด็จพุฒาจารย์โต กับแม่นาค พระโขนง





ตามตำนานเล่ากันว่า ในสมัยของรัชกาลที่ 4 เมื่อครั้งที่แม่นาคออกอาละวาดหลอกหลอนผู้คนอย่างหนัก และครั้งหนึ่งข่าวแม่นาคหลอกหลอนหนักโดยเฉพาะที่แยกมหานาค(ในปัจจุบัน) ทำให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ได้มาทำการสะกดวิญญาณความเฮี้ยน และเจาะกะโหลกผีแม่นาคเอามาขัดเป็นมัน ลงอักขระอาคม ทำเป็นปั้นเหน่งคาดเอว ซึ่งหลังจากนั้นได้นำปั้นเหน่งไปเก็บรักษาไว้ที่วัดระฆังโฆสิตาราม



         

  ครั้นเมื่อท่านชรามากแล้ว ได้มอบปั้นเหน่งกระดูกหน้าผากแม่นาคนี้ไว้กับหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ ซึ่งในภายหลังท่านได้เป็นหม่อมเจ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัต) ต่อมาท่านได้ประทานปั้นเหน่งแม่นาคให้กับหลวงพ่อพริ้ง หรือพระครูวิสุทธิ์ศิลาจารย์ แห่งวัดบางปะกอก ซึ่งภายหลังได้นำเอาปั้นเหน่งอันนี้มาถวายแด่กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ในเวลาต่อมา ก่อนที่ปั้นเหน่งแม่นาค จะถูกเปลี่ยนมือไปอีกหลายทอด และหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
อย่างไรก็ตาม "ปั้นเหน่งหรือกะโหลกหน้าผากแม่นาค" ถือได้ว่าเป็นหลักฐานที่หลงเหลือและจับต้องได้เพียงชิ้นเดียว จากตำนานรักอมตะระหว่างผีกับคน ที่ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่า ของศักดิ์สิทธิ์จากตำนานรักแม่นาค ตกทอดไปอยู่ในมือของผู้ใด?  



หลวงพ่อกี๋กับคนรับใช้



ในเขตอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ถ้าเอ่ยชื่อท่าน พระครูกิตตินนทคุณ หรือที่ชาวบ้านทั่วไปขนานนามท่านว่า หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง ส่วนใหญ่ผู้คนจะรู้จักท่านเป็นอย่างดี ว่าท่านเป็นอดีตพระเกจิอาจารย์ ที่เชี่ยวชาญและเก่งกล้าทางด้านคาถาอาคม การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ผีเข้าหรือถูกคุณไสยต่างๆ

สมัยท่านมีชีวิตอยู่ใครมีเรื่องเดือดร้อน หรือต้องการให้ท่านขจัดปัดเป่า ท่านก็เมตตาช่วยเหลือให้ทุกรายไปโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ แม้ปัจจุบันท่านจะมรณภาพไปนานหลายปีแล้วก็ตาม แต่ชื่อเสียงและเกียรติคุณของท่านก็ยังเป็นที่กล่าวขานตลอดเวลา

และยังเป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจยามทุกข์ยาก เดือดร้อนด้วยเรื่องต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บ ผีเข้าเจ้าสิง หรือเรื่องอื่นๆ

หลวงพ่อกี๋นอกเหนือจากความขลังในอาคมและวัตถุมงคลแล้วท่านยังมีความเชี่ยวชาญ

ในเรื่องผีเจ้าเข้าสิงเป็นที่เลื่องลือ

สมัยก่อนวัดหูช้างจะมีโกดังเก็บศพ หลวงพ่อกี๋ท่านมักจะเข้าไปทำสมาธิในนั้นอยู่เสมอ
ในสมัยนั้นชาวบ้านคนไหนถูกผีเจ้าเข้าสิง ญาติๆมักจะนำมาให้หลวงพ่อกี๋ทำพิธีไล่ออกให้

เรียกว่าผีตนไหนที่ว่าเฮี้ยนๆ ที่ว่าแน่ๆ เจอหลวงพ่อกี๋ เป็นอันจอดทุกราย

วิธีการของหลวงพ่อกี๋ ท่านจะเรียกวิญญาณลงหม้อแล้วจึงทำพิธีส่งเขาไปเกิดในภพภูมิตามกุศลกรรมที่กระทำมา

มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านมีกิจนิมนต์ออกนอกวัด ตอนขากับได้มีวิญญาณผีผู้ชายท่านหนึ่งตามท่านมาและขออยู่รับใช้ท่าน
ทราบชื่อต่อมาภายหลัง ว่าชื่อ ไอ้บัง ท่านมักจะเรียกว่าคนรับใช้

ครั้งหนึ่ง.

หลานของหลวงพ่อกี่ ได้เดินทางมาปรึกษาหลวงพ่อกี๋ เกี่ยวกับบ้านที่พักอาศัยอยู่ว่าที่บ้านมีเสาตกน้ำมัน
และมักจะมีเหตุการณ์แปลกๆอยู่เสมอ เหมือนมีธาตุพลังงานบางอย่างมาพักอาศัยอยู่รวมชายคาด้วย
โดยที่ไม่สามารถมองเห็น ด้วยตาเนื้อแต่..สัมผัสรับรู้ได้ว่ามี

ด้วยความไม่สบายใจอยากจะให้หลวงพ่อกี่ ตรวจดูให้หน่อยว่า ดี หรือไม่ดีอย่างไร

หลังจากแจ้งความจำนงค์ให้หลวงพ่อกี่ ทราบสักพัก ท่านก็ตะโกนออกไปว่า..

เฮ้ย..ไอ้บัง มึงไปดูบ้านให้เขาหน่อยซิ..

หลังจากนั้นหลวงพ่อกี่ ท่านก็ได้สนทนาสัพเพเหระกับหลานของท่าน  เพียงแค่ชั่วครู่เดียว

หลวงพ่อกี่ท่านก็ พูดขึ้นมาว่า..

ไอ้บัง มันไปดูบ้านของมึงมาแล้ว มันบอกเห็นแต่ กุมารเด็ก เล่นม้าก้านกล้วยอยู่ในบ้าน
เสาตกน้ำมันนะดี มีกุมารเด็กแฝงอยู่ในนั้น ให้จัดอาหาร เสื้อผ้า ของเล่นให้เขาด้วย

มีเหตุการณ์สำคัญที่สมควรจะบันทึกไว้ ที่พอจะสามารถยืนยันได้ว่า ผีไอ้บัง มีจริงๆ
  ช่วงเช้าของวันหนึ่ง ญาติโยมได้พายเรือเดินทางมาถวายอาหารเช้าที่วัด

สมัยนั้นหน้าวัดหูช้าง คือ คลองหลังวัดในปัจจุบัน
ห้วงเวลานั้นไม่ใช่ช่วงฤดูกาลน้ำหลาก น้ำในคลองหน้าวัดจึงมีปริมาณแห้งขอดเห็นขี้ตม ดินเลน และบ้างช่วงก็มีน้ำขังเป็นช่วงๆ สลับกันไป ต้องออกแรงใช้ไม้ไผ่ค้ำ ดันเรือ เพื่อให้แล่นออกไป

หลังจากถวายอาหารเช้าแล้วเสร็จ โยมที่น้ำอาหารมาถวายหลวงพ่อกี่ได้กราบลากลับ  พอขึ้นเรือได้สักพัก หลวงพ่อกี่ ท่านก็ตะโกนเสียงดังฟังชัดว่า..  ไอ้บัง เอย ไปส่งโยมเขาหน่อย โว้ย !!!

ทันที ที่สิ้นเสียงหลวงพ่อกี่  เรือของโยมท่านนั้น ก็แล่นออกไปเองโดยไม่ต้องพายหรือใช้ไม่ไผ่ค้ำแต่อย่างใด
จนเรือมาอยู่นิ่งเมื่อถึงหน้าบ้านของโยมดังกล่าว..





หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ




ท่านเป็นพระภิกษุที่มีความกรุณาเมตตาอย่างสูง ต่อผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีเคารพรักศรัทธาในตัวท่าน

เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณที่เคารพรักหลวงปู่ชื่นมาขออยู่ปรนนิบัติรับใช้


หลวงปู่ชื่นท่านก็มีเหมือนกันเรียกว่า...เต็มใจมา

โดยหลวงปู่ชื่นมิได้บังคับ จองจำ หรือผูกวิญญาญ แต่อย่างใด


ด้วยกุฏิที่ท่านพักอาศัยจำวัด อยู่บริเวณป่าช้าเก่า อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งก็ได้

ที่ทำให้ชีวิตท่าน เกี่ยวข้องกับโลกแห่งวิญญาณ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้





เรื่องมีอยู่ว่า



.ช่วงสายของวันหนึ่ง ได้มีคณะศรัทธา6-7ท่าน ได้เดินทางมาวัด  

ทราบต่อมาว่าได้เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร


ใช้รถตู้รับจ้างเป็นพาหนะในการโดยสาร ด้วยมีเป้าหมายหลัก คือ..


ต้องการจะมาบูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่น ที่คณะศรัทธาได้ยินได้ฟัง

คำกล่าวขานเสียงร่ำเสียงลือว่า..


วัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่น โคตร..ศักดิ์สิทธิ์


วัตถุมงคลที่ได้รับการอธิฐานจิตจากหลวงปู่ชื่นไม่เป็นสองรองใคร พลังจิตของหลวงปู่ชื่นสูงมาก

เทียบเท่าคณาจารย์รุ่นเก่าหลายๆท่าน หลังปี 2500


เมื่อคณะศรัทธาได้เดินทางมาถึงวัด เมื่อลงจากรถได้ ต่างคนก็รีบกุลีกุจอขึ้นกุฏิ ทันที..


ส่วนคนขับรถตู้ด้วยขอตัวนอนหลับผักผ่อนเอาแรงเพราะจะต้องตีรถกลับเข้ากรุงเทพ

ทันที่หลังคณะศรัทธาเสร็จกิจจากการกราบนมัสการหลวงปู่ชื่น




คณะศรัทธาได้ขึ้นมากราบสนธนากับหลวงปู่ชื่นชั่วครู่ ก็เข้าประเด็นเรื่องวัตถุมงคล ทันที

เกินกว่าจะหยั่งจิตห้ามใจอีกต่อไปไว้ได้

จึงได้บอกกล่าวหลวงปู่ชื่น ว่าต้องการชมวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่น



เมื่อหลวงปู่รับทราบถึงความจำนงค์


หลวงปู่ชื่นท่าน  ทำท่าทางขยับตัวจะลุกจากอาสนะ เพื่อไปหยิบวัตถุมงคลให้คณะศรัทธาชม

อยู่ ๆ ท่านก็เปลี่ยนใจ ไม่ลุกขึ้น แต่กับเปล่งเสียงออกไปว่า.




อีนางน้อย หยิบพระให้หลวงปู่หน่อย..




ชั่วครู่..นั้นเอง


โปรดติดตามต่อ


โพสต์ 2013-10-28 15:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อ่านแล้วน้ำตาไหลตอนที่หลวงปู่ไปเยี่ยมลูกศิษย์โดนขัง
โพสต์ 2014-8-23 14:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ภาพแห่งความทรงจำ "หาเงินซื้อมาม่าหลวงปู่ชื่นจะเอาไปให้คนจนที่เขมร"

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณจำเป็นต้อง ลงชื่อเข้าใช้ เพื่อดาวน์โหลดหรือดูไฟล์แนบนี้ คุณยังไม่มีบัญชีใช่ไหม? ลงทะเบียน

x
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้