ตั้งให้เราเป็นเว็บแรกที่คุณเลือก
เก็บเราไว้เป็นเว็บโปรด
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
เข้าสู่ระบบ
บ้านหลวงปู่
คศช.
ข่าวสารล่าสุด
ประสบการณ์
โชว์วัตถุมงคล
สอบถาม
นานาสาระ
นครนาคราช
ร่วมประมูล
บูชาวัตถุมงคล
เพื่อน
กระทู้แนะนำ
บุ๊คมาร์ก
ไอเท็ม
เหรียญ
ภารกิจ
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
Site Link
ดูบริการทั้งหมด
เว็บบอร์ด
BBS
บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ชื่น
ศรีสุทธรรมนาคราช
ร้านจอมพระ
ศูนย์พระเครื่องจอมพระ
ค้นหา
ค้นหา
HOT TAG:
พระศรีราม
ขุนแผนแสนตรีเวทย์
พระเจ้าชัยวรมัน
บอร์ดนี้
บทความ
เนื้อหา
สมาชิก
Baan Jompra
›
นานาสาระ
›
ตำนาน เรื่องเล่า เกร็ดความรู้ เรื่องลี้ลับ
»
พระธาตุหัวใจนักบุญคามิลโล
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
ดู: 4421
ตอบกลับ: 2
พระธาตุหัวใจนักบุญคามิลโล
[คัดลอกลิงก์]
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
ไปยังโพสต์
1
#
โพสต์ 2013-7-13 17:24
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
|
โพสต์ใหม่ขึ้นก่อน
|
โหมดอ่าน
พระธาตุหัวใจนักบุญคามิลโล
ประวัติย่อพระธาตุหัวใจนักบุญคามิลโล
หลังจากนักบุญคามิลโลได้ถึงแก่มรณกรรมเมื่อวันจันทร์ที่ 14 กรกฏาคม ค.ศ.1614 เวลาประมาณ 21.30น รวมสิริอายุ 64 ปี คุณพ่อ ชิคาเตลลี เลขานุการและนักประวัติศาสตร์คนแรกของคณะ ในหนังสือชีวประวัตินักบุญคามิลโล ซึ่งได้เขียนไว้ในปี ค.ศ.1627 ได้บรรยายภาพของหัวใจนักบุญคามิลโลว่า”หัวใจนักบุญคามิลโล ดูคล้ายกับทับทิมสีแดงและใหญ่โตผิดปกติ ซึ่งทุกคนที่ได้เห็นรู้สึกแปลกใจมาก” ซึ่งทำให้เรารู้ว่ามีการนำเอาหัวใจคามิลโลออกมาหลังจากที่ท่านได้เสียชีวิต
ในปี ค.ศ.1614 เมื่อนักบุญคามิลโลมรณภาพ ได้มีการเชิญแพทย์มาตรวจศพของคามิลโล เพื่อต้องการทราบสาเหตุที่ท่านเสียชีวิตคือ นายแพทย์มีคาแอล เอลโกลีนี และนายแพทย์บีอังคี ในขณะนั้น คุณพ่อยากอบ มันชีโน ซึ่งเวลานั้นเป็นอธิการที่บ้าน มักดาเลนาที่กรุงโรมศูนย์กลางของคณะมีโอกาสอยู่ในที่เขาได้เอาหัวใจออกจากร่างกายของนักบุญคามิลโล เหตุผลที่ทำเช่นนั้นคือ สำหรับนักบวชทุกคนในขณะนั้นถือเอาคามิลโลเป็นนักบุญ แม้ว่ายังไม่ได้รับการแต่งตั้งจากพระศาสนจักรก็ตาม จึงมีความปรารถนาที่จะเก็บหัวใจคามิลโลไว้ เพราะทุกคนแน่ใจว่า สักวันหนึ่ง คามิลโลจะถูกสถาปนาเป็นบุญราศีและนักบุญตามลำดับ
หลังจากที่นำเอาหัวใจคามิลโลออกจากร่างกายแล้วได้ถูกบรรจุใส่ไว้ในภาชนะใบหนึ่งและได้ลอยสมุนไพรบางชนิดที่มีกลิ่นหอม เพื่อรักษาสภาพมิให้เน่าสลาย และเก็บรักษาไว้ในตู้ไม้ต้นสน ซึ่งนักบวชที่อยู่บ้านมักดาเลนาได้คิดที่จะเก็บหัวใจคามิลโลไว้ที่บ้านมักดาเลนา ศูนย์กลางคณะที่กรุงโรม หลังจากนั้นหัวใจของคามิลโลได้หายไปจากบ้านมักดาเลนา ซึ่งคุณพ่อมหาธิการในขณะนั้น ได้ออกกฤษฎีกาลงโทษให้ออกจากการเป็นนักบวช หากผู้ใดที่ได้นำเอาหัวใจคามิลโลไป
ในขณะนั้นหัวใจของคามิลโลได้อยูที่บ้านนักบวชคามิลเลียนที่เมืองเนเปิ้ล ภาคใต้ของประเทศอิตาลี คุณพ่อยอห์น คาลีฟาโน ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาคุณพ่อมหาธิการที่กรุงโรม หลังจากที่ท่านได้หมดวาระหน้าที่แล้วและกลับเมืองเนเปิ้ล ท่านได้นำหัวใจมากับท่านด้วย โดยท่านอ้างว่าได้ขออนุญาตจากคุณพ่อมหาธิการคนก่อน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท และได้รับอนุญาต และท่านได้เก็บหัวใจไว้ในห้องของตนเพราะท่านรักคามิลโลมาก และถือว่าคามิลโลเป็นนักบุญจริงๆ ดังนั้นหัวใจของคามิลโลจึงถูกเก็บรักษาที่บ้านนักบวชคามิลเลียนที่เนเปิ้ล และได้เก็บไว้ในห้องหนึ่งของบ้านนักบวช
ต่อมาคุณพ่อยอห์น คาลีฟาโน จำต้องคืนพระธาตุหัวใจกลับไปกรุงโรม แต่ท่านได้แอบตัดเอาส่วนหนึ่งของพระธาตุหัวใจซึ่งเป็นส่วนเล็กๆ และเย็บหัวใจที่ถูกตัดออกซึ่งจำต้องคืนกรุงโรมด้วยด้ายบาง ๆ และชิ้นส่วนหัวใจที่ถูกแบ่งนี้ได้ถูกเก็บรักษาที่เมืองเมสสินา(เกาะซีซิลี) ซึ่งการกระทำของคุณพ่อยอห์น คาลีฟาโน ที่ได้ตัดเก็บชิ้นหัวใจเล็ก ๆไว้ส่วนตัว เพราะความรักที่ท่านมีต่อคามิลโล ส่วนหัวใจที่ท่านได้เก็บไว้ที่เมืองเมสสินาส่วนนี้ เวลาได้ผ่านไปกว่า 120 ปี ซึ่งต่อมาเมื่อต้องพิสูจน์ว่าหัวใจที่อยู่ที่เมืองเนเปิ้ล เป็นหัวใจแท้จริงของนักบุญคามิลโลหรือไม่ เพราะว่าในสมัยนั้น ในช่วงปี ค.ศ.1619 ประชาชนเป็นจำนวนมาก ได้พยายามที่จะนำเอาบางสิ่งบางอย่างซึ่งเคยเป็นของคามิลโลเอาไปเก็บไว้โดยถือว่าเป็นพระธาตุ ผู้ใหญ่ของคณะนักบวชได้ห้ามเอาสิ่งของเหล่านั้นไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามแตะต้องหัวใจของคามิลโล เพราะว่าท่านยังไม่ได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญ และการกระทำดังกล่าว ขัดกับกฎหมายของพระศาสนจักรในสมัยนั้น ส่วนชิ้นหัวใจเล็กๆที่อยู่ที่เมืองเมสสินา ผู้ใหญ่สั่งให้เก็บไว้อย่างดีในตู้ปิดด้วยกุญแจสามดอก ดอกหนึ่งอธิการบ้านต้องเก็บไว้ และอีกสองดอก
ที่ปรึกษาอธิการบ้านต้องเก็บไว้คนละดอก
ในช่วงเวลานี้ เองผู้มีอำนาจของพระศาสนจักรได้มาเกี่ยวข้องกับหัวใจของคามิลโล ในปี ค.ศ. 1628 พระอัครสังฆราชอัครสังฆณฑลแห่งเมืองเนเปิ้ล ได้รับรองว่าหัวใจที่เก็บรักษานี้เป็นหัวใจแท้จริงของคามิลโล และนักบวชคามิลเลียนได้เก็บหัวใจนั้นไว้ในรูปแกะสลักคามิลโลที่ทำด้วยไม้ โดยบรรจุอยู่ในภาชนะที่เป็นรูปหัวใจที่ทำด้วยเงิน พวกนักบวชคามิลเลียนทุกคนมีความรักต่อคามิลโล และความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ของคามิลโล และมีความมั่นใจว่าหัวใจที่พวกเขากำลังเก็บรักษานั้นคือ
พระธาตุที่มีคุณค่าสูงสุดของคามิลโล(หัวใจ) แม้ว่าคามิลโลไม่ได้รับการประกาศว่าเป็นผู้เหมาะสม ที่จะได้รับความนับถือและเคารพอย่างพิเศษ (venerabilis) ก็ตาม
ในปีค.ศ.1637 มีคำสั่งจากพระอัครสังฆมลทล สั่งให้นักบวชคามิลเลียนที่บ้านเนเปิ้ลถือตามกฎระเบียบแห่งกระทรวงที่สถาปนานักบุญ เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อพระธาตุแห่งหัวใจคามิลโล โดยผู้ที่ฝ่าฝืนต้องรับโทษถึงลงโทษให้ถูกตัดออกจากพระศาสนจักร แต่นักบวชก็ทำเป็นไม่สนใจ ต่อมา ในปี ค.ศ.1645 อัครสังฆราชแห่งเมืองเนเปิ้ล อนุญาตให้นักบวชคามิลเลียนที่เนเปิ้ลเอาหัวใจคามิลโลออกจากรูปหัวใจที่เป็นเงิน เพื่อทำความสะอาดภาชนะนั้นและชุบด้วยแผ่นทอง และต่อมาในวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ.1645 หลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พวกเขาได้เก็บหัวใจในภาชนะที่เป็นรูปแกะสลักด้วยไม้นั้นอีกครั้งหนึ่ง และมีคำสั่งไม่ให้อนุญาตให้ใครมานับถือและเคารพหัวใจอีกต่อไป แต่ก็มีอีกหลายคนมานับถือและเคารพอย่างลับๆ จนกระทั่งสมเด็จพระสันตปาปาอินโนเซนต์ ที่ 10 สั่ง ให้พระอัครสังฆราชแห่งเนเปิ้ลไปสอบสวนดูว่านักบวชกำลังกระทำผิดหรือไม่ เพื่อผลที่ออกมาจึงจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าได้เป็นความจริง พระอัครสังฆราชแห่งเนเปิลก็เลยสั่งให้เอาหัวใจของนักบุญคามิลโล ไปไว้ที่สำนักของพระอัครสังฆราชเองและได้เก็บไว้ในห้องสมุดของอัครสังมลฑล ในวันที่ 8 กันยาย ค.ศ.1649 รวมกับพระธาตุต่าง ๆมากมาย
บุ๊คมาร์ก
0
ตอบกลับ
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
oustayutt
oustayutt
ออฟไลน์
เครดิต
22903
2
#
เจ้าของ
|
โพสต์ 2013-7-13 17:25
|
ดูโพสต์ทั้งหมด
ณ ที่นี่ทุกคนถือว่า หัวใจคามิลโลเป็นวัตถุที่เชื่อถือไม่ได้เช่นเดียวกับกับวัตถุต่างๆ ที่เขาได้เก็บไว้ ซึ่งพระสังฆราชสั่งให้เอาไปเผาไฟ แต่พระเป็นเจ้าไม่อนุญาตให้หัวใจของนักบุญคามิลโลตกในสภาพแบบนี้
ต่อมาวันที่ 7 เมษายน ค.ศ.1742 สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกส์ ที่14 ทรงประกาศว่า คามิลโลเป็นผู้เหมาะสมที่จะเป็นบุญราศี นักบวชที่เมืองเนเปิ้ลต้องการหัวใจคามิลโลกลับคืนมา และทุกคนได้พยายามหาหัวใจของบุญราศีองค์ใหม่นี้ ในห้องเก็บพระธาตุจำนวนมากในบ้านของพระอัครสังฆราชแห่งเนเปิ้ล พระคาร์ดินัลโจเซฟ สปีเนลลี ซึ่งเป็นผู้มีใจศรัทธาต่อพระธาตุของนักบุญคามิลโล ได้อนุญาตให้ค้นหาหัวใจของคามิลโลในสำนักบ้านพักของท่าน หลังจากที่ได้พบหัวใจแล้ว จำเป็นต้องพิสูจน์อีกครั้งหนึ่งว่า เป็นหัวใจของบุญราศีคามิลโลจริงหรือไม่ เพราะเหตุนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เปรียบเทียบหัวใจแห่งเมืองเนเปิ้ล กับชิ้นของหัวใจส่วนเล็กที่อยู่ที่เมืองเมสสินา และได้พบว่าเข้ากันได้พอดี นอกนั้นเขาไปศึกษาเอกสารทั้งหมดที่มีอยู่แล้ว ซึ่งรับรองว่าหัวใจของคามิลโลใหญ่โตมากกว่าปกติ และสมุนไพรที่เขาได้ลอยบนหัวใจของท่าน เมื่อเอาหัวใจออกจากร่างกายของคามิลโลหลังจากที่มรณภาพแล้ว รับรองว่าเป็นความจริง อย่างไรก็ตามกระบวนการการรับรองว่าหัวใจนั้นเป็นหัวใจของคามิลโลอย่างแท้จริง จำเป็นต้องใช้เวลายาวนานพอสมควร ผู้เกี่ยวข้องได้สอบสวนประชาชนเป็นจำนวนมาก และได้เรียกหมอบางคนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ให้มาเปรียบเทียบและพิสูจน์ว่า ชิ้นส่วนหัวใจที่อยู่ที่เมสสินาและหัวใจที่อยู่ที่เนเปิล เป็นส่วนหัวใจเดียวกันหรือไม่? เขาเปรียบเทียบสมุนไพรของทั้งสองส่วน และได้เห็นว่าเป็นสมุนไพรแบบเดียวกัน และพบด้ายบางๆ ที่เย็บติดอยู่ที่หัวใจที่เป็นหลักฐานยืนยัน
ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ.1742 พระคาร์ดินัลโจเซฟ สปีเนลลี ได้ให้การรับรองแลออกเอกสารต่างๆที่ได้พิสูจน์ว่า เป็นหัวใจของบุญราศีคามิลโลอย่างแท้จริง และขอให้คุณพ่อเจ้าคณะแขวงคามิลเลียนแห่งเมืองเนเปิล คืนหัวใจคามิลโลแก่ศูนย์กลางคณะที่อยู่ที่กรุงโรม และให้ถือเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ.1754 นักบวชคามิลเลียนแขวงเมืองเนเปิ้ลได้เก็บหัวใจบุญราศี คามิลโลไว้กลางหน้าอกของรูปแกะสลักนักบุญคามิลโลอีกรูปหนึ่ง และตั้งไว้ในที่ทุกคนสามารถมาแสดงความนับถือและเคารพได้ นอกนั้น นักบวชคามิลเลียนแห่งเมืองเนเปิ้ลได้เก็บสำเนาเอกสารแห่งกระบวนการการพิสูจน์ว่าเป็นหัวใจบุญราศีคามิลโลที่แท้จริง ซึ่งยังอยู่ในห้องเอกสารของคุณพ่อเจ้าคณะที่เมืองเนเปิ้ล ในปี ค.ศ.1807 เกิดเหตุการณ์เบียดเบียนนักบวช โดยพี่ชายของนาโปลีเลียนที่ประเทศอิตาลีและเมืองเนเปิ้ล และในปี ค.ศ.1809 ยออากิม มูระ ออกคำสั่งให้ยุบคณะนักบวชต่างๆ ในแขวงเนเปิ้ลและให้ปิดวัดต่างๆ และสั่งให้นักบวชทุกคนออกจากอารามกลับบ้าน เพราะเหตุนี้นักบวชที่แขวงเนเปิ้ลจึงอัญเชิญหัวใจนักบุญคามิลโลย้ายไปที่กรุงโรม ที่เป็นสถานที่ปลอดภัยกว่า และประดิษฐานที่บ้านนักบุญมักดาเลนาจนถึงปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 1925 คุณพ่อมหาธิการของคณะนักบวชคามิลเลียน คุณพ่อปิโอ โฮลเซอร์ ได้ปฏิรูปห้องมรณภาพของนักบุญคามิลโลให้เป็นวัดเล็กๆ และได้เก็บหัวใจของนักบุญคามิลโล อันเป็นที่เคารพและนับถือในวัดนั้นเป็นอย่างดี วัดเล็กๆนี้ได้เป็นที่นักบวชและผู้มีใจศัทธาต่อนักบุญคามิลโลบุรุษที่ยิ่งใหญ่แห่งความรัก ซึ่งได้กระตุ้น “หัวใจนั้น” เหนือความสามารถของมนุษย์ ในการับใช้พระคริสตเจ้าผู้รับความทุกข์ทรมารในพี่น้องที่เจ็บป่วย ที่นักบุญคามิลโลรับใช้ผู้ป่วยเป็นเวลา 40 ปี สามารถถ่ายทอดแด่ผู้ที่อยากจะติดตามท่าน ตามพระพรพิเศษซึ่งพระเยซูเจ้าเองจากบนไม้กางเขน ได้มอบให้ท่านนักบุญคามิลโล ด้วยคำพูดที่ว่า “ ต่อไปคนขี้ขลาด อย่ากลัวข้าพเจ้าจะช่วยท่าน จะอยู่กับท่านและจะบังเกิดผลมากมายจากกิจการของท่าน” “ จงมุมานะต่อไป นี่ไม่ใช่กิจการของเจ้า แต่เป็นกิจการของเราเอง”
ตอบกลับ
สนับสนุน
คัดค้าน
ใช้ไอเท็ม
รายงาน
กลับไป
ตั้งกระทู้ใหม่
โหมดขั้นสูง
B
Color
Image
Link
Quote
Code
Smilies
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
ลงชื่อเข้าใช้
|
ลงทะเบียน
รายละเอียดเครดิต
ตอบกระทู้
ข้ามไปยังโพสต์ล่าสุด
ตอบกระทู้
ขึ้นไปด้านบน
ไปที่หน้ารายการกระทู้
Share To Facebook
Share To Twitter
Share To Google+
Share To ...