Sornpraram โพสต์ 2017-12-26 07:57

อาศัยความเกลียดในการทำร้ายคนอื่น

เกี่ยวดองเลยพลอยซวย

http://dungtrin.com/blog/files/marked-120116.jpg

คนบางคน
ไม่อยากบอกใครว่านามสกุลอะไร
เนื่องจากบอกไปแล้วถูกมองหน้า
ด้วยสายตาไม่เป็นมิตรทันที
ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย
แต่คนในตระกูลดันทำเรื่องเหม็นเน่า
โดยไม่สนใจว่าวงศ์ตระกูล
จะพลอยแปดเปื้อนทั่วประเทศเพียงใด

บางประเทศที่นับถือพระเจ้าเหมือนกัน
แต่ศาสนาของแต่ละกลุ่มแต่ละเหล่า
สอนเรื่องพระเจ้าต่างกัน
ก็กลายเป็นชนวนเหตุให้ฆ่ากัน
ราวกับคิดว่าถ้าอีกฝ่ายตาย
ก็คงเหลือพระเจ้าของตนเพียงองค์เดียวได้

เพียงสีผิวต่างกัน
หน้าตาแลดูเป็นคนละเผ่าพันธุ์กัน
พ่อแม่บางบ้านก็สอนลูกหลานให้รังเกียจได้
หรือถึงไม่มีใครสอน ก็รังเกียจเองไม่ยาก
ในเมื่อความรู้สึกเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ
เป็นสิ่งฝังรากอยู่ในรูขุมขนของคนเราอยู่แล้ว

ล่าสุดสหรัฐอเมริกา
ต้นแบบจิตวิญญาณประชาธิปไตย
มีการรุมกระทืบคนเลือกทรัมป์
คือ เกลียดทรัมป์ ทำอะไรทรัมป์ไม่ได้
เลยจัดการกับคนที่มีส่วนช่วยทรัมป์
ให้กลายเป็นประธานาธิบดีของอเมริกา

คนคนหนึ่ง
อาจตกอยู่ในวงล้อมของความเกลียด
โดยไม่จำเป็นต้องทำผิดเอง
ขอเพียงมีความเกี่ยวดอง
กับเครื่องหมายของความเกลียดที่ชัดพอ

การตกอยู่ในวงล้อมของความเกลียด
การถูกความเกลียดทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ
ล้วนสะท้อนให้เห็นว่าเคยเป็นฝ่ายกระทำ
เคยอาศัยความเกลียดในการทำร้ายคนอื่น
ผ่านสัญชาตญาณแบ่งพวก

สัญชาตญาณเป็นของดิบ
ยิ่งก่อกรรมตามสัญชาตญาณมาก
ก็ยิ่งรับผลกรรมแบบไม่สมเหตุสมผลง่าย
หากพบว่าตัวเอง ‘พลอยซวย’
เจอความไม่เป็นธรรมจากการแบ่งหมู่เหล่า
ก็อาจเป็นโอกาสดีให้ทบทวนดูว่า
เรายังมีเชื้อแห่งความเกลียดแบบเหมารวมแค่ไหน
ถ้าตอบตัวเองตามตรงว่ายังมี
ก็น่าคิดไหมว่าวันหนึ่งจะต้องไปรับ
ผลแห่งความเกลียดเหมารวมประเภทใด
เครื่องหมายการรับผลความเกลียด
ตกอยู่กับชื่อตระกูล เชื้อชาติ ศาสนา
หรือการเมืองชนิดไหน?

ที่สุดของความเกี่ยวดอง
ก็คือความเกี่ยวดองกับกรรม
ที่ตนเลือกทำกับคนอื่นอยู่นั่นแหละ!


http://dungtrin.com/blog/files/category-0e010e230e230e210e270e340e1a0e320e01.html

Sornpraram โพสต์ 2017-12-26 08:00


http://dungtrin.com/blog/files/marked-111716.jpg

พอพูดถึงกรรมหมู่
ส่วนใหญ่มักนึกถึงแต่อะไรลบๆ
เช่น การรุมประชาทัณฑ์ เป็นต้น
หรืออย่างผลแห่งกรรมหมู่
ก็เช่น การตายพร้อมกันยกรถ
อะไรทำนองนั้น

แท้จริงแล้ว การรุมประชาทัณฑ์
เป็นเพียงกรรมหมู่ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นยาก
และการตายพร้อมกันยกรถ
ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผลของกรรมหมู่
ที่เคยไปลอบฆ่าใครมาด้วยกัน




Sornpraram โพสต์ 2017-12-26 08:04

กรรมหมู่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน
มีความเห็นพ้องต้องกันเป็นชนวน
หากพร้อมใจกันคิด
เรียกว่ามโนกรรมหมู่
หากพร้อมใจกันพูด
เรียกว่าวจีกรรมหมู่
หากพร้อมใจกันทำ
เรียกว่ากายกรรมหมู่

หากคนสองสามคน คิด พูด ทำ
ในทางเดียวกัน เสริมกัน ผูกโยงกันบ่อยๆ
ผลก็คือเกิดสายใยในกลุ่มเล็ก
ถักทอเส้นทางให้ได้ไปเจอกัน เสวยผลร่วมกัน
ในแบบที่เป็นครอบครัว เป็นกลุ่มเพื่อน
เป็นแก๊งโจร เป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ฯลฯ
เช่น ชาตินี้คุยกันถูกคอ มีน้ำใจช่วยเหลือกันบ่อยๆ
เกิดใหม่เจอหน้ากันก็ถูกชะตา
นึกอยากเป็นเพื่อนกันอีก คุยกันถูกคออีก
และมีเหตุให้เกื้อกูลกันไปเกื้อกูลกันมาอีก
หรือถ้าชาตินี้ช่วยกันสงเคราะห์คนจำนวนมาก
เกิดใหม่เจอกันก็อาจพอดีจังหวะ
ได้ร่วมงานที่เกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก
ถ้าทำธุรกิจด้วยกัน
ก็มีการตอบรับจากคนจำนวนมาก
ถ้าถึงคราวลำบากด้วยกัน
ก็ได้รับความช่วยเหลือจากคนจำนวนมาก เป็นต้น

หากเป็นสเกลที่ใหญ่ขึ้น
มีผู้คนหลักแสนหลักล้าน ที่คิด พูด ทำ
ในทางเดียวกัน เสริมกัน ผูกโยงกันบ่อยๆ
ผลคือเกิดเครือข่ายกรรมขนาดมหึมา
กำหนดแดนเกิดให้ได้เสวยผลร่วมกัน
ในแบบที่เป็นเผ่าพันธุ์ เป็นเมือง
เป็นประเทศ หรือกระทั่งเป็นโลกแบบหนึ่งๆ
เช่นตัวอย่างที่ประชาชนในรัชกาลที่ ๙ เห็นง่ายหน่อย
ก็ได้แก่การเอ่ย ‘ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป’
เมื่อคนนับสิบล้านมีใจคิดเช่นนั้นจริงๆ แล้วเปล่งวาจา
ก็เกิดเป็นมโนกรรม วจีกรรม กายกรรมร่วมกัน
มีผลให้ผูกพันกันแบบไม่ต้องรู้จักมักจี่
ไปเกิดใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรของพ่อหลวงด้วยกันอีก เป็นต้น

เมื่อเข้าใจภาพรวมคร่าวๆของกรรมหมู่เช่นนั้น
คุณจะพอสำรวจปัจจุบันของตนเอง
เห็นกรรมของตนเอง
รู้จักกรรมของตนเองง่ายขึ้น

เคยไหม?
ตอนแรกรู้สึกเฉยๆกับใครอยู่
แต่เห็นคนโน้นก็ติ คนนี้ก็ว่า
เลยทนไม่ไหว พลอยเกิดอารมณ์คล้อยตาม
นึกอยากด่าไปด้วย ทั้งที่เขาไม่เคยทำอะไรให้
แถมไม่ได้เคยเห็นเรื่องไม่ดีของเขากับตาตัวเองสักครั้ง



Sornpraram โพสต์ 2017-12-26 08:04

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Sornpraram เมื่อ 2017-12-26 08:05

แล้วเคยไหม?
ตอนแรกขี้เกียจๆ
แต่พอต้องไปทำงานภายใต้บรรยากาศไฟแรง
ทุกคนขยันขันแข็ง มีวินัย จ้องนาฬิกากันเอาเป็นเอาตาย
ในที่สุดก็คึกคัก ความขี้เกียจหายไป
กลายเป็นคนเอางานเอาการตามคนอื่นได้

ถามตัวเองง่ายๆว่า มีอะไรบ้าง
เดิมไม่ได้คิด เดิมไม่ได้พูด เดิมไม่ได้ทำ
แล้วกลายเป็นคิด กลายเป็นพูด กลายเป็นทำ
ตามๆกระแสที่เชี่ยวกรากของสังคมรอบข้าง
นั่นแหละ! เดิมสิ่งนั้นไม่ใช่กรรมของคุณ
แต่เมื่อถูกกรรมของคนหมู่มากกลืนไป
ในที่สุดก็กลายเป็นกรรมใหม่ของคุณด้วย

กรรมหมู่ ทำด้วยกัน
แต่ไม่จำเป็นต้องรับผลพร้อมกัน
เช่น รุมกระทืบคนคนหนึ่งตายด้วยกัน
ไม่จำเป็นต้องกลับมาเกิดใหม่
เพื่อถูกคนคนนั้นกระทืบกลับจนตายด้วยกัน
ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปรับผล
กล่าวคือ เมื่อถึงเวลาที่กรรมในการกระทืบเผล็ดผล
บางคนอาจถูกบี้บดในนรก
บางคนอาจถูกบี้บดในร่างหมาแมวมดปลวก
บางคนอาจถูกบี้บดในสภาพมนุษย์ถูกลงทัณฑ์
ขึ้นอยู่กับว่า น้ำหนักบุญบาปโดยรวมของคนคนนั้น
เปิดช่องให้ได้รับผลแบบไหน

กรรมหมู่ที่มักได้รับผลร่วมกัน
ต้องมีสายสัมพันธ์บางอย่างเชื่อมกันอยู่
เช่น คู่รัก ทำกรรมคู่
ทำกรรมทั้งแบบที่เคยรัก เคยเกลียด
เคยชม เคยด่า เคยอวยพร เคยสาปแช่ง
เสริมกันไป สวนกันมา
เช่นนี้แล้ว ในที่สุดจะรักกันจนขอร่วมทางไปทุกภพ
หรือโกรธกันจนไม่อยากพบไปทุกชาติ
อย่างไรกรรมคู่ก็ไม่สนคำขอ
อย่างไรกรรมคู่ที่ทำร่วมกันมาก็ลบทิ้งไม่ได้
เมื่อถึงเวลาให้ผล อย่างไรก็ต้องโดนจับเหวี่ยงมาเจอกันอีก
เจอบทเรียนให้ต้องแก้ร่วมกันอีก
หรือซ้ำเติมให้ของเดิมหนักเข้าไปอีกวันยังค่ำ

ผู้รู้ตัวว่าอยู่ในเกมกรรม
ผู้ไม่ประมาท สำรวจตัวว่าเข้าไปมีเอี่ยวในกรรมหมู่แบบไหน
ผู้มีสติ กำหนดเส้นทางกรรมขาวให้ตนเองแน่ชัด
เป็นส่วนน้อยของผู้มีสิทธิ์รอดจากทุกข์
อันเกิดจากความไม่รู้ว่า
จะเต็มใจทำกรรมเองก็ดี
หรือจะคล้อยตามกรรมหมู่มากก็ดี
เมื่อกรรมสำเร็จแล้ว อย่างไรก็ต้องรับผลวันยังค่ำ
ไม่ช้าก็เร็ว!




http://dungtrin.com/blog/files/category-0e010e230e230e210e270e340e1a0e320e01.html

หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: อาศัยความเกลียดในการทำร้ายคนอื่น