อานิสงส์บริจาคโลหิตเป็นทาน
อานิสงส์บริจาคโลหิตเป็นทาน
โดย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)
ผู้ถาม :- "ทีนี้การ บริจาคโลหิตเป็นทาน นั้น อยากจะเรียนถามว่าเป็นทานขั้นไหนครับ...?"
หลวงพ่อ :- "เขาเรียกว่า "ทานภายใน" นะ จะถือว่าเป็นปรมัตถทานก็ยังไม่ได้ เขาเรียกทานภายใน คือให้ของภายในกายนี่เป็น "ทานภายใน" ให้ของนอกกายเขาเรียก "ทานภายนอก" นะ ยังจะถือว่าเป็นปรมัตถทานไม่ได้นะ ถ้าเป็นปรมัตถทานต้องอย่างที่พระพุทธเจ้าท่านทำ"
ผู้ถาม :- "เป็นยังไงครับหลวงพ่อ...?"
หลวงพ่อ :- "เชือดเนื้อเอาไปเลี้ยงเขาเลย"
ผู้ถาม :- "ถึงขนาดนั้นเชียวหรือครับ...?"
หลวงพ่อ :- "ใช่ นั่นเป็น "ปรมัตถทาน" เราถือว่าเป็นปกติทานก็แล้วกัน แต่เป็นทานภายในเพราะอานิสงส์สูงมาก อาจจะสูงกว่าทานภายนอกสักหน่อยหนึ่งนะ"
ผู้ถาม :- "แล้ว การบริจาคโลหิต กับ การอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาล เป็นทาน อันไหนมีอานิสงส์มากกว่ากันครับ...?"
หลวงพ่อ :- "อุทิศเลือดให้ขณะยังไม่ตายมีอานิสงส์สูงกว่าเมื่อตายแล้ว ตายแล้วเหมือนของเขาทิ้งแล้ว ร่างกายใช้อะไรไม่ได้ มีประโยชน์เพียงแค่วัตถุทาน จะให้มีอานิสงส์สูงเท่ากับให้เลือดตอนมีชีวิตอยู่นั้นไม่ได้แน่ ใช่ไหม...
ดูอย่างพระพุทธเจ้าเมื่อสมัยเป็นพระเวสสันดร ตอนนั้นที่คนเขามาขอช้างหรือของต่าง ๆ พระองค์ก็คิดว่าทำไมไม่ขอดวงตา ถ้าขอท่านก็จะให้ ไม่ว่าจะเป็นแขนซ้ายหรือแขนขวาก็จะให้ นี่ท่านตั้งใจให้ตอนมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตอนตายแล้ว ฉะนั้นถ้าให้ได้ก็เป็นปรมัตถบารมี
ผู้ถาม :- "ทีนี้ถ้าจะบริจาคร่างกายให้นักศึกษาแพทย์เขาศึกษาต่อเมื่อเราตายแล้ว แต่อธิฐานไว้ว่า "ตายเมื่อไรขอพ้นจากวัฏฏสงสาร" อย่างนี้จะมีโอกาสไม่ให้มาเกิดอีกใช่หรือเปล่าครับ...?"
หลวงพ่อ :- "ถ้าเวลาจะตายนะ จิตตัดกิเลสแน่นอน ไม่อยากมาเกิดอีก หรือเมื่อนั้นเมื่อเวลาจะตาย จิตตัดความรักในระหว่างเพศ ตัดความโกรธ ก็ไม่มาเกิดอีก มันไม่แน่นะ เดาส่งไม่ได้ มันเฉพาะจิตใช่ไหม...จะเดาไม่ได้ แต่บังเอิญก่อนที่จะตาย เวลานี้ทรงอารมณ์ของพระโสดาบันได้นะ และก็ตัดสินใจไว้เสมอทุกเช้าว่า "ร่างกายนี้ตายเมื่อไร ขอไปนิพพานเมื่อนั้น" อันนี้จิตทรงตัวแน่นอน อย่างนี้ไปได้ทันที"
จากหนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๔ หน้า ๗๖-๗๗
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง)
ตั้งเเต่มาอยู่เขาหาที่บริจาคยากชมัด {:6_200:}{:6_201:}{:6_202:}
หน้า:
[1]