ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2013-9-27 07:12http://www.96rangjai.com/meat/images/bbr5.jpg
เพราะเป็นการปฏิบัติเพื่อยึดเอาประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม...
การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นทางก้าวหน้าของสัมมาปฏิบัติอย่างหนึ่ง
ซึ่งได้ผลมาก โดยลงทุนทางวัตถุน้อยที่สุดแต่ให้ผลมากทางใจ
โดยท่านพุทธทาสภิกขุ
ข้อที่ ๑ เป็นการเลี้ยงง่ายยิ่งขึ้น
http://www.96rangjai.com/meat/images/dhp176.jpg
เพราะพวกพืชผัก เป็นของหาง่ายในหมู่คนยากจนเข็ญใจ... ซึ่งมีการปรุงอาหารด้วยผักเป็นพื้น... นักกินผักย่อมไม่มีเวลาไปกระวนกระวายเพราะอาหารไม่ค่อยจะถูกปากถูกลิ้นนักเลย... ในขณะที่นักกินเนื้อมักต้องเลียบๆ เคียงๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งภัตตาหารเนื้อบ่อยๆ... ญาติโยมเสียไม่ได้ในท่าทีก็พยายามหามาถวายศรัทธา....
ญาติโยมที่มีใจเป็นกลาง เคยปรารภกับข้าพเจ้าหลายต่อหลายครั้งว่า ...เขาสามารถจะเลี้ยงพระได้ถึง ๕๐ รูป โดยไม่รู้สึกลำบากอะไรเลย... หากเป็นอาหารที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อกับปลา.... แต่ที่ผ่านมาต้องฝืนใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างมากๆ ไม่ใช่ว่าจะคิดว่า เนื้อมีราคาแพงกว่าผัก...แต่เป็นเพราะรู้ว่า...สัตว์ถูกฆ่าตาย... เพื่อการทำบุญเลี้ยงพระของเรามีอีกหลายคนทีแรกค้านว่าการทำอาหารมังสวิรัติวุ่นวายลำบาก แต่เมื่อได้ทดลองทำไป ๒-๓ ครั้ง... กลับสารภาพว่าเป็นการง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย เพราะบางคราวไม่ต้องไปติดไฟเลยก็มี ...
ตัณหาของนักกินผักกับกินเนื้อมีความแตกต่างกันอย่างไร.... จะกล่าวในข้อหลังเฉพาะข้อนี้ขอจงทราบไว้ว่า ...
"คนกินเนื้อสัตว์ เพราะแพ้รสตัณหา
กินเพราะตัณหา ไม่ใช่เพราะเลี้ยงง่าย"
ข้อที่ ๒. เป็นการฝึกในส่วน "สัจธรรม"
http://www.96rangjai.com/meat/images/dhp010.jpg
คนเราห่างไกลจากความพ้นทุกข์ก็เพราะมีนิสัยเหลวไหลต่อตัวเอง... สัจจะในการกินผักนั้นเป็นแบบฝึกหัดที่น่าเพลินบริสุทธิ์... ได้ผลสูงเกินกว่าที่คนไม่เคยทดลองจะคาดถึง ...พืชผักเป็นอาหารที่จะหล่อเลี้ยง "ดวงธรรมแห่งสัจจะ" ในใจของเราให้สมบูรณ์แข็งแรง
ดังนั้น การฝึกกินผัก อาหารพืชผักจึงเป็นแบบฝึกหัดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม... ที่ยอดเยี่ยมกว่าแบบฝึกหัดอย่างอื่นๆ เพราะแบบฝึกหัดบางอย่างค่อนข้างง่าย แต่บางอย่างก็ยากเกินจะฝึกทำให้ไม่สามารถนำมาเป็นเกมฝึกหัดประจำทุกๆ วัน แต่เราผู้ปฏิบัติธรรมต้องฝึกทุกวันจึงจะได้ผลเร็ว เหตุฉะนี้ การฝึกใจด้วยเรื่องอาหารอันเป็นสิ่งที่เราต้องบริโภคอยู่ทุกวันจึง เหมาะมาก อย่าลืมพระพุทธภาษิตที่มีใจความว่า ...
"สัจจะเป็นคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์"
ข้อที่ ๓.เป็นการฝึกในส่วน"ทมะ"ธรรม
http://www.96rangjai.com/meat/images/dhp110.jpg
"ทมะ" คือ การข่มใจให้อยู่ในอำนาจ คนเราเป็นทุกข์เพราะตัณหา อันได้แก่ ความอยากที่ข่มใจไว้ไม่อยู่ มีข้อพิสูจน์เฉพาะเรื่องผักกับเนื้อง่ายๆ เช่นข้าพเจ้าเคยเห็นชาวบ้านที่มาจากป่าดอนสูงๆ อุตสาห์หาบเอาพวกพืชผักลงมาแลกปลาแห้งๆ จากชาวบ้านแถบริมทะเลขึ้นไปกินทั้งๆ ที่ต้องเสียเวลาเป็นวันๆ ในขณะที่กลางบ้านของเขาก็มีอาหารพวกพืชผัก เผือก มัน ฟัก มะพร้าวฯลฯ อย่างอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งอาหารเหล่านี้ยังเป็นของสด สามารถบำรุงร่างกายได้มากกว่าปลาแห้งๆ และขึ้นราที่พวกเขาสู้อุตส่าห์ลงมาหามหิ้วขึ้นไปเก็บไว้กินเป็น ไหนๆดังนั้น… ผู้ที่ไม่มีการข่มรสตัณหาจักต้องเป็นทาสของความทุกข์ และถอยหลังต่อการปฏิบัติธรรม...
เหตุนี้การข่มจิตด้วยเรื่องอาหารการกินจึงเหมาะมาก เพราะจะมีการข่มได้ทุกวัน การข่มจิตอยู่เสมอเป็นของคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์ เช่นกัน....
โปรดทราบ! ว่า...มันเป็นการยากยิ่งที่คนแพ้ลิ้นจะข่มตัณหา โดยพยายามเลือกกินแต่ผักจากจานอาหารที่เขาปรุงด้วยเนื้อ... และผักปนกันมาจงยึดเอาเกมกีฬาฝึกข่มจิต... ที่เป็นเครื่องชนะตนอันนี้เถิด...
การเลี้ยงพระในงานต่างๆ... ข้าพเจ้าเคยเห็นเคยได้ยินเสียงเอ็ดตะโรเรียกเอาแต่อาหารเนื้อสัตว์...ส่วนอาหารผักล้วนดูเหมือนว่าเป็นการยากที่จะถูกเลือกกับเขา... มิหนำซ้ำยังเหลือกลับไปอีก.... แม้กระทั่งอาหารที่ปรุงระคนกันมาก็หายไปแต่ชิ้นเนื้อ...คงเหลือแต่ผักติดจานกลับไป...
และยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ...ควรรู้ไว้ด้วยว่าบรรดาพ่อครัวแม่ครัวและเจ้าภาพเขารู้ตัวก่อนด้วยซ้ำไป จึงปรุงอาหารเนื้อสัตว์ เอาไว้ให้มากกว่าอาหารผักหลายเท่านัก ทั้งนี้ก็เพราะตัณหาทั้งของฝ่ายแขกเหรื่อชาวบ้าน และฝ่ายบรรพชิตทั้งหลายร่วมมือกัน "แบ่งอิทธิพล"
ข้อที่ ๔. เป็นการฝึกในส่วน "สันโดษ"
http://www.96rangjai.com/meat/images/dhp231.jpg
สันโดษ คือ ความพอใจเฉพาะสิ่งที่มีอยู่ตามฐานะของตน โดยทั่วไปชีวิตของผู้ออกบวชย่อมดำรงอยู่ด้วยอาหารชั้นเลว ทว่า ข้าพเจ้าเคยเห็นบรรพชิตบางรูป เว้นไม่ยอมรับอาหารจากคนจนเพราะเห็นว่าเลวเกินไป คือเป็นเพียงผักหรือผลไม้ชั้นต่ำ และถึงแม้จะรับมาก็เพื่อทิ้ง นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่เคยมีความสันโดษหรือถ่อมตนดังนั้น… การฝึกเป็นนักกินผัก กินอาหารอย่างง่ายๆ จะแก้ได้หมด... "สันโดษเป็นทรัพย์อย่างเอกของบรรพชิต"
ข้อที่ ๕. เป็นการฝึกในส่วน "จาคะ"
http://www.96rangjai.com/meat/images/dhp234.jpg
จาคะ คือ การสละสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความสงบ หรือ ความพ้นทุกข์ ...นักกินผัก ที่แท้จริงมีดวงจิตบริสุทธิ์ผ่องใส เกินกว่าที่จะมีใจนึกอยากในเรื่องจะบริโภคอาหารที่มีรสหลากหลาย... เพราะผักไม่ยั่วในการบริโภคมากไปกว่ากินเพื่ออย่าให้ตาย ซึ่งต่างไปจากเนื้อสัตว์ที่ยั่วให้ติดรสและมัวเมาอยู่เสมอ...
ความอยากในรสที่เกินจำเป็นของชีวิต...ความหลงใหลในรส ความหงุดหงิด เมื่อไม่มีเนื้อที่อร่อยมาเป็นอาหาร ฯลฯ... เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ารับรองได้ว่า ...ไม่มีดวงจิตของนักกินผักเลย.... ส่วนนักกินเนื้อนั้น ท่านจะทราบของท่านได้เองเป็นปัจจัตตัง เช่นเดียวกับธรรมะอย่างอื่นๆ
ข้อที่ ๖. เป็นการฝึกในส่วน "ปัญญา"
http://www.96rangjai.com/meat/images/dhp065.jpg
ปัญญา คือ ความรู้เท่าทันดวงจิตที่กลับกลอก การใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นโทษของการยึดมั่น... และให้ใจละวางความยึดมั่นในการกินอาหาร แบบฝึกหัดที่ยากและเป็นก้าวที่ใหญ่ของการปฏิบัติธรรมเช่นนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการฝึกบริโภคอาหารผัก ที่จะเป็นอารมณ์อันบังคับให้ท่าน ต้องใช้พิจารณาตัวเองอยู่เสมอทุกมื้อเพราะเนื้อทำ ให้หลงในรส ส่วนผักทำให้ยกใจขึ้นไป ซึ่งเหมาะแก่สันดานของสัตว์ผู้มีกิเลสย้อมใจจนจับแน่นเป็นน้ำฝาดมาแต่เดิม ปัญญาของท่านต้องรู้อยู่เสมอว่า ไม่ใช่จะไปนิพพานได้เพราะกินผัก เป็นแต่การกินผักจะช่วยขัดเกลากิเลสทุกๆ วัน...
แท้จริงแล้วข้าพเจ้าไม่ได้มีความเห็นว่าฝ่ายที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจต้องเป็นผัก... ความจริงอาจจะถือว่า ผักเป็นอาหารชั้นเลวหรือไม่ประณีตก็พอแล้ว... แต่เมื่อมาพิจารณาใคร่ครวญให้ดีแล้วมันมาตรงกับอาหารผัก เพราะจะทำอย่างไร เนื้อก็เป็นของชวนกินเพียงแต่ต้มเฉย ๆ พอได้กลิ่นมันก็ยั่วตัณหาอยู่ดี !...
เพราะฉะนั้น ฝ่ายที่จะปราบตัณหา จึงกลายเป็นเกียรติยศของผักไป อาหารผักเป็นอาหารที่ข่มตัณหาได้ และมีแต่ความบริสุทธิ์จึงเหมาะสม สำหรับผู้ที่ระแวงภัย และตั้งอยู่ในความไม่ประมาทอยู่เสมอ...
ผลดีในฝ่ายโลก... อาหารผักมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายยิ่งกว่าเนื้อสัตว์ หรือไม่ ?... เรื่องนี้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ก็บอกแก่เราชัดแจ้งอยู่แล้วว่า...อาหารผัก จะทำให้ผู้บริโภคมีกำลังแข็งแรงโรคน้อย ดวงจิตสงบ ช่วยให้
ความกระหาย ในความอยาก ความโกรธ ความมัวเมา บรรเทาลงเป็นอันมาก
ที่มา..http://www.96rangjai.com
ใกล้ถึงเทศกาลกินเจแล้วต้นตุลาคมนี้พวกเราลองทานเจกันดูนะครับ troop1411 ตอบกลับเมื่อ 2013-9-28 00:07 static/image/common/back.gif
ใกล้ถึงเทศกาลกินเจแล้วต้นตุลาคมนี้พวกเราลองทานเจกั ...
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ครับ {:6_196:} ใครทานเจในเทศกาลก็ยินดีด้วยครับ ...สำหรับผมคงยาก ...{:6_190:} นี่ครับ เจแน่นอน ป้ายเหลืองๆด้วยแสดงว่าเจชัวร์
TATIE ตอบกลับเมื่อ 2013-10-4 11:43 static/image/common/back.gif
นี่ครับ เจแน่นอน ป้ายเหลืองๆด้วยแสดงว่าเจชัวร์
...
พี่ก๊าบมันคนละเจนั่มันเจยอดข้าวผิดศีลข้อห้า{:12_522:} http://picdb.thaimisc.com/t/trangsaksit/2870-7.jpg ขอบคุณครับ
{:6_200:}{:6_200:}{:6_200:}
หน้า:
[1]