ว่าน
นอกเหนือจากเคารพบูชาใน คุณพระว่าเป็นสรณะ ที่พึ่งอันสูง สุดแล้ว ชาวไทยเรานิยมแสวงหา เครื่องรางของขลังที่ทรงอิทธานุภาพ ศักดิ์สิทธิ์ในรูปแบบต่างๆ มาบูชา เป็นที่ยึดเหนี่ยวปกป้องคุ้มรองมาแต่ครั้งโบราณนานกาเลแล้ว ว่านและไม้มงคลหลายชนิดก็จัดอยู่ลักษณะหนึ่งที่ยังคงอยู่ในศรัทธา อย่างเหนียวแน่นมาถึงยุคปัจจุบันบางชนิดเชื่อกันว่าหากปลูกไว้ใน บ้านเรือนเคหสถานให้คุณทางเสน่ห์ เมตตามหานิยมทางโชคลาภ ค้าขาย แคล้วคลาดเป็นมหาอุด คงกระพัน ชาตรี ฯลฯ เป็นต้น
ด้วยความเชื่อนั้นครูบาอาจารย์ขมังเวท เชี่ยวชาญมหาอาคม สำเร็จ ไตรเพท รอบรู้ในศาสตร์เร้นลับ จึงได้แสวงหาว่านสรรพคุณเป็นเอกอุ มาเสกสรรปลุกเสกด้วยพลังเวทแห่งศาสตร์เร้นลับที่ตนชำนาญ ให้เกิด ความขลังความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นในทางที่ต้องการ บันดาลให้เกิดเป็น ความอัศจรรย์แก่คนทั้งหลาย! อาจเคี่ยว หุงปรุงเสกด้วยอาคม ให้กิน ให้อาบ หรือหามาหลายชนิด บดผงอย่างที่นิยมเรียกกันว่า ว่านมงคล 108 รวมสรรพคุณของว่าน ต่างๆซึ่งมีร้อยแปดพันประการเป็น มวลสารบรรจุในองค์พระ หรือปั้น เป็นลูกอมเครื่องรางรวมถึงสร้างเป็น พระเครื่อง พระผงพิมพ์ต่างๆ สุดแท้จะคิดสรรจัดทำไปตามความรู้ที่เชี่ยว ชาญชำนาญ ในฐานะผู้เรืองเวทเรือง เดชแต่สำหรับชาวบ้านธรรมดาๆ ที่ ไม่ได้แก่กล้าพระเวทเช่นท่านเหล่า นั้นหากไม่เช่าเครื่องรางสำเร็จรูปมา บูชา ก็มักจะสรรหาว่านต่างๆ พกพาติดตัวมาปลูกไว้ในบ้านบ้าง ซึ่งนอกจากสรรพคุณแห่งว่านจะคุ้มครองป้องกันและบันดาลความเป็น มงคลให้เกิดแก่ตน แก่บ้านและคนใน บ้านด้วยแล้วยังทำให้เกิดความเบิก บานและเพลิดเพลินได้ไม่น้อยแก่ผู้ที่ชอบปลูกพันธุ์ไม้ไว้ในบ้านอีกต่างหาก
งากำจัด
เป็นวัตถุอาถรรพ์ที่ได้ยินกันบ่อยๆแต่เป็นของที่หายากมากๆ งากำจัดนี้ หมายถึง งาช้างที่หักคาต้นไม้เป็นงาชองช้างตกมัน หรือช้างเกเร อารมณ์ร้ายและมีฤทธิ์เดชมากงาช้างที่แตกหักออกมาในขณะที่ช้างยังมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่เกิดได้ยาก โบราณท่านจึงถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธ์จะพบเห็นได้ต่อเมื่อช้างตกมันไล่อาละวาดแล้วเอางาแทงกับต้นไม้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวขณะกำลังตกมัน ส่วนบริเวณปลายงาจะหักคาอยู่กับต้นไม้..ซึ่งแต่ละชิ้นก็ไม่ใหญ่มากนัก...จะมีรุกขเทดารักษาไว้เพื่อมอบให้แก่ผู้มีบุญต้องทำพิธีจุดธูปบวงสรวงบอกกล่าวก่อนจึงจะสามารถแกะงาออกจากเปลือกไม้ได้....เชื่อกันว่ามันมีอิทธิฤทธิ์มีอำนาจที่จะป้องกันได้ในทุกทาง ส่วนใหญ่แล้วหากได้งาจำกัดมาคนก็มักจะนำไปให้อาจารย์ ที่มีวิชาอาคมขลัง แกะเป็นเครื่องรางของขลังหรือนำมาบดผสมทำวัตถุมงคลของพำนักเรามีอยู่ในวัตถุมงคล อยู่อย่างหนึ่งให้ทายเล่นๆกันนะคับ!!!!!! แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย touch-578 เมื่อ 2021-12-1 18:11
ตับเหล็ก
เป็นของกายสิทธิ์ที่โบราณจารย์ท่านกล่าวไว้ว่าเกิดขึ้นได้ทั้งในคนและสัตว์แต่ส่วนใหญ่แล้วของวิเศษชนิดนี้มักจะเกิดกับคนมากกว่าตับทองแดงในที่นี้หมายถึงตับของคนกลายเป็นหิน จะได้ก็ต่อเมื่อยามเผาศพและเก็บเถ้ากระดูก นั่นแหละมีความเชื่อว่าคนที่เกิดมามีตับทองแดง(ตับคนกลายเป็นหิน)ฆ่าไม่ตาย นอกจากตายเพราะหมดสิ้นอายุไขเองตามธรรมชาติเป็นของกายสิทธิ์ที่โบราณจารย์ท่านตีค่าไว้ควรเมืองเลยทีเดียวผู้ใดได้ครอบครองดุจดังได้แก้วสารพัดนึกทางภาคกลาง และทางภาคเหนือ เรียกว่าตับทองแดงเล่ากันว่าตับเหล็ก หรือตับทองแดงนี้ จะไม่ไหม้ไฟจะเหลือตับเหล็กไว้ให้ถือเป็นของขลังชนิดหนึ่ง...การดูว่าเป็นตับทองแดงต้องหาครูอาจารย์ฌานสูงสื่อถึงจักรพรรดิ์ที่อยู่ข้างในตับทองแดงแล้วถามท่านว่าชิ้นนี้เรียกว่าคตอะไรท่านจะบอกออกมา เราจะสัณนิษฐานเองไม่ได้ เพราะหินตามแม่น้ำมีลักษณะคล้ายคตเยอะนี่คือการเล่นที่ถูกต้อง เพราะคตไม่ได้หาง่ายต้องเป็นคนมีวิชาเฉพาะในการหาคตไม่ใช่เราเดินเข้าป่าไปหาคตเองได้ นี่คือการที่เราจะรู้ว่าคตที่เราได้มาแท้ไหม
เคงเป็นเหล็ก
เคงเป็นรังปลวกชนิดหนึ่ง อยู่ตามต้นไม้ เช่นต้นมะพร้าว ตัวเล็กกว่าปลวกธรรมดา ก้นสีเหลืองอ่อนใช้เลี้ยงนกคุ้มได้ดีจะด้วยสาเหตุใดบอกไม่ได้
เคงร้างหรือเคงที่ไม่มีตัวปลวก แล้วบางส่วนกลายเป็นเหล็ก ยังคงสภาพมีรูเล็ก ๆ
เป็นทางเดินของตัวปลวกอยู่แสนรังหรือล้านรังจะพบมีเคงเป็นเหล็กใช้เป็นเครื่องรางป้อง
กันศาสตราวุธต่าง ๆได้....
คด
ยอดคงกระพัน ในส่วนของพืช เครื่องรางของขลังที่มีผู้นิยมกันมากๆคือ คด มีลักษณะเหมือนหิน เช่นคดขนุน และคดมะพร้าว ที่มีผู้ต้องการมากคือ คดขนุนที่กลายเป็นหินซึ่งจะให้คุณทั้งด้านความคงกระพัน แคล้วคลาด และเมตตามหานิยมปัจจุบันมีผู้ทำของปลอมออกมาโดยเอาหิน เอากรวดสวยๆ มาเจียระไน ตบแต่งเป็นคดหลอกขายกัน....
ข้อมูลวัตถุมงคล....เนื้อโลหะพำนักติคญาโณ
นวโลหะ คือโลหะ ๙ ชนิด คือ
เหล็ก ๑
ปรอท ๑
ทองแดง ๑
เงิน ๑
ทองคำ ๑
เจ้า ๑ (เป็นคำตัดมาจาก “เจ้านํ้าเงิน” ว่า เป็นธาตุชนิดหนึ่งคือทังสเตน)
สังกะสี ๑
ชิน ๑
บริสุทธิ์ ๑ (คือตะกั่ว).
(บริสุทธิ์ (บอริสุด) น. แร่ชนิดหนึ่ง คือตะกั่วที่ใช้ผสมเป็นนวโลหะ.)
เบญจโลหะ คือ โลหะ ๕ ชนิด คือ
เหล็ก ๑
ปรอท ๑
ทองแดง ๑
เงิน ๑
ทองคำ ๑
ถ้าเติมอีก ๒ ชนิด คือ
เจ้า ๑ (เป็นคำตัดมาจาก “เจ้าน้ำเงิน” ว่าเป็นแร่ชนิดหนึ่งสีเขียวเป็นสีน้ำเงิน)
สังกะสี ๑
เรียกว่า สัตโลหะ
ถ้าเติมอีก ๒ ชนิด คือ
ชิน ๑
บริสุทธิ์ ๑ (คือ ทองแดงบริสุทธิ์) เรียกว่า นวโลหะ (ตำราสร้างพระพุทธรูป)
สัตโลหะ (สัดตะ-) คือ โลหะ ๗ ชนิด คือ
เหล็ก ๑
ปรอท ๑
ทองแดง ๑
เงิน ๑
ทองคำ ๑
เพียงนี้เรียกว่า เบญจโลหะ
ถ้าเติมอีก ๒ ชนิด คือ
เจ้า ๑ (เป็นคำตัดมาจาก “เจ้าน้ำเงิน” ว่า เป็นแร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวเป็นสีน้ำเงิน)
สังกะสี ๑
เรียกว่า สัตโลหะ
ถ้าเติมอีก ๒ ชนิด คือ
ชิน ๑
บริสุทธิ์ ๑ (คือทองแดงบริสุทธิ์) เรียกว่า นวโลหะ.
.............
ขอขอบคุณ...ข้อมูลดีๆจาก อ.สรายุทธ และ เวปฯบ้านจอมพระ
หน้า:
1
[2]