ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 20086
ตอบกลับ: 4
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

คำสาบานVsคำสาปแช่ง

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2013-11-1 19:00







การสาบานคือ การกล่าวแช่งตัวเองให้เป็นไปในเรื่องไม่ดีถ้าตนทำเช่นนั้น ส่วนการ สาปแช่งจะหมายถึง การที่คนอื่นมาแช่งให้เราเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ซึ่งหากเราไม่ได้ทำความชั่วแล้วย่อมไม่มีผลแต่อย่างใด และในทางตรงข้าม หากเราทำชั่วแล้วถึงไม่มีใครแช่ง ก็ต้องรับผลของกรรมชั่วอยู่ดี เพราะสัตว์ ทั้งหลายย่อมมีกรรมเป็นของๆตน

ในพระไตรปิฏกก็มีการกล่าวถึง คนที่สาบานหรือพูดแช่งตัวเองอยู่หลายกรณี อย่างเช่น หญิงสะใภ้ของพ่อค้าคนหนึ่ง ที่อาศัยในหมู่บ้านไม่ไกลจากกรุงสาวัตถี หญิงคนนี้ได้แอบกินเนื้อที่เก็บไว้สำหรับผู้อื่น เมื่อโดนซักไซร้กลับไม่ยอมรับ และสบถคำสาบานว่า “ถ้าเรากินเนื้อนั้นจริง ก็ขอให้เราพึงเฉือนเนื้อสันหลังของตนแล้วกินทุก ๆภพไปเถิด”  เมื่อหญิงผู้นี้ตายแล้วก็ไปเกิด เป็นเปรต และด้วยผลกรรม จึงใช้เล็บที่ทั้งกว้างและ ยาว อีกทั้งคม กรีดเนื้อแผ่นหลังของตนเองกิน เสวยทุกข์หาประมาณมิได้

เราจะเห็นได้ว่าการกล่าวคำสาบานนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันเล่นๆเลย เพราะย่อมมีผลแน่นอน แม้บางครั้ง จะไม่เห็นผลในชาตินี้ แต่ย่อมให้ผลในชาติต่อๆไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หากนักการเมืองบ้านเราหันมาสนใจศึกษา ธรรมะกันมากขึ้น ไม่เพียงแต่เอาพุทธพจน์มากล่าวอ้างกันโก้ๆอย่างที่หลายคนทำ ก็คงจะไม่กล้าสาบานกันพร่ำเพรื่ออย่างทุกวันนี้







สาบานไว้เช่นไรจะต้องได้รับผลเช่นนั้นจริงหรือไม่???


ถาม – ที่เชื่อกันว่าพูดสาบานเช่นไรจะต้องไปรับผลเช่นนั้นนี่จริงไหมครับ?

อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าสาบานแบบไหน ยืนพื้นอยู่บนความชั่วร้ายระดับไหนด้วยครับ
ยกตัวอย่างเช่นบางคนสาบานมั่ว เช่นขอให้ฟ้าผ่า ใจก็นึกอยู่แล้วว่าฟ้าไม่มีทางผ่าตัวเองถูก ชอบ
เดินในร่ม ไม่ชอบตากฝนอยู่แล้ว เป็นต้น

มาดูตัวอย่างจริงที่บันทึกไว้ในคัมภีร์พุทธกันดีกว่า จาก ปัญจปุตตขาทิกเปตวัตถุ สตรีนาง
หนึ่งมีใจประทุษร้าย แกล้งทำให้หญิงร่วมสามีแท้งลูก เมื่อถูกซักไซ้ไล่เลียงว่าเป็นต้นเหตุหรือไม่
นางกลับแสร้งสบถสาบานว่าถ้าทำชั่วได้ขนาดนี้ ก็ขอให้ไปเป็นพวกกินเนื้อลูกตัวเองเถิด

นี่แหละ ตัวอย่างของการสาบานส่งเดช ใจคงนึกว่าอย่างไรคำสาบานก็ไม่มีทางให้ผล เพราะ
คงไม่มีมนุษย์คนไหนเสียสติขนาดกินลูกตัวเองได้ แต่ความจริงก็คือมนุษย์เราถูกปิดบังไม่ให้เห็น
สภาพในภพอื่น มิติอื่น ที่เป็นอะไรก็ได้เหมือนฝัน แต่ไม่เลอะเลือนปรวนแปรเร็วอย่างฝัน นอกจาก
โลกมนุษย์นี้ยังมีโลกนรก โลกเดรัจฉาน โลกเปรต คอยท่าที่จะลงโทษทัณฑ์อันไม่อาจเกิดขึ้นใน
สภาพมนุษย์

เมื่อถึงเวลาที่นางทำกาละ นาทีสุดท้ายของชีวิตนั้นเอง ธรรมชาติได้ประมวลกรรมทั้งชีวิตที่
นางทำ ไม่พบว่ามีกรรมใดทั้งดีและชั่วน้ำหนักเหนือกว่ากรรมที่ฆ่าเด็กในครรภ์หญิง ร่วมสามี กรรม
ฆ่าเด็กจึงถูกเลือกให้เป็น ‘ชนกกรรม’ คือเป็นหัวรถจักรนำขบวนไปสู่ภพแห่งเปรต

หลังฟื้นจากภวังค์แรกในภพใหม่ นางพบตนเองอีกครั้งในสภาพเปลือยกาย มีผิวพรรณทราม
มีกลิ่นเหม็นฟุ้ง มีแมลงวันไต่ตอมเป็นกระจุก ที่ย่ำแย่กว่านั้นคือเช้าต้องคลอดบุตร ๕ ตน แล้วมีแถม
มื้อเย็นอีก ๕ เสียด้วย ยังไม่พอ ตอนคลอดปุ๊บก็ต้องกินลูกตัวเองปั๊บเพื่อดับความหิว โดยไม่อาจหัก
ห้ามใจตนเองได้ เนื่องจากกรรมชั่วที่ลั่นสาบานไว้คอยบีบให้ต้องทำแบบไม่มีสิทธิ์ยับยั้งชั่ง ใจ

นี่คือตัวอย่างที่ไม่ควรเอาเยี่ยง นางมีกรรมคือปาณาติบาตให้ต้องเสวยผลอยู่แล้ว แถมกำหนด
วิธีเสวยผลด้วยการสาบาน คือระบุเสร็จสรรพว่าถ้าทำจริงขอให้ต้องกินลูกตัวเอง แล้วในที่สุดก็ต้อง
ไปกินลูกตัวเองจริงๆ คลอดแล้วกิน คลอดแล้วกิน นับว่าตายแล้วต้องไปเป็นผู้ถึงความพินาศ ไม่
อาจแก้ตัวจากปาณาติบาต และไม่อาจแก้คำสาบานที่นึกว่าไม่มีผล

แค่อ่านดูสำนวนของนางผู้ไปเป็นเปรตรายนี้เพียงประโยคเดียว ก็เดาได้ไม่ยากเลยครับว่า
นิสัยใจคอเป็นอย่างไร ทำบาปโดยไม่ละอาย โกหกตาไม่กะพริบ แถมเป็นพวกหยาบคาย บาปที่
หนาจึงบดบังปัญญามิด ไม่มีโอกาสสำนึกผิดจนตาย

ขอให้ทำความเข้าใจโดยทั่วกันว่าคำสาบานที่ยืนพื้นอยู่บนการอ้างกรรมที่ทำไป จริงๆนั้น ที่แท้
ก็คือการตั้งอธิษฐานโดยอาศัยสัจจะนั่นเอง กรณีของนางเปรตนี้คือตัวอย่างของการทำบาปไปจริงๆ
แต่ดันทะลึ่งโกหกว่าไม่ได้ทำ ถึงกับยอมลงทุนสบถสาบานเรื่อยเปื่อยหวังเอาตัวรอดเฉพาะหน้า
หากนางไม่ได้ฆ่าแล้วสาบานเช่นเดียวกันนี้ ผลที่จะต้องไปกินลูกก็ไม่เกิดขึ้นเลย

ยิ่งคุณสาบานพร่ำเพรื่อ ยิ่งผูกมัดจิตของคุณ ให้มัดแน่นในคำสาบาน จะยิ่งส่งผลรุนแรงต่อไป ทั้งในภพนี้ และภพหน้า
เพราะจิตของคุณเอง
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-1 18:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้





คำสาบานในสวนดอกท้อ เป็นตำนานอันลือลั่นจากเรื่องสามก๊ก



     “คำสาบานในสวนดอกท้อ”(ดอกยี่โถ) ของสามพี่น้อง เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย เป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของเรื่องสามก๊ก เป็นคำมั่นสัญญาของลูกผู้ชายที่พร้อมร่วมเป็นร่วมตาย ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ซึ่งในหนังสือสามก๊กได้อธิบายคำสาบานนี้ไว้อย่างจับใจว่า

     “ข้าพเจ้าเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ทั้งสามคนนี้อยู่ต่างเมืองวันนี้ได้มาพบกัน จะตั้งสบถเป็นพี่น้องร่วมท้องกันเป็นน้ำใจเดียวซื่อสัตย์ต่อกันสืบไปจนวันตาย จะได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถ้ามีภัยอันตรายสิ่งใดแลรบศึกเสียที ข้าพเจ้ามิได้ทิ้งกัน จะแก้แก้กันกว่าจะตายทั้งสาม แลความสัตย์นี้ข้าพเจ้าได้สาบานต่อหน้าเทพดาทั้งปวงจงเป็นทิพย์พยาน ถ้าสืบไปภายหน้าข้าพเจ้าทั้งสามมิได้ซื่อตรงต่อกัน ขอให้เทพดาสังหารผลาญชีวิตให้ประจักษ์แก่ตาโลก”
3#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-1 18:37 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
สำหรับประเทศไทยของเรานั้น มีเหตุการณ์หนึ่งที่สามารถเทียบเคียงเหตุการณ์คำสาบานในสวนดอกท้อนี้ได้ นั่นคือ “คำสาบานสามกษัตริย์” ของ พ่อขุนมังรายแห่งอาณาจักรล้านนา พ่อขุนรามคำแหงแห่งอาณาจักรสุโขทัย และพ่อขุนงำเมืองแห่งอาณาจักรภูกามยาว(พะเยา)









พระบรมราชานุสาวรีย์สามกษัตริย์ จ.เชียงใหม่ เป็นหลักฐานว่าเราก็มีคำสาบานในตำนาน ไม่แพ้เรื่องสามก๊ก

     พ่อขุนมังราย พ่อขุนรามคำแหง และพ่อขุนงำเมือง ทั้งสามพระองค์ทรงรับการศึกษาที่สำนักอิสิฤๅษี ณ ยอดเขาดอยด้วน และสำนักสุกทันตฤๅษี ที่เมืองละโว้(ลพบุรี)  ร่วมกันยาวนานหลายปีทำให้ทั้งสามพระองค์ทรงสนิทสนมกันมาก เมื่อสำเร็จการศึกษา จึงทรงกระทำพิธีกรรมสัตยาบันต่อกัน โดยกรีดเลือดผสมกับน้ำดื่ม ในขณะที่ทุกพระองค์นั่งเอาหลังพิงกันอยู่ริมแม่น้ำ (ในภาษาท้องถินเรียก “พิง” ว่า “อิง”  แม่น้ำสายนั้นจึงชื่อ แม่น้ำอิง มาจนถึงวันนี้) แล้วให้คำสัตย์สาบานตามโองการแช่งน้ำว่า

    “หากใครบ่ซื่อคิดคด ขอให้ตายในสามวัน อย่าให้ทันในสามเดือน อย่าให้เคลื่อนในสามปี” แล้วจึงแยกย้ายกันกลับสู่ถิ่นฐานเดิม

     เหตุการณ์นี้อาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างเพราะบางตำราก็ว่า ทั้งสามพระองค์สาบานหลังจากปกครองเมืองไปแล้ว พอทะเลาะกันจึงค่อยสาบานเป็นมิตรกัน หรือก่อนร่วมมือกีนสร้างเมืองเชียงใหม่ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องเล่าสนุกปากอยู่มาก เช่นเรื่องชู้สาว เรื่องเวทมนต์คาถา และเรื่องรวมตัวกันเพื่อต่อต้านการรุกรานจากประเทศจีน

     หากสนใจก็ลองค้นคว้าหาอ่านกันเพิ่มเติม แต่ที่แน่ ๆ คือทั้งสามพระองค์ทรงเป็นมิตรสหายที่เที่ยงแท้ต่อกัน ไม่แพ้สามพี่น้อง เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย ของเรื่องสามก๊กเลย
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2013-11-1 18:59 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
"ของแรงจริงๆ" คนจิตอ่อนห้ามเข้า(18+)
คำสาปแช่ง

















ขอสาปส่ง คนที่ทำ ให้ฉันเจ็บ

ขอให้เข็ด  ขยาดรัก  ใจหมองไหม้

ขอสาปส่ง  ให้ชอกช้ำ  ระกำใจ

ขอสาปให้  ผิดหวัง  ทุกข์ระทม

ขอสาปคน  ที่ทำร้าย  ใจของฉัน

ขอให้มัน  ได้พบแต่  ความขื่นขม

ขอสาปให้  ชีวิตมัน  นั้นล่มจม

ขอให้อม  ทุกข์ทั้งปี  ไม่มีคราย

ขอสาปให้  พบแต่  ความพินาจ

ขออาฆาต  ให้มันพบ  แต่ฉิบหาย

ขอสาปส่ง  จะจองล้าง  มันจนตาย

ขอให้กลาย  เป็นคนที่  ไม่ใช่คน

ขอวิงวอน  เทพไท้  พยาดา

ขอให้ฟ้า  เหลียวมองข้า  ผู้สับสน

ขอนรก  รับคำข้า  ในบัดดล

ขอให้คน  ที่ข้าสาป  พินาจไป











ขอสาปแช่ง คนที่  ทำร้ายฉัน

ขอให้มัน พบแต่  ความฉิบหาย

ขอสาปแช่ง  ให้มัน  นั้นวอดวาย

ขอให้ตาย  ตกนรก อเวจี

ขอสาปแช่ง  ให้มัน นั้นพินาจ

ขออาฆาต  ให้มันตาย  กลายเป็นผี

ขอสาปแช่ง  ให้มัน  ไม่ได้ดี

ขอให้มี  แต่ความเศร้า  ทุกข์ระทม

ขอสาปแช่ง  คนที่ร่วม  มือมันด้วย

ขอให้ม้วย  ดับสูญ  และขื่นขม

ขอสาปแช่ง  ให้มัน  นั้นล่มจม

ขอให้ตรอมตรม  กับสิ่ง  ที่มันทำ

ขอสาปแช่ง  ให้มัน นั้นดับดิ้น

ขอให้สูญสิ้น มอดม้วย และตกต่ำ

ขอสาปแช่ง  ให้ลูกหลาน ไม่จดจำ

ขอให้กรรม  ที่มันก่อ สนองคืน



โดย :  shawdowman
จัดเต็ม
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้