Metha โพสต์ 2014-12-11 19:37

หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี บุกเมืองพญานาค

http://www.buddha-dhamma.com/images/1140744264/LpKomekaning250.jpg

พญานาคมีจริงหรือ ?คนไทยเราชาวพุทธ พอเกิดมาเดินได้เข้าไปตามวัดวาอารามย่อมจะเคยได้พบเห็นรูปร่างพญานาค ประดิษฐานอยู่ตามราวบันไดทางขึ้นสู่โบสถ์ วิหาร กุฏิศาลา มณฑป พญานาคทำด้วยไม้ก็มี ปั้นด้วยปูนทาสี มีหงอนแดง อ้าปากแลบลิ้นแดงฉานน่าสะดุ้งกลัวก็มีรูปพญานาคที่ประดับอยู่ตามหน้าจั่วกุฏิศาลาโบสถ์วิหารนั้น เรียกว่านาคสะคุ้ง เป็นศิลปกรรมเอกลักษณ์ที่พบเห็นได้ทุกแห่งคติความเชื่อถือของชาวพุทธ มีความเชื่อว่า พญานาคมีจริง มีบ้านเมืองอยู่ใต้พื้นพิภพเรียกว่า เมืองบาดาลพญานาคเป็นพวกกายทิพย์ครึ่งหนึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานอีกครึ่งหนึ่งเป็นเทพยดา มีมหิทธิฤทธิ์ศักดานุภาพยิ่งนัก สามารถเนรมิตบิดเบือนร่างกาย ให้เป็นมนุษย์ชายและหญิงก็ได้ เนรมิตเป็นพญางูใหญ่ลำตัวโตขนาดไหนก็ได้คติทางพุทธศาสนาถือว่า พญานาคเป็นเทพยดาเฝ้าพิทักษ์วัดวาอาราม และปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ในพระศาสนาทั่วไปข้าพเจ้าสนใจเรื่องพญานาคมานานแล้ว ได้พยายามศึกษาค้นคว้า หาทางพิสูจน์อยู่เสมอมา แต่เป็นเรื่องเร้นลับอยู่เหนือธรรมชาติของ ตา หู จมูก กายของปุถุชนจะสัมผัสให้เห็นได้โดยยากเพราะเป็นสภาวะทิพย์วิสัยแต่ถึงอย่างไร ข้าพเจ้าก็มิท้อถอย ได้พากเพียรศึกษาค้นคว้ารวบรวมเรื่องพญานาคอยู่เรื่อยมา เรื่องที่รวบรวมได้มา จึงอยู่ในลักษณะเล่าสู่ท่านผู้อ่านฟัง ซึ่งยังไม่มีการพิสูจน์ลงไปให้แน่ชัดว่าเป็นจริงเช่นสองบวกสองเป็นสี่ อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่รวบรวมได้มา ล้วนมาจากผู้ทรงศีล มีธรรมวินัย หากท่านเหล่านั้น นำเรื่องพญานาคมาโกหกเป็นความเท็จ ต้องเป็นบาปหนักแน่ ๆขอให้ข้าพเจ้าและท่านผู้อ่านมีความเชื่อว่า ท่านผู้ทรงศีลจะไม่เสกสรรปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกลวงพวกเราให้งมงายมีพระธุดงค์ผู้เฒ่าองค์หนึ่งอายุเกือบร้อยปีแล้ว มีฌานตบะแก่กล้าอยู่แต่ในป่าในถ้ำมา 40 กว่าปีแล้ว ไม่เคยเข้าหมู่บ้านหรือเข้าอยู่ที่วัดใดวัดหนึ่งเลย เวลานี้ท่านลี้ภัยออกจากลาวแดงมาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งริมฝั่งโขงฝั่งไทยท่านชื่อ หลวงปู่คำคะนิงอายุ 86ปีเรื่องถ้ำเรื่องป่าเขาแดนลี้ลับอันตรายต้องยกให้หลวงปู่คำคะนิง ท่านผ่านถ้ำผ่านภูเขามานับร้อยนับพันแห่งในอินโดจีนและฝั่งโขงทั้งสองฟากผจญเสือ ผจญช้าง กระทิงป่า มหิงสา หมียักษ์และงูร้ายอสรพิษนานาชนิด มาแล้วอย่างโชกโชน ตลอดจนภูตวิญญาณร้ายกาจสารพัดภูตผีปีศาจคะนองไพรและที่น่าสนใจที่สุด“หลวงปู่คำคะนิงเคยเข้าไปในถ้ำใต้แม่น้ำโขง เดินสามวันสามคืนไม่หยุดยั้ง พบเมืองบาดาลนาคพิภพของพญานาค มหัศจรรย์ที่สุด”เรื่องนี้จึงทำให้อยากไปพบหลวงปู่คำคะนิง เพื่อสอบถามเรื่องเมืองพญานาคใต้แม่น้ำโขง ถ้าสามารถเป็นไปได้ อยากจะให้หลวงปู่คำคำคะนิงพาเข้าถ้ำที่ว่านี้ ไปดูชมเมืองนาคพิภพให้เป็นบุญตาก่อนที่จะกล่าวถึงเรื่องการไปนมัสการหลวงปู่คำคะนิงที่ถ้ำคูหาสวรรค์ริมฝั่งโขง ตอนใกล้ปากแม่น้ำมูลไหลตกลงสู่แม่น้ำโขง ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงเรื่องพญานาคที่รวบรวมไว้ แทรกเข้าขัดจังหวะสักเล็กน้อย เพื่อเป็นการประกอบเรื่องให้มีน้ำหนักขึ้น

Metha โพสต์ 2014-12-11 19:37

รัตนสูตรพระบาลีพระสูตรต่าง ๆ ของพุทธศาสนามีกล่าวถึงพญานาคอยู่บ่อย ๆ พระพุทธมนต์หรือพระปริตรที่พระและฆราวาสนิยมสวดกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ป้องกันบำบัดปัดเป่าภยันตรายต่าง ๆ และบันดาลให้ประสบสิ่งที่เป็นมงคลได้ อย่างใน “รัตนสูตร” ได้เล่าไว้ไนอรรถกถาว่าในสมัยหนึ่ง พระนครเวสาลีได้เกิดทุพภิกขภัย ความอดอยากข้าวยากหมากแพง ฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ผู้คนพากันล้มตายเป็นอันมาก เนื่องมาจากความอดอยากหิวโหยเมื่อตายลงแล้วก็ไม่มีผู้ทำจะอนุเคราะห์ช่วยเอาศพไปฝังหรือเผาเสีย ตายที่ไหนก็ถูกทอดทิ้งอยู่ที่นั่น ทำให้กลิ่นศพเหม็นตลบไปทั่วพระนคร เกิดอหิวาตกโรคแพร่ระบาดซ้ำเข้าอีก ทำให้ผู้คนล้มตายลงเหมือนใบไม้ร่วงเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ อำมาตย์ผู้หนึ่งได้กราบทูลพระเจ้าลิจฉวีว่า“สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์ บริสุทธิ์จากกิเลสทั้งปวง มีพระหฤทัยประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณไม่มีผู้เสมอเหมือน ทรงตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จประกาศพระธรรมอันบริสุทธิ์ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายบัดนี้พระองค์เสด็จประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ของพระเจ้าพิมพิสาร บรมกษัตริย์กรุงราชคฤห์ พระพุทธองค์ทรงมีอภินิหารบารมีคุณสูงยิ่งนัก ถ้ากราบทูลอัญเชิญขอให้พระพุทธองค์เสด็จมายังพระนครเวสาลี ข้าพระองค์เชื่อเหลือเกินว่า ภัยชั่วร้ายอัปมงคลที่ชาวพระนครเวสาลีประสบอยู่เวลานี้ จักต้องสงบราบคาบลงเพราะอานุภาพของพระพุทธองค์”พระเจ้าลิจฉวีจึงทรงโปรดให้เจ้าชายมหาลิ พร้อมด้วยบุตรชายของท่านปุโรหิตกับพลนิกรเป็นอันมาก เป็นราชทูตเชิญเครื่องราชบรรณาการไปเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร เพื่อกราบทูลขอประทานโอกาสให้พระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จไปบำบัดภัยพิบัติในพระนครเวสาลีพระเจ้าพิมพิสารทรงเห็นใจยินดีสนับสนุน ในการที่จะทูลเชิญสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าให้เสด็จสู่พระนครเวสาลีต่อจากนั้นจึงได้พากันไปเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลอัญเชิญแจ้งเหตุที่เกิดขึ้น ให้พระพุทธองค์ทรงทราบทุกประการสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสดับคำทูลเชิญเสด็จของคณะราชทูตชาวพระนครเวสาลี แล้ว ทรงใคร่ครวญดูด้วยพุทธญาณก็ทรงทราบว่า“เมื่อเราสวดรัตนสูตรในพระนครเวสาลี อาชญาจักแผ่ไปตลอดแสนโกฏิจักรวาล เมื่อสวดรัตนสูตรจบลง สัตว์ทั้งหลายแปดหมื่นสี่พันก็จักบรรลุมรรคผล ภัยทุกอย่างจักสงบไป”เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบในพระหฤทัยดังนี้แล้ว จึงทรงรับคำทูลเสด็จไปยังพระนครเวสาลีของเจ้าชายมหาลิ หัวหน้าคณะราชฑูตแล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จสู่พระนครเวสาลีพร้อมด้วยพระสาวกห้าร้อยรูป พระเจ้าพิมพิสารพร้อมต้วยอำมาตย์ราชเสวกและพลนิกร ได้ตามเสด็จสมเดจพระผู้มีพระภาคจนถึงฝั่งแม่น้ำคงคาพระเจ้าพิมพิสารทรงลุยลงไปในแม่น้ำคงคาจนถึงพระศอ เพื่อส่งเสด็จสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสาวก ที่ลงนาวาข้ามแม่น้ำคงคาไปเหล่าอากาศเทวาเบื้องบนก็ชวนกันทำสักการบูชา ตราบเท่าถึงชั้นอกนิฏฐพรหมโลกและพญูานาคที่อยู่ในเเม่น้ำคงคา ก็พากันมากระทำสักการะบูชาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจากข้อความในอรรถกถานี้บอกกล่าวว่า "พญานาค" มีจริง !

Metha โพสต์ 2014-12-11 19:44

พญานาคอิทธิฤทธิ์ในตำนาน พระพุทธชัยมงคลคาถาบทที่ 7 มีเรื่องเกี่ยวกับพญานาคว่าสมัยหนึ่ง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร วันหนึ่งทรงรับนิมนต์ที่จะเสด็จไปฉันภัตตาหารที่บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐีในวันรุ่งขึ้นครั้นเวลาใกล้รุ่ง พระองค์ทรงพิจารณาดูหมู่เวไนยสัตว์ปรากฏว่า “พญานันโทปนันทนาคราช” เข้ามาปรากฏอยู่ในข่ายพระญาณของพระองค์พระพุทธองค์ทรงพระดำริว่า พญานาคราชนี้เป็นสัตว์เดรัจฉานมีวาสนาเข้ามาข้องในข่ายพระญาณของเราตถาคต ควรที่เราตถาคต จะเสด็จไปโปรดแต่พญานันโทปนันทนาคราชนี้ ผู้ประกอบด้วยมหิทธิฤทธิศักดานุภาพยิ่งนักและเป็นมิจฉาทิฐิผู้ที่จะทรมานทำให้หมดพยศร้ายได้นั้น จะต้องประกอบไปด้วยมหิทธิฤทธิ์อันพิเศษ พระโมคคัลลานะเถระมีความสามารถ ที่จะทรมานพญานันโทปนันทนาคราชให้หมดพยศร้ายได้พอได้เวลาจึงเสด็จออกจากพระคันธกุฏิ แล้วมีพระดำรัสสั่งให้พระอานนท์นิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาประชุมพร้อมกัน แล้วทรงอธิษฐานว่า ขอให้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายมองเห็นพระตถาคตและพระอรหันต์ทั้งหลายในกาลบัดนี้ครั้นทรงอธิษฐานแล้วก็ทรงพาหมู่ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายเหาะมาโดยทางนภากาศ แล้วมาสู่สวรรค์เทวโลก เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จพระพุทธดำเนินไปในอากาศวันนั้น ประกอบด้วยพระรัศมีอันสว่างไสววันนั้นพญานันโทปนันทนาคราชได้แลเห็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็บังเกิดความพิโรธยิ่งนัก จึงคำรามว่า สมณะโล้นเหล่านี้ จะได้ยำเกรงเราสักนิดก็ไม่มี พาพรรคพวกเหาะมาบัดนี้ชะรอยว่าจะไปสู่ดาวดึงส์พิภพกระมังถ้าเหาะไปทางอื่นก็ช่างเถิด แต่ถ้าเหาะข้ามเราไปเมื่อไร เป็นต้องผิดใจกัน เพราะเมื่อเหาะข้ามเราไป ผงละอองธุลีในฝ่าเท้าก็จะต้องหล่นลงเหนือหัวของเราเป็นมั่นคง ทางที่ดีเราควรจะไปสกัดหน้าหมู่สงฆ์เอาไว้ อย่าให้เหาะข้ามเราไปได้เมื่อคิดดังนั้นก็สำแดงมหิทธิฤทธิ์ศักดานุภาพ เนรมิตตนให้มหึมาใช้ลำตัวรัดเขาพระสุเมรุราช อันสูงประมาณแปดหมื่นสี่พันโยชน์ด้วยขนดหาง 7 รอบแล้วแผ่พังพานปิดเมืองดาวดึงส์กว้างประมาณได้สิบสองโยชน์ปรากฏอยู่เหนือเขาพระะสุเมรุราชนั้น แล้วบันดาลให้บังเกิดเป็นควันและหมอกมืดมัวไปทั่วฝ่ายพระรัฐบาลอรหันตเถรเจ้า ครั้นเห็นมืดมนอนธการไปทั่วเช่นนั้น จึงกราบทูลถามมูลเหตุแด่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาว่าเป็นเพราะเหตุไรจึงเป็นเช่นนั้นสมเด็จพระพุทธองค์ตรัสว่าที่มืดมนอนธการเช่นนี้เป็นเพราะ “อานุภาพของพญานาคราชอันมีชื่อว่า นันโทปนันทะ” มีจิตกริ้วโกรธพยาบาทต่อเราผู้ตถาคตยิ่งนัก จึงเอาร่างกายกระหวัดรัดเขาพระสุเมรุราชไว้ประมาณเจ็ดรอบแล้วแผ่พังพานปกคลุมไปในเขตเมืองดาวดึงส์สวรรค์ แล้วบันดาลให้บังเกิดเป็นหมอกควัน มืดมัวไปทั่วแดนดาวดึงส์สวรรค์เมื่อพระรัฐบาลอรหันตเถระเจ้าได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธองค์เช่นนั้น จึงกราบทูลอาสาที่จะทรมานพญานาคราชให้พ่ายแพ้สิ้นพยศร้าย แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตต่อจากนั้นพระอรหันตเถระเจ้าทั้งหลายได้กราบทูลขออาสา ที่จะทรมานปราบพญานาคราชนั้นให้เสื่อมหายจากพยศร้าย แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาต

Metha โพสต์ 2014-12-11 19:44

เดชพระโมคคัลลาเมื่อพระมหาโมคคัลลานะเถระผู้เป็นอัครสาวกเบึ้องซ้าย ได้กราบทูลขออาสาไปทรมานพญานาคราชนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาตพระมหาโมคคัลลานะเถรเจ้า เมื่อได้รับพระพุทธานุญาตแล้วจึงมาดำริว่าพญานาคราชตนนี้เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานสำคัญตนว่า มีร่างกายยาวใหญ่ยิ่งกว่าพญานาคราชอื่น ๆ ไม่มีผู้ใดที่จะมาต่อสู้ตนด้วยอานุภาพได้ จึงบังเกิดความกำเริบมัวเมาคิดอาละวาด เราจะต้องทรมานให้หมดพยศอันร้ายนี้เสียครั้นคิดเช่นนั้นแล้ว จึงเนรมิตกายให้กลับกลายเป็นพญานาคราชอันเรืองฤทธา มีกายยาวใหญ่กว่าพญานันโทปนันทนาคราชประมาณสองเท่า แล้วเนรมิตพังพานประมาณกว้างแสนหนึ่ง แล้วกระหวัดรัดตัวพญานันโทปนันทนาคราชนั้น ให้แน่นเข้ากับภูเขาพระสุเมรุสี่รอบ แล้วแผ่พังพานออกไปอย่างใหญ่หลวงมหึมาอยู่เหนือเบึ้องบนแห่งพญานันโทปนันทนาคราช แล้วรัดให้แน่นเข้า ๆ กับภูเขาพระสุเมรุราชนั้นฝ่ายพระยานันโทปนันทนาคราชให้บังเกิดความอึดอัดประหนึ่งว่าจะขาดใจตาย ทั้งกระดูกนั้นเล่าก็เหมือนจะแตกแหลกลาญเป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่ จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกายสักนิดก็มิได้ ให้รู้สึกกลัดกลุ้มเดือดตาลใจเป็นกำลังจึงบันดาลพ่นพิษให้เป็นควัน แผ่ออกไปในระยะไกลได้ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ตั้งแต่พื้นพสุธาถึงภวัคพรหมพระมหาโมคคัลลานะเถระก็บันดาลมหิทธิฤทธิ่ให้เป็นควันมากขึ้นเป็นสองเท่า ให้ผจญกับฤทธิ์ของพญานันโทปนันทนาคราชพญานันโทปนันทนาคราช มิสามารถจะผจญกับฤทธิ์ของพระมหาโมคคัลลานะเถรได้ก็ให้บังเกิดคั่งแค้นอย่างใหญ่หลวง จึงบันดาลเนรมิตให้เกิดเป็นไฟขึ้น เพื่อหวังจะให้เผาผลาญพระเถระเจ้าให้ย่อยยับไปพระมหาโมคคัลลานะเถระจึงบันดาลให้เกิดเปลวไฟขึ้นบ้าง ลุกลามไหม้กายพญานันโทปนันทนาคราชไพโรจน์โชติช่วงทั้งภายในและภายนอก สร้างความรุ่มร้อนระส่ำระสายสุดที่จะทนทานได้พญานันโทปนันทนาคราชครุ่นคิดอย่างตื่นตระหนกว่า บุคคลผู้นี้ชื่อใด มาแต่ไหนหนอ จึงประกอบไปด้วยฤทธิ์ศักดาเดชานุภาพมากมายนัก จึงถามไปว่า ท่านมาแต่ไหน มีชื่อเสียงว่าอย่างไร จงบอกให้ข้าพเจ้าทราบหน่อยเถิดพระมหาโมคคัลลานะจึงกล่าวตอบว่า เราเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีชื่อว่าโมคคัลลานะเมื่อพญานันโทปนันทนาคราชได้ทราบดังนั้น จึงกล่าวอย่างมีเล่ห์อุบายว่า พระผู้เป็นเจ้า ท่านเป็นสมณะ มาทำกรรมอย่างนี้เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งพระมหาเถระจึงตอบว่า การที่เราต้องกระทำเช่นนี้ ก็เพื่อต้องการจะทรมานท่านให้หมดพยศร้าย หายจากมิจฉาทิฐิ ว่าแล้วพระมหาเถระเจ้าก็บันดาลให้เพศพญานาคราชอันตรธานหายไป กลับกลายเป็นสมณะอย่างเดิม แล้วกล่าวว่า

Metha โพสต์ 2014-12-11 19:45

กัมมวิปากชาฤทธิ์ท่านพญานันโทปนันทนาคราช ตัวท่านเป็นสัตว์เดรัจฉาน มีมหิทธิฤทธิ์อานุภาพยิ่งล้นด้วยบุพกรรมเท่านั้น แต่หาได้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักคุณพระรัตนตรัย คุณมารดา บิดา กล้าด่าบริภาษแม้กระทั่งองค์สมเด็จพระบรมครูกับพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ด้วยถ้อยคำหยาบช้าต่าง ๆ นานาเท่านี้ยังไม่พอท่านยังบังอาจเนรมิตกายให้ยาวใหญ่ด้วยน้ำใจอหังการ์ เพื่อจะไม่ให้พระพุทธองค์กับเหล่าสาวกเสด็จไป ด้วยกลัวว่าธุลีที่ติดอยู่ตามพระบาทนั้นจะตกลงมาใส่หัวแห่งตนความจริงท่านควรจะปลื้มปีติใจ ถ้าละอองธุลีที่พระบาทของพระพุทธองค์ตกใส่หัวท่าน เพราะการที่พระบาทยุคลแห่งองค์สมเด็จพระบรมทศพลถูกต้องศรีษะแห่งใครนั้น ย่อมเป็นบุญลาภอันยิ่งใหญ่ทั้งนี้เพราะผู้ที่เกิดมาในโลกนี้ ยากนักที่จะได้พบเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่างเกิดมาเปล่าไปเสียหลายหมื่นหลายแสนชาติ จะได้พบพระพุทธเจ้านั้นก็หามิได้ตัวท่านเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานมีฤทธิ์เดชโดยกำเนิดเกิดแก่ผลกรรมเรียกว่า “กัมมวิปากชาฤทธิ์” ประกอบไปด้วยมิจฉาทิฐิเช่นนี้ ท่านสมควรจะได้รับทุกขเวทนาอย่างสาหัส ในปัจจุบันทันตาเห็นบัดเดี๋ยวนี้ เพราะผลแห่งกรรมปัจจุบันอันชั่วช้าของท่านครั้นว่าดังนี้แล้ว พระมหาโมคคัลลานะเถระเจ้าก็เข้าไปในช่องหูข้างขวาของพญานันโทปนันทนาคราช แล้วออกมาทางหูข้างซ้าย แล้วย้อนกลับเข้าหูข้างซ้าย ออกทางหูขวา แล้วเข้าไปทางช่องจมูกข้างขวา ออกทางช่องจมูกซ้าย ย้อนเข้าช่องจมูกซ้าย ออกช่องจมูกขวาเดินไปเดินมาอยู่อย่างนี้ สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้แก่พญานันโทปนันทนาคราชอย่างแสนสาหัส ถึงกับคร่ำครวญในใจว่าบรรดาพญานาคทั้งหลายจะมีฤทธิ์เดชานุภาพมากเหมือนตัวเรานี้ย่อมหาไม่ได้ แต่สมณะองค์นี้ทำให้เราได้รับทุกขเวทนาลำบากสุดแสนสาหัสเหลือที่จะอดทนได้ จำเราจะใช้อุบายหลอกลวงสมณะองค์นี้ให้หลงเข้าไปในปากเรา แล้วเคี้ยวให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงไปเสียบัดนี้เถิดคิดดังนั้นแล้วจึงกล่าวว่า ข้าแต่สมณะ ธรรมดาสมณะทั้งหลายย่อมปฏิบัติตามคำพูด ก็ท่านพูดว่ามิได้โกรธเคืองแก่ข้าพเจ้าแต่บัดนี้ท่านมากระทำให้ข้าพเจ้าได้รับความลำบากยิ่งนักพระโมคคัลลานะเถระเจ้าจึงตอบว่า การที่เราต้องกระทำเช่นนี้ ก็เพื่อจะให้ท่านละจากมิจฉาทิฐิอันวิปริตผิดจากคลองธรรม นำให้ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฐิ เราหวังดีต่อท่านถึงกระนี้แล้ว ตัวท่านยังคิดร้ายจะให้เราเข้าไปในปากของท่าน แล้วท่านก็จะขบกัดเราให้แหลกละเอียดเป็นธุลีไปอีกหรือ?ว่าแล้วพระมหาเถรเจ้าผู้เลิศด้วยมหิทธิฤทธานุภาพ ก็ปาฏิหาริย์เข้าไปในปากของพญานาคราชมิจฉาทิฐิตัวนั้น แล้วก็เดินจงกรมไปมาอยู่ในท้องของพญานาคราช

Metha โพสต์ 2014-12-11 19:45

ฤทธิ์ปราบฤทธิ์ฝ่ายพญานันโทปนันทนาคราชคิดในใจด้วยอุบายว่า ถ้าสมณะองค์นี้มิได้มีใจโกรธเราแล้ว ขอพระผู้เป็นเจ้าอย่าได้เบียดเบียนทำอันตรายแก่เราเลย ขอจงออกมาจากในท้องของเราในบัดนี้เถิดพระมหาโมคคัลลานะเถระเจ้าทราบความนึกคิดของพญานาคราชดังนั้น ท่านก็เดินออกมาจากในท้องของพญานาคราชนันโทปนันทะแล้วนั่งอยู่พญานันโทปนันทนาคราชเห็นดังนั้น จึงรีบฉวยโอกาสพ่นลมพิษออกไป หมายทำร้ายพระอรหันตเถระเจ้า แต่ก็หาทำร้ายพระเถระเจ้าได้ไม่ต่อจากนั้นพญานาคราชได้สำแดงฤทธิ์ด้วยประการต่าง ๆ ด้วยความเคียดแค้นพยาบาท หวังจะทำลายพระมหาโมคคัลลานะเถระ ให้พินาศย่อยยับไปด้วยฤทธิ์เดชของตนแต่ผลสุดท้ายก็ถูกพระมหาเถระเจ้าผู้เลิศด้วยมหิทธิฤทธิ์เดชานุภาพ ทรมานจนหมดพิษสงฤทธิ์ชั่วร้าย ยอมพ่ายแพ้สำนึกผิดกลายเป็นสัมมาทิฐิ เนรมิตกายเป็นมานพหนุ่มน้อย เข้าไปถวายนมัสการลงแทบเท้าของพระมหาโมคคัลลานะเถระเจ้า อ้อนวอนขอขมาโทษและขอนับถือเป็นที่พึ่งพระมหาโมคคัลลานะเถระเจ้าจึงพาพญานันโทปนันทนาคราช ไปสู่สำนักของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้พระพุทธองค์ทรงยกโทษให้แก่พญานาคราชนันโทปนันทะเมื่อไปเฝ้าพระพุทธองค์แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงประทานศีลห้า ให้แก่นันโทปนันทนาคราชยึดถือรับไปเป็นหลักปฏิบัติแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงพาหมู่ภิกษุสงฆ์ไปสู่เรือนของอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี เพื่อรับภัตตาหารสืบไปจากอรรถกถานี้ “พญานาคมีจริง !”

Metha โพสต์ 2014-12-11 19:47

พญานาคฟังธรรมทีนี้มากล่าวถึงยุคสมัยเมื่อไม่นานมานี้ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ท่านมีความเกี่ยวข้องกับพวก “พญานาค” อยู่อย่างลึกลับจากข้อความในหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ซึ่งเรียบเรียงโดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน กล่าวไว้ว่าในสมัยที่ท่านพระอาจารย์มั่นออกเที่ยวแสวงวิเวก อยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร ในภาคเหนือและภาคอีสาน ตลอดจนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ขณะที่ท่านพักบำเพ็ญเป็นสุขวิหารธรรม อยู่สบายในป่าในเขาที่สงัดปราศจากผู้คนทั้งกลางวันกลางคืนพระอาจารย์มั่นมีการติดต่อกับพวกกายทิพย์ เช่น เทวบุตร เทวธิดา อินทร์ พรหม พญานาค ครุฑ ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ วิทยาธร และภูตผีปิศาจที่มาจากที่ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำสม่ำเสมอท่านถือเป็นเรื่องธรรมดา เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ติดต่อกับมนุษย์ชาติต่าง ๆ ในโลกนี้เพื่อผลประโยชน์ ซึ่งกันและกันท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ เล่าว่าขณะที่ท่านกำลังแสดงธรรมอบรมพระเณรตอนกลางคืน ที่หมู่บ้านสามผง นครพนม ได้มีพญานาคอยู่แถบลำแม่น้ำสงครามได้แอบมาฟังเทศน์ท่านแทบทุกคืน โดยเฉพาะวันพระ พญานาคมาทุกคืน ถ้าไม่มาตอนท่านอบรมพระเณร พญานาคก็มาตอนดึกขณะที่ท่านเข้านั่งสมาธิภาวนาส่วนเทวดาทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างมีมาห่าง ๆ ไม่เหมือนอยู่ที่อุดรฯ หนองคายยิ่งวันเข้าพรรษาและวันกลางพรรษา และวันปวารณาออกพรรษาด้วยแล้ว ไม่ว่าท่านพระอาจารย์มั่นจะพักจำพรรษาอยู่ที่ไหน แม้แต่ในตัวเมือง ก็ยังมีพวกเทวดาทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง ชั้นใดชั้นหนึ่ง และที่ใดที่หนึ่งมาฟังธรรมเทศนาท่านมิได้ขาด เช่น ที่วัดเจดีย์หลวงจังหวัดเชียงใหม่เป็นต้น

Metha โพสต์ 2014-12-11 19:48

เมื่อครั้งพระอาจารย์มั่นธุดงค์ไปบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าเชิงเขาใหญ่ลูกหนึ่งฝั่งไทย ทางทิศตะวันตกนครหลวงพระบาง ภูเขาลูกนี้อยู่ชายฝั่งแม่น้ำโขงพระอาจารย์มั่นเล่าว่าที่ใต้เชิงเขาลูกนั้น มีเมืองพญานาคตั้งอยู่ ใหญ่โตมาก หัวหน้าพญานาคพาบริวารมาฟังธรรมของท่านเสมอ และมักมากันมากมายในบางครั้ง พวกพญานาคไม่ค่อยมีปัญหาซักถามมากเหมือนพวกเทวดา พวกเทวดาทั้งเบื้องต้นและเบื้องล่างมักมีปัญหามากพอ ๆ กัน หมายถึงปัญหาข้อสงสัยทางธรรมะส่วนความเลื่อมใสในธรรมะนั้นพวกพญานาคและเทวดามีความเลื่อมใสพอ ๆ กันพระอาจารย์มั่นพักบำเพ็ญเพียรอยู่เชิงเขาลูกนั้นนานพอสมควร พวกพญานาคมาเยี่ยมคารวะฟังธรรมกับท่านแทบทุกคืนพวกพญานาคมาเยี่ยมคารวะท่านไม่ดึกนัก ท่านว่าอาจเป็นเพราะที่พักของท่านสงัดเงียบ ห่างไกลจากหมู่บ้านก็ได้ พวกพญานาคจึงมาเยี่ยมในราว 4-5 ทุ่มส่วนสถานที่อื่น ๆ พวกพญานาคมาดึกกว่านี้ก็มี เวลาขนาดนี้ก็มี พวกพญานาคตามสถานที่ต่าง ๆ มีความเคารพเลื่อมใสท่านมาก พวกเขาจัดให้บริวารพญานาคมารักษาคุ้มครองป้องกันภัยให้ท่านทั้งกลางวันกลางคืน โดยผลัดเปลี่ยนวาระกันมิได้ขาดท่านไปอยู่สถานที่ใดพวกพญานาคในสถานที่นั้นมักอาราธนานิมนต์ให้ท่านพระอาจารย์มั่นอยู่ที่นั่นนาน ๆ เพื่อโปรดพวกเขาเมื่อครั้งพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พักจำพรรษาอยู่บ้านน้ำเมา อำเภอแม่ปั๋ง เชียงใหม่ พระอาจารย์มั่นเล่าว่า ท่านต้อนรับแขกจำพวกกายทิพย์บนสวรรค์มี ท้าวสักกเทวราช เป็นหัวหน้ามาก เป็นพิเศษแม้หน้าแล้งท่านจะหลีกเลี่ยงออกไปเที่ยววิเวกองค์เดียว อยู่ในถ้ำดอกคำ ท้าวสักกเทวราชก็พาพวกเทวดาติดตามไปเยี่ยมท่าน ซึ่งพวกเทวดามาแต่ละครั้งนี้ มากันเป็นหมื่นเป็นแสนและมาบ่อยที่สุดถ้าพวกที่ไม่เคยมา ท้าวสักกเทวราชต้องเตือนให้พวกเขาเข้าใจวิธีฟังธรรม ก่อนที่พระอาจารย์มั่นจะแสดงให้ฟัง โดยมากพระอาจารย์มั่นท่านแสดง “เมตตาอัปปมัญญาพรหมวิหาร” ให้พวกเทวดาฟัง เพราะพวกเทวดาชอบฟังธรรมนี้มากเป็นพิเศษพวกเทวดาชอบสถานที่อยู่ลึก ๆ เงียบสงัดห่างไกลจากมนุษย์เพราะมนุษย์มีกลิ่นเหม็นรุนแรงเหมือนซากศพ เนื่องจากมนุษย์กินอาหารประเภทเนื้อสัตว์หลายชนิดมาก ในท้องในกระเพาะมนุษย์จึงเต็มไปด้วยซากศพสัตว์ชนิดต่าง ๆ ส่งกลิ่นเหม็นกระจายออกมา ตามรูขุมขน แต่มนุษย์ด้วยกันเคยชินกลิ่นของกันและกัน เลยไม่รู้สึกว่าเหม็นเหมือนกลิ่นศพซึ่งผิดกับพวกเทวดามีจมูกพิเศษสัมผัสได้ว่องไวเป็นสภาวะทิพย์ จึงสามารถได้กลิ่นเหม็นเน่าซากศพ โชยออกมาจากร่างมนุษย์ได้เต็มที่ ทำให้สะอิดสะเอียนเหียนรากทนไม่ไหว ไม่ต่างอะไรกับคนเราทนไม่ได้กับกลิ่นซากศพเน่า ๆ ในโลงศพฉะนั้นแหละพวกเทวดาทุกคนทุกภูมิเคารพท่านพระอาจารย์มั่นและเคารพสถานที่บำเพ็ญเพียรของท่านมาก แม้แต่ทางเดินจงกรมที่ญาติโยมชาวบ้านเอาทรายมาเกลี่ยไว้สำหรับให้พระอาจารย์มั่นเดินได้สะดวก พวกเทวดาก็ไม่กล้าผ่านทางจงกรม ต้องเดินอ้อมไปทางหัวจงกรมทุกครั้งที่มาและไปพวก “พญานาค” ก็เช่นเดียวกัน เวลาเข้ามาเยี่ยมคารวะฟังธรรมกับท่าน พวกพญานาคไม่กล้าเดินเข้าทางจงกรมเลย ต้องเดินอ้อมไปทางอื่นบางครั้งพญานาคใช้ให้บริวารมากราบนิมนต์พระอาจารย์มั่นในกิจบางอย่าง ให้ไปโปรดพวกพญานาค คล้ายกับมนุษย์เรามานิมนต์พระไปในงานไม่มีผิดเลย

Metha โพสต์ 2014-12-11 19:49

พญานาคเชียงดาวพญานาคที่เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่รู้จักพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยก็มีเหมือนกันพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระเล่าว่าสมัยเมื่อครั้งท่านไปพักบำเพ็ญเพียรอยู่ที่ ถ้ำเชียงดาว ถ้ำที่ว่านี้ไม่ใช่ถ้ำเชียงดาวซึ่งยาวเข้าไปในกลางเขาที่ประชาชนเข้าไปเที่ยวกัน หากเป็นอีกถ้ำหนึ่งซึ่งอยู่สูงขึ้นไป ประชาชนขึ้นไปไม่ถึง เพราะทำเลซ่อนเร้นลับตา ถ้ำที่ท่านขึ้นไปบำเพ็ญเพียรนี้แหละ มีพญานาคตนหนึ่งเฝ้ารักษาถ้ำอยู่มาเป็นเวลานานพญานาคตนนี้ไม่ได้ปรากฏร่างออกมาให้พระอาจารย์มั่นเห็นด้วยสายตาธรรมดา หากแต่พระอาจารย์มั่นสามารถมองเห็นได้ด้วยนัยน์ตาทิพย์ว่าพญานาคตนนี้มีกายทิพย์หรือปรมาณู มีวังอันสวยงามอยู่ลึกเข้าไปในถ้ำอันเร้นลับยากที่ปุถุชนธรรมดาจะล่วงรู้เห็นได้ พญานาคตนนี้คอยโผล่หัวจ้องมองจับผิดท่านพระอาจารย์มั่นอยู่ตลอดเวลา คือจ้องมองอยู่ในถ้ำลึกเวียงวังของตน ไม่ได้โผล่เข้ามาใกล้ที่พักของพระอาจารย์มั่นแต่อย่างใด แต่พญานาคมีสายตาเป็นทิพย์มองไกล ๆ แค่ไหนก็ย่อมเห็นได้แต่พญานาคตนนี้ก็ยอมรับฟังเทศนาธรรมจากพระอาจารย์มั่นในที่สุดจนได้

Metha โพสต์ 2014-12-11 19:50

ไปคูหาสวรรค์ทีนี้กลับมากล่าวถึง “หลวงปู่คำคะนิง” ที่เคยเข้าไปเที่ยวในเมืองพญานาค ใต้แม่น้ำโขงว่าแตกต่างกับที่พระอาจารย์มั่นเห็นเป็นประการใดข้าพเจ้าออกเดินทางจากกรุเทพฯ ไปนมัสการหลวงปู่คำคะนิง จุลละมณี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2523 ที่ผ่านมานี้เอง คณะของพวกเราเป็นนักปฏิบัติธรรม มุ่งกำจัดกิเลสตัณหาออกจากกาย วาจาและใจเป็นจุดสำคัญ ขณะเดียวกันก็ใฝ่ใจศึกษาค้นคว้าถึงสิ่งเร้นลับทั้งนามธรรมและรูปธรรมไปด้วยในเชิงวิชาการเราไปพักแรมคืนกับพระอาจารย์โชติ อาภคฺโค (พระครูพิบูลธรรมภาณ) ที่ วัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานีหนึ่งคืนรุ่งเช้าต่อมาก็นำรถลงแพขนานยนต์ ที่ท่าข้ามแม่น้ำมูลอำเภอพิบูลมังสาหาร ไปขึ้นฟากฝั่งตรงข้าม ซึ่งที่นั่นมีถนนสายยุทธศาสตร์จะพุ่งไปทางทิศตะวันออกเลียบฝั่งโขง ผ่านอำเภอบ้านด่าน ปากแม่น้ำมูลซึ่งไหลตกแม่น้ำโขงถนนสายนี้จะเลียบเลาะฝั่งโยงไปทางอำเภอโขงเจียม อำเภอเขมราฐ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นถนนสายยุทธศาสตร์สำคัญ เล่นผ่านพื้นที่สีแดงที่พวก ผกคพยายามแผ่อิทธิพลอยู่ แต่ถนนสายนี้ก็ดีกว่าทางเกวียนเล็กน้อย เป็นถนนดินลูกรังฝุ่นคละคลุ้ง เข้าใจเอาว่า รัฐบาลคงยังไม่มีงบประมาณพอที่จะลาดยางให้ราบเรียบแน่นหนาถาวรhttp://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-kumkaning/lp-kumkaning--01.jpgมัคคุเทศก์นำทางไปครั้งนี้เป็นพระอาจารย์องค์สำคัญผู้มีชื่อเสียงเลึ่องลือสองฟากฝั่งโขง ท่านคือ พระอาจารย์กิ ธัมมุตตะโมแห่งวัดสนามชัย อำเภอพิบูลมังสาหารเดิมทีนั้นท่าน พระอาจารยกิ เป็นชาวจำปาศักดิ์ ท่านเชี่ยวชาญทางธุดงควัตร ชอบอยู่ตามป่าตามถ้ำเขาเป็นชีวิตจิตใจมาตั้งแต่เป็นสามเณร มีความเชี่ยวชาญเรื่องป่าเรื่องถ้ำเขาและยาสมุนไพรอย่างหาตัวจับยากสมัยอยู่แขวงลาวใต้ ท่านเป็นพระอาจารย์สอนสมถะ วิปัสสนา มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ในความเคารพเลื่อมใสของชาวบ้านนั้น เพราะท่านพระอาจารย์กิ ธัมมุตตโมมีอภินิหารมากหลวงปู่คำคะนิง อยู่ที่ ถ้ำคูหาสวรรค์ อำเภอบ้านด่านท่านผู้อ่านที่สนใจใคร่จะไปนมัสการท่านโปรดอ่านแล้วจดไว้เลย คือดังนี้นะครับเมื่อขึ้นจากแพขนานยนต์ ที่ท่าข้ามอำเภอพิบูลมังสาหารแล้ว ขับรถเลี้ยวไปทางขวามือ มีป้ายเขียนบอกไว้ หรือจะถามชาวบ้านแถวนั้นก็ได้ เขาจะยินดีชี้ทางให้ด้วยความเต็มใจ มีอัธยาศัยถ้าไม่มีรถขับไปออกจะไม่สะดวก เพราะรถเมล์รถประจำทางมีน้อยคัน ดูเหมือนจะวิ่งวันละเที่ยวเท่านั้นทางที่ดีที่สุดก็คือเหมารถสองแถวหรือแท็กซี่จากตลาดอุบลฯ หรือจากตลาดวารินชำราบไปกลับจะสะดวกกว่ารถจะแล่นผ่านทุ่งนาและป่าโปร่งไปเรื่อย ๆ แล้วจะขึ้นเขาผ่านสำนักสงฆ์ “ถ้ำเหวสินไชย” ไป ตอนนี้รถจะเลี้ยวซ้ายขึ้นไปบนยอดเขา ไปสักพักจะเห็นมีบ้านเรือนของชาวป่าอยู่หลังหนึ่งซ้ายมือจงจอดรถที่บ้านหลังนี้แล้วมองไปทางทิศตะวันออกหรือขวามือ จะเห็นแม่น้ำโขงอยู่ต่ำลงไปคดเคี้ยวคล้ายงูยักษ์ และมองเห็นตลาดอำเภอบ้านด่านอยู่ตีนเขาลิบ ๆ ตลาดบ้านด่านนี้อยู่ริมฝั่งโขงและตรงปากแม่น้ำมูลไหลตกแม่น้ำโขงให้ถามเจ้าของบ้านกลางป่าทางลงสู่ถ้ำคูหาสวรรค์อยู่ตรงไหน เขาจะยินดีชี้บอกทางให้และนำทางไปเอง เพราะเขาเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่คำคะนิงท่านที่ชมชอบธรรมชาติจะต้องตะลึงลานกับธรรมชาติของอำเภอบ้านด่าน มันงามวิจิตรพิสดารด้วยต้นไม้ใบหญ้า แม่น้ำและภูเขาชวนให้เคลิบเคลิ้มนี่กระไรพวกเราเข้ามนัสภารหลวงปู่คำคะนิงที่ถ้ำคูหาสวรรค์ ท่านเป็นรูปร่างสูงใหญ่แบบคนโบราณผิวพรรณศิริราศีผ่องใสไปทั่วทั้งอินทรีย์
หน้า: [1] 2 3 4
ดูในรูปแบบกติ: หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี บุกเมืองพญานาค