ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 33021
ตอบกลับ: 1
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

ดินโป่ง ผีโป่ง เจ้าแห่งสัตว์ป่า

[คัดลอกลิงก์]
ดินโป่ง ผีโป่ง เจ้าแห่งสัตว์ป่า


เรื่องเล่าที่สืบทอดกันมาหลายช่วงอายุคน ตังแต่ครั้งสมัยปู่ย่าตายายเกี่ยวกับเรื่องการหากินของ สัตว์ป่า ไม่ว่าจะไปกินน้ำ ดินโป่ง หรือลูกไม้ก็ตาม สมัยนั้นเชื่อกันว่าสัตว์ป่าแต่ละฝูงนั้นจะมีผู้ซึ่งคอย ดูแลอยู่ (หรือที่เรียกกันว่าเจ้าของสัตว์ป่า)เขาจะคอยควบคุมสัตว์ป่าแต่ละตัวให้อยู่ในกฎ ถ้าสัตว์ป่า ตัวไหนเกเรก็จะถูกคัดออก ให้เป็นเหยื่อของพราน พรานป่าในสมัยก่อนนั้นมักจะอธิฐานขอสัตว์ป่าที่ เกเรก่อนที่จะเข้าไปล่าสัตว์



พ่อของข้าพเจ้าเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งซึ่งได้ไปนั่งห้างล่าสัตว์ ในดงดิบทึบแห่งหนึ่งซึ่งเป็นบริเวณ ที่มีสัตว์ป่าชุกชุมมาก ในระหว่างที่รอสัตว์มากินลูกไม้อยู่นั้น ก็มีลมพัดมาวุ๊บหนึ่งหลังจากนั้นก็เห็นคนซึ่ง ใส่กางเกงแบบจุงกระเบนสีแดง ไม่ใส่เสื้อ มีผ้าสีแดงโผกที่ศรีษะ ยืนอยู่ซักพักหนึ่งแล้วก็เดินหาย เข้าไปในป่า ซักครู่หนึ่งก็มีฝูงหมูป่าเข้ามากินลูกไม้ พ่อของข้าพเจ้าจึงยกปืนขึ้นพนมมือ และอธิฐาน ว่าของสัตว์ป่าที่เกเรซักตัวหนึ่งด้วยเถอะ ซักพักสัตว์ป่าค่อยทยอยกลับเข้าไปในป่า แต่ยังเหลืออีกตัว หนึ่งที่ยังกินลูกไม้ยังไม่หยุด พ่อของข้าพเจ้าจึงยกปืนเล็งลำกล้องไปยังหมูป่าตัวนั้นและลั่นไกรออกไป เสียงปืนดังสนั่นป่า พร้อมกับเสียงร้องของหมูป่าตัวนั้น มันล้มลงดิ้นอยู่บนใบไม้แห้ง แล้วก็หยุดแน่นิ่ง อยู่ตรงนั้น พ่อรีบบรรจุลูกปืนและนอนเฝ้าหมูตัวนั้นอยู่บนห้างจนถึงเช้าจึงกลับบ้าน


ดินโป่งเป็นอาหารโปรดของสัตว์ป่านานาชนิด ซึ่งแต่ละแห่งนั้นก็แตกต่างกันออกไป บางแห่งนั้น ก็มีสัตว์ป่ามากินอย่างชุกชุม แต่บางแห่งก็แทบไม่มีสัตว์ตัวใดเลยเข้ามากินเลย ข้าพเจ้าจะเล่าเกี่ยว กับดินโป่งแห่งหนึ่ง ซึ่งชื่อว่าโป่งเขาแหลม ดินโป่งแห่งนี้มีสัตว์ป่ามากินกันอย่างชุกชุม ทำให้พราน ป่าต่างมานั่งห้างกันเป็นประจำ แต่ทว่านั้นแต่ละรายต่างก็เจอเหตุการที่แปลกประหลาดต่างกันไป บางคนก็ได้ยินเสียงสัตว์นั้นมากินดินโป่งเป็นฝูง แต่เวลาเปิดไฟแล้วกลับไม่เห็นแต่วี่แววของสัตว์แม้ ซักตัวเดียวเลย บางคนก็เห็นสัตว์ป่าและพอยิงแล้วก็เห็นมันหายไปต่อหน้าต่อตา จนทำให้โป่งนี้ กลายเป็นโป่งอาถรรพ์ เพราะต่างก็ว่ามีผีโป่งสิงสถิตอยู่ ถึงเวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่โป่งนี้ก็มี ร่องรอยของสัตว์ป่ามากินโป่งอย่างชุกชุมเช่นเดิม แต่ก็ไม่มีใครกล้ามี่จะมานั่งห้างนี้


จนกระทั่งคน หนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คนในหมู่บ้านแถบนี้ ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ได้เที่ยวป่าและไปพบโป่งนี้เข้า เขาจึง มานั่งโป่งนี้ และก็ได้พบเหตุการเช่นเดียวกันนี้เหมือนกับคนอื่นๆ จากประสบการณ์การเที่ยวป่าของ เขาทำให้รู้ทันทีว่าโป่งแห่งนี้มีวิญญาณของสัตว์นานาชนิด ยังคงวนเวียนอยู่ ไม่ได้ไปผุดไปเกิด เขา จึงได้ทำพิธีปิดโป่งโดยการนำปลอกลูกปืนที่เคยยิงสัตว์มาฝังไว้ที่โป่งแห่งนนี้ เพื่อปลดปล่อย วิณญานสัตว์เหล่านั้นออกไป ไม่นานโป่งแห่งนั้นก็กลายเป็นโป่งร้าง ไม่มีแม้แต่สัตว์ป่าตัวใดเข้าไปกิน แต่เรื่องราวของโป่งแห่งนั้นก็ยังเล่าสืบกันต่อมา





2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2014-10-4 17:00 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย รามเทพ เมื่อ 2014-10-4 17:04

ผีโป่งดงดำ






วิญญาณสัตว์ที่ถูกฆ่าตามโป่งมันผูกอาฆาตเมื่อมีโอกาสมันจะใส่ยำลงในตัวคน

ตามป่าทั่วไปเราจะพบสัตว์ป่ากินโป่งซึ่งเป็นดินที่มีธาตุอาหารพิเศษบำรุงให้สัตว์สมบูรณ์ตามธรรมชาติ  ไม่ว่าสัตว์น้อยใหญ่จะต้องกินโป่งหรือง้วนดินเสริมพลังงาน   ดินโป่งแต่ละที่มีความแตกต่างกันไปบ้างตามความเข้มข้นของธาตุอาหาร ขณะเดียวกันธาตุเหล่านั้นบางครั้งมีพิษต่อคนบางคนที่มีความต้านทานไม่เพียงพอ หากเดินไปใกล้หรือลงในดินโป่งจะเกิดอาการเรียกว่าผีโป่งใส่ยำ


ปู่ปั๋นแข้งแคะเตียว(เดิน)ป้อกกะแด้ก.ป้อกกะแด้ก...กะโผลกกะเผลกไม่สมประกอบ เพราะตอนที่ยังหนุ่มเขาชอบนำสินาดยาว(ปืนเฝ่า)ไปส่องสัตว์ที่ลงกินโป่งตามป่า  สิ้นเสียงสินาด สัตว์ป่าไม่ว่ากวาง เก้ง ฯลฯ.ดิ้นกะด่าว...กะด่าว..สายตาเบิกโพลงด้วยความแค้นทั้งๆที่เลือดสาดยังปิ้มใจทนอดเหลือกตามองว่าใครเป็นผู้ยิงมัน ทั้งๆที่มันหากินอย่างสุจริตไม่เบียดเบียนใคร  วิญญาณสัตว์ตัวแล้วตัวเล่าเมื่อสิ้นใจเปลือกตามันอ้าลืมไม่ยอมปิดวิญญาณยังเลื่อนลอยไปมาอยู่แถวดินโป่งด้วยแรงอาฆาตและหวงแหนถิ่นที่เป็นผีเฝ้าโป่งผู้คนเรียกกันว่า

"  ผีโป่งดงดำ "บางครั้งมันสบโอกาสเห็นคนหลายๆคนที่กำลังส่องสัตว์มันจะตะแหลงแปลงร่างเป็นสัตว์เข้ากำบังตัวคนผู้ใดผู้หนึ่งเพื่อหลอกคนอื่นๆหลงเข้าใจว่าเป็นสัตว์ป่าจึงยิงร่างผีสัตว์กำบังสิ้นเสียงปืนกลับเกิดเสียงคนร้องโอดโอยครวญครางกลายเป็นว่าพรานล่าสัตว์ยิงพรานด้วยกันเองกลายเป็นผีเฝ้าโป่งอยู่กับวิญญาณสัตว์ต่อไปตามเวรกรรม


บางครั้งวิญญาณผีโป่งป่ามันใส่ "ยำ "  หรือง้วนพิษโป่งลงในตัวคนที่ไปเดินล่าสัตว์ตามโป่ง จนมีอาการหัวเข่าบวมเป่งผู้คนทั่วไปเรียกกันว่า " โรคโป่ง"  หากรักษาไม่ถูกทางเนื้อตอนหัวเข่าเปื่อยยุ่ยกระดูกเข่าหล่อนเลาะเคาะแข้งหลุดจากขา  เกิดอาการเจ็บปวดทรมานเป็นคนขากุดขาด้วน


แต่บางคนรักษาถูกทางก็เพียงแต่อาการบวมยุบตัวลงเหลือเพียงหัวเข่าป๋มป้กค้กเดินกะโผลกกะเผลกไม่สมประกอบภาษาล้านนาเรียกกันว่า " เสีย-องค์-ก๊ะ"


ผีโป่งดงดำมันมียำ(พิษ)มันจะเปลี่ยนง้วนดินที่รสอร่อยกลายเป็นง้วนพิษที่สุดโหดอมผู่พ่นใส่หัวเข่าคนที่ลงไปเก็บซากสัตว์ในโป่งจนป่วยสมกับกรรมที่พวกเขาทำกับสัตว์ป่า.....
.



บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย NIKHOM





ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้