ไม่ช้าอิทธิปาฏิหาริย์ก็เสื่อม
จิตเป็นสมาธิแล้ว ไปนั่งดูเลขหวย จะเป็นอย่างไร ?ผู้ปฏิบัติหรือเจริญสมถภาวนาได้ดีๆ แล้ว บางทีก็หลงติดฤทธิ์
อย่าไปหลงเลย จงตั้งใจปฏิบัติเพื่อรักษาตัวเองให้ดี
หรือหากจะสามารถได้อภิญญาและวิชชา ที่จะช่วยเหลือผู้อื่นได้
ก็จงช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน โดยไม่หวังลาภสักการะ
ไม่หวังชื่อเสียง ไม่หวังให้ใครเขาชมว่าเราเก่ง
แต่..
คนที่มุ่งกำจัดกิเลสนั้นแหละคือ “คนเก่ง”
ถ้าเก่งอย่างอื่นแล้วกิเลสเฟื่องฟูอยู่ ไม่นับว่าเก่ง อย่างนั้นชื่อว่า “หมดเก่ง” เลย
แพ้ภาคมารเขาตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวออกจากมุ้ง เพราะฉะนั้นจงให้เข้าใจเสียให้ดี
มีพระภิกษุสามเณรบางรูปหลงติดอิทธิปาฏิหาริย์เลย “หมดเก่ง”
ไม่ช้าอิทธิปาฏิหาริย์ก็เสื่อม แล้วก็จะกลายเป็นการหลอกลวงเขาเลี้ยงชีวิต
ก็เสียพระเสียเณรไปเท่านั้น
นั่งสมาธิไปดูเลขดูหวย เรื่องที่ 1
มีอยู่อย่างหนึ่งไม่อยากชี้โพรงให้กระรอก บอกดีๆ ห้ามดีๆ แล้วก็ยังชอบทำ แต่ถ้าไม่บอกแล้วจะยุ่ง เพราะมีคนเคยทำอาตมาจึงต้องบอกเสียเดี๋ยวนี้เลย ไม่เช่นนั้นเป็นเปรตไม่รู้ตัวนะเช่นบางท่านพอจิตนิ่งเป็นสมาธิแล้วเห็นเลขเห็นเลขแล้วเที่ยวบอกใครต่อใคร บางทีซื้อเองด้วย ให้จำไว้เลยว่าจะได้เป็นเปรตภายในไม่กี่วัน แม้จะได้ทำเพียงไม่กี่ครั้งจงอย่าทำเป็นอันขาด จะขอยกตัวอย่างให้ฟัง สมัยหนึ่งที่กระผมเป็นฆราวาส ทำงานอยู่ พอตกเวลาเที่ยงวันก็นั่งธรรมะกัน เพื่อนร่วมงานก็มานั่ง จากที่อื่นก็มาร่วมนั่งด้วย มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง อยู่ที่สำนักสอนภาษาเอยูเอ นั่นไปปฏิบัติธรรมเหมือนกัน เห็นดวงใสสว่างเหมือนดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ แกเป็นคริสต์มาก่อน ตอนหลังผมก็ได้ช่วยต่อ 18 กายให้ จนปฏิบัติได้ถึงพระนิพพานแล้ว แกก็เลิกเป็นคริสต์ แต่แกมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่ง คือว่าแกมีปกติในการคำนวณหวย พอแกเจริญภาวนาได้ถึงธรรมกายเข้าทีนี้ไม่คำนวณล่ะครับดูหวยเลย แม่นกว่าเป็นไหนๆ ผมสั่งว่าอย่าซื้อเองนะและให้เลิกทำด้วย แต่แกก็อดรนทนไม่ได้ เลยบอกเลขหวยแก่เพื่อนๆ ทีละงวดๆ ไปเรื่อย เพื่อนก็ถูกเรื่อย แกก็ไม่กล้าซื้อเอง แล้วแกก็ชอบเที่ยวไประรานคนอื่นอีกด้วย คือชอบเที่ยวไปแถวๆ บรรดาเกจิอาจารย์รอบกรุงเทพฯ นี้แหละแถวๆ ชลบุรีที่ใบ้หวยเก่งๆ ถึงเวลาใกล้หวยจะออก แกก็ไปถามเกจิอาจารย์ว่างวดนี้ออกเลขอะไร พอเขาบอกว่าออกเลขนู้นเลขนี้ แกก็ตัดหน้าเขาเลยว่าไม่จริงล่ะ ต้องออกเลขนี้เขาจะไล่เตะแกตกกระไดตาย แล้วก็เป็นจริงตามที่แกว่าไว้ 5 งวด6 งวด ก็เป็นอย่างนั้น พอ 6-7 งวดไปธรรมกายก็หายไปแล้ว คงมีแต่ดวงริบหรี่ๆ อยู่ยังไม่หมดเสียเลย บุญแกยังมีอยู่ มาวันหนึ่งขณะที่แกนั่งทำงานอยู่สังเกตเห็นอะไรแปลกๆ ที่ใกล้ตัวแกนั้นแหละ“เอ ใครนะมายืนข้างหลัง ตัวใหญ่ๆ สูงๆ” แกมองไปมองมา“เอ นี่หน้าใคร ?” ปกติแกเป็นธรรมกาย ทิพยจักษุของแกทำหน้าที่แลเห็น ซ้าย ขวา หน้า หลัง แกก็ชำเลืองดูหน่อย “เอ้านี่มัน หน้าเรานี่”กายมนุษย์ละเอียดของแกเป็นเปรตไปแล้ว ธรรมกายก็ดับไปแล้ว ที่นี้ก็ตกใจพอเที่ยงก็วิ่งแจ้นมาหา บอกว่า “คุณเสริมชัย ผมแย่แล้ว” ผมก็ถามว่า “ทำไมล่ะ ?” แกก็ตอบว่า “ตัวผมเป็นเปรตไปแล้ว” ว่าอย่างนั้น ดีน่ะยังรู้ตัว ผมก็บอกแล้วว่าอย่าทำอย่างนี้ ให้ไปกราบขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์และขอขมาครูบาอาจารย์เสีย แกเป็นคนมีใจอ่อนโยนไม่ดื้อ เห็นคุณของพระพุทธศาสนา แกก็กราบขอขมาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และกราบขอขมา ครูบาอาจารย์เดี๋ยวนั้นแหละ แล้วผมก็ให้ศีลแกใหม่ให้ศีลแล้วก็ให้เจริญภาวนาใหม่พัฒนาจากดวงถึงธรรมกาย แล้วแกก็เข็ดไม่กล้าทำอีกเลิกทำ จนเดี๋ยวนี้แกเสียชีวิตไปแล้ว นี่เป็นตัวอย่างให้เห็น
นั่งสมาธิไปดูเลขดูหวย เรื่องที่ 2
เคยมีพระมาปฏิบัติธรรมที่นี่ดื้อมาปฏิบัติรุ่นแรกเดือนกุมภาพันธ์ต่อมีนาคม พ.ศ.2525 มีพระปฏิบัติได้ผลดีมาจากหนองคายเป็นพระที่เคยไปปฏิบัติอยู่ฝั่งลาวบ้างฝั่งนี้บ้างธุดงค์อยู่บ่อยมาถึงก็ปฏิบัติได้ผล บริเวณตรงนี้เป็นท้องนาหมด พระคุณเจ้าใครเคยมารุ่นแรกนี่เวลาเดินเท้าเปล่าแสบเท้าเลยครับ แถวๆ นี้ร้อนเปรี้ยงๆ ไม่มีต้นไม้เลย เลยข้ามคลองนี้ไปหน่อย ตรงข้ามกับที่ดินของเรา มีต้นสะเดาต้นหนึ่งอยู่ตรงนั้น และมีต้นมะขามเทศอีกต้นหนึ่งเท่านั้น นอกนั้นไม่มีอะไรโล้นๆ เลย สมัยนั้นเราอยู่เพิงจากมุงจากไว้ เสร็จแล้วพอเขาเลิกปฏิบัติธรรมแล้ว ท่านก็ขออยู่ต่อ เราก็บอกว่าอยู่เถิด จะได้ช่วยเฝ้าที่ของเราด้วย สมัยนั้นผมยังเป็นฆราวาสอยู่นะครับ ผมก็สอนทั้งยังเป็นฆราวาสนั้นแหละ ท่านยังไม่กลับหนองคายขออยู่ต่อต่อมาปรากฏว่าคนแถวๆ นี้ถูกหวยกันอื้อเลยครับ ท่านนั่งใบ้หวย ลาภสักการะก็มา ผมมาบอกให้ท่านหยุดลงท้ายท่านหยุดบอกผมว่าหยุดแล้ว กลัวผมเหมือนกัน วันหลังผมมาสืบดูอีก ยังปรากฏว่าชาวบ้านแถวๆ นี้ ยังถูกหวยกันตึงๆ อยู่ แต่ตอนหลังๆ ชักจะผิดๆ แล้วนะพอบอกให้เขา ถูกไปๆ ก็ชักจะผิดเพราะธรรมกายดับหมดแล้ว ธรรมกายเกิดขึ้นเพราะความบริสุทธิ์เป็นธาตุธรรมที่บริสุทธิ์ ไปเล่นแบบนั้นก็เสร็จไม่กี่ทีหรอก ผมเลยนิมนต์ท่านให้กลับไปเสีย เพราะกลัวจะเสียชื่อว่าที่นี่เป็นที่ใบ้หวย ผมเลยนิมนต์ท่านกลับบ้านไปเสีย
เพราะฉะนั้นโปรดทราบว่าธรรมกายเป็นธาตุธรรมที่บริสุทธิ์เป็นธรรมขันธ์ที่บริสุทธิ์เพราะฉะนั้นเมื่อใจเราบริสุทธิ์ เราจึงเข้าถึง รู้เห็นและเป็นได้ เมื่อใจเราไม่บริสุทธิ์ธรรมกายก็ดับ ความจริงธรรมกายเขาก็อยู่ในที่สุดละเอียดของเขาแต่ว่าถ้าใจเราไม่บริสุทธิ์พอก็เข้าไม่ถึง ก็กลายเป็นใจปุถุชนไป เท่านี้แหละ มีเรื่องแค่นี้แหละไม่มีอะไร แต่ว่านั้นแหละ กระผมว่าจะไม่ชี้โพรงให้กระรอก สมัยนั้นผมบอกผมห้ามเท่าไหร่ ได้ยินข่าวมีทุกรุ่น หลายรุ่นทีเดียวชอบใบ้หวยนั่นแหละฆ่าตัวเองแท้ๆ กายในกายเวทนาในเวทนาจิตในจิตและธรรมในธรรมณ ภายใน เป็นเปรตเลยนะครับผมจะบอกให้ เพราะว่านำให้คนอื่นให้เกิดความโลภความยึดติดเกิดกิเลส ตัณหาตัณหาเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทานอุปาทานเป็นปัจจัยให้เกิดภพชาติเป็นทุคติภพ ก็จึงเป็นเปรตนั่นแหละ
ธรรมกายน่ะย่อมเห็นกาย เวทนา จิต ธรรม นี้ได้ ตรวจสอบตัวเองได้อย่าเผลอทีเดียวเล็กๆ น้อยๆ อย่างนี้ก็ต้องระวัง เพราะ ฉะนั้นผู้ปฏิบัติภาวนาเขาถึงสำรวม แต่คนที่เพิ่งมาปฏิบัติใหม่ๆยังไม่เข้าใจจึงยังไม่สำรวม เมื่อไม่สำรวมก็แย่ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ถึงธรรมกายแล้วจะเห็นตัวเองได้จะเข้าใจได้ แต่มักจะเผลอเพราะยังไม่ใช่ธรรมกายอริยมรรคอริยผล ก็เหมือนขาข้างหนึ่งก้าวเข้าไปอยู่ในนิพพาน อีกข้างหนึ่งยังอยู่ในภพ 3 ประเดี๋ยวอยู่ๆ เมื่อยขา ก็ผลุบลงมาอยู่ในภพ 3 อย่างเก่า ถ้ายังอยู่แค่ตอนบน คือสุคติภพก็ยังดี แต่ผลุบลงมาอยู่ข้างล่างถึงทุคติภพตามสายปฏิจจสมุปบาทธรรมมันเปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่ใช่ต้องรอให้เราตายก่อน ไม่ใช่นะ มันเปลี่ยนเดี๋ยวนี้เป็นปัจจุบันธรรมเลยธาตุธรรมเห็น จำ คิด รู้ คือ ใจ ของกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรมเปลี่ยนแปลงได้เดี๋ยวนี้ฉับพลับทันใดพอกระดิกจิตไปในทางชั่วปุ๊บก็เปลี่ยนเลยทันที จิตดวงเดิมจะตกศูนย์ไปยังศูนย์กลางกายฐานที่ 6 ถ่ายทอดกรรมไปปรุงแต่งขึ้นเป็นจิตดวงใหม่ของกาย เวทนา จิต ธรรม ส่วนละเอียด ณ ภายใน ปรากฏลอยเด่นขึ้นมาใหม่ตรง ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 กายมนุษย์ละเอียดก็ซอมซ่อเศร้าหมอง เป็นอย่างนี้ที่ปฏิจจสมุปบาทธรรม เห็นตัวเองได้น่ะมิใช่ไปนั่งท่องเอาแต่ตำรา นั่งท่องเอานั้นมันตำรา ธรรมปฏิบัติจริงๆ เห็นอยู่ในนี้ กาย เวทนา จิต ธรรม ที่พระพุทธเจ้าให้เห็น ทั้ง ณ ภายใน และทั้ง ณ ภายนอก
คืออย่างนี้ พอเห็นเรารู้ได้ว่าอ้อ ! ตอนนี้ใจเรามันผ่องใส อ้อ ! ผ่องใสหรือว่าเอ๊ ! “ตอนนี้ศีลเรามันไม่บริสุทธิ์แล้วนี่ ดวงศีลชักมัวหมองแล้ว” คนที่ประพฤติผิดศีลมากๆดวงศีลก็เศร้าหมอง จิตใจคือเห็นจำคิดรู้ก็เศร้าหมองหมด กายมนุษย์ละเอียดซอมซ่อเศร้าหมองไม่ได้ผ่องใสเหมือนกายมนุษย์ละเอียดแต่เดิม กายมนุษย์ละเอียดนั้นแหละเปลี่ยนแปลงไปเป็นกายซอมซ่อ ธาตุละเอียดข้างในที่ตั้งซ้อนอยู่ตรงกลางของกลางกำเนิดธาตุธรรมเดิม คือ ธาตุละเอียดของภพชาติ ได้เปลี่ยนเป็นทุคติภพไปแล้ว จึงส่งผลให้ธาตุละเอียดในส่วนของกายในกาย ณ ภายในเศร้าหมองเป็นทุกขเวทนาจิตก็เปลี่ยนไปเป็นจิตที่เศร้าหมองด้วยอำนาจของกิเลส เห็นได้ทั้งกาย เวทนา จิต ธรรม นั้นแหละเห็นอย่างนั้นแหละปฏิบัติได้ถึงธรรมกายแล้วเห็นอย่างนี้รู้ได้อย่างนี้ สำหรับคนที่เขาเห็นน่ะ
เพราะฉะนั้นนี้คือคุณของวิชชาธรรมกาย เราจะเสียก็รู้ของเราแหละไม่ต้องให้ใครมาสอน แต่นี่คนเราทนต่ออำนาจของกิเลสไม่ได้ ก็ประมาทประมาทแล้วก็เสร็จกันเพราะกิเลสไม่เข้าใครออกใครขนาดพระที่ปฏิบัติที่ว่าดังๆ นั่นน่ะก็ยังพลาดพลั้ง เพราะฉะนั้นอย่าล้อเล่นน่ะ อย่าประมาทในธรรมทั้งหลายใจคนเราหรือใจสัตว์โลกทั้งหลายมันตกอยู่ในอำนาจในอิทธิพลของกิเลสมากเหลือเกิน ยิ่งคนที่กำลังทำท่าว่าจะไปดีก็อาจจะถูกกิเลสมารอาศัยเวรจากกรรมเก่า รุมกันเล่นงานเสียหนักไปเลยได้ ถ้าประมาทขาดสติก็เสียท่ากิเลสมารเขา นี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องโปรดทราบ พระคุณเจ้าที่ตั้งใจปฏิบัติให้ดีแล้วนี้ อย่าประมาทเชียว ! กระผมเองก็เคยมีประสบการณ์ตั้งแต่เป็นฆราวาส ที่กระผมเรียนว่าสิบปีที่ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์รักษาตนเมื่อคืนนี้ที่ กระผมได้เล่าว่ากระผมอาศัยกายคตาสติเป็นธรรมเครื่องรักษาตนนั้นแหละกระผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกายคตาสตินี้มากทีเดียว ถ้าว่าเป็นตัวเป็นตนก็จะยกขึ้นมาขึ้นหิ้งไว้กราบไหว้เป็นประจำอยู่หรอก แต่นี่เป็นธรรม ก็เลยเก็บไว้ในใจ เมื่อเราจะเข้ามาบำเพ็ญบารมีถือพรหมจรรย์ แม้จะถืออยู่ในเพศฆราวาส เรื่องเวรเก่าอะไรๆที่เคยมีเกี่ยวข้องกันมาก็รุมเร้าหนักหนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีสำหรับพระสำหรับเณรไม่ใช่เล่นๆ ถูกรุมมากเลย ไม่ว่าแก่ไม่ว่าหนุ่มถูกรุมหมด ต้องฝืนอำนาจของกิเลสมารและบ่วงมาร คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ นั้นแหละ ต้องฝืนให้ได้ ถ้าฝืนได้เราก็ชนะมัน เหมือนชิงแชมป์มวยนั้นแหละตอนแรกก็ชนะหน่อยนึง เป็นแชมป์บ้านนอก ถัดมาก็แชมป์มีอันดับของเขาในประเทศ แล้วก็แชมป์ภาค แล้วก็แชมป์ต่างประเทศ แล้วก็จะถึงแชมป์โลก ก็จะมีคู่ต่อสู้ของเราที่หนักๆ ยิ่งๆ ขึ้นไปตามลำดับ นี้เป็นของธรรมดาต้องรู้เท่าทันเราก็ต้องสู้อย่านึกกลัว เพราะอะไร ? เพราะว่า สู้หรือไม่สู้เราก็ต้องตาย ใช่ไหม ? มันตายแหงๆ อยู่แล้ว เพราะว่ากายของเราทั้งหมด มารเขาปรุงอยู่แล้ว มีฝ่ายบุญฝ่ายสัมมาทิฏฐิอยู่ส่วนหนึ่งหน่อยเดียวเท่านั้นเอง นอกนั้นเป็นฝ่ายของมารเขาปรุงขึ้นมาเป็นสังขารเป็นเบญจขันธ์เป็นนาม-รูป จึงต้องมีสภาพที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถ้าไม่งั้นต้องไม่ตายซิ ที่ต้องตาย นี่มารเขาปรุงขึ้นจากปัจจัยต่างๆนี่เขาปรุงแต่งตลอดหมดทั้งภพ 3 ต่อให้เป็นอรูปพรหม มีอายุนานเท่าไหร่ๆ พระพุทธเจ้ามาตรัสตั้งหลายองค์ก็ไม่ตายเสียที ลงท้ายก็ตายครับ แต่ว่ามันนานกว่าจะตายเท่านั้นเอง สัตว์โลกทั้งหมดภพ 3 นี่มารเขาปรุงขึ้นทั้งนั้น แต่ว่าเขาปล่อยให้ฝ่ายบุญมาร่วมปรุงด้วย เลยได้เข้าถึงสุคติกันพอสบายหน่อย เพราะฉะนั้น ใครจะพ้นโลกไปนิพพาน เขาจึงไม่ปล่อยไปง่ายๆ บางทีพระดังๆถ้าเผลอสติก็เสร็จภาคมารเขา เสร็จครับถ้าเห็นผู้หญิงมองตาเชื่อม หรือว่าใช้คำพูดหวานๆ กับผู้หญิงก็เสร็จเขานั่นแหละ ไม่มีปัญหา กระผมกราบเรียนพระคุณเจ้าว่าจงกลัวสตรีกลัวเขาไปเลยไม่ได้กลัวอะไรหรอกไม่มีใครเขาจะมากระโดดกอดคอเราหรอก กลัวตัวเราใจเรานี้แหละจะไปเสียท่าเสียทางเขา เรื่องกามคุณเป็นธรรมชาติครับ เคยเสพกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้วจนติดเป็นนิสัย เพราะฉะนั้น มันติดลึกอยู่ในกมลสันดาน แม้แต่สัตว์เดรัจฉานตัวเล็กตัวน้อยให้นึกเห็นได้เลย ไส้เดือน กิ้งกือ ตัวหนอน หนอนขน หนอนไม่มีขน มันก็เสพกามทั้งนั้น เราเป็นคนต้องประเสริฐกว่าสัตว์เหล่านี้ โดยเฉพาะพระภิกษุบวชมาแล้วนะครับ อย่าไปเห็นอะไรสวยเลยครับ ผู้หญิงนี่ต้องยกให้เขาไปเลยว่า เขาแน่จริงๆบางทีกรรมเก่ามันมาทวงหลวงพี่ทั้งหลายจะบอกให้น่ะจะสวยหรือไม่สวยก็ตามเวลาใกล้ชิดกันเพียงแต่สบตามองกันมันสะท้านทีเดียวแหละ หรือไม่จริง ? ลองถามพระหนุ่มๆ ดูพระแก่ๆ ก็เถิดน่า อย่าได้ประมาท แก่ๆ นั้นแหละต้องระวัง เหมือนหญ้าแห้วหมู มีอะไรๆ มันทับอยู่แค่ใบซีดๆแต่หัวมันเบ้อเร่อ พร้อมที่จะงอกขึ้นได้ทุกขณะ จงอย่าประมาท ถ้าว่ากรรมเก่ามันทวงแล้ว เพียงแต่ใกล้กันจะสวยไม่สวยไม่สำคัญ เพียงแต่เดินผ่านได้กลิ่นไอ หรือได้สบตาแว๊บเดียวมันยุ่งหัวใจแหละ ที่เป็นข่าวดังๆ อยู่ทุกวันนี้ ดูๆ แล้วก็ไม่เห็นจะสวยสักคน แต่ถ้าเวรกรรมเก่ามาทวง ก็เป็นอย่างนั้นไปได้
เพราะฉะนั้น เรื่องของกรรม มารเขามาทวง ผมพูดประเด็นนี้นะครับ ผมพูดว่ามารเขาทวง สรุปแล้ว อย่าประมาทประมาทไม่ได้ชาตินี้เรามีเวลาไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่รีบทำให้ดีในชาตินี้ ท่านจะลำบากอีกต่อไปนับภพนับชาติไม่ถ้วน กระผมกราบเรียนไว้อย่างนี้และขอเจริญพรให้โยมทราบอย่างนี้ มิได้ตั้งใจจะตำหนิผู้หญิง แต่พูดความจริงให้พระภิกษุทั้งหนุ่มทั้งแก่และลูกเณรท่านรู้ไว้พอได้เป็นเครื่องประดับสติปัญญา ไว้เป็นเครื่องป้องกันตัวบ้างเท่านั้น
http://www.dhammakaya.org สาธุครับ
หน้า:
[1]