สูบบุหรี่
สูบบุหรี่ในเรื่องของการกินหมาก สูบบุหรี่ มีพระสงฆ์อีกหลายๆ องค์ ถูกโจมตีจากผู้ปฏิบัติที่ยังติดรูปแบบ เพราะอ้างว่า แม้แต่กิเลสที่หยาบๆ ยังละไม่ได้ กิเลสส่วนละเอียดจะละได้อย่างไร ผู้เขียนเคยสัมผัสกับพระที่ทรงคุณธรรมหลายองค์ อาทิ พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านยังคงฉันหมาก เมื่อมีผู้เรียนถาม ท่านตอบมีใจความโดยย่อว่า“บุหรี่หรือหมาก ไม่ใช่เป็นเครื่องกั้น มัคคาวรณ์ (มรรคผลนิพพาน) และสัคคาวรณ์ (สวรรค์)” เรื่องนี้เป็นการยากที่เราปุถุชนจะไปตัดสินได้แน่ชัด เพราะกิริยาที่ท่านสูบบุหรี่ กับการที่ท่านสูบบุหรี่เพราะติดบุหรี่อย่างเครื่องเสพติดนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าจิตใจของท่านเป็นทาสบุหรี่ สูบด้วยความกระหายงมงาย ด้วยเป็นสิ่งเสพติดอย่างนั้นก็ผิด พระบางองค์ท่านเห็นชาวบ้านมีทุกข์ แต่ไม่รู้จะเข้าวัดอย่างไร ไม่รู้จะหาอะไรมาถวายพระ เอาบุหรี่มาถวายท่านก็เมตตาสูบให้ อย่างหลวงปู่แหวน ท่านเอาบุหรี่มวนเองของชาวบ้านที่เขาเอามาถวาย ทำให้ผู้ถวายรู้สึกว่าตนยังพอมีของเล็กๆ น้อยๆ มาถวาย ให้เกิดความชื่นใจ ปีติ อิ่มเอิบ นึกอยากมาวัดอีก มาฟังคำสอนจากท่าน ถ้าท่านปฏิบัติอย่างนั้น การสูบบุหรี่ก็เป็นกิริยาเพื่อโปรดสัตว์ เพื่อสงเคราะห์สัตว์โลกให้มีหลักยึดในใจก็ไม่ผิดผู้เขียนมาคิดเองว่าคนกินเหล้ากับคนไม่กินเหล้า นิสันดีกับนิสัยไม่ดี แตกต่างกันหรือไม่ ผู้ที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลจะมีนิสัยดีจริงหรือ คนสูบบุหรี่กับคนไม่สูบบุหรี่ มีสิ่งไหนตัดสินว่า ใจดีหรือใจไม่ดี คนตัดผมสั้นกับคนไว้ผมยาวใครดีกว่ากัน วันหนึ่ง มีพยาบาลไปกราบนมัสการหลวงปู่ พยาบาลคนนั้นนั่งอยู่ใกล้หลวงปู่พอสมควร คิดในใจว่า นี่หรือพระที่มีผู้คนนับถือกันทั้งแผ่นดิน ยังพ่นควันบุหรี่โขมง และแล้วเธอก็ต้องตกใจอย่างมาก เมื่อได้ยินหลวงปู่กล่าวว่า
หลวงปู่ “เรื่องของข้า ข้าจะสูบหรือไม่สูบ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน” ผู้เขียนมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชอบสูบบุหรี่มาก หลวงปู่ “แก (หมายถึงผู้เขียน) สูบแต่ไม่ติด แต่เพื่อนแกสูบติด”ดังนั้น ท่านจึงเน้นที่ใจเป็นสำคัญ หลวงปู่ท่านเคยปรารภเรื่องสูบบุหรี่ให้ผู้เขียนฟังว่าหลวงปู่ “สูบแล้ว นึกถึงสมัยเคยเลี้ยงควายตอนเด็ก ได้บุหรี่เป็นเพื่อนเลยไม่อยากทิ้ง ข้าจะสูบจนตายนั่นแหละ”
หน้า:
[1]