ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด เข้าสู่ระบบ
ดู: 9288
ตอบกลับ: 32
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

เพราะชีวิตคนเรามีแค่ 21,900 วัน

[คัดลอกลิงก์]
1#
โพสต์ 2015-9-22 14:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตายได้ยังไงหากฝันไม่สำเร็จ...


ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย




แต่ให้รีบทำทุกอย่างก่อน ที่จะตาย



...ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้  



2#
โพสต์ 2015-9-22 14:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด
3#
โพสต์ 2016-3-15 05:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
4#
โพสต์ 2016-4-5 06:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
5#
โพสต์ 2016-4-6 04:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เพราะชีวิตคนเรามีแค่ 21,900 วันเท่านั้น
คนเราอายุเฉลี่ย 60 ปี





1 ปี เท่ากับ 365 วัน
แสดงว่าแต่ละคนมีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วัน
คิดปลีกย่อยไปกว่านั้นก็ 525,600 นาที
ลองนับเป็นสัปดาห์ อืม...ไม่เลว 3,120 สัปดาห์




แสดงว่า เรามีโอกาสเที่ยวในคืนวันเสาร์สามพันกว่าครั้งเท่านั้นเอง คิดแบบนี้แล้วไม่กล้าดูนาฬิกา
แทบเบือนหน้าจากปฏิทิน เพราะมันไม่ต่างอะไรกับการนับแถวหลังเพื่อรอวันลาโลก

เปล่าเลย ผมไม่ได้กลัวตาย ตรงกันข้าม ผมคิดว่าตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มันน้อยมาก
หากคำนวณในเชิงตัวเลข ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน เพลงอีกหลายเพลงที่ยังไม่ได้ฟัง
หนังอีกหลายเรื่องที่ยังไม่เคยดู ความรู้สึกในใจมากมายที่ยังไม่เคยบอก
พื้นที่อีกหลายล้านตารางกิโลเมตรที่ยังไม่เคยไป

โอ๊ย...กลุ้ม สองหมื่นกว่าวันที่เราได้รับมามันน้อยเกินไปจริงๆ
และที่น่ากลุ้มไปกว่านั้น คือ ใช่ว่าทุกคนจะอยู่ถึง 60 ปี

แน่นอน 1 ปี ยังเท่ากับ 365 วัน
นั่นแสดงว่า บางคนไม่ได้มีเวลาอยู่บนพื้นโลกถึง 21,900 วันหรอกนะ
อาจไม่ถึง 3,120 สัปดาห์ซะด้วยซ้ำ
อุแม่เจ้า... 2 คืนวันเสาร์ที่จะได้ไปเที่ยวเหลือไม่ถึงสามพันแล้วเหรอเนี่ย

คิดแบบนี้แล้วต้องรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดู กางปฏิทินออกกว้างๆ
เพราะนี่คือวันเสาร์ที่เราเหลือ...บนพื้นโลก


นี่เรากำลังอ่านอะไรบ้าบอ อยู่เนี่ยคิดมากไร้สาระ ฟุ้งซ่าน(รู้นะว่าพวกเธอคิดอยู่) ....
ไม่เลย นี่ไม่ใช่ปรัชญางี่เง่าอะไรทั้งนั้น หากเป็นความจริงที่เราไม่ค่อยได้มองมัน เอาล่ะ นี่คือ เรื่องจริงเรื่องหนึ่ง
ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามมันไป งั้นสมมติว่าทุกคนอายุ 18 ปี แปลว่าใช้ชีวิตมาแล้ว 6,235 วัน และผ่านคืน
วันเสาร์มา ร้อยกว่าครั้ง ส่วนหน่วยนาทีนั้น...คำนวณเองบ้างซิว้อย!!!


เอาเวลาที่ใช้ไปนั้น หักลบกับเวลาที่(คาดว่าน่าจะ)เหลืออยู่ผลลัพธ์ที่ได้ เราจะยังไงกับมันดี


แต่น่าแปลก หลายคนยังยอมทำงานน่าเบื่อ นั่งเอาหัวตากแอร์ไปวันๆ ยอมให้คนที่ไม่ใช่พ่อใช่แม่จิกหัวใช้
เพื่ออะไรบางอย่างที่เราเรียกว่า เงินเดือน

บางคนทนเรียนอะไรก็ไม่รู้อยู่ 4 ปี ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า รู้แต่ว่าแม่ชอบ ไม่ก็เห็นเพียงว่า
เพื่อนเรียน เพียงแค่ตอบตัวเองไม่ได้ว่ากูจะเป็นอะไรดี

บางคนแอบรักเขา ซุ่มเลิฟอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกที่ดีลอยไปหาคนอื่น แต่กลับปล่อยให้หัวใจตัวเอง
เหลือแต่ความรู้สึกต่ำต้อยได้ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน


บางคนกินทิฐิเป็นอาหาร เก๊กใส่กันไปวันๆ ต่างฝ่ายต่างรอให้อีกฝ่ายง้อ

คุณแน่ กูแน่ งอนการกุศล
ประชดทำลายสถิติ เชิดหยิ่งชิงชนะเลิศ...ไอ้บ้า!!!



และอีกหลายคนนิยมกิจกรรม 'ฆ่าเวลา' ... ชีวิตมันว่างจัด ขนาดต้องนั่งฆ่าเวลากันเลย
บอกตรงๆ เห็นแล้วอยากตบกบาล เอ็งกำลังทำลายทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดที่มนุษย์ทุกคนพึงจะมี



อีกหน่อยเราก็ตายจากกัน...แล้วนะ


ลองคิดแบบนี้บ้าง...ใช่แล้ว...เราจะเกิดความเสียดายเพราะเหลืออีกหมื่นแสนล้านอย่างที่เราไม่ได้ทำ


ตายได้ยังไงหากฝันไม่สำเร็จ...ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ยอมตาย
แต่ให้รีบทำทุกอย่างก่อน ที่จะตาย...ซึ่งจะเป็นวันไหนก็ไม่รู้


เคยสงสัยมั้ย... ทำไมเราถูกกำหนดไม่ให้รู้วันตายของตัวเองเพราะมันจะทำให้เราไม่แยแสทุกสิ่งทุกอย่าง
และตอบสนองความต้องการของตัวเอง ทั้งในทางดีและทางชั่ว


และในเมื่อเราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...มาเตรียมการรอรับวาระสุดท้ายของเราดีกว่า เอาแบบว่าถ้าตาย
วันพรุ่งนี้ก็จะได้นอนตาหลับ เกิดโชคดีไม่ตายขึ้นมาเราก็จะได้กำไรในการอยู่ต่อเพื่อทำสิ่งดีที่ยังค้างคา


ใช้ชีวิตโดยคิดซะว่า...พรุ่งนี้ชั้นจะตายแล้ว
ทำในสิ่งที่เรารัก เสมือนว่าเราจะไม่ได้ทำมันอีก
ตามฝันของเราไปสุดโต่ง...ต้องรีบแล้ว...เดี๋ยวตายยนะ...เตือนแล้วไง



รักให้หมดใจ บอกเขาไปทั้งหมดที่ความรู้สึกมี ส่วนจะรักหรือไม่รักกู ไม่สนว้อย...
เพราะพรุ่งนี้ชั้น(อาจจะ)ตายแล้ว

ใช้เวลา(ที่อาจจะ)สุดท้ายที่มีต่อกันไว้ กอดกันเหมือนว่านี่เป็นกอดสุดท้ายของเรา
นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะอย่างน้อยๆ เราจะได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มตอยให้สัมภาษณ์ยมบาล


คนข้างบ้านเดินหน้าแป้นแล้นมาบอกกข่าวดี ลูกสาววัย 23 กำลังจะแต่งงาน ในมือมีซองสีชมพูพร้อม
การ์ด ลูกสาวอยู่ต่างจังหวัดกับคู่หมั้น แม่เลยต้องมาแจกการ์ดเอง แต่เมื่อกี๊นี้ว่าที่เจ้าสาวเพิ่งโทร.มา
ปรึกษาแม่เรื่องชุดแต่งงาน หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง

เธอตาย... แต่กว่าที่คนเป็นแม่จะได้รู้ข่าวร้าย ก็


ปาไป 5 วัน ซองในมือผมกลายเป็นเงินช่วยงานศพ ช่อดอกไม้กลายเป็นพวงหรีดและทั้งหมดกลายเป็น
แรงบันดาลใจที่อยากจะบอกว่าอีกหน่อยเราก็ตายจากกัน...แล้วนะ



อ้าว!!! รู้งี้ยังจะมาอ้อยสร้อยอะไรกันอีก รีบแยกย้ายไปใช้เวลาที่เราเหลืออยู่ทำทุกอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ


เดี๋ยวตายซะก่อน...เสียดายแย่....

6#
โพสต์ 2016-4-7 08:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เพราะชีวิตคนเรามีแค่ 21,900 วันเท่านั้น
คนเราอายุเฉลี่ย 60 ปี




1 ปี เท่ากับ 365 วัน
แสดงว่าแต่ละคนมีเวลาบนพื้นโลก 21,900 วัน
คิดปลีกย่อยไปกว่านั้นก็ 525,600 นาที
ลองนับเป็นสัปดาห์ อืม...ไม่เลว 3,120 สัปดาห์


7#
โพสต์ 2016-4-7 09:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
วันเวลาล่วงไป...เราทำอะไรอยู่
วันเวลาล่วงไป ล่วงไป บัดนี้ เราทำอะไรอยู่ วันคืน ย่อมกลืนกินสรรพสัตว์ และ ตนเอง เวลาผ่านไป ไม่มีอะไรหยุดยั้ง บุคคลผู้ไม่เห็น ความสำคัญ ในวันเวลา ปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยตนเอง ไม่เคยเห็นความสำคัญว่า เราจะมีสติ ระลึกรู้ และ ตั้งใจสังวร กระทำตน ให้เป็นผู้ยังกุศลให้ถึงอยู่ กิจที่เราจะทำ อันสำคัญของชีวิต บาปใด ชั่วใด อกุศล ทุจริตใด ที่มีอยู่ ในบัดนั้น บัดนั้น อันเรารู้อยู่ เราพึงทำหน้าที่ ทำกิจของเรา ปรับปรุง ขจัดสิ่งที่เป็น บาปชั่ว ทุจริต อกุศลนั้นๆ ทำอยู่ ทำอยู่ พากเพียรอยู่ พากเพียรอยู่ ผู้ไม่ได้ดีนั้น ย่อมไม่มี แต่หากปล่อยให้วัน เวลา ผ่านไป ผ่านไป โดยไร้สติ ระเริงไปตามอารมณ์ ปล่อยให้บาปชั่ว อกุศล ทุจริตนั้นกินตัว กระทำกิจชั่ว ของมันอยู่ ผู้นั้นย่อมไม่เจริญ ย่อมเสื่อม ย่อมจมแล้ว จมเล่า
ดังนั้น ผู้ที่เป็นผู้ฉลาด ย่อมจะต้องระลึก รู้ความสำคัญ ในความสำคัญดังนี้ แม้แต่ชั่วบาป อกุศล ทุจริตใด ที่หาได้ยาก สิ่งดีที่ทำดียิ่งขึ้น ผู้ฉลาด ย่อมใช้วันเวลา และขณะที่ล่วงไป นั้น ทวีความดี ยังกุศลนั้นนั้น ให้ยิ่งยิ่งขึ้น
ผู้นั้น จึงชื่อว่า ผู้ตื่นแล้ว ผู้เจริญแล้ว เพราะตั้งอยู่ ในความไม่ประมาท เพราะเป็น ผู้มีสติดี มีธัมมวิจัยดี มีวิริยะดี ย่อมถึงปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา ที่สุด ย่อมหลุดพ้น สู่นิพพาน

ผู้สำคัญในกาละ
วันเวลา ล่วงไป ล่วงไป บัดนี้ เราทำอะไรอยู่ ดี หรือ ชั่ว เวลากลืนกิน สรรพสัตว์ และ ตัวมันเอง
มนุษย์ผู้มีสติปัญญา มีปฏิภาณ ผู้ได้ปฏิบัติธรรม ได้เข้าใจความสำคัญ ในความสำคัญ จะเป็นผู้มีสติ ระลึกรู้ตัว ทั่วพร้อม เข้าใจในกาละ อันเลื่อนไป ผ่านไป และ จะระลึกรู้ตัว ในพฤติกรรม ในความเป็นอยู่ ว่าตนขณะ ทุกขณะนั้น แม้แต่อิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน และ กรรมทั้งสาม กายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี ย่อมมีธัมมวิจัย มีการวิเคราะห์ อ่านในกรรมทั้งสาม และ พึงทำกรรม ทั้งสามนั้น ให้ขึ้นสู่ สุจริตกรรม รู้จักความดี ดียิ่งกว่า ดียิ่งขึ้น จนถึงดีที่สุด ที่จะพึงกระทำ ให้เป็น กุสลสูปสัมปทา ในการยังกุศล ให้พึงพร้อม หรือ กระทำบาป กระทำสิ่งที่ เป็นความชั่ว ความทุจริต อกุศลออก แม้น้อย ย่อมไม่ประมาท ผู้ที่มี ความละเอียดลออ ย่อมรู้ ในความละเอียด แห่งตน ที่จะพึง กระทำออก ซึ่งทุจริตชั่ว อกุศล และ พึงยังกุศลดี ดีกว่า ดียิ่งขึ้น จนถึงดีที่สุด ให้ได้อยู่เสมอ ทุกกาละ
ผู้สำคัญในกาละ ผู้มีชีวิตอยู่ แม้น้อยก็ทำ แม้มากก็ทำ ผู้มีชีวิตอยู่ หายใจ เข้าออก ยังไม่สิ้นชีวิต มีสติ มีธัมมวิจัย มีวิริยะ จึงเป็นผู้ได้ปีติ ได้ปัสสัทธิ ได้สมาธิ ได้อุเบกขา และ เป็นผู้ถึงซึ่ง วิมุติญาณทัสสนะ ในที่สุด ด้วยประการ ฉะนี้

วันคืน กลืนกินสรรพสัตว์ และตัวมันเอง
ชีวิตนั้นสั้นนัก ชีวิตนี้น้อยนัก วันคืน วันคืน ผ่านไป ผ่านไป กลืนกินสรรพสัตว์ และตัวมันเอง
ผู้ที่รู้จักชีวิต หรือ ผู้ที่ศึกษาชีวิต ย่อมสำคัญในชีวิต กับวันคืน แต่ละขณะ แต่ละเวลา ที่ผ่านไป ผ่านไป ของชีวิต ผู้มีสติ มีธัมมวิจัย มีวิริยะ อยู่กับตัว ย่อมเพียร ที่จะรู้ ทุกอิริยาบถ ทุกกรรม เพราะกรรมเป็นกำเนิด กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมเป็นที่พึ่งอาศัย และ กรรมเป็นของของตน ตนเป็นทายาท ของกรรม ดังนั้น ย่อมเป็น ผู้ควบคุม สังวร ดูแล ในกรรม จะเป็นกิริยาใด กายก็ดี วจีก็ดี มโนก็ดี ศิษย์ตถาคตทุกผู้ จะต้องเป็นผู้ที่ กำหนดรู้ ในกรรมกิริยาของตน ของตน และ ปรับปรุงกรรม กิริยา ของตน ๆ ในแต่ละขณะ เท่าที่ เราจะสามารถ เท่าขนาดของตน ที่ได้สมาทาน ว่าจะกระทำ ให้เหมาะสมแก่ตน แล้วเรา ก็ได้เป็น ผู้รู้จริง ทำจริง ทำความประเสริฐ ให้แก่ชีวิต ในทุกๆขณะ ทุกๆเวลา ที่ผ่านไป ผู้ได้กระทำ ดังกล่าวนี้อยู่ ให้ช่ำช่อง ให้ชำนาญ ให้เป็นจริง ย่อมเดินทาง และ เลื่อนขึ้นสู่ ความเป็น ผู้ประเสริฐได้ ตามศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะมีอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา สู่วิมุติ และ วิมุติญาณทัสสนะได้ ดังประสงค์

http://www.asoke.info/09Communication/DharmaPublicize/Book/gatha/2529-01-02.html
8#
โพสต์ 2017-5-24 06:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด

9#
โพสต์ 2017-6-17 06:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด

10#
โพสต์ 2017-7-9 20:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เคยสงสัยมั้ย...
ทำไมเราถูกกำหนด
ไม่ให้รู้วันตายของตัวเอง
เพราะมันจะทำให้..


เราไม่แยแสทุกสิ่งทุกอย่าง
และตอบสนองความต้องการของตัวเอง



ทั้งในทางดีและทางชั่ว
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้