"พ่อแม่มีบุญคุณแสนทุกข์แสนยาก"
...พระพุทธเจ้าก็เลยเทศน์เรื่อง ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณเนี่ยมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนัตตาไม่ใช่ตน กองทุกข์ ก็เป็นทุกข์ตั้งแต่เกิดนั่นแหละ พระพุทธเจ้าท่านก็เป็นทุกข์ตั้งแต่เกิดออกมาก็นอนอยู่ในผ้าอ้อม เอาขา หน้าแหงนขึ้นฟ้า ขาก็ชี้ขึ้นฟ้า ก็ดิ้น ดิ้นกระแด๊ก ๆ ๆ อยู่ในผ้าอ้อมนั่นล่ะ เหตุนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงให้พิจารณาที่เราว่าน่ะ ความเกิด ชะราปิทุกขา ความเกิดเป็นทุกข์ ที่เราสวดเราว่ากันน่ะ ฯลฯ มาพิจารณา ความเกิดเป็นทุกข์ นอนอยู่ในผ้าอ้อมนั้นก็หลายเดือน ขี้ออกมาก็ร้องไห้ เยี่ยวออกมาก็ร้องไห้ เจ็บก็ร้องไห้ หิวก็ร้องไห้ ทุกขเวทนาแสนทุกข์แสนยากกว่าจะใหญ่ขึ้นมาได้ใหญ่ขึ้นมาแล้วก็ลืมซะ ลืมเพราะอะไร เพราะไม่มาภาวนาพิจารณา ลืมซะ ลืมหม้ด ใหญ่มาแล้ว ลืมพ่อลืมแม่แล้ว สุดท้ายผู้ชายก็เมาแม่ใหม่ซะ ผู้หญิงก็ไปเมาพ่อใหม่ซะ ลืมหมดเลยพ่อแม่ เพราะอะไร เพราะไม่ภาวนาไม่พิจารณา เมื่อพิจารณาเห็นแล้วก็..พ่อแม่มีบุญคุณแสนทุกข์แสนยากนอนอยู่ในผ้าอ้อมนั้นหลายวัน สุดท้ายก็มันลุกมานั่งได้ นั่งเอกเตกอยู่นั่นล่ะ จะกินอะไรก็ร้องไห้ จะคลานไปกินก็ไม่ได้ จับมากินก็ไม่ได้ มันไปไม่ได้อะ นั่นเอกเตกอยู่นั่นล่ะ มีผู้ใดเอามาป้อน ผู้ใดเอามาให้พอได้กินล่ะ นี่ก็แสนทุกข์ทรมานนี่ล่ะใหญ่มาแล้วก็คลานบาดนี่ คลานกระดิ๊กกระดั๊กไป บ่ฮู้ล่ะ บ่ฮู้ฮอดไฟ คนเรามนุษย์เฮาเนี่ยจะว่าไปมันก็ฮ่ายกว่าบ้ง บ้งน่ะมันยังรู้ไฟ บ่แม่น ตัวบ้งมันรู้นะไฟ เมื่อเวลามันเห็นไฟมันหนีวิ่ง วิ่งไปตัวบ้ง (ฟังได้ไม่ครบบางคำ) ตัวที่มีกำลังก็พ้นไป บ่มีกำลังก็ถูกไฟไหม้ แต่ว่าคนเราเกิดขึ้นมาแล้ว ขนาดคลานหรือขนาดย่างเตะตะเนี่ยมันบ่รู้จักไฟเลยน่ะ เข้าไปจับไฟ ไปจับไฟ ถ้าพ่อแม่บอกห้าม พ่อแม่บ่บอกบ่ห้ามแล้วโห้ย..มือเจ็บมือขาด ที่มือดีน่ะ มึงอย่าไปจับมันฮ่อนน่ะไฟ ชักมืออก เอาไฟหนี นี่มาพิจารณาภาวนานี่ภาวนาแท้น่ะจะเห็นคุณค่า เห็นคุณค่าในการเกิด เห็นคุณค่าของพ่อของแม่ ทุกข์ยากลำบาก เห็นคุณค่าในการที่เรามาเกิดในโลก เป็นทุกข์ มาคลานมาหยังอยู่นี่ก็โอ้ยแสนทุกข์ ขี้มูกออกมาเช็ดก็ไม่เป็น บางทีพ่อแม่มาเช็ดให้ก็ร้องไห้ขู่ ข่างซะด้วยนะ ข่างขี้มูก ข่างขี้ตา เนี่ยมันโง่ขนาดไหนอะ มันก็ว่าคนเก่งคน ฯ ขี้มูกออกมาก็ยังเฮ็ดอิหยังบ่เป็น ยังบ่รู้ ขี้ตาออกมาก็เช็ดยังบ่เป็น พ่อแม่ดูแลรักษาทุกอย่าง เช็ดให้ขี้ออกมา บางทีกำลังกินข้าวอยู่ก็ขี้ออกมา ขี้ออกมาแล้วก็จำเป็น มือหนึ่งจกคำข้าว มือหนึ่งก็ไปโกยขี้ลูก เนี่ยเป็นอย่างเนี่ย กินได้สบาย บ่ได้บ่น บ่ได้ฮ้าย เนี่ย คุณของแม่หรือว่าคุณของความเกิดของเราน่ะมันขี้ออกมาก็เช็ดก็ไม่เป็นล้างก็ไม่เป็น ต้องอาศัย มีแต่ร้องห่มร้องไห้ ทุกขเวทนา แสนทุกข์แสนยาก ใหญ่มาแล้วก็มาหลงอีก ใหญ่มาก็มาหลงแหละ หลงสิ่งต่างๆเยอะแยะไปทำบาปทำกรรม พ่อแม่ว่าก็บ่ฟัง มันบ่ฟังมันไม่รู้ มันไม่รู้ มันมืด มันบ่ได้ภาวนา บ่ได้พิจารณา
.....พระธรรมเทศนาองค์หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโปวัดโพธิสมภรณ์(พระอารามหลวง)อายุ104ปี อ.เมือง จ.อุดรธานี
{:6_196:}{:6_196:}{:6_196:}
หน้า:
[1]